Ark The Legend - ตอนที่ 380 : นักผจญภัยในตํานาน
Ark ตอนที่ 380 : นักผจญภัยในตํานาน
“หึหึหึ ในที่สุดพวกเราก็มาถึง!”
น้ําเสียงยินดีดังขึ้นจากภายในความมืด บุคคลซึ่งกําลังหัวเราะอยู่นี้เป็นนักรบร่างใหญ่สวมใส่ชุดเกราะหนังพร้อมถือดาบปลายปืนไว้ในมือ
“หัวเราะทําบ้าอะไร? บอกแล้วไม่ใช่หรือไง? อย่าเพิ่งหย่อนความระวัง หากเกิดความผิดพลาดขึ้นทุกอย่างที่พยายามมาจะสูญเปล่าจนหมด”
“เชอะ ไม่ต้องให้อธิบายหรอกน่า”
นักรบคนดังกล่าวโต้เถียงกับหญิงสาวที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง เป็นหญิงสาวที่สวมใส่ชุดเกราะโซ่สีขาวพร้อมจ้าวยาวภายในมือ พวกเขาเป็นผู้เล่นที่มีชื่อว่าเบรดกับเรเดียน
“เธอไม่ตื่นเต้นหรือยังไงกัน? นี่ก็สิบวันแล้วนะตั้งแต่พวกเราเข้ามาในดันเจี้ยนนี่”
“พวกเราไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันกันมานานแล้ว ผิวตอนนี้ก็เริ่มซีดจาง…”
เรเดียนพึมพําขณะมองผิวที่ขาวซีดของตัวเอง เบรดเพียงมองก่อนยกยิ้มให้
“หึหึ ไม่ดีหรือยังไง? ยิ่งดูเซ็กซี่เข้าไปใหญ่”
“อยากตายหรือไงยะ?”
“เป็นอะไรไปเล่า? เป็นเรื่องที่จะตาย”
“นี่นายหาเรื่องทะเลาะใช่ไหม?”
เรเดียนยกง่าวในมือขึ้นขณะเบรดสั่นกลัวก่อนจะถอยให้
“หยุดก่อน ฉันไม่ชอบง้าวนั่น”
“งั้นแล้วทําไมนายถึงชอบหาเรื่องฉันประจําเลย? ไม่มีสมองเลยหรือยังไง? หรือยังได้รับบทเรียนไม่พอหลาบจํา?”
“ก็เพราะมันเครียดนี่นา ดันเจี้ยนนี่ก็ไม่มีอะไรให้น่าสนใจเลย กระทั่งออร์คยังไม่มีให้ฉันได้ระบายด้วยซ้ำ ดราเห็นก็น่าเบื่อ แถมยังมีแค่ไม่กี่ตัว นี่ฉันเบื่อจะตายอยู่แล้ว”
“นายมันคนเถื่อนชัด ๆ ……. นายคงเป็นคนเดียวที่คิดว่าพวกดราเห็นไม่น่าสนใจ”
“ก็มันเบื่อนี้ ทําไมไม่มีอะไรที่แข็งแกร่งโผล่มาบ้าง?”
“เลิกกวนเบื้องล่างแล้วดูจารึกตรงนี้ เวลาเหลือไม่เยอะแล้ว โชคยังดีที่ถึงจุดตรวจสอบสุดท้ายพอดี…”
“เข้าใจแล้วน่า”
เบรดบ่นออกมาขณะเริ่มจ้องมองหารูปปั้นใกล้เคียง สถานที่ซึ่งเบรดและเรเดียนกําลังสํารวจอยู่นี้คือห้องศิลาใต้ดินซึ่งซับซ้อนประหนึ่งเขาวงกต คนทั้งสองเข้ามาในดันเจี้ยนแห่งนี้เมื่อสิบวันก่อน พวกเขาต้องเสียเวลากันไปมากกว่าจะตามรอยมาถึงสถานที่แห่งนี้ การเดินทางอันยาวนานของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อสองเดือนก่อนตอนที่เอกสารฉบับหนึ่งดร็อปจากบอสเลเวลสูงชื่อ คาลรบซู และเพียงเก็บเอกสารดังกล่าวขึ้นมาภารกิจก็เด้งขึ้นตรงหน้าทันที
———
บันทึกแห่งอัสตูเบล
บันทึกการเดินทางของนักผจญภัยแห่งตํานานอัสยูเบล ทุกสิ่งอย่างในเอกสารได้ถูกเข้ารหัสจําเป็นต้องใช้ “การถอดรหัสข้อความขั้นสูง”
———
“บันทึกแห่งอัสยูเบล?”
