Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 985 กำหนดสนามรบ
”นายจะเอายังไงกับฟาน?”ชูฮันที่เดินนำอยู่พูดขึ้นมาตรงๆอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่แม้แต่จะอธิบายเรื่องค่ายจินหยางด้วยซ้ำ
เหอเฟิงกระพริบตาอย่างงงๆอยู่พักหนึ่งเขาเกือบจะตามความคิดของชูฮันไม่ทันแล้ว “คุณรู้?”
”พึ่งรู้ได้ไม่นาน”ชูฮันไม่พูดอะไรมาก เพียงหันมาจ้องหน้าเหอเฟิงตรงๆ “ทีมหลงยาเป็นทีมของเขี้ยวหมาป่า เป็นทีมที่ดี แม้ว่าฉันอาจจะสามารถออกคำสั่งฆ่าได้โดยตรงแต่ก็อย่างที่เราต่างรู้กันดี ในส่วนนี้ทั้งคุณกับฉันเรามีอำนาจเท่ากัน”
เหอเฟิงไม่แสดงอาการออกมามากเพียงแค่จ้องไปที่เนินเขาสีเขียวชอุ่มที่อยู่ไกลออกไปและพูดขึ้น “ความร้ายกาจอันเป็นสันดานของฟานไม่ใช่สิ่งที่สามารถยกโทษให้ได้ แต่คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันต้องการลงโทษฟาน? ฆ่าเหรอ? ด้วยพละกำลังของคุณที่มีหรือคนอย่างซูเฟิงสามารถลงมือได้ง่ายๆ ถึงแม้ฟานจะเก่งกาจแต่ท้ายที่สุดยังไงเธอก็ไม่ทรงพลังเทียบเท่ากับคุณอยู่ดี”
”หึ!”ชูฮันยิ้มอย่างมีนัยนะ “น่าเสียดายมากที่เธอต้องตาย!”
เหอเฟิงเลิกคิ้วมองชูฮัน”คุณหมายความว่าไง?”
”เรามาวางเบ็ดยาวๆเพื่อจับปลาใหญ่กันเถอะ”ชูฮันพูดออกมาช้าๆ คำพูดของเขาแสดงให้เห็นว่าเขารู้ตัวตนของฟานมาก่อนได้ไม่น้อยก่อนที่จะรู้ว่าฟานทรยศ
เหอเฟิงตาโตเบาๆและถอนหายใจกับความคิดอันแยบยลของชูฮัน”จากที่ได้ยินจากปากเกาช้าวฮุ่ย มันทำให้ฉันพอจะรู้ข้อมูลมาบางส่วน คนที่อยู่เบื้องหลังฟานนั้นกำลังรอเราอยู่ ฉันจะตรวจสอบและตัดสินใจอีกที แต่ฉันควรรายงานเรื่องอื่นให้คุณทราบด้วย”
ชูฮันตะลึงและอดไม่ได้ที่จะถาม”คุณรู้อะไรมาจากเกาช้าวฮุ่ย?” สมาชิกของตระกูลลึกลับคงรู้ข้อมูลมากไม่น้อยแต่การที่รู้ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะพูด เหมือนอย่างชูฮันที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเกาช้าวฮุ่ย หากชูฮันก็ไม่คิดจะใช้ประโยชน์โดยการแอบดึงข้อมูลจากเกาช้าวฮุ่ยมาเลย
”เขาบอกว่าเขาเผลอหลุดปาก”เหอเฟิงกระพริบตาอย่างตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายให้ชูฮันฟัง จากนั้นก็รีบเปลี่ยนหัวข้ออันตรายนี้ไปที่เรื่องอื่นแทนทันที “อีกเรื่องหนึ่งคือส่วนที่เสริมจากเรื่องของฟาน คุณได้ส่งคนไปที่ซางจิงเพื่อหลอกพาซางฮั่นฉิงพี่ชายของซางจิ่วตี้มาที่นี้รึเปล่า?”
ชูฮันที่ได้ยินถามคำถามกลับใส่เหอเฟิงต่อ”มึคนมาใช่มั้ย?”
