Ark The Legend - ตอนที่ 399 : ชิ้นส่วนดวงจันทร์
ตอนที่ 399 : ชิ้นส่วนดวงจันทร์
“ว่าแต่นะครับ ทําไมถึงมีรูปลักษณ์เป็นมนุษย์กันล่ะ?”
นี่ก็เป็นอีกส่วนที่อาร์คเป็นกังวล แม้ชาวบ้านจะดูแข็งแรง แต่พวกเขาไม่คล้ายสัตว์อสูรเลยสักนิด เขาคิดว่าอาจจะคล้ายคลึงกับความสามารถของคาราคุลที่แปลงกายให้ผู้ใต้บัญชาได้ แต่มันก็ไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรที่ทําให้มีหมู่บ้านอยู่ในอาณาเขตของคาราคุล ดังนั้นแล้วอาร์คจึงต้องระแวดระวังไปด้วย
“หรือว่าเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรจะเป็นผู้ใต้บัญชาของคาราคุล?”
“เรื่องนั้น ไม่มีทาง! ผู้ใต้บัญชา? ย่อมไม่ใช่! แม้ร่างกาย พวกเราจะถูกเปลี่ยนแปลงเพราะคาราคุล แต่พวกเราไม่เคยสูญสิ้นจิตวิญญาณ”
ขณะที่สนทนากับอาร์ค ชาวบ้านที่รับชมเรื่องราวอยู่ภายนอกผ่านหน้าต่างก็ตะโกนขึ้นอย่างโกรธแค้น
“แล้วตามปกติเป็นอะไรกันล่ะครับ?”
“พวกเราเป็นเผ่าพันธุ์หมาป่า ผู้สืบทอดสายเลือดจากเฟนริลผู้ซึ่งเป็นหมาป่าตัวแรก”
“เผ่าพันธุ์หมาป่า?”
“ถูกต้อง ท่ามกลางเผ่าพันธุ์หมาป่า พวกเราคือเผ่าวูล์แรง ผู้ซึ่งสืบทอดเชื้อสายจากนักรบผู้สูงศักดิ์”
ชายชราสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะกล่าวต่อ
“ข้าคือผู้อาวุโสของเผ่าวูล์แรง เผ่าวูล์แรงติดอยู่ที่โลกมืด เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน” ชายชราเริ่มเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของตระกูลให้ฟัง
แม้ว่าชาวเหมียวก็สืบทอดสายเลือดนักรบ แต่พวกเขาใกล้เคียงกับคําว่าโจรมากกว่า อีกทางหนึ่ง เผ่าพันธุ์หมาป่า นั้นคือนักรบโดยแท้จริง พวกเขามีอาชีพที่สมกับคําว่านักรบ และวูล์แรงก็เป็นเผ่าพันธุ์หมาป่าที่แข็งแกร่งที่สุด
“ในช่วงหนึ่งร้อยปีแห่งความมืดมิด วูล์แรงได้ต่อสู้ ในแนวหน้าร่วมกับผู้กล้ามาบันที่เผชิญหน้ากับกองทัพแห่งความมืด ครั้งนั้นนับเป็นการสู้รบอันมีเกียรติอย่างถึงที่สุด เครือญาติมากมายของพวกเราได้ตายจาก แต่พวกเราไม่เคยเสียดายชีวิต เวลานั้นคือยุคทองของเผ่าวูล์แรงอย่างแท้จริง ข้าอยากที่จะเกิดในช่วงเวลานั้นยิ่งนัก…”
