Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 983 รู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร?
”คุณคือหวังเฉิน?”ชูฮันเดินเข้ามาพร้อมรัศมีอำนาจที่แผ่มาเต็มที่ ไม่สนใจสถานะตัวตนของหวังเฉินที่อยู่ต่อหน้าตัวเองเลย เขาเพียงกวาดสายตามองรอบห้อง เดินไปที่เก้าอี้ที่เห็นและนั่งลงยกขาขึ้นมาไขว่ห้าง
หวังเฉินที่เห็นภาพทุกกระบวนการได้แต่ตะลึงมองชูฮันด้วยสายตาอึ้งๆ ความโกรธพุ่งทะลักจนเลือดพล่าน “คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?!”
แม้แต่ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงยังไม่กล้าทำตัวแบบนี้ต่อหน้าเขาเลยแล้วนี่ชูฮันกำลังทำอะไร?
”รู้ลูกน้องฉันบอกแล้วว่าคุณคือหวังเฉิน ตัวแทนจากซางจิง” ชูฮันตอบคำถามของหวังเฉินทันที
”ตัวแทน?!”หวังเฉินตาโตเอ่ยทวนคำบอกเล่าของชูฮันอย่างไม่อยากเชื่อหู การไม่แยแสของชูฮันนั้นทำให้หวังเฉินพูดไม่ออกในขณะเดียวกันก็แอบรู้สึกอาย…ชูฮันไม่รู้จักตัวตนของเขาเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะสนใจจะค้นหาด้วย เหมือนกับเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยที่นี้?
ในตอนนั้นเองชูฮันก็ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์และไม่เปิดโอกาสให้หวังเฉินได้พูดอะไรทั้งนั้น”เอาล่ะคุณตัวแทนจากซางจิง ฉันจะไม่ลงโทษที่คุณเข้ามาขัดการพักผ่อนของฉัน แต่การที่จู่ๆคุณก็บุกเข้ามาในค่ายรบของฉันโดยไม่รอแจ้งล่วงหน้าและรอคำอนุญาตก่อนแบบนี้ คิดว่าฉันควรทำยังไงกับคุณดี?”
”อะไรอะไรน่ะ?!” หวังเฉินตกใจอย่างมาก ไม่อยากเชื่อว่าชูฮันจะพูดแบบนี้กับตัวเอง?
อะไรคือตัวแทนจากซางจิง?อะไรคือการขัดการพักผ่อนของชูฮัน? แล้วอะไรคือบุกเข้ามาในค่ายรบ?
ทั้งๆที่สถานะและอำนาจของเขาเหนือกว่าชูฮันแต่ทำไมชูฮันถึงทำตัวข่มเขาและขีดเส้นแบ่งแยกเขาไว้ที่ระดับด้อยกว่าแบบนี้?
”กล้าดียังไงพูดกับฉันแบบนี้?รู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร?!” หวังเฉินเดือดจัดและเริ่มตะคอกใส่ชูฮัน
ชูฮันขมวดคิ้วและเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา”ฉันตอบคำถามนั้นไปแล้ว ลูกน้องของฉันบอกว่าคุณคือหวังเฉินจากซางจิงถูกต้องมั้ย? แค่นี้ยังไม่พออีก! หรือคุณมีตำแหน่งพิเศษอะไรรึไง?”
