Ark The Legend - ตอนที่ 435 : ดวงวิญญาณนิรันดร์
ตอนที่ 435 : ดวงวิญญาณนิรันดร์
ห่วงโซ่ไร้ลักษณ์!”
หลังจากอาร์คนึกย้อนไปถึงคําพูดที่คาร์ม่าตะโกนในหลุมฝังศพใต้ดิน คาร์ม่าเกิดความสิ้นหวังก็เพราะอาร์คเอาอัญมณีล้ําค่าที่มันต้องการไป จนส่งผลให้ตอนนี้มันคิดทําลายทุกสิ่งอย่างให้ราบคาบ! คาร์ม่ารวบรวมพลังงานบ้าคลั่ง เพื่อทําลายโอเบเรียมให้หายไปโดยสมบูรณ์ เขาใช้การเยียวยาปาฏิหาริย์แล้วแต่กลับเป็นการช่วยเหลือมันแทน มันต้องการพลังงานบ้าคลั่งเพื่อชาร์จพลังก่อนทําการใช้เวทมนตร์ คาร์ม่ากลับมีเปรียบได้พลังงานเพราะการเยียวยาปาฏิหาริย์แทน ผลลัพธ์ของความผิดพลาดครั้งนี้คือความพินาศ!
“อะ-อาร์คนิม!”
–
ดวงตาที่ลอยอยู่ร้องตะโกนอย่างสิ้นหวัง ความจริงแล้วบุคซิลรับชมการต่อสู้นี้อยู่ไกลออกไป แต่เพราะห่วงโซ่ไร้ลักษณ์นี้เป็นทักษะที่จะสร้างความเสียหายหนึ่งร้อยเท่าของจํานวนดวงวิญญาณทั้งหมดแก่ทุกชีวิตภายในโอเบเรียม ด้วยจํานวนดวงวิญญาณหลายร้อยในโอเบเรียม หากเกิดระเบิดขึ้นจะไม่ต่างกับมีนิวเคลียร์ยิงลงมา เพียงครั้งเดียวมันจะสร้างความเสียหายได้หลายพันหน่วย ไม่ว่าจะอาร์คหรือบุคซิลย่อมต้องแหลกเป็นผงเพราะการโจมตีนี้อย่างแน่นอน
“เราจะหนีทันหรือเปล่า?”
อาร์คเริ่มออกวิ่งทั้งเหวี่ยงดาบไปด้วย
ฟื้บ!
ร่างของคาร์ม่าที่โดนฟันปนเป็นชิ้นสีดํากระจายตัว และเมื่อพวกมันร่วงหล่นกับพื้น ร่างหลักของคาร์ม่าจะกลับมาอีกครั้งพร้อมหนวดหลายร้อยเหมือนเดิมไม่มีผิด ไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้ง หนวดที่รัดพันร่างของราซาคเอาไว้จะกลับคืนมา
“จบเห่แล้ว ทําไมไม่คิดหนี้ให้เร็วกว่านี้กันครับ?”
แม้บนก็สายเกินไป ตอนนี้ทักษะถูกใช้งานแล้ว อาร์คและบุคซิลไม่มีทางหลบหนีออกจากอาณาเขตโอเบเรียมพ้นภายในสามนาทีแน่
“ราคาร์ด มัวแต่เหม่อมองอะไร? หยุดมันสิ!”
“ข้าโจมตีมันไม่เข้านี่ขอรับ”
“ใครบอกให้หยุดตัดหนวดพวกนี้กัน? ตัดต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าพวกมันจะไม่เกิดใหม่อีก!”
“ขะ-ขอรับ”
ราคาร์ดหยิบหินขึ้นมาขณะนําเอาไปฟาดใส่หนวดสีดํา แต่หินนั้นกลับผ่านหนวดความมืดไปเหมือนกับดาบของอาร์ค คาร์ม่าจึงมองทั้งอาร์คและราคาร์ดแล้วตะโกนใส่
“ฮ่าฮ่าฮ่า เปล่าประโยชน์ สิ่งที่เหลืออยู่ก็แค่รอความตาย… จงตายเสียเถอะ!”
ท้ายที่สุดหินนั้นถูกขว้างทิ้ง ราคาร์ดมองหาไปรอบก่อน จะพบอะไรประหลาดที่มุมหนึ่งแล้วบินกลับไปบอกอาร์ค
“เจ้านายขอรับ ดูทางนั้น”
“ไม่เห็นเหรอว่าฉันยุ่ง? ฮึ้ย!”