เบรดสังกัดอยู่กิลด์นักผจญภัยและเคยได้ยินชื่ออัสยูเบลมาก่อน อีกฝ่ายเป็นนักผจญภัยในตํานานที่มีรูปปั้นถูกจัดสร้างเอาไว้ตรงหน้ากิลด์นักผจญภัย เบรดจึงตระหนักได้ ว่าเอกสารนี้ไม่ธรรมดาจึงไปหาเรเดียนเพื่อขอให้ถอดรหัส นั่นจึงเป็นผลให้เขาพบเจอความจริงอันน่าตื่นตะลึง
“นี่มัน… อะไรกันเนี่ย? นายเจอของวิเศษแบบนี้ได้จากไหนกัน!”
เรเดียนอดไม่ได้จนต้องโพล่งออกมา
“นายเคยอ่านคําอธิบายที่รูปปั้นอัสยูเบลตรงหน้ากิลด์นักผจญภัยใช่ไหม? เขาเป็นนักเดินทางที่ข้ามผ่านทั่วทั้งโลกและรวบรวมไอเทมมากมายก่อนจะส่งมอบให้กิลด์นักผจญภัยและหายตัวไป แต่เอกสารนี้ชี้แจงว่าอัสยูเบลไม่ได้ส่งมอบทุกสิ่งอย่างให้กิลด์ อัสยูเบลเลือกไอเทมที่ดีที่สุดในครอบครอง แล้วนําพวกมันไปเก็บไว้ในสถานที่หนึ่ง และเขาได้กระจายเบาะแสการนําไปสู่สถานที่แห่งนั้นทุกหนแห่ง”
เอกสารที่เบรดพบเป็นหนึ่งในเบาะแส ในอดีตอัสยูเบลได้ต้องการเก็บซ่อนสมบัติแท้จริงซึ่งได้รับมา ดังนั้นแล้ว เขาจึงต้องการส่งความท้าทายไปยังนักผจญภัยหน้าใหม่ผู้ซึ่งมีทั้งภูมิความรู้และประสบการณ์ทั้งหลายให้ค้นหา
“มันก็คือสมบัติของนักผจญภัยแห่งตํานานอัสยูเบลงั้นเหรอ?”
“ใช่ ชัดเจนเลยว่าต้องเป็นไอเทมที่ไม่ธรรมดาแน่”
เรเดียนยิ้มขณะกล่าว
“ให้ฉันเข้าร่วมด้วยใช่ไหม?”
“ขอเก็บเอาไปคิดก่อนนะ”
“อย่าทําตัวโง่เง่าหน่อยเลย ถ้าไม่มีฉันช่วยนายจะหาเบาะแสของสมบัติยังไง เบาะแสที่อัสยูเบลกระจายและซุกซ่อนมันจะอยู่เบื้องหลังปริศนาอีกที่หนึ่ง ไม่ว่านายจะ แข็งแกร่งต่อหน้ามอนสเตอร์แค่ไหน แต่กับปริศนานายไม่มีทางแก้มันได้อยู่แล้ว เรื่องนี้นายรู้ดีกว่าใครว่านายถอดรหัสเอกสารไม่ได้”
“เชอะ เข้าใจแล้ว แต่เป็นอัตราส่วนเจ็ดต่อสามนะ”
“หกต่อสี่ น้อยกว่านี้ฉันไม่รับแล้วจะปล่อยให้นายไปหาเอาเอง การจะหานักเวทผู้เชี่ยวชาญกว่าฉันได้ยากแค่ไหน นายก็รู้ ถ้าพวกเขาถอดรหัสได้ก็คงไม่คิดเก็บเงียบแน่ นายก็น่าจะรู้นี่? หากเป็นแบบนั้นคู่แข่งอาจเพิ่มมากขึ้น หรือไม่จริง?”
“อึก… เธอนี่มันชั่วช้าจริง ๆ ก็ได้ ตราบเท่าที่เธอเก็บไว้ เป็นความลับตกลงนะ?”
“โฮ่โฮโฮ แม้นายจะเป็นพวกหัวแข็งที่อไม่ต่างหินก็ยังเข้าใจเรื่องนี้สินะ”
“ทําไมเหมือนเธอกําลังด่าฉันอยู่?”