เหอเฟิงพนักหน้ารับ”ซางฮั่นฉิงที่มีตำแหน่งเป็นนักวิจัยคนสำคัญของสถาบันวิจัยในซางจิงได้ถูกส่งตัวไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าแล้ว ฉันเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง มันยังไม่สายที่จะไปพบกับเขาหลังจากจบสงคราม” ชูฮันตบไหล่เหอเฟิงเบาๆ”ฉันรู้ดีว่าต้องทำอะไรและฉันก็เชื่อความสามารถในการตอบสนองต่อทุกสถานการณ์ของนาย”
เหอเฟิงหมดคำพูดที่จะแย้งกับชูฮันทำได้เพียงพูดต่อ “เรื่องที่สาม ยินดีด้วยกับความสำเร็จเรื่องค่ายจินหยาง”
ชูฮันยิ้มกริ่ม”ฉันอนุญาตให้จัดงานฉลองได้”
เหอเฟิงมองชูฮันอย่างค้นหาในใจเต้นรัวด้วยความสับสน ขณะนี้ข่าวร้ายของค่ายจินหยางกำลังกระจายไปทั่วทั้งประเทศ ถ้าชูฮันจัดงานฉลองขึ้นแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการออกมายอมรับเลยว่าเป็นฝีมือของชูฮัน
แม้ว่ามันจะทำใจยากที่จะเชื่อว่าคนตรงหน้าเขาสามารถทำลายค่ายจินหยางได้เพียงในเวลาแค่เจ็ดวันแถมยังมาจัดงานฉลองอย่างรื่นรมย์อีก
เหอเฟิงที่ไม่อยากจะคิดให้ปวดหัวอีกต่อไปกลับมาสนใจที่หน้าที่ของตัวเองต่อ”เรื่องที่สี่มันเกี่ยวกับการฝึกฝนทหารเกณฑ์ใหม่” ทันใดนั้นชูฮันก็หันมาทำหน้าจริงจังทันที”ทำไม เจอปัญหางั้นเหรอ?”
”เปล่า”เหอเฟิงมองชูฮันด้วยสายตาแปลกๆ “มันสมบูรณ์แบบ”
ชูฮันสบตากับเหอเฟิงและตอบ”แล้วมันไม่ดีเหรอไง?”
”มันสมบูรณ์แบบมากจนฉันรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ”เหอเฟิงสบตากับชูฮันตรงๆ แววตามีความสงสัยแสดงออกมาชัดเจน “คุณบอกฉันว่าคุณไม่เคยลงไปที่สนามรบนี้ แล้วคุณรู้เรื่องการกระกำลังของซอมบี้และจำนวนของพวกมันได้ยังไง? และทุกครั้งที่ทหารเกณฑ์ลงไปทำภารกิจ พวกเขาจะเผชิญหน้ากับซอมบี้ตามจำนวนที่คุณร่างแผนการฝึกไว้ มันบังเอิญเกินไปรึเปล่า?”
เหมือนกับว่าชูฮันจงใจจัดการส่งซอมบี้พวกนี้มา!
ชูฮันไม่ตอบเพียงแต่ส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับเหอเฟิงและหันหน้าไปอีกทาง สายตามองยังจุดสีดำที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจากระยะไกล “เกาช้าวฮุ่ยกลับมาแล้ว”
เหอเฟิงได้แค่ถอนหายใจและยอมแพ้กับการเค้นความลับจากชูฮันเพราะชูฮันก็มักเป็นแบบนี้เสมอ…ทำตัวลึกลับและมีลับลมคมในเสมอ
สงครามในครั้งนี้อาจเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับคนอื่นๆแต่สำหรับชูฮันมันดูเหมือนจะเป็นโอกาสในการพัฒนาฝีมือของกองทัพเขี้ยวหมาป่าให้ก้าวกระโดดซะมั้ง?
ขณะที่ทั้งสองกำลังตกอยู่ในความคิดของตัวเองทันใดนั้นร่างของเกาช้าวฮุ่ยก็มาปรากฏต่อหน้าชูฮันด้วยความเร็วที่หาใครเทียบ “นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วเจอหวังเฉินรึเปล่า?”