เมื่อได้ยินคำพูดของชูฮันหวังเฉินก็ทั้งประหลาดใจและไม่พอใจสุดๆ
เบื้องหลังของหวังเฉินที่มีตระกูลลึกลับสนับสนุนอยู่แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่สามารถเอามาพูดอย่างโจ่งแจ้งได้ ถึงแม้ทั้งซางจิงจะกลัวและไม่กล้าทำตัวเป็นศัตรูกับตระกูลลึกลับก็จริงแต่ไม่มีการนำเรื่องนี้ออกมาพูดกันตรงๆเลยสักครั้ง
เมื่อชูฮันถามออกมาแบบนี้หวังเฉินจึงพูดอะไรไม่ออกเพราะเขาไม่สามารถพูดออกมาตรงๆได้ แววตาร้ายกาจและสะใจของชูฮันมองไปยังหวังเฉินที่ดูอึ้งและหงุดหงิด…เขาไม่เคยรู้จักกับคนชื่อหวังเฉินในชาติที่แล้วแต่ว่าเขาจำได้ว่าเขาเคยได้ยินชื่อนี้ในซางจิงมาเหมือนกัน
การมีอำนาจในมือขึ้นมากระทันหันของหวังเฉินนั้นจะต้องมีเหตุผลเชื่อมโยงบางอย่างชูฮันที่รู้รูปแบบของสิ่งที่จะดำเนินต่อไปในอนาคต สามารถเดาออกได้ง่ายๆเลยว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของหวังเฉินจะต้องเป็นตระกูลลึกลับอย่างแน่นอน
แต่เป็นตระกูลไหนเรื่องนั้นยังอาจรู้แน่ชัดเนื่องจากมันยังมีข้อจำกัดจากการที่ตระกูลลึกลับมักจะทำเก็บตัว พวกนี้จะไม่ทำตัวให้โดดเด่นและมักทำตัวลึกลับอยู่เสมอ
สาเหตุที่เจาะจงนั้นชูฮันยังไม่แน่ใจแต่ที่เขารู้คือความสัมพันธ์ของแต่ละตระกูลนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้มันเกิดวิบัติขึ้นที่มีทั้งซอมบี้ ทั้งลูกผสม ทั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มุ่งโจมตีเอาชีวิตของมนุษยชาติละก็ไม่มีทางที่ทั้งสี่ตระกูลลึกลับในจีนจะร่วมมือกันแน่นอน
แต่ละตระกูลนั้นต่างเป็นศัตรูของกันละกันพวกเขาแก่งแย่งชิงดีชิงอำนาจกันมาเสมอ หากก็ร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อนข้างสับสนและยุ่งเหยิงมากพอสมควร
มันเป็นความสัมพันธ์ที่ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์จากกันและกัน
และคนที่ถูกตระกูลลึกลับส่งมาเป็นหนังหน้าคอยทำงานและออกหน้าแทน…มีหรือจะกล้าเปิดเผยตัวตนของตระกูลลึกลับ?
คนอื่นๆในซางจิงเองก็พอจะเดาได้ว่าหวังเฉินคงจะเป็นคนของตระกูลลึกลับที่มีหน้าที่รับใช้ตามคำสั่งหากมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเดาได้ว่าเป็นตระกูลไหนกันแน่ และมันก็ยังมีคนอื่นๆที่ทำงานให้ตระกูลลึกลับเองก็เหมือนกัน คนพวกนี้จะต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายคือมิตรหรือศัตรู บางคนอาจจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำว่าทำงานให้ตระกูลเดียวกันโดยที่ไม่รู้
นี้ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่คนพวกนี้ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนและไม่กล้าที่จะปล่อยให้ใครล่วงรู้ความจริงได้เพราะพวกเขามีตัวอย่างของเหย่จือโปให้เห็นแล้ว
ทุกอย่างต้องเป็นความลับ!
ดังนั้นเมื่อคำพูดของชูฮันเปรียบเสมือนฆ้อนที่ตอกเข้าหน้าหวังเฉินอย่างจังหวังเฉินจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้
เพราะไม่ว่าอย่างไรเรื่องที่เขาทำงานให้ตระกูลไหนคือความลับที่สำคัญที่สุดที่เขาต้องรักษาเอาไว้ถ้าศัตรูล่วงรู้ขึ้นมาเมื่อไหร่ มันก็จะหมายถึงจุดจบชีวิตของเขาด้วยเช่นกัน!
หลังจากความเงียบพักใหญ่จนเริ่มมีเหงื่อผุดซึมขึ้นมาเต็มหน้าผากของหวังเฉินแผ่นหลังเริ่มเปียกชุ่ม…หวังเฉินค้นพบว่าการเผชิญหน้ากับชูฮันนั้น ตัวเขาไม่มีข้อได้เปรียบอะไรเลย ถ้าปล่อยให้สถานการณ์แบบนี้ดำเนินต่อไป อาจจะพ่ายแพ้และเผลอคายความจริงออกไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้
อย่างไรก็ตามชูฮันไม่ทำให้หวังเฉินผิดหวัง หลังจากความเงียบพักใหญ่ผ่านไป ชูฮันก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกว่าเขาหมดความอดทน “มันเป็นความผิดทางอาญาครั้งใหญ่ในการลักลอบเข้ามาในค่ายรบ โทษหนักสุดคือประหารชีวิตและโทษเบาสุดคือโดนเฆี่ยน”
หวังเฉินที่ได้ยินทั้งตกใจและพูดไม่ออกเขาได้แต่มองชูฮันด้วยแววตาสยองๆ…หมายความว่ายังไง?