ผู้อาวุโสพึมพํากับขณะเผยดวงตาเศร้าโศกเมื่อนึกย้อนถึงอดีต เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นช่วงเกือบจะสิ้นสุดยุคหนึ่งร้อยปีแห่งความมืดมิด ผู้กล้าทั้งเจ็ดได้เข้าต่อสู้กับดาร์คลอร์ด ช่วงระหว่างนั้นเผ่าวูล์แรงได้รับภารกิจอื่น มันคือการมายังซอแทนดาลร่วมกับพันธมิตรเพื่อหยุดยั้งการบุกโจมตีของรือวิกเจนส์เบิร์ก เผ่าวูล์แรงได้รับภารกิจอันตรายเข้าชโลมเลือดในสงครามต่อต้านรือวิกเจนส์เบิร์ก เพราะการเสียสละของเหล่านักรบผู้กล้าหาญ ซอแทนดาลจึงรอดพ้นจากการรุกรานของรือวิกเจนส์เบิร์กมาได้
ในภายหลัง ผู้กล้าทั้งเจ็ดได้เข้าจัดการดาร์คลอร์ดจนเกิดการใช้มหาเวททําลายล้าง ซอแทนดาลติดอยู่ภายในพายุแห่งมิติ ดังนั้นแล้วเผ่าวูล์แรงจึงติดอยู่ที่ซอแทนดาลไปด้วย สถานที่ซึ่งเกิดการต่อสู้กับรือวิกเจนส์เบิร์กก็คือพื้นที่ซึ่งโดนภูเขาล้อมรอบเอาไว้ดังที่เบซอทิวเคยบอกเล่า มันคือสถานที่ซึ่งมีแต่หน้าผาสูงชันและมีพายุพัดผ่านตลอดเวลา
“วิถีชีวิตของพวกเรายังเป็นไปตามบรรพบุรุษ ทว่าน่าเวทนานัก ดินแดนแห่งนี้เริ่มตายลง พวกเราต้องเสี่ยงชีวิตกระทั่งหาผืนหญ้าหรือน้ําเพื่อดื่ม”
เผ่าวูล์แรงเผชิญความยากลําบากในแนวหน้าของการสู้รบ ทั้งยังต้องเผชิญกับความหิวโหยและหนาวเย็น เผ่าวูล์แรงที่รอดพ้นมาจากการศึกอันเหี้ยมโหดได้ต่างต้องเริ่มตายกันไปทีละน้อย
“ข้ารู้ถึงความรู้สึกนั้น ความตายที่สูญสิ้นไม่ได้สิ่งใดกลับคืนมา”
เดดริคพิมพ์ไปมาขณะน้ําตานองหน้าทั้งยังนั่งอยู่บนไหล่ของอาร์ค ทว่าผู้อาวุโสเผ่าวูล์แรงนั้นแตกต่างจากค้างคาวที่ไร้มารยาทผู้นี้นัก
“ไม่ใช่ พวกเราไม่ได้คาดหวังจะได้รับสิ่งใดกลับคืนกับการต่อสู้ความมืดมิด พวกเราเพียงต้องการต่อสู้เพื่อเกียรติยศจนชีวิตหาไม่ดังเช่นนักรบ ข้าคิดว่าการตายอย่างไร้เกียรตินั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าอื่นใดเหมือนบรรพบุรุษ มันคือความตายที่สูญเปล่า”
นับจากนั้น เผ่าวูล์แรงได้เดินทางในหุบเขามานานนับหนึ่งร้อยปี
“ท้ายที่สุดบรรพบุรุษของเราได้ค้นพบสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความมืดมิด สถานที่แห่งนี้ถูกปกครองโดยแวมไพร์ ทว่าบรรพบุรุษของพวกเราไม่มีทางเลือก ไม่สิ ข้าคิดว่าพวกเขาคาดหวังจะได้ต่อสู้กับแวมไพร์จนกระทั่งตัวตาย แต่เรื่องราวเช่นนั้นกลับไม่เกิด สถานที่ซึ่งมาถึงคืออาณาเขตของดันพิลที่รักสงบ”
“ว่าอะไร? ดันพิล? จริงเหรอเนี่ย สถานที่แห่งนี้เดิมที่เป็นของดันพิล?