“ไม่ขอรับ ดูทางนั้นก่อน”
“ให้ตายสิ อะไรกันอีกล่ะ? คือ? นั่นมันอะไรกันนะ?”
อาร์คขมวดคิ้วเมื่อได้หันไปมอง สีหน้าของเขาต้องเปลี่ยนไปเหมือนกับที่ราคาร์ดเป็นอยู่ตอนนี้ อาร์คยังคงเหวี่ยงดาบใส่ความมืดให้เป็นชิ้นอยู่ แต่หนวดสีดําไม่ช้าก็เชื่อมต่อเข้ากับร่างหลักแทบจะทันทีเมื่อโดนตัด แต่ว่ามันจะมีบางหนวดที่ไม่ได้เชื่อมต่อ ตําแหน่งที่อาร์คและคาร์ม่าอยู่ตอนนี้คือใกล้ศูนย์กลางโอเบเรียมที่พ่อค้าคนตายเคยทําการค้า ตอนที่หนวดสีดําซึ่งอาร์คตัดออกไปกระเด็นผ่านร้านของพ่อค้า หนวดสีดําเหล่านั้นจะโดนไอเทมดูดซับเข้าไป
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? หนวดสีดําพวกนี้เป็นเวทมนตร์นี่นา ทําไมโดนไอเทมดูดซับเข้าไปได้ล่ะ?”
อาร์คจ้องมองอย่างตกตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้
“หนวดสีดําพวกนี้ เดิมทีเป็นส่วนหนึ่งของคาร์ม่า คาร์ม่าสร้างร่างขึ้นใหม่จากกระดูกที่อันกูราดอนสละทิ้งไปในหลุมฝังศพใต้ดิน พวกมันดูดซับพลังเวทมนตร์มาเป็นเวลานานหรือว่า!”
ตอนนี้เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าลืมเลือนความจริงหนึ่งไป ร่างของอันกูราดอนในหลุมฝังศพใต้ดิน มันถูกสร้างขึ้นโดยการรวบรวมโครงกระดูกของศพภายในนั้น หรือก็คือไอเทม และร่างของคาร์ม่าก็เกิดขึ้นเพราะเวทมนตร์ที่สะสมอยู่ภายในสิ่งของเหล่านั้น คาร์ม่าดูดซับเอาพลังเวทมนตร์รอบด้านภายในหลุมฝังศพใต้ดินมาเป็นของตัวเอง เพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นจนสามารถคุกคามอันกูราดอน และนั่นทําให้คําตอบถึงภูมิหลังของคาร์ม่าเป็นสิ่งที่ง่ายมากขึ้น เวทมนตร์เหล่านั้นที่ดูดซับมามีเงื่อนไขกําหนดตายตัว
“เมื่อพวกมันหลุดลอยจากร่างของคาร์ม่า มันก็คือกลุ่มก้อนเวทมนตร์ พวกมันจะลอยกลับไปยังกระดูกภายในหลุมฝังศพเหมือนตอนที่เราจัดการมันได้ในทีแรก ก็หมายความว่าเวทมนตร์พวกนี้จะกลับคืนสู่สิ่งของด้วย ถ้าหากเวทมนตร์ทั้งหมดรวมอยู่ในที่เดียวกัน ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดมอนสเตอร์อย่างคาร์ม่าขึ้นมาอีกครั้ง แต่ถ้าเรานั่นมัน ให้เป็นชิ้นล่ะก็… คุ้มที่ลอง!”
มีแนวคิดให้ทําย่อมดีกว่าทําอะไรไม่ได้!
“ราคาร์ด ใช้ดาวเทียมสอดแนม ไปหาตําแหน่งสิ่งของทั้งหมดในพื้นที่แถบนี้มา!”
“ขอรับ!”
ราคาร์ดบินพุ่งตัวขึ้นไปตามคําสั่งของอาร์ค พร้อมกันนั้น แผนที่ขนาดเล็กเริ่มปรากฏตรงหน้าอาร์คแสดงถึงตําแหน่งที่ตั้งของวัตถุสิ่งของ
“ดี สวนกลับฉับพลัน!”