“โง่เป็นมนุษย์ถ้ําอย่างนายรู้ด้วยว่าหลอกด่าคืออะไร?”
“ว่าอะไรนะ!”
ดังนั้นแล้วทั้งคนเถื่อนและนักเวทจึงเริ่มต้นการล่าหาสมบัติ แต่การจะล่าหาสมบัติของนักผจญภัยแห่งตํานานไม่ใช่เรื่องง่าย เบาะแสแรกของอัสยเบลได้บอกใบ้ถึงตําแหน่งที่เบาะแสถัดไปอยู่ แต่เรื่องราวไม่ง่าย มันบอกเพียงสถานที่เป็นวงกว้างและยังมีการซ่อนไว้อีกทั้งส่วนลึกในรังของไวเวิร์น วิหารเมดูซ่าซึ่งสามารถสาปผู้คนให้กลายเป็นหินได้เพียงแค่มอง พวกเขาต้องเข้าไปยังพื้นที่ซึ่งผู้เล่นทั่วไปไม่อาจหาญกล้าเข้าไปใกล้ เบรดและเรเดียนต่างก็ตายกันไปหลายครั้งก่อนจะไปฟื้นคืนชีพที่อาณาจักรแห่งเวทมนตร์บริสทาเนีย ทุกครั้งที่พวกเขาพบเบาะแส ภารกิจก็จะยิ่งยากขึ้นจนตอนนี้ระดับความยากเข้าถึง A+ แล้วด้วยซ้ำ แต่ทั้งสองก็ยังมีแรงใจมากขึ้นเพราะความยากลําบากที่ท้าทาย ยิ่งยากเพียงใดรางวัลในท้ายที่สุดก็ยิ่งสมน้ำสมเนื้อมากขึ้น เหตุการณ์เช่นนั้นวนเวียนผ่านไปหลายครั้งจนกระทั่งหนึ่งเดือนครึ่งผ่านพ้น ทั้งสองคนตอนนี้รวบรวมเบาะแสทั้งหมดมาได้จนพบเข้ากับดันเจี้ยนลับที่อัสยูเบลซ่อนสมบัติ เอาไว้
“ที่นี่เหรอ? นี่คือสถานที่ซ่อนสมบัติของอัสยูเบล?”
เบรดพึมพําไปมาขณะมองเศษซากขนาดใหญ่ตรงหน้า ในช่วงบั้นปลายของชีวิต อัสยูเบลที่ชราภาพลงจึงตัดสินใจนําสมบัติไปซ่อนไว้ แต่สถานที่กลับน่าทิ้งยิ่งนักหากนําไปเทียบกับทุกปัญหาที่พวกเขาต้องเผชิญก่อนมาเยือนสถานที่แห่งนี้
“อะไรกัน? ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ มอนสเตอร์ก็ไม่มีสถานที่นี้ถูกต้องแน่เหรอ?”
“มันบันทึกเอาไว้ในเอกสารซึ่งเป็นเบาะแสสุดท้ายว่าต้องอยู่แถวนี้ตรงไหนสักจุด สถานที่ซึ่งผู้คนทั้งสามเผชิญหน้ากัน…. อา ตรงนั้นไง ต้องเป็นตรงนั้นที่มีรูปปั้นทั้งสามลังจ้องมองกัน น่าจะใช่นะ ถอดรหัสข้อความขั้นสูง!”