ทั้งหมดคล้ายเชื่อมต่อถึงกัน หลังเผ่าวูล์แรงปรากฏตัว ดันพิลก็ขาดเขลาเกินไปจนมุ่งหาสันติสุข ทว่าเรื่องราวเปลี่ยนไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้า ดันพัลได้ส่งมอบอาณาเขตสู่คาราคุล และหนีหายคาราคุลไม่ได้อ่อนแอดังเช่นดันพิล
“คาราคุลพยายามทําให้พวกเราเป็นผู้ใต้บัญชา ทว่าแม้เผ่าวูล์แรงจะเสียความรุ่งโรจน์ในอดีต แต่พวกเรายอมตายเสียดีกว่าหากต้องเป็นลูกน้องให้กับแวมไพร์”
ดังนั้นแล้ว คาราคุลและเผ่าวูล์แรงจึงก่อสงครามขึ้น หลังผ่านการต่อสู้อันเหี้ยมโหดและเสียสละไปมาก เผ่าวูล์แรงในที่สุดก็สามารถสังหารปีศาจเลือดส่วนใหญ่ไปได้และเข้าถึงปราสาทคาราคุล
“อีกเพียงก้าวเดียวพวกเราจะตัดสินชะตากับคาราคุลได้ แต่แล้ว”
ผู้อาวุโสกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น
“ในช่วงศึกตัดสิน คนหนึ่งในเผ่าเราได้เลือกทรยศหักหลัง อัลเบิร์ต เขาได้ขโมยสมบัติของเผ่าเราส่งมอบให้คาราคุล มันได้ทําลายเกียรติยศและศักดิ์ศรีที่บรรพบุรุษส่งมอบต่อกันมา!”
“ดะ-เดี่ยวนะครับ สมบัติของเผ่า? อย่าบอกนะว่า…?”
อาร์คเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงตื่นตระหนก และผู้อาวุโสก็พยักหน้ารับ
“ถูกต้อง มันคือชิ้นส่วนของสามสิ่งมหัศจรรย์ที่เจ้าตามหา”
อาร์คยิ่งสับสนกับคําตอบของผู้อาวุโส เขาคิดว่าเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรจะส่งมอบสามสิ่งมหัศจรรย์ให้เมื่อพบเจอ ดังนั้นแล้วเขาจึงคิดหาหนทางช่วยเหลือบุคซิลหลังได้รับพลังเพิ่ม แต่แล้วตอนนี้สามสิ่งมหัศจรรย์กลับตกอยู่ในมือของคาราคุล? ไม่ใช่หมายความว่าเขาต้องโค่นล้มคาราคุลก่อนเพื่อได้รับสามสิ่งมหัศจรรย์มาหรือยังไง?
“ปัญหาทําไมมันซับซ้อนขึ้นแบบนี้ได้เนี่ย?”
“ผู้กล้ามาบันหลงเหลือสมบัติเอาไว้ให้พวกเราก่อนออกไปสู้กับดาร์คลอร์ด เขาเชื่อมั่นในตัวพวกเรา พวกเราเป็นผู้สืบทอดมรดกของผู้กล้ามาบัน แต่แล้วมันกลับถูกนําไปให้แวมไพร์… นับเป็นความอัปยศอย่างถึงที่สุดของพวกเรา ผู้ค้นหาความจริง ท่านคงได้แต่หัวเราะเยาะพวกเราแล้ว แม้บรรพบุรุษเราจะมอบเขี้ยวและเล็บอันแหลมคม แต่จิตใจ ของพวกเราตอนนี้มืดมนนัก…. พวกเราถึงกับสูญเสียสมบัติของเผ่าไป”
ผู้อาวุโสพูดกล่าวอย่างอับอายเต็มกลืน ความหาญกล้าของเผ่าวูล์แรงต้องโดนพรากเอาไปเพราะสูญเสียซึ่งสมบัติ พวกเขาสูญเสียพลังที่จะต่อสู้จนต้องติดอยู่ที่นี่ และบ่อยครั้งคาราคุลก็จะมาที่นี่เพื่อดูดเลือดพวกเขา แม้ร่างกายของพวกเขาจะแปรเปลี่ยน แต่สายเลือดของพวกเขายังคงได้รับสืบทอดมาจากนักรบซึ่งครั้งหนึ่งเคยต่อสู้กับดาร์คลอร์ด มันต้องตาต้องใจคาราคุลแทบทุกวันที่เผ่าวล์แรงต้องโดนเหยียดหยามส่งมอบความอัปยศ
ถึงตอนนี้ อาร์คพลันพบเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดแผก
“งั้นรูปลักษณ์ของพวกท่านเปลี่ยนไปหลังสูญเสียสามสิ่งมหัศจรรย์ไปเหรอครับ?”