อาร์คใช้สวนกลับฉับพลันเข้าใส่ทําให้กลุ่มร่างพลังงานกระจายไปทุกทิศทางที่สิ่งของรวมตัวกันอยู่ ร่างของคาร์ม่าสะบั้นคล้ายพุดดิ้งโดนทุบกระจายไปทั่วทิศทาง กลุ่มก้อนเวทมนตร์จํานวนหนึ่งที่ร่วงหล่นกับพื้นจะกลับไปรวมกับร่างหลัก แต่กลุ่มก้อนเวทมนตร์จํานวนหนึ่งที่ตกกระทบใส่ไอเทมจะหายเข้าไปเพราะโดนดูดซึม ไอเทมเหล่านั้นสามารถดูดซึมเวทมนตร์กลับคืนมาได้ หลังเวทมนตร์โดนดูดซึมเข้าไป มันก็อาจมีความเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย แต่ไอเทมก็คือไอเทม ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงมากขนาดไหน พวกมันก็แค่ของประดับฉากที่ไม่ควรค่าแก่การสนใจ
“ได้ผล ร่างหลักของมันเริ่มสั่นแล้ว!”
“แก… สารเลว… แก… หยุดนะ!”
“โง่หรือเปล่า บอกให้หยุดก็หยุดได้เลย? สวนกลับฉับพลัน!”
ทุกครั้งที่ทักษะใช้งานออก ร่างของคาร์ม่าจะปลิวกระจายตัวออกไปทั่วทั้งจัตุรัสของเมือง ทุกครั้งที่มันกระเด็นไปโดนสิ่งของ ร่างต้นของมันจะยิ่งเล็กลง เมื่อขนาดเล็กลง จํานวนหนวดที่มันยืนขยายออกมาก็ลดจํานวนร่างบอลสีดํา จากขนาดสิบเมตร ก็เหลือห้าเมตร และสามเมตร… ท้ายที่สุดเมื่อเหลือแคสิบเซนติเมตร หนวดทั้งหมดก็สูญสลาย ท้ายที่สุดกระทั้งร่างหลักยังเริ่มจะแบ่งแยกออกเป็นสอง เพราะโดนสิ่งของดูดซึมพลังกลับคืน คาร์ม่าตอนนี้เหลือขนาดเพียงแค่นิ้วกําลังก่นด่าสาปแช่งออกมา
“เจ้า…. กล้าดียังไง อภัยให้… ไม่ได้!”
ห่วงโซ่ไร้ลักษณ์เสร็จสมบูรณ์!
เมื่อถึงขีดจํากัด ร่างของคาร์ม่าเริ่มปริแตก และ… ตุ้ม! ร่างของคาร์ม่าที่ขนาดประมาณถั่วลันเตาระเบิดออก วิญญาณก็ถูกทําลายเพราะผลของทักษะ เป็นเพราะร่างของคาร์ม่าที่ขนาดเท่าถั่วลันเตานี้ไม่มีดวงวิญญาณหลงเหลืออยู่ การระเบิดจึงเกิดขึ้นในขนาดที่เล็กมาก ท้ายที่สุดมันก็แทบไม่ต่างอะไรกับเล่นประทัด
เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น
เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น
อาร์คแทบจะโห่ร้องด้วยความยินดีออกมาเมื่อหน้าต่างข้อความปรากฏ เขาได้ช่วยราซาคและคนตายทั้งหลาย ทั้งยังได้เลเวลมา 2 ระดับ ค่าประสบการณ์ที่ได้จากบอสตัว นี้นับว่าไม่แย่ เขายังใช้การเยียวยาปาฏิหาริย์สําเร็จจนได้รับค่าสถานะโบนัสมาอีก และนี่ยังไม่ใช่สิ่งสุดท้ายที่เขาได้รับจากการสังหารคาร์ม่า ตอนแรกอาร์คไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะดร็อปอะไร แต่เขาก็ยังคงเข้าไปค้นหาเผื่อว่าจะมี ท้ายที่สุด เขาจึงพบว่ามีก้อนหินสีดําสองประกายอยู่ใกล้กับตําแหน่งที่คาร์ม่าร่างระเบิด เมื่อคว้ามัน หินนั้นได้หลอมละลายและถูกฝ่ามือของเขาดูดกลืนเข้าไป พร้อมกันนั้น ข้อมือทั้งสองข้างของเขาก็ต้องรู้สึกปวดขึ้นมา
“เดี๋ยวสิ อะไรกัน?”
