Ark The Legend - ตอนที่ 352 : สงครามคือธุรกิจ (1)
ตอนที่ 352 : สงครามคือธุรกิจ (1)
“พวกเรามีเวลาไม่มาก”
อาร์คได้ทําการยึดอํานาจการบริหารจัดการมาไว้ในครอบครอง เผ่านาคูจักมีหลายพัน ขณะที่เผ่าบารันมีนักรบเพียงแค่ไม่เกินหนึ่งพันคนและตอนนี้อาร์คก็ได้ทราบผ่านเรื่องนี้ว่าหอคอยจดหมายเคลื่อนย้ายก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว มันยิ่งทําให้การยกทัพมาทางใต้ง่ายยิ่งกว่าครั้งใด
“แต่จดหมายเคลื่อนย้ายก็มีข้อจํากัดอยู่ มันจําเป็นต้องใช้ลูกแก้วจดหมายเคลื่อนย้ายในการสร้างหอคอยและพวกนาคูจักคงไม่มีลูกแก้วนั้นอยู่มาก”
“ทําไมล่ะ?”
แชมบาร่าเอ่ยถาม อาร์คที่ใจดีจึงยอมอธิบายให้ฟัง
“มีเหตุผลหลายอย่าง แต่เหตุผลหลักคือการที่มันสร้างหอคอยเพียงหนึ่งเดียวภายในหมู่บ้าน สมาคมเวทมนตร์ในช่วงก่อนหน้านี้เคยบอกว่าจดหมายเคลื่อนย้ายใช้พวกคลื่นวิทยุอะไรทํานองนั้น และมันสามารถเคลื่อนย้ายได้จํากัดจํานวนคนจนกว่าการชาร์จพลังงานครั้งต่อไปจะเสร็จสิ้น”
“พอเข้าใจแล้ว”
แชมบาร่าท้ายที่สุดก็พอจับสถานการณ์โดยคร่าวได้
“หากพวกมันมีลูกแก้วจดหมายเคลื่อนย้ายจํานวนมาก แบบนั้นก็คงเริ่มการก่อสร้างหอคอยจํานวนมากเพื่อขนส่งกําลังทหารจํานวนมหาศาลมาแน่ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นแบบนั้น หรือก็คือพวกมันไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องสร้างหอคอยหลายแห่งหอคอยจะถูกสร้างก็ต่อเมื่อมีลูกแก้วจดหมายเคลื่อนย้ายเท่านั้น”
“เป็นแบบนั้น”
หรืออธิบายให้ง่ายก็คือ หากมีวัสดุพร้อมสร้างจํานวนมากก็ไม่เห็นมีอะไรต้องลังเลที่จะสร้างเพิ่ม แต่ที่ไม่สร้างเพิ่มก็เพราะมีวัสดุไม่เพียงพอ
“และนั่นก็คือสาเหตุว่าทําไมมีเวลาไม่มาก การเคลื่อนย้ายกําลังพลในคราวเดียวมีขีดจํากัดพอมีกําลังพลถึงจํานวนหนึ่งพวกมันย่อมต้องบุกโจมตี เพราะงั้นพวกนาคูจักน่าจะเข้าโจมตีภายในหนึ่งสัปดาห์เมื่อได้กําลังทหารครบห้าพัน”
“เดี๋ยวนะ ห้าพันในหนึ่งสัปดาห์? นายไปเอาตัวเลขพวกนี้มาจากไหน?”