โดยไม่คำนึงอารมณ์ของหวังเฉินที่ส่งมาผ่านสีหน้าและแววตาชูฮันพูดต่อทันทีอย่างเย็นชา “เนื่องจากว่านี้เป็นครั้งแรกที่คุณกระทำความผิดและเพราะซางจิงส่งคุณเพื่อส่งข่าว เพราะฉะนั้นฉันจะยังไม่ลงโทษคุณในครั้งนี้ แต่ถ้าข้อมูลที่คุณนำมามอบให้ฉันมันไร้สาระละก็ เราจะได้รู้กัน”
”เฮือก!!!” หวังเฉินคอแทบบิดเขาตะลึงกับคำพูดของชูฮันอย่างมาก!
หลิวยู่ติงที่อยู่ข้างๆยืนนิ่งแผ่รังสีอำนาจออกมาเพื่อกดดันหวังเฉินหากในใจกลับรู้สึกสะใจอย่างมากที่หัวหน้าเดินเข้ามาและข่มใส่หวังเฉินจนอีกฝ่ายหงอ แถมยังสั่งโทษประหารในเวลาไม่ถึงนาทีจนตอนนี้หวังเฉินกลัวจนพูดไม่ออกไปแล้ว
”มีสอง—สองข้อ”หวังเฉินที่กำลังกลัวชูฮันเอ่ยออกมาเสียงตะกุกตะกัก
ที่นี้ไม่ใช่ซางจิงไม่ใช่ที่ที่มีคนมากมายหวาดกลัวเขา ไม่ใช่ที่ที่มีแต่คนมีอำนาจระดับสูงคอยสนับสนุนและเชื่อฟังเขา หากที่นี้คือที่ที่มีชูฮันเป็นศูนย์กลางมีแต่กลุ่มทหารที่รับคำสั่งราวกับหุ่นยนต์ แววตามีความซื่อสัตย์และเทิดทูนต่อชูฮัน หวังเฉินเชื่อว่าแม้แต่ตระกูลลึกลับชูฮันและทั้งเขี้ยวหมาป่าก็ไม่กลัวที่ต้องเผชิญหน้า
ชูฮันพยักหน้ารับอย่างเกือบจะหมดความอดทนเมื่อเห็นหวังเฉินยังไม่ปริปากพูดอะไรสักที
หวังเฉินหลังจากรวมรวบความกล้าปัดความกลัวที่มีต่อชูฮันออกไปได้ในที่สุดก็รีบพูดทันทีไม่ให้เสียเวลา “ข้อแรกคือมีคนของสถาบันวิจัยในซางจิงหายตัวไป เนื่องจากครั้งล่าสุดที่มีเฮลิคอปเตอร์บินออกจากซางจิงคือครั้งที่เราส่งเฮลิคอปเตอร์ขนเสบียงช่วยเหลือมาที่นี้ ดังนั้นฉันอยากจะถามว่ามีใครหนีมาหาคุณที่นี้หรือเปล่า?”
ชูฮันนิ่วหน้า”ที่นีไม่ใช่ที่หลบภัย!”
”ใช่ใช่ ฉันรู้ ฉันรู้” หวังเฉินกระวนกระวายจนเหงื่อตก เขาคิดว่ามันพอแล้วสำหรับการสำรวจหาข้อมูลของเขี้ยวหมาป่า “อีกอย่างคือ พลเอกชูฮันได้ยินเรื่องของค่ายจินหยางบ้างมั้ย?”
ชูฮันเลิกคิ้วขึ้นแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง”จินหยาง ที่เป็นค่ายของสองพ่อลูกชั่วนั้น?”
”คุณไม่รู้จริงเหรอ?”หวังเฉินที่เคยชินกับการกดดันผู้บัญชาการมู๋ลืมตัวและนำวิธีเดิมมาใช้กับชูฮัน ชูฮันแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจและใส่อารมณ์กับหวังเฉิน”แล้วฉันควรรู้อะไร? ทำไม หลังจากไอ้จงไคมันได้เป็นพลเอก ไอ้แก่จงคุยมันร้อนใจจนช็อคตายรึไง?”