เรเดียนพบว่ามีตัวอักษรสลักเอาไว้บนซากปรักหักพังจึงใช้งานทักษะ จากนั้นตัวอักษรก็เริ่มส่องประกายแสงพร้อมหน้าต่างข้อความปรากฏ
———
ข้าคือนักผจญภัยผู้ไร้นาม
ข้าได้ซุกซ่อนสมบัติที่พบเจอมาชั่วชีวิตเอาไว้ในดันเจี้ยนลับเบื้องล่างซากโบราณสถานแห่งนี้ บุคคลผู้ซึ่งมีความกล้าหาญจะสามารถยื่นมือออกเพื่อคว้าสมบัติเหล่านั้นไว้ แต่ขอบอกเอาไว้ก่อน ข้าได้ใช้ภูมิความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดชั่วชีวิตเพื่อสร้างดันเจี้ยนแห่งนี้ขึ้นเก็บสมบัติข้าเอาไว้ ถูกต้องแล้ว ดันเจี้ยนนี้คือความท้าทายที่ข้าส่งต่อออกไปยังนักผจญภัยรุ่นหลัง เพื่อได้รับสมบัติ คนผู้นั้นจะต้องมีทั้งพละกําลัง ความอดทน สติปัญญา และภูมิความรู้
ข้าขอเตือน ชั่วชีวิตของเจ้าอาจไม่มีทางได้รับสมบัติ หากเจ้าทําผิดพลาดเพียงหนึ่งกับปริศนาที่มีอยู่มากมาย…. ดันเจี้ยนจะทําการปิดตาย และจะเปิดขึ้นอีกครั้งก็ต่อเมื่อจันทร์ ต็มดวงครั้งถัดไป เมื่อใดที่มันเกิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งตําแหน่งและคําตอบของปริศนาจะเปลี่ยนแปลง
เอาล่ะผู้ท้าทายเอ๋ย หากเจ้ามั่นใจข้าก็ขอต้อนรับ!
———
“เป็นตาเฒ่าที่น่าหงุดหงิดชะมัด…”
“เหมือนได้กลิ่นเรื่องไม่ดียังไงชอบกล”
เบรดและเรเดียนต่างบ่นกันออกมาเมื่อได้เห็นข้อความ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะบ่นยังไง อัสยูเบลก็ตายไปนานมากแล้ว ดังนั้นทั้งสองจึงทําได้เพียงแค่เริ่มต้นการสํารวจดันเจี้ยนลับ ภายใต้โบราณสถานแห่งนี้ แม้ว่าจะไม่มีมอนสเตอร์อยู่ใกล้โบราณสถาน แต่ภายในดันเจี้ยนย่อมต้องมีมอนสเตอร์เลเวลสูงล้ําอยู่เป็นแน่ ทว่ามอนสเตอร์หาได้ใช่สิ่งที่พวก เขากังวลปัญหาคือพวกเขาต้องแก้ไขปริศนาทุกครั้งที่ต้องผ่านจุดตรวจของดันเจี้ยน ปริศนาเหล่านี้ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและไม่คล้ายพวกเขาจะเคยพบเห็นมาก่อน
“สวรรค์ ประตูนี่ประกอบด้วยปริศนาจิ๊กซอว์ห้าพันชิ้นเลยงั้นเหรอเนี่ย?”
“แล้วจุดบนกําแพงพวกนั้นคืออะไร? ต้องเคลื่อนย้ายให้เป็นรูปหมู่ดาวงั้นเหรอ?”
“เฮือก ครั้งนี้ต้องแก้สมการทางคณิตศาสตร์ระดับสูงเลยเหรอ?”
แม้ว่าเรเดียนจะมีความมั่นใจในความรอบรู้ แต่เธอก็แทบจะต้องกรีดร้องทุกครั้งเพราะความเครียดเมื่อได้เห็นปริศนาแต่ละอย่าง แต่พวกเขามาไกลถึงขนาดนี้แล้วย่อมไม่มี ทางหันกลับ ระหว่างที่เบรดออกล่ามอนสเตอร์ เรเดียนก็จะออกไปอ่านหนังสือหรือหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเพื่อนํามาซึ่งวิธีแก้ปัญหา โชคยังดีที่เธอมีภูมิความรู้อยู่บ้างจึง แก้ปริศนาของแต่ละจุดตรวจมาได้ หากมีเพียงแค่เบรด แบบนั้นคงไม่มีทางทราบเลยว่าจะแก้ปริศนาพวกนี้อย่างไรดี
“เฮ้อ น่าหงุดหงิดจริง ๆ ปริศนาพวกนี้ยากมาก ถ้าทําผิด พวกเราก็ต้องไปเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ พวกเรายังต้องรออีกหนึ่งเดือนกว่าจันทร์เต็มดวงจะวนมาอีกครั้ง เป็นเพราะรอบวงโคจรของดวงจันทร์คือหนึ่งเดือน เหมือนความจริงไม่มีผิด นี่ถ้าทําพลาดแล้วดันเจี้ยนปิดตายขึ้นมา ที่พวกเราฝ่าฟันความยากลําบากมาจะกลายเป็นสูญเปล่า แบบนั้นฉันต้องเป็นบ้าแน่ ๆ”
ร่างของเรเดียนต้องเกิดอาการสั่นทุกครั้งเมื่อคิดเช่นนี้
“มีแต่ต้องพยายามต่อไปให้ถึงสุดทางแหละนะ”
“เชอะ! นายก็พูดได้สิ ที่นายทําก็แค่เหวี่ยงดาบไปมาไม่ได้สนใจอะไรด้วยซ้ำ อา อยู่ตรงนี้ไง อักษรสลักของจุดตรวจสุดท้าย ไหนมาดูกันหน่อย หวังว่าจะง่ายกว่าครั้งก่อนหน้านะ เฮือก อะ-อะไรกันเนี่ย?”