อาร์คคิดถึงเหตุผลที่เผ่าวูล์แรงแปรเปลี่ยนเพราะคาราคุลสาป ถ้าหากพวกเขาสูญสิ้นพละกําลังหลังเสียสามสิ่งมหัศจรรย์ไป แบบนั้นแล้วพวกเขาจะสามารถต่อสู้เคียงข้างผู้กล้ามาบันได้อย่างไร? ทว่าคําตอบนั้นง่ายดายเกินคาด
“แหล่งพลังของพวกเราคือพระจันทร์ ดังนั้นแล้วพวกเราจะยิ่งแข็งแกร่งหากเป็นยามค่ําคืนที่มีแสงจันทร์ พวกเราจะอ่อนแอในช่วงกลางวันเพราะไม่อาจมองเห็นพระจันทร์ ทว่า พระจันทร์ไม่เคยเลือนหาย ดังนั้นแล้วเผ่าวูล์แรงจึงสามารถคงสภาพเอาไว้ แต่เพราะพลังแห่งความมืดที่นี่ เผ่าวูล์แรงจึงยากคงสภาพ”
เผ่าวูล์แรงก็คล้ายกับมนุษย์หมาปาอะไรทํานองนั้น ทว่ามันมีข้อแตกต่างเล็กน้อย ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนพวกเขาก็สามารถคงสภาพร่างกายเอาไว้ได้ แต่ที่เผ่าวูล์แรงไม่อาจคงสภาพเอาไว้เพราะพลังจากพระจันทร์ถูกปิดกั้น ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงใช้พลังของสามสิ่งมหัศจรรย์แทน
“เผ่าเราถือครอง ชิ้นส่วนดวงจันทร์” สมบัติที่บรรจุเอา ไว้ซึ่งพลังแห่งดวงจันทร์ ดังนั้นแล้วพวกเราจึงสามารถได้รับการปกปักษ์จากดวงจันทร์แม้เป็นที่นี่ แต่พวกเราก็ต้องสูญสิ้นพลังไปหลังคาราคุลได้ครอบครองชิ้นส่วนดวงจันทร์”
“ชิ้นส่วนดวงจันทร์!”
จิตใจของอาร์คพลันกระจ่างขึ้นมา
“คําถามสุดท้ายได้รับคําตอบแล้ว!!
เขาก็สงสัยอยู่เช่นกันว่าเพราะอะไรคาราคุลจึงไม่คุมขัง เผ่าวูล์แรงในปราสาท ต่อให้เผ่าวูล์แรงถูกถอดเขี้ยวเล็บในสภาพมนุษย์ พวกเขาก็ยังสามารถอยู่ในคุกใต้ดินใช้แรงงานได้ เหตุผลที่เผ่าวูล์แรงไม่โดนกักขังก็เพราะ มันจะเปิดช่องให้พวกเขาได้ฟื้นคืนพละกําลังถูกต้อง คุกใต้ดินที่อาร์คโดนบีบบังคับไปใช้แรงงานนั้นชัดเจนว่าเป็นคาราวุลซุกซ่อนชิ้นส่วนดวงจันทร์เอาไว้ที่ไหนสักแห่ง เหตุผลที่เกิดหินดวงจันทร์ขึ้นมาก็เพราะมันดูดซับพลังจากชิ้นส่วนดวงจันทร์นั่นเอง
“ทุกคําถามได้รับคําตอบหมดแล้ว!”