“นี่นาย ฉันก็เรียนคณิตศาสตร์นะ”
อาร์คหัวเราะตอบกลับคําถามของแชมบาร่าพร้อมขยิบตาให้
“ก่อนหน้านี้เบซอทิวได้ตรวจสอบความเร็วการก่อสร้างหอคอยในหมู่บ้าน ช่วงประมาณหนึ่งสัปดาห์ในความเป็นจริง หอคอยยังไม่อาจก่อสร้างให้เสร็จได้ หมายความว่ากว่าจะเริ่มขนย้ายกําลังพลมาได้ก็หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ เพราะต้องรอให้หอคอยสร้างเสร็จก่อนจึงเคลื่อนย้าย ก็เลยเอาความน่าจะเป็นมาคิดอ่าน ภายหลังหอคอยก่อสร้างเสร็จ พวกมันน่าจะเคลื่อนย้ายกําลังพลได้สามร้อยถึงสี่ร้อยต่อวัน”
“นั่นหมายความว่าพวกเราต้องเตรียมพร้อมรบในหนึ่งสัปดาห์ หากพวกมันเพิ่มกําลังทหารได้เพียงแค่วันละสามถึงสี่ร้อย ภายในสัปดาห์นี้ก็จะมีเพิ่มมาอีกสองพันถึงสองพันแปดร้อย ตอนนี้พวกมันมีกําลังพลสองพันคนแล้ว ท้ายที่สุดถึงตอนนั้นก็จะกลายเป็นห้าพันคนได้”
“พอเข้าใจหรือยังล่ะครับคุณแชมบาร่า”
อาร์คพยายามทําเทโดยแสร้งใช้มือดันกรอบแว่นที่ไม่มีอยู่จริง แชมบาร่าจึงหันหน้าหนีและแค่นเสียงให้เป็นการตอบรับ
“เหอะ ฉลาดตายล่ะ…”
“ก็ไม่ได้ฉลาดหรอก แค่อยากแสดงให้เห็นว่าฉันก็มีสมองเท่านั้นเอง”
อย่างไรแล้ว จากที่ไม่เคยรู้ศัตรูตอนนี้ก็ได้ทราบแล้ว คณะของอาร์คมีเวลาหนึ่งสัปดาห์ ระหว่างนั้นพวกเขาต้องเตรียมต่อสู้กับกองกําลังห้าพันคน แต่เรื่องนี้อาร์คก็ไม่จําเป็นต้องลงมือด้วยตนเอง อาร์คมักเป็นพวกที่ “เชื่อมั่นใจคนที่สามารถกระทําหน้าที่ได้ดี” เพราะงานนี้หากลุยเดี่ยวก็ไม่ต่างกับคนโง่งม ทางที่ดีมีผู้เชี่ยวชาญช่วยย่อมดีกว่าเยอะ ไม่ใช่ว่าคนรู้จักของอาร์คอย่างจัสติสแมนมีอาชีพเป็นแม่ทัพหรือไร?
“คุณลุงจัสติสแมน รับหน้าที่นี้ไหวไหมครับ?”
“ หึหึหึ แน่นอน งานนี้ไม่ต่างอะไรกับตอนรับงานเผชิญหน้ากลุ่มต่อต้านรัฐบาลในอเมริกาใต้เลยสักนิด”
กลุ่มต่อต้านรัฐบาลในอเมริกาใต้? พอได้ยินคําพวกนี้ ภาพฉากจัสติสแมนกําลังแสดงภาพยนตร์แอคชั่นก็ปรากฏขึ้นในหัวเลยทีเดียว อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่การคุยโวแต่อย่างใด เพราะเหตุผลอะไรคนอย่างลืมย็องลงจึงเคารพนับถือจัสติสแมนกันล่ะ? อย่างไรแล้วอาร์คก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายมีความสามารถด้านนี้เพียงใด
อันที่จริงแล้ว หน้าที่ของอาร์คในฐานะผู้บังคับบัญชาค่อนข้างไม่ชัดเจนอยู่บ้าง ในนิวเวิลด์ ปาร์ตี้ต้องประกอบไปด้วยอาชีพหลากหลายคอยช่วยเกื้อหนุน การบุกโจมตีของกลุ่มคนนับร้อยหรือว่านับพันต้องมีการแบ่งหน้าที่และแนวทางในระบบปาร์ตี้ ทุกคนต้องมีผู้มีอํานาจคอยกํากับ อย่างไรแล้วการต้องคอยกํากับทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวในกลุ่มบุกโจมตีออกจะเป็นเรื่องซับซ้อนเกินไป ผู้นําการบุกโจมตีจึงต้องมีการแต่งตั้งหัวหน้าตามแต่ละปาร์ตี้ จากนั้นจึงเกิดขึ้นเป็นองค์กรที่มีความซับซ้อนทํางานร่วมกัน หัวหน้าปาร์ตี้เหล่านั้นจะมีการแต่งตั้งรองหัวหน้าอีกขั้นตอนเพื่อคอยช่วยเหลือและกํากับควบคุมเพิ่มเติม
อาร์คเลือกจัสติสแมนและลาริเอ็ตเต้เป็นรองผู้บัญชาการ จัสติสแมนตามปกติก็รับหน้าที่เช่นนี้มาบ่อยครั้งแล้วจึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และลาริเอ็ตเต้ก็เป็นอัศวินพิสุทธิ์ หากมีเธออยู่ย่อมสามารถใช้บัพที่หลากหลายให้กับผู้คนทั้งหมดได้ หลังจากนําทัพดาร์คอีเดน อาร์คตอนนี้ได้ตระหนักถึงการกําหนดบทบาทและหน้าที่ เขาต้องการรองหัวหน้าที่มีประสิทธิภาพเพื่อคอยช่วยเหลือให้เกิดประสิทธิผลอย่างสูงสุด และตอนนี้อัศวินพิสุทธิ์ผู้ซึ่งสามารถเสริมประสิทธิภาพเป็นอย่างมากก็อยู่ข้างกายอาร์คนี่เอง
“จะพยายามนะคะ”
ลาริเอ็ตเต้เผยความมั่นใจขณะรับตําแหน่งนี้ เมื่อเขาเลือกจัสติสแมนขึ้นมาแล้ว เรื่องกําลังทหารทั้งหมดก็สามารถโยนทิ้งปล่อยให้เป็นภาระอีกฝ่ายไปได้
“ปัญหาเร่งด่วนตอนนี้คือก่อสร้างแนวป้องกันพื้นที่ การเคลื่อนย้ายสรรพาวุธ การฝึกกองกําลัง พวกเราต้องทําให้ชาวบารันที่ขาดการฝึกฝนกลับมามีประสิทธิภาพให้ได้
“เลือกฐานที่มั่นได้หรือยังครับ?”