อาร์คสะดุ้งขณะมองข้อมือของตัวเอง มันกําลังเกิดรอยสักที่สลักเอาไว้ มันคือเครื่องหมายของ “ดวงวิญญาณนิรันดร์” ความรู้สึกเจ็บปวดตอนนี้คล้ายโดนค้อนทุบและไฟฟ้าช็อต ผ่านไปสักพัก รอยสักถึงค่อยเกิดรอยแยกแล้วขยายตัวออก พร้อมกันนั้นหน้าต่างข้อมูลก็ปรากฏขึ้นโดยทันที
ผนึกของ “ดวงวิญญาณนิรันดร์” ได้ถูกปลดปล่อย ท่านได้รับทักษะเฉพาะอาชีพ
[การตอบรับแห่งปีศาจ] : ดวงวิญญาณนิรันดร์ขั้นที่ 1 (ขั้นต้น, มีผลต่อเนื่อง)
การตอบรับแห่งปีศาจนี้เป็นขั้นตอนสําคัญที่ต้องเรียนรู้ หากต้องการรู้แจ้งดวงวิญญาณนิรันดร์ ขณะต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่มีคุณลักษณะปีศาจ ท่านสามารถทําความเสียหาย เพิ่มเติม 5% และได้รับภูมิต้านทานเวทมนตร์ 10% นอกจากนี้ ท่านยังสามารถตรวจหาพลังงานปีศาจที่ซ่อนอยู่ภายในร่างของมอนสเตอร์ได้
[ผนึกปีศาจ] : ดวงวิญญาณนิรันดร์ขั้นที่ 2 (ขั้นต้น, เรียกใช้งาน)
เมื่อพลังชีวิตของมอนสเตอร์ที่มีคุณลักษณะปีศาจลดต่ําลงกว่า 3% ดวงวิญญาณของมอนสเตอร์สามารถนําออก เพื่อทําการผนึกการผนึกนี้สามารถทําได้ในรายการไอเทมที่กําหนดไอเทมที่ใช้เพื่อผนึกปีศาจอาจถูกทําลาย หรือได้รับคุณสมบัติแบบสุ่ม เมื่อศักยภาพของทักษะเพิ่มขึ้น พลังที่ได้รับจะแข็งแกร่งขึ้นหรืออัตราการถูกทําลายจะลดน้อยลง
“ดวงวิญญาณนิรันดร์?”
อาร์คมองหน้าต่างข้อมูลอย่างไม่เข้าใจเรื่องราว ความจริง เขาก็สงสัยอยู่ว่าจะได้รับความสามารถพิเศษของดวงวิญญาณนิรันดร์ยังไง และต้องทํายังไงถึงจะรู้แจ้งในอาชีพดวงวิญญาณแห่งความมืด เดิมที่หน้าต่างข้อมูลบอกเอาไว้ เพียงแค่การรู้แจ้ง แต่ตอนนี้เขาเข้าใจมากขึ้นแล้ว… หลังผนึกคลายออก เขาเข้าใจโดยทฤษฎีของมันแล้ว ดวงวิญญาณนิรันดร์คือทักษะที่ผู้กล้ามาบันสร้างขึ้นในช่วงที่ยังต่อสู้กับความมืด กุญแจสําคัญในการปลดปล่อยทักษะนี้เกี่ยวข้องกับกองกําลังแห่งความมืด หรือก็คือ เขาต้องศึกษาพวกมอนสเตอร์ที่มีคุณลักษณะปีศาจและได้รับเบาะแสสู่ดวงวิญญาณนิรันดร์ขั้นถัดไป
“ตอนนี้ได้ทั้งการตอบรับแห่งปีศาจและผนึกปีศาจ…”
เพราะการตอบรับแห่งปีศาจ เขาจะสามารถตรวจหามอนสเตอร์ที่มีคุณลักษณะปีศาจได้ ระหว่างการเดินทาง อาร์คมักพบเจอมอนสเตอร์ที่มีคุณลักษณะปีศาจอยู่หลายครั้ง ทามูระที่เขาพบเจอในหุบเหวแห่งความสิ้นหวัง หรือปีศาจแพะที่อยู่ใต้ดินของซิลวาน่าต่างก็มีคุณลักษณะของปีศาจ อ้างอิงตามประสบการณ์ที่เขาได้รับ มอนสเตอร์ที่มีคุณลักษณะปีศาจนับว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าหากเทียบกับคุณลักษณะอื่น หากต้องรับมือกับมอนสเตอร์เหล่านั้น ความเสียหายที่เสริมมากขึ้นจะช่วยได้ไม่น้อย และตอนนี้เขายังได้รับทักษะมาถึงสองอย่างจากการปลดผนึกเพียงแค่ครั้งเดียว
มันจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาผนึกปีศาจใส่ไอเทม? ประเด็นนี้เขาก็พอเข้าใจอยู่บ้างเมื่อได้เห็นคาร์ม่าโดนไอเทมดูดกลืนพลังกลับไป แต่โดยปกติแล้วไอเทมจะไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงง่ายขนาดนั้น หากเขาผนึกปีศาจใส่ไอเทม มีความเป็นไปได้สูงมากว่ามันจะถูกทําลาย
“งั้นก็ต้องหาไอเทมที่สอดคล้องกับคุณลักษณะปีศาจ? แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะถูกทําลาย ดวงวิญญาณนิรันดร์ ตอนนี้เราได้ขั้นที่หนึ่งและสองมาแล้ว ทั้งยังมีประโยชน์มาก ถัดจากนี้จะได้มาง่ายเหมือนครั้งนี้ไหมนะ?”