”เป็นห่วงเรื่องของตัวเองที่ทำหน้าที่บกพร่องเถอะ”ชูฮันไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่ทิ้งประโยคข่มขู่เกาช้าวฮุ่ยไว้ประโยคเดียวและหมุนตัวเดินเข้าไปในเต้นท์ทันที
เหอเฟิงได้มองเกาช้าวฮุ่ยสลับกับแผ่นหลังของชูฮันไปมา…ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกๆกับพฤติกรรมเมื่อเช้านี้ของชูฮัน?ทำไมเขารู้สึกว่าชูฮันผิดปกติ? เหมือนกับว่าชูฮันลืมเรื่องบางอย่างไป? หรือว่าชูฮันจงใจเลี่ยงมันกันแน่?
แต่มันน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า!
เกาช้าวฮุ่ยที่เห็นชูฮันเดินหนีตัวเองไปก็คิดว่าตัวเองจะต้องโดนทำโทษโทษฐานที่หนีไปเป็นแน่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอับอายกับการกระทำตัวเองและไม่คิดจะพูดอะไรออกมานอกจากเดินตามหลังชูฮันเข้าไปในเต้นท์
หลังจากทั้งสามคนเดินเข้ามาในเต้นท์ก็เจอสายตานับไม่ถ้วนที่แฝงด้วยอารมณ์หลากหลายของทุกคน มันเต็มไปด้วยความหลงใหล ความประหลาดใจหลังจากที่ได้เรียนรู้ขั้นตอนกระบวนการทุกอย่างที่เกิดขึ้นในค่ายจินหยางผ่านจากรายงานที่ซูเฟิงสรุปมา
น่าเสียที่พวกเขาไม่สามารถประกาศการกระทำเหล่านี้สู่สาธารณะได้ถ้าไม่อย่างนั้นละก็การก่อจลาจลครั้งนี้ของหัวหน้าชูฮันคงสามารถสั่นสะเทือนทั้งจีนได้เลย!
”ไม่ต้องรอหลิวยู่ติงเริ่มกันเลย” ชูฮันนั่งลงที่เก้าอี้ตำแหน่งของตัวเองทันที บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนเข้าสู่สภาวะจริงจัง “ทหารเกณฑ์ใหม่พวกนี้ได้ฝึกฝนตามโปรแกรมสำเร็จแล้ว ได้เวลาจบสงครามนี้สักที”
”พรึบ!”ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมหันคอขวับมาทางชูฮันกันอย่างกระทันหันด้วยความตกใจ หากก็รีบพยายามปรับระบบการคิดของตัวเองให้เข้ากับเนื้อหาการประชุมอย่างทันที
สายตาของชูฮันกวาดมองสบตาทุกคนในห้องอย่างพอใจถ้าเขายังทำปล่อยให้ค่ายเขี้ยวหมาป่าเงียบกริบ ทำตัวไร้ตัวตนแบบนี้ต่อไป เกรงว่าเขาจะทำให้คนของเขารู้สึกแย่เอาได้เพราะงั้นมันถึงเวลาลงมือแล้ว
”ทหารเกณฑ์ใหม่3,000 คน ทหารผ่านศึก 1,000 และทีมพิเศษอีก 300 รวมทั้งหมดเป็น 4,300 คน” ชูฮันพูดด้วยเสียงปกติหากไม่มีใครละสายตาจากชูฮันเลย “เอาแผนที่มา”
”ปึก~”แผนที่แผ่นยักษ์ถูกกางออกตรงหน้าชูฮันทันที มันคือแผนที่แผ่นเดิมที่มีวงกลมและเส้นมากมายที่ชูฮันเคยวาดเอาไว้
ชูฮันเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น”มา พวกนายมาเลือกสนามรบที่อยากจะสู้กับพวกลูกผสม”
ทันทีที่ชูฮันพูดออกมาทั้งห้องก็ตกใจค้าง
ให้เลือกสนามรบที่ต้องการสู้กับลูกผสมเอง?!
ทำไมถึงพูดว่าให้เลือกเอง?จำนวนของกองทัพลูกผสมยังไม่แน่ชัดเลย และถึงจะเลือกสนามรบเองได้ แต่จะมั่นใจได้ยังไงว่าลูกผสมจะมา?
เหอเฟิงแทบจะหัวใจวายมองชูฮันด้วยสายตาเหลือเชื่อ…แบบนี้ก็หมายความว่าชูฮันมีวิธีที่จะล่อให้กองทัพลูกผสมมายังสนามรบที่พวกเรากำหนดแล้วสินะ?