“เบซอทิวให้แผนที่ของโลกใต้พิภพในส่วนแดนใต้มาแล้ว ทุกภูมิภาคของโลกใต้พิภพถูกแบ่งเอาไว้โดยเทือกเขา พวกนาคูจักที่อยู่ในหมู่บ้านหุบเขาถือว่าประจําการทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าหากพวกมันคืออยากรุกคืบพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ก็ต้องผ่านจุดนี้ก่อน”
จัสติสแมนกางแผนที่ออกพร้อมชี้ไปยังตําแหน่งหนึ่ง มันเป็นช่องแคบหุบเขาซึ่งอยู่ส่วนล่างของภูเขาโกลคิ
“ได้ยินจากเบซอทิวมาว่าตรงนั้นมีปราสาทถูกทิ้งร้างเอาไว้ มันแทบจะเป็นซากปรักหักพังแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไร หวังว่าพวกเราจะเปลี่ยนมันเป็นฐานที่มั่นได้ เมื่อพวกเราซ่อมแซม ปราสาทฮามานได้สําเร็จจากนั้นจึงค่อยเริ่มทําการฝึกกองกําลัง”
“จะเสร็จทันภายในสัปดาห์ไหมครับ?”
จัสติสแมนพิจารณาอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยคําถามกับอาร์ค
“ พวกเราต้องยืนหยัดแค่ไหนก่อนนายจะเริ่มทําตามเป้าหมายได้?”
ชัดเจนว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่การชนะสงคราม การที่เผ่าบารันจะโค่นล้มเผ่านาคูจักซึ่งมาจากทางเหนือ และกรีธาทัพไปยังทางเหนือซึ่งเป็นฐานที่มั่นของเผ่านาคูจัก… ออกจะเป็นการเพ้อฝันเกินไป สงครามครั้งนี้เป้าหมายมีเพียงแค่หยุดยั้งไม่ให้เผ่านาคูจักเข้าปกครองโลกใต้พิภพโดยทําการยื้อเวลา อาร์คต้องยื่อเอาไว้จนถึงเวลาที่เหมาะสม
“ถ้าพวกเราใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์เตรียมการสงคราม กับอีกหนึ่งสัปดาห์สําหรับการฝึกฝน พวกเราต้องยืนหยัดไว้ให้ได้อย่างน้อยอีกหนึ่งสัปดาห์ครับ”
“เท่านั้นน่าจะพอไหว”
ด้วยเหตุนี้ ทั้งคณะจึงมุ่งหน้าไปยังป้อมปราการฮามานและเริ่มเตรียมการสําหรับสงครามโดยทันที นี่เป็นครั้งแรกที่ชนเผ่าบารันในพื้นที่ทางใต้มารวมตัวกัน เพราะอาร์คจับผู้อาวุโสไว้เป็นตัวประกันปัญหาจึงไม่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ช่วงวันมานี้เผ่าบารันมีกองกําลังมารวมตัวกันอยู่ราวสองพันคน รวมเข้ากับนักรบเผ่าบารันและสมาคมแห่งความมืด เท่ากับกองกําลังนี้มีไพร่พลสามพันแปดร้อยชีวิต มันไม่อาจเทียบเผ่านาคูจักได้ แต่พวกเขาต้องทําให้ดีที่สุดโดยใช้คนจํานวนเท่าที่มีเพื่อต้านทานเอาไว้