หวังเฉินที่เห็นภาพทุกกระบวนการได้แต่ตะลึงมองชูฮันด้วยสายตาอึ้งๆ ความโกรธพุ่งทะลักจนเลือดพล่าน “คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?!”
แม้แต่ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงยังไม่กล้าทำตัวแบบนี้ต่อหน้าเขาเลยแล้วนี่ชูฮันกำลังทำอะไร?
”รู้ลูกน้องฉันบอกแล้วว่าคุณคือหวังเฉิน ตัวแทนจากซางจิง” ชูฮันตอบคำถามของหวังเฉินทันที
”ตัวแทน?!”หวังเฉินตาโตเอ่ยทวนคำบอกเล่าของชูฮันอย่างไม่อยากเชื่อหู การไม่แยแสของชูฮันนั้นทำให้หวังเฉินพูดไม่ออกในขณะเดียวกันก็แอบรู้สึกอาย…ชูฮันไม่รู้จักตัวตนของเขาเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะสนใจจะค้นหาด้วย เหมือนกับเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยที่นี้?
ในตอนนั้นเองชูฮันก็ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์และไม่เปิดโอกาสให้หวังเฉินได้พูดอะไรทั้งนั้น”เอาล่ะคุณตัวแทนจากซางจิง ฉันจะไม่ลงโทษที่คุณเข้ามาขัดการพักผ่อนของฉัน แต่การที่จู่ๆคุณก็บุกเข้ามาในค่ายรบของฉันโดยไม่รอแจ้งล่วงหน้าและรอคำอนุญาตก่อนแบบนี้ คิดว่าฉันควรทำยังไงกับคุณดี?”
”อะไรอะไรน่ะ?!” หวังเฉินตกใจอย่างมาก ไม่อยากเชื่อว่าชูฮันจะพูดแบบนี้กับตัวเอง?
อะไรคือตัวแทนจากซางจิง?อะไรคือการขัดการพักผ่อนของชูฮัน? แล้วอะไรคือบุกเข้ามาในค่ายรบ?
ทั้งๆที่สถานะและอำนาจของเขาเหนือกว่าชูฮันแต่ทำไมชูฮันถึงทำตัวข่มเขาและขีดเส้นแบ่งแยกเขาไว้ที่ระดับด้อยกว่าแบบนี้?
”กล้าดียังไงพูดกับฉันแบบนี้?รู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร?!” หวังเฉินเดือดจัดและเริ่มตะคอกใส่ชูฮัน
ชูฮันขมวดคิ้วและเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา”ฉันตอบคำถามนั้นไปแล้ว ลูกน้องของฉันบอกว่าคุณคือหวังเฉินจากซางจิงถูกต้องมั้ย? แค่นี้ยังไม่พออีก! หรือคุณมีตำแหน่งพิเศษอะไรรึไง?”