มันเป็นความรู้สึกสําเร็จเมื่อไขเรื่องราวอันซับซ้อนได้ คาราคุลคือกุญแจของทุกปัญหา เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจัดการคาราคุลเพื่อได้รับชิ้นส่วนสุดท้าย แม้เขาจะสา มารถใช้งานลอบเร้นเข้าไปยังคุกใต้ดิน แต่เขาก็ไม่ทราบอยู่ดีว่าชิ้นส่วนดวงจันทร์ซ่อนเอาไว้ที่ไหน และจะเกิดอะไรขึ้นกัน หากลอบเร้นของเขาสิ้นระยะการทํางานขณะยังอยู่ในคุกใต้ดิน?
สําหรับเราแล้วไม่มีทางเลยที่จะโค่นล้มปีศาจเลือดและคาราคุลโดยคนเดียวได้ แต่ว่า
“เหมือนที่พวกท่านทราบ ผมต้องการชิ้นส่วนดวงจันทร์ แต่ลําพังเพียงแค่ผมไม่อาจเป็นไปได้ ผมต้องการความช่วยเหลือของเผ่าวูล์แรงผู้ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์สามสิ่งมหัศจรรย์”
“แน่นอนว่าพวกเราอยากช่วยเหลือ แม้เผ่าเราจะสิ้นพวกเราก็หาได้หวาดเกรง”
ผู้อาวุโสถอนหายใจก่อนจะสายศีรษะให้
“แต่พวกเรานั้นไร้ซึ่งพลัง พวกเราสูญเสียเขี้ยวและเล็บ นั่นทําให้พวกเราสูญสิ้นความกล้าที่เคยมี”
“แต่มันจะเป็นอีกเรื่องถ้าหากพวกท่านได้รับพลังจากดวงจันทร์ ราดัน!”
ซื่อ ซื่อ ซื่อ!
ราดันแลบลิ้นออกขณะพ่นเอาหินจํานวนหนึ่งออกมา มันคือหินดวงจันทร์ที่เขาลักลอบเอาออกจากคุกใต้ดิน!
ผู้อาวุโสพลันส่งเสียงร้องออกด้วยความแตกตื่นเมื่อคว้าหินดวงจันทร์เอาไว้และพิจารณา
“นะ-นี่มัน ไม่จริงน่า!”
ฟื้บ ฟื้บ ฟื้บ
ขนสัตว์สีเงินพลันปรากฏจากมือที่กําลังถือหินดวงจันทร์ อยู่หลังผ่านไปชั่วครู่ เล็บเริ่มยาวขึ้น เขี้ยวเริ่มปรากฏออกจากปาก ผู้อาวุโสอุทานออกด้วยน้ําเสียงไม่อยากเชื่อขณะเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าสีเงิน
“โอ้ พลังนี้ จิตวิญญาณข้าคล้ายได้ลุกไหม้อีกครั้งหนึ่ง นี่แหละคือตัวตนของเผ่าวูล์แรง…”
“ผมมีหินดวงจันทร์จํานวนมากพอที่จะแจกจ่ายให้กับชาวบ้านทุกคน ตอนนี้น่าจะพอช่วยได้แล้วใช่ไหมครับ?”