มีเพียงแค่สมาคมแห่งความมืดแปดร้อยคนที่พร้อมเรียกใช้งาน ส่วนที่เหลือยังไม่พร้อม และตอนนี้ก็ไม่มีเวลาพอที่จะฝึกให้เป็นกองทัพที่ดีได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องทําให้สามารถป้องกันตัวและทําตามคําสั่งอย่างเคร่งครัด
ด้วยเหตุนี้ เผ่าบารันจึงเข้ารับการฝึกเต็มรูปกองทัพอย่างเร่งด่วน จัสติสแมนได้แบ่งกําลังทหารไปตามความถนัดและเชี่ยวชาญ จากนั้นจึงค่อยมอบหมายให้สมาชิกกลุ่มทัณฑ์บน เข้าไปฝึกสอนตามความสามารถนักรบชาวบารันทั้งหนึ่งพันคนถูกจัดให้เป็นหน่วยบุกทะลวง แน่นอนว่าผู้ที่รับการฝึกกลุ่มนี้ย่อมต้องเป็น “ผู้พิทักษ์หน่วยบุกทะลวง โดยมีบัลคุนและอีกสองคนรับหน้าที่ สมาชิกเผ่าบารันต่างมีประสบการณ์จัดทําแผนที่และล่าสัตว์ก็เกิดขึ้นเป็นหน่วยสอดแนม แยปแซบ และอีกสองคนจากกลุ่มทัณฑ์บนที่เปลี่ยนอาชีพเป็น “ผู้พิทักษ์หน่วยสอดแนม” จึงทําการฝึกคนกลุ่มนี้
ทางด้านเกษตรกรและสถาปนิกได้จัดตั้งขึ้นเป็นหน่วยวิศวกรรมนามาโดยปูตงซานและอีกสองคนซึ่งเปลี่ยนอาชีพเป็น “ผู้พิทักษ์หน่วยวิศวกรรม และท้ายที่สุดคือผู้เชี่ยวชาญอย่างเบซอทิวเข้ารับการฝึกโดยจักตูซึ่งเปลี่ยนอาชีพเป็น “ผู้พิทักษ์หน่วยยุทธศาสตร์
อาร์ครู้สึกกังวลอยู่บ้างกับการตัดสินใจนี้ของจัสติสแมน
“คุณลุงจัสติสแมนเชี่ยวชาญก็ใช่ แต่พวกพี่ชายที่เหลือไม่เคยฝึกสอนคนอื่นเลย พวกเขาจะสอนชาวบารันได้หรือเปล่า??
อย่างไรแล้ว ความกังวลของอาร์คก็มลายหายตั้งแต่วันแรกของการตั้งแคมป์ฝึกฝน
“ไม่ใช่ว่าแรงเท่านั้นเด็กก็ทําได้หรือไง?”
“ถ้าทําได้ไม่ดีก็ไปเดินท่าเป็ดสองกิโลเมตร!”
“อึก!”
ทั้งเผ่าบารันแทบกรีดร้องกันออกมา สมาชิกกลุ่มทัณฑ์บนต่างได้รับเทคนิคการฝึกสอนจากจัสติสแมนไม่มากก็น้อย นั่นทําให้กลุ่มทัณฑ์บนหาได้แปลกใหม่กับการกระทําในครั้งนี้ ทุกคนต่างเรียกวิญญาณครูฝึกในกองทัพแห่งเกาหลีใต้ออกมาใช้งานกันอย่างเต็มที่ ระหว่างช่วงสองปีที่ผ่านการเกณฑ์ทหารพวกเขาต่างซึมซับมาได้หลายเรื่องทั้งเทคนิคระเบียบวินัยและการลงโทษ
แม้ไม่ค่อยมีการกล่าวถึงในโลกโซเชียลมากนักว่าภายในเป็นเช่นไร แต่ผู้ชายชาวเกาหลีใต้ทุกคนย่อมมีความทรงจําฝังลึกอยู่ภายใน ไม่เกินเลยนักที่จะบอกว่านี่คือประสิทธิภาพของระบบเกณฑ์ทหารแห่งเกาหลีใต้ นอกจากนี้สมาชิกกลุ่มทัณฑ์บนยังคงเป็นผู้มีอดีตอันมืดมัวและเคยใช้ชีวิตในความมืด คุณสมบัติของพวกเขาที่จะจัดการพวกผู้ใต้บัญชาที่ขาดวินัยย่อมมีอย่างเปี่ยมล้น ด้วยเหตุนี้เองเผ่าบารันจึงได้ประสบกับฝันร้าย การฝึกแสนโหดในโลกใต้พิภพโดยครูฝึกที่น่าพรั่นพรึง