เมื่อได้ยินคำพูดของชูฮันหวังเฉินก็ทั้งประหลาดใจและไม่พอใจสุดๆ
เบื้องหลังของหวังเฉินที่มีตระกูลลึกลับสนับสนุนอยู่แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่สามารถเอามาพูดอย่างโจ่งแจ้งได้ ถึงแม้ทั้งซางจิงจะกลัวและไม่กล้าทำตัวเป็นศัตรูกับตระกูลลึกลับก็จริงแต่ไม่มีการนำเรื่องนี้ออกมาพูดกันตรงๆเลยสักครั้ง
เมื่อชูฮันถามออกมาแบบนี้หวังเฉินจึงพูดอะไรไม่ออกเพราะเขาไม่สามารถพูดออกมาตรงๆได้ แววตาร้ายกาจและสะใจของชูฮันมองไปยังหวังเฉินที่ดูอึ้งและหงุดหงิด…เขาไม่เคยรู้จักกับคนชื่อหวังเฉินในชาติที่แล้วแต่ว่าเขาจำได้ว่าเขาเคยได้ยินชื่อนี้ในซางจิงมาเหมือนกัน
การมีอำนาจในมือขึ้นมากระทันหันของหวังเฉินนั้นจะต้องมีเหตุผลเชื่อมโยงบางอย่างชูฮันที่รู้รูปแบบของสิ่งที่จะดำเนินต่อไปในอนาคต สามารถเดาออกได้ง่ายๆเลยว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของหวังเฉินจะต้องเป็นตระกูลลึกลับอย่างแน่นอน
แต่เป็นตระกูลไหนเรื่องนั้นยังอาจรู้แน่ชัดเนื่องจากมันยังมีข้อจำกัดจากการที่ตระกูลลึกลับมักจะทำเก็บตัว พวกนี้จะไม่ทำตัวให้โดดเด่นและมักทำตัวลึกลับอยู่เสมอ
สาเหตุที่เจาะจงนั้นชูฮันยังไม่แน่ใจแต่ที่เขารู้คือความสัมพันธ์ของแต่ละตระกูลนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้มันเกิดวิบัติขึ้นที่มีทั้งซอมบี้ ทั้งลูกผสม ทั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มุ่งโจมตีเอาชีวิตของมนุษยชาติละก็ไม่มีทางที่ทั้งสี่ตระกูลลึกลับในจีนจะร่วมมือกันแน่นอน
แต่ละตระกูลนั้นต่างเป็นศัตรูของกันละกันพวกเขาแก่งแย่งชิงดีชิงอำนาจกันมาเสมอ หากก็ร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อนข้างสับสนและยุ่งเหยิงมากพอสมควร
มันเป็นความสัมพันธ์ที่ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์จากกันและกัน
และคนที่ถูกตระกูลลึกลับส่งมาเป็นหนังหน้าคอยทำงานและออกหน้าแทน…มีหรือจะกล้าเปิดเผยตัวตนของตระกูลลึกลับ?
คนอื่นๆในซางจิงเองก็พอจะเดาได้ว่าหวังเฉินคงจะเป็นคนของตระกูลลึกลับที่มีหน้าที่รับใช้ตามคำสั่งหากมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเดาได้ว่าเป็นตระกูลไหนกันแน่ และมันก็ยังมีคนอื่นๆที่ทำงานให้ตระกูลลึกลับเองก็เหมือนกัน คนพวกนี้จะต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายคือมิตรหรือศัตรู บางคนอาจจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำว่าทำงานให้ตระกูลเดียวกันโดยที่ไม่รู้
นี้ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่คนพวกนี้ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนและไม่กล้าที่จะปล่อยให้ใครล่วงรู้ความจริงได้เพราะพวกเขามีตัวอย่างของเหย่จือโปให้เห็นแล้ว
ทุกอย่างต้องเป็นความลับ!
ดังนั้นเมื่อคำพูดของชูฮันเปรียบเสมือนฆ้อนที่ตอกเข้าหน้าหวังเฉินอย่างจังหวังเฉินจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้
เพราะไม่ว่าอย่างไรเรื่องที่เขาทำงานให้ตระกูลไหนคือความลับที่สำคัญที่สุดที่เขาต้องรักษาเอาไว้ถ้าศัตรูล่วงรู้ขึ้นมาเมื่อไหร่ มันก็จะหมายถึงจุดจบชีวิตของเขาด้วยเช่นกัน!
หลังจากความเงียบพักใหญ่จนเริ่มมีเหงื่อผุดซึมขึ้นมาเต็มหน้าผากของหวังเฉินแผ่นหลังเริ่มเปียกชุ่ม…หวังเฉินค้นพบว่าการเผชิญหน้ากับชูฮันนั้น ตัวเขาไม่มีข้อได้เปรียบอะไรเลย ถ้าปล่อยให้สถานการณ์แบบนี้ดำเนินต่อไป อาจจะพ่ายแพ้และเผลอคายความจริงออกไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้
อย่างไรก็ตามชูฮันไม่ทำให้หวังเฉินผิดหวัง หลังจากความเงียบพักใหญ่ผ่านไป ชูฮันก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกว่าเขาหมดความอดทน “มันเป็นความผิดทางอาญาครั้งใหญ่ในการลักลอบเข้ามาในค่ายรบ โทษหนักสุดคือประหารชีวิตและโทษเบาสุดคือโดนเฆี่ยน”
หวังเฉินที่ได้ยินทั้งตกใจและพูดไม่ออกเขาได้แต่มองชูฮันด้วยแววตาสยองๆ…หมายความว่ายังไง?