“เป็นอะไรไป?”
“นะ-นี่คือปริศนากับบาล่าห์”
เรเดียนพึมพําด้วยสีหน้าคล้ายจะล้มป่วยเสียให้ได้ แน่นอนว่าเบรดไม่เข้าใจอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายพูดถึงอะไรอยู่
“คับบาล่าห์? คล้ายคาราเมลหรือเปล่า?”
“นายมันโง่ คับบาล่าห์เป็นรหัสของนักเล่นแร่แปรธาตุ สมัยโบราณกาลตัวอักษรพวกนั้นล้วนซับซ้อน ไม่สิ ทําไมฉันต้องมาอธิบายให้นายฟังด้วยกัน? ให้ตายสิ คนที่สร้างดันเจี้ยนนี่ขึ้นมาเป็นคนยังไงกันเนี่ย? ถึงกับเอาปริศนากับบาล่าหมาให้ถอดรหัสในเกมเนี่ยนะ…”
เรเดียนแทบสุมไฟความโกรธอยู่ภายใน แต่แล้วเธอคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้
“โชคดีอยู่ ฉันมีรุ่นพี่ที่เรียนจบแล้วและสนใจเรื่องคับบาล่าห์ บางทีน่าจะพอช่วยแก้เรื่องนี้ได้ รอเดี๋ยวนะ ฉันขอตรวจสอบให้ละเอียดก่อน”
เรเดียนเริ่มเขียนอักษรที่จารึกเอาไว้ขณะหันไปบอกกับเบรด
“อยู่เงียบ ๆ สักพักนะ ต่อให้เบื่อแค่ไหนก็อย่าไปจับอะไรอย่างเด็ดขาด ถ้านายจับต้องอะไรที่อาจเป็นเหตุให้พวกเราโดนจับโยนออกไปนอกดันเจี้ยนล่ะก็…”
“เข้าใจแล้วน่า คิดว่าฉันเป็นไอ้โง่หรือยังไง?”
หลังจากเรเดียนประกาศอย่างชัดเจนแล้วก็ตัดการเชื่อมต่อไป ผ่านไปสองชั่วโมงกว่าเธอจะเชื่อมต่อกลับเข้ามาอีกครั้ง
“เหนื่อยจริง ๆ”
“ทําไมกัน? หาวิธีไม่ได้เหรอ?”
“ไม่หรอก แก้ได้แล้ว ตอนคนที่ศึกษาปริศนากับบาล่าห์ ในมหาวิทยาลัยเห็นนะ เธอนี่นิ่งอึ้งไปพร้อมนับถือเลยทีเดียว เธอบอกมันเป็นครั้งแรกเลยที่เห็นอะไรซับซ้อนขนาดนี้ เธอถึงกับถามด้วยซ้ำว่าไปเจอไอ้ของแบบนี้ที่ไหน”
“ช่างเถอะ แก้ปริศนาได้แล้วใช่ไหม?”
“ใช่ ตอนนี้พวกเราจะได้ผ่านจุดตรวจสุดท้ายกันแล้ว”
“เร็ว เร็ว รีบเปิดประตูเลย!”
เบรดอดไม่อยู่ที่จะยินดีถึงขนาดว่าหากมีหางคงกระดิกออกมาแล้ว ก็นับว่ามีเหตุผล กว่าสองเดือนแล้วที่พวกเขาได้รับภารกิจครั้งนี้มา เรเดียนก็มีสีหน้าตึงเครียดไม่ต่างกัน
“เริ่มเลยนะ…”
เรเดียนมองไปยังบันทึกที่จดเอาไว้ขณะยกมือขึ้นเตรียมแก้ปริศนา
ครึก ครึก ครึก
น่าแปลก ดันเจี้ยนเริ่มสั่นขณะดวงตาของรูปปั้นหินแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง
“อะไร อะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”