เหอเฟิงกระพริบตาอย่างงงๆอยู่พักหนึ่งเขาเกือบจะตามความคิดของชูฮันไม่ทันแล้ว “คุณรู้?”
”พึ่งรู้ได้ไม่นาน”ชูฮันไม่พูดอะไรมาก เพียงหันมาจ้องหน้าเหอเฟิงตรงๆ “ทีมหลงยาเป็นทีมของเขี้ยวหมาป่า เป็นทีมที่ดี แม้ว่าฉันอาจจะสามารถออกคำสั่งฆ่าได้โดยตรงแต่ก็อย่างที่เราต่างรู้กันดี ในส่วนนี้ทั้งคุณกับฉันเรามีอำนาจเท่ากัน”
เหอเฟิงไม่แสดงอาการออกมามากเพียงแค่จ้องไปที่เนินเขาสีเขียวชอุ่มที่อยู่ไกลออกไปและพูดขึ้น “ความร้ายกาจอันเป็นสันดานของฟานไม่ใช่สิ่งที่สามารถยกโทษให้ได้ แต่คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันต้องการลงโทษฟาน? ฆ่าเหรอ? ด้วยพละกำลังของคุณที่มีหรือคนอย่างซูเฟิงสามารถลงมือได้ง่ายๆ ถึงแม้ฟานจะเก่งกาจแต่ท้ายที่สุดยังไงเธอก็ไม่ทรงพลังเทียบเท่ากับคุณอยู่ดี”
”หึ!”ชูฮันยิ้มอย่างมีนัยนะ “น่าเสียดายมากที่เธอต้องตาย!”
เหอเฟิงเลิกคิ้วมองชูฮัน”คุณหมายความว่าไง?”
”เรามาวางเบ็ดยาวๆเพื่อจับปลาใหญ่กันเถอะ”ชูฮันพูดออกมาช้าๆ คำพูดของเขาแสดงให้เห็นว่าเขารู้ตัวตนของฟานมาก่อนได้ไม่น้อยก่อนที่จะรู้ว่าฟานทรยศ
เหอเฟิงตาโตเบาๆและถอนหายใจกับความคิดอันแยบยลของชูฮัน”จากที่ได้ยินจากปากเกาช้าวฮุ่ย มันทำให้ฉันพอจะรู้ข้อมูลมาบางส่วน คนที่อยู่เบื้องหลังฟานนั้นกำลังรอเราอยู่ ฉันจะตรวจสอบและตัดสินใจอีกที แต่ฉันควรรายงานเรื่องอื่นให้คุณทราบด้วย”
ชูฮันตะลึงและอดไม่ได้ที่จะถาม”คุณรู้อะไรมาจากเกาช้าวฮุ่ย?” สมาชิกของตระกูลลึกลับคงรู้ข้อมูลมากไม่น้อยแต่การที่รู้ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะพูด เหมือนอย่างชูฮันที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเกาช้าวฮุ่ย หากชูฮันก็ไม่คิดจะใช้ประโยชน์โดยการแอบดึงข้อมูลจากเกาช้าวฮุ่ยมาเลย
”เขาบอกว่าเขาเผลอหลุดปาก”เหอเฟิงกระพริบตาอย่างตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายให้ชูฮันฟัง จากนั้นก็รีบเปลี่ยนหัวข้ออันตรายนี้ไปที่เรื่องอื่นแทนทันที “อีกเรื่องหนึ่งคือส่วนที่เสริมจากเรื่องของฟาน คุณได้ส่งคนไปที่ซางจิงเพื่อหลอกพาซางฮั่นฉิงพี่ชายของซางจิ่วตี้มาที่นี้รึเปล่า?”
ชูฮันที่ได้ยินถามคำถามกลับใส่เหอเฟิงต่อ”มึคนมาใช่มั้ย?”