โดยไม่คำนึงอารมณ์ของหวังเฉินที่ส่งมาผ่านสีหน้าและแววตาชูฮันพูดต่อทันทีอย่างเย็นชา “เนื่องจากว่านี้เป็นครั้งแรกที่คุณกระทำความผิดและเพราะซางจิงส่งคุณเพื่อส่งข่าว เพราะฉะนั้นฉันจะยังไม่ลงโทษคุณในครั้งนี้ แต่ถ้าข้อมูลที่คุณนำมามอบให้ฉันมันไร้สาระละก็ เราจะได้รู้กัน”
”เฮือก!!!” หวังเฉินคอแทบบิดเขาตะลึงกับคำพูดของชูฮันอย่างมาก!
หลิวยู่ติงที่อยู่ข้างๆยืนนิ่งแผ่รังสีอำนาจออกมาเพื่อกดดันหวังเฉินหากในใจกลับรู้สึกสะใจอย่างมากที่หัวหน้าเดินเข้ามาและข่มใส่หวังเฉินจนอีกฝ่ายหงอ แถมยังสั่งโทษประหารในเวลาไม่ถึงนาทีจนตอนนี้หวังเฉินกลัวจนพูดไม่ออกไปแล้ว
”มีสอง—สองข้อ”หวังเฉินที่กำลังกลัวชูฮันเอ่ยออกมาเสียงตะกุกตะกัก
ที่นี้ไม่ใช่ซางจิงไม่ใช่ที่ที่มีคนมากมายหวาดกลัวเขา ไม่ใช่ที่ที่มีแต่คนมีอำนาจระดับสูงคอยสนับสนุนและเชื่อฟังเขา หากที่นี้คือที่ที่มีชูฮันเป็นศูนย์กลางมีแต่กลุ่มทหารที่รับคำสั่งราวกับหุ่นยนต์ แววตามีความซื่อสัตย์และเทิดทูนต่อชูฮัน หวังเฉินเชื่อว่าแม้แต่ตระกูลลึกลับชูฮันและทั้งเขี้ยวหมาป่าก็ไม่กลัวที่ต้องเผชิญหน้า
ชูฮันพยักหน้ารับอย่างเกือบจะหมดความอดทนเมื่อเห็นหวังเฉินยังไม่ปริปากพูดอะไรสักที
หวังเฉินหลังจากรวมรวบความกล้าปัดความกลัวที่มีต่อชูฮันออกไปได้ในที่สุดก็รีบพูดทันทีไม่ให้เสียเวลา “ข้อแรกคือมีคนของสถาบันวิจัยในซางจิงหายตัวไป เนื่องจากครั้งล่าสุดที่มีเฮลิคอปเตอร์บินออกจากซางจิงคือครั้งที่เราส่งเฮลิคอปเตอร์ขนเสบียงช่วยเหลือมาที่นี้ ดังนั้นฉันอยากจะถามว่ามีใครหนีมาหาคุณที่นี้หรือเปล่า?”
ชูฮันนิ่วหน้า”ที่นีไม่ใช่ที่หลบภัย!”
”ใช่ใช่ ฉันรู้ ฉันรู้” หวังเฉินกระวนกระวายจนเหงื่อตก เขาคิดว่ามันพอแล้วสำหรับการสำรวจหาข้อมูลของเขี้ยวหมาป่า “อีกอย่างคือ พลเอกชูฮันได้ยินเรื่องของค่ายจินหยางบ้างมั้ย?”
ชูฮันเลิกคิ้วขึ้นแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง”จินหยาง ที่เป็นค่ายของสองพ่อลูกชั่วนั้น?”
”คุณไม่รู้จริงเหรอ?”หวังเฉินที่เคยชินกับการกดดันผู้บัญชาการมู๋ลืมตัวและนำวิธีเดิมมาใช้กับชูฮัน ชูฮันแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจและใส่อารมณ์กับหวังเฉิน”แล้วฉันควรรู้อะไร? ทำไม หลังจากไอ้จงไคมันได้เป็นพลเอก ไอ้แก่จงคุยมันร้อนใจจนช็อคตายรึไง?”