“แน่นอน ไม่ถูกต้อง ได้โปรดให้พวกเราช่วย! การเก็บกู้ชิ้นส่วนดวงจันทร์กลับคืนจะทําให้พวกเราชดใช้ความอัปยศครั้งเก่าก่อนได้ นอกจากนี้ เจ้ายังคือผู้ค้นหาความจริง เจ้าคือผู้สืบทอดของผู้กล้ามาบันที่ยิ่งใหญ่ พวกเราไม่มีเกียรติใดจะเทียบเท่าได้สู้เคียงบ่าเคียงไหล่เจ้า ได้โปรดนําพวกเราเข้าต่อสู้กับคาราคุลและคนทรยศของตระกูลอย่างอัลเบิร์ตด้วย”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงกระดิ่งพลันดังขึ้นสองครั้งพร้อมหน้าต่างภารกิจที่ปรากฏ
การแก้แค้นแห่งเผ่าวูล์แรง
ท่านได้พบเจอผู้สืบเชื้อสายของเผ่าวูล์แรงในโลกมืด ทว่า แวมไพร์คาราคุลได้ฉกชิงเอาสมบัติของพวกเขาไป จนเป็นผลให้เผ่าวล์แรงโดนเหยียดหยามอยู่ทุกคืนวัน จงช่วยเหลือเผ่าวล์แรงแก้แค้นคาราคุลและคนทรยศอัลเบิร์ต
“ผมทราบแล้วครับ แต่ผมต้องการเวลาเตรียมการ ได้โปรดรอสักสองถึงสามวัน เราจะต้องไม่ให้อัลเบิร์ตหรือว่าคาราคุลพบเห็น พวกท่านต้องลอบเตรียมการและตกลงกับชาวบ้านคนอื่นด้วย อา แล้วก็อย่าลืมกลบเกลื่อนรูปลักษณ์ด้วยนะครับ”
หมาป่าโดยพลันแปรเปลี่ยนกลับคืนเป็นชายชราหลัง อาร์คชี้แนะ อย่างกะทันหัน เดดริคพลันร้องอุทาน
“เดี๋ยวนะขอรับ คิดต่อสู้กับคาราคุลจริง?”
“นายไม่ได้ฟังที่คุยกันเมื่อกี้หรือไง?”
“ไม่ขอรับ ไม่ได้! เจ้านายยังไม่ทราบว่าคาราคุลแข็งแกร่ง เพียงใด และต่อให้เจ้านายฆ่าคาราคุลได้…”
“เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว”
ถ้าหากเขาเป็นคนฆ่าแวมไพร์ แบบนั้นจะกลายเป็นเขากระตุ้นโทสะของแวมไพร์ที่แข็งแกร่งที่สุด อาร์คและเผ่าวูล์ แรงคงได้โดนกวาดล้างแทบจะทันที่เป็นแน่ กระทั่งว่าเขาสามารถเอาชนะการต่อสู้กับคาราคุลได้ แต่แบบนั้นโอกาสที่เขาจะตายหลังการศึกก็คือ 100% อย่างไรแล้วอาร์คกลับคว้าไหล่เดดริคเอาไว้อย่างแนบแน่นก่อนยิ้มกล่าว
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง คนที่จะฆ่าคาราคุลคือนาย”
“โอ้ เป็นแบบนี้นี่เอง ข้า… ว่าอะไรนะ? เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะขอรับ!?”
“ได้ยินไม่ชัดเหรอ? เผ่าวูล์แรงจะทําให้นายได้ต่อสู้กับคาราคุล นายมีหน้าที่สําคัญที่สุดคือโค่นล้มตัวหัวหน้าให้จงได้ เพราะแวมไพร์ฆ่าแวมไพร์ด้วยกันไม่นับเป็นอะไรอยู่แล้ว”
“อย่าพูดบ้า ๆ นะขอรับ! ข้าจะไปมีปัญญาจัดการคาราคุลได้ยังไงกัน!”
เดดริคแตกตื่นจนสีหน้าซีดเผือดคล้ายจะเป็นบ้าเสียให้ได้
“ไม่ใช่นายบอกเหรอว่า ต่อให้ต้องกระโจนเข้าปากมังกร หากเป็นฉันสั่งนายก็จะทํานะ?”
“ตะ-แต่ว่า…”
“นายก็เป็นแวมไพร์ ไม่อยากแสดงความกล้าให้ลูกพี่ลูกน้องเห็นบ้างหรือไง?”
“แต่ข้าเอาชนะไม่ได้นะขอรับ!”
“อย่าได้ห่วง ฉันจะทําให้มั่นใจเองว่านายจะชนะ”
อาร์คตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มชั่วช้า