เหอเฟิงพนักหน้ารับ”ซางฮั่นฉิงที่มีตำแหน่งเป็นนักวิจัยคนสำคัญของสถาบันวิจัยในซางจิงได้ถูกส่งตัวไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าแล้ว ฉันเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง มันยังไม่สายที่จะไปพบกับเขาหลังจากจบสงคราม” ชูฮันตบไหล่เหอเฟิงเบาๆ”ฉันรู้ดีว่าต้องทำอะไรและฉันก็เชื่อความสามารถในการตอบสนองต่อทุกสถานการณ์ของนาย”
เหอเฟิงหมดคำพูดที่จะแย้งกับชูฮันทำได้เพียงพูดต่อ “เรื่องที่สาม ยินดีด้วยกับความสำเร็จเรื่องค่ายจินหยาง”
ชูฮันยิ้มกริ่ม”ฉันอนุญาตให้จัดงานฉลองได้”
เหอเฟิงมองชูฮันอย่างค้นหาในใจเต้นรัวด้วยความสับสน ขณะนี้ข่าวร้ายของค่ายจินหยางกำลังกระจายไปทั่วทั้งประเทศ ถ้าชูฮันจัดงานฉลองขึ้นแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการออกมายอมรับเลยว่าเป็นฝีมือของชูฮัน
แม้ว่ามันจะทำใจยากที่จะเชื่อว่าคนตรงหน้าเขาสามารถทำลายค่ายจินหยางได้เพียงในเวลาแค่เจ็ดวันแถมยังมาจัดงานฉลองอย่างรื่นรมย์อีก
เหอเฟิงที่ไม่อยากจะคิดให้ปวดหัวอีกต่อไปกลับมาสนใจที่หน้าที่ของตัวเองต่อ”เรื่องที่สี่มันเกี่ยวกับการฝึกฝนทหารเกณฑ์ใหม่” ทันใดนั้นชูฮันก็หันมาทำหน้าจริงจังทันที”ทำไม เจอปัญหางั้นเหรอ?”
”เปล่า”เหอเฟิงมองชูฮันด้วยสายตาแปลกๆ “มันสมบูรณ์แบบ”
ชูฮันสบตากับเหอเฟิงและตอบ”แล้วมันไม่ดีเหรอไง?”
”มันสมบูรณ์แบบมากจนฉันรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ”เหอเฟิงสบตากับชูฮันตรงๆ แววตามีความสงสัยแสดงออกมาชัดเจน “คุณบอกฉันว่าคุณไม่เคยลงไปที่สนามรบนี้ แล้วคุณรู้เรื่องการกระกำลังของซอมบี้และจำนวนของพวกมันได้ยังไง? และทุกครั้งที่ทหารเกณฑ์ลงไปทำภารกิจ พวกเขาจะเผชิญหน้ากับซอมบี้ตามจำนวนที่คุณร่างแผนการฝึกไว้ มันบังเอิญเกินไปรึเปล่า?”
เหมือนกับว่าชูฮันจงใจจัดการส่งซอมบี้พวกนี้มา!
ชูฮันไม่ตอบเพียงแต่ส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับเหอเฟิงและหันหน้าไปอีกทาง สายตามองยังจุดสีดำที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจากระยะไกล “เกาช้าวฮุ่ยกลับมาแล้ว”
เหอเฟิงได้แค่ถอนหายใจและยอมแพ้กับการเค้นความลับจากชูฮันเพราะชูฮันก็มักเป็นแบบนี้เสมอ…ทำตัวลึกลับและมีลับลมคมในเสมอ
สงครามในครั้งนี้อาจเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับคนอื่นๆแต่สำหรับชูฮันมันดูเหมือนจะเป็นโอกาสในการพัฒนาฝีมือของกองทัพเขี้ยวหมาป่าให้ก้าวกระโดดซะมั้ง?
ขณะที่ทั้งสองกำลังตกอยู่ในความคิดของตัวเองทันใดนั้นร่างของเกาช้าวฮุ่ยก็มาปรากฏต่อหน้าชูฮันด้วยความเร็วที่หาใครเทียบ “นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วเจอหวังเฉินรึเปล่า?”
”เป็นห่วงเรื่องของตัวเองที่ทำหน้าที่บกพร่องเถอะ”ชูฮันไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่ทิ้งประโยคข่มขู่เกาช้าวฮุ่ยไว้ประโยคเดียวและหมุนตัวเดินเข้าไปในเต้นท์ทันที
เหอเฟิงได้มองเกาช้าวฮุ่ยสลับกับแผ่นหลังของชูฮันไปมา…ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกๆกับพฤติกรรมเมื่อเช้านี้ของชูฮัน?ทำไมเขารู้สึกว่าชูฮันผิดปกติ? เหมือนกับว่าชูฮันลืมเรื่องบางอย่างไป? หรือว่าชูฮันจงใจเลี่ยงมันกันแน่?
แต่มันน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า!
เกาช้าวฮุ่ยที่เห็นชูฮันเดินหนีตัวเองไปก็คิดว่าตัวเองจะต้องโดนทำโทษโทษฐานที่หนีไปเป็นแน่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอับอายกับการกระทำตัวเองและไม่คิดจะพูดอะไรออกมานอกจากเดินตามหลังชูฮันเข้าไปในเต้นท์
หลังจากทั้งสามคนเดินเข้ามาในเต้นท์ก็เจอสายตานับไม่ถ้วนที่แฝงด้วยอารมณ์หลากหลายของทุกคน มันเต็มไปด้วยความหลงใหล ความประหลาดใจหลังจากที่ได้เรียนรู้ขั้นตอนกระบวนการทุกอย่างที่เกิดขึ้นในค่ายจินหยางผ่านจากรายงานที่ซูเฟิงสรุปมา
น่าเสียที่พวกเขาไม่สามารถประกาศการกระทำเหล่านี้สู่สาธารณะได้ถ้าไม่อย่างนั้นละก็การก่อจลาจลครั้งนี้ของหัวหน้าชูฮันคงสามารถสั่นสะเทือนทั้งจีนได้เลย!
”ไม่ต้องรอหลิวยู่ติงเริ่มกันเลย” ชูฮันนั่งลงที่เก้าอี้ตำแหน่งของตัวเองทันที บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนเข้าสู่สภาวะจริงจัง “ทหารเกณฑ์ใหม่พวกนี้ได้ฝึกฝนตามโปรแกรมสำเร็จแล้ว ได้เวลาจบสงครามนี้สักที”
”พรึบ!”ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมหันคอขวับมาทางชูฮันกันอย่างกระทันหันด้วยความตกใจ หากก็รีบพยายามปรับระบบการคิดของตัวเองให้เข้ากับเนื้อหาการประชุมอย่างทันที
สายตาของชูฮันกวาดมองสบตาทุกคนในห้องอย่างพอใจถ้าเขายังทำปล่อยให้ค่ายเขี้ยวหมาป่าเงียบกริบ ทำตัวไร้ตัวตนแบบนี้ต่อไป เกรงว่าเขาจะทำให้คนของเขารู้สึกแย่เอาได้เพราะงั้นมันถึงเวลาลงมือแล้ว
”ทหารเกณฑ์ใหม่3,000 คน ทหารผ่านศึก 1,000 และทีมพิเศษอีก 300 รวมทั้งหมดเป็น 4,300 คน” ชูฮันพูดด้วยเสียงปกติหากไม่มีใครละสายตาจากชูฮันเลย “เอาแผนที่มา”
”ปึก~”แผนที่แผ่นยักษ์ถูกกางออกตรงหน้าชูฮันทันที มันคือแผนที่แผ่นเดิมที่มีวงกลมและเส้นมากมายที่ชูฮันเคยวาดเอาไว้
ชูฮันเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น”มา พวกนายมาเลือกสนามรบที่อยากจะสู้กับพวกลูกผสม”
ทันทีที่ชูฮันพูดออกมาทั้งห้องก็ตกใจค้าง
ให้เลือกสนามรบที่ต้องการสู้กับลูกผสมเอง?!
ทำไมถึงพูดว่าให้เลือกเอง?จำนวนของกองทัพลูกผสมยังไม่แน่ชัดเลย และถึงจะเลือกสนามรบเองได้ แต่จะมั่นใจได้ยังไงว่าลูกผสมจะมา?
เหอเฟิงแทบจะหัวใจวายมองชูฮันด้วยสายตาเหลือเชื่อ…แบบนี้ก็หมายความว่าชูฮันมีวิธีที่จะล่อให้กองทัพลูกผสมมายังสนามรบที่พวกเรากำหนดแล้วสินะ?