อาร์คเดาะลิ้นไปมาขณะคิดหลายเรื่อง
ดวงวิญญาณของคนตายที่กระจายอยู่รอบพื้นที่เริ่มได้สติคืนกลับ อาร์คที่หย่อนความระวังไปถึงกับสะดุ้งแล้วชะงัก ดวงวิญญาณของคนตายที่คาร์ม่าพ่นออกมาแตกต่างจากก่อนหน้านี้ แม้รูปลักษณ์จะเป็นสีเทาเหมือนเดิม แต่มันกระจ่างชัดยิ่งกว่า…. และดวงตาของพวกเขาก็คล้ายเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น จนกระทั่งถึงตอนนี้ ดวงตาของพวกเขาล้วนคล้ายคนไร้สติเหมือนเสพติดยา แต่ตอนนี้ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายขณะมองไปรอบ
[นี่มัน?]
[เหมือนฝันร้ายไปเลย…]
[ใช่ ข้าก็คล้ายจําได้แบนั้น]
[พวกเรา… พ่ายแพ้ต่อดาร์คลอร์ด…]
[เวลาผ่านไปนานเพียงใดกันแล้ว?]
เหล่าดวงวิญญาณต่างพูดคุยกันคล้ายเพิ่งตื่นจากการหลับใหลหลายร้อยปี หลังจากคาร์ม่ากลืนดวงวิญญาณไป พวกเขาได้ผ่านการชําระล้างโดยการเยียวยาปาฏิหาริย์ ดวงวิญญาณเหล่านั้นจึงได้รับความทรงจําในอดีตกลับคืน สีหน้าของพวกเขาคล้ายยังสับสนกับเรื่องราวเพราะเพิ่งตื่นขึ้น
[กลุ่มก้อนพลังเวทปีศาจขนาดมหึมา… เพียงแค่ครั้งเดียว… พวกเราร่วงหล่นสู่ความมืดนิรันดร์ แต่พวกเราคล้ายได้ยินเสียงและได้รับฟังจิตใจของพวกเราที่เปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังถูกเปิดออก เป็นใครบางคนที่เปิดมันออก…!]
สายตาของเหล่าดวงวิญญาณต่างมองมายังอาร์ค ไม่ช้า เขาพลันได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง
[องค์ราชาเสด็จ ทําความเคารพ!]
[อะ… องค์ราชา!]
ดวงวิญญาณทั้งหลายกระจายตัวออกซ้ายและขวาอย่างแตกตื่นก่อนจะโค้งคํานับให้ อาร์คยังตอบสนองกับการกระทํานี้ไม่ทัน ในตอนนั้น ได้มีร่างหนึ่งเดินตัดผ่านกลุ่มคนตายเข้ามา เป็นราชาและองครักษ์ที่เขาเห็นในห้องบัลลังก์ตอนค้นหาเศษซากของดวงจันทร์ตามเบาะแส เพราะการเยียวยาปาฏิหาริย์ ตอนนี้ดวงตาของพวกเขากลับมากระจ่างใสอีกครั้งแล้ว
“พอพวกเขามีสภาพนี้แล้วเหมือนเห็นผีตัวจริงเสียงจริงเลยแฮะ…ว่าแต่มีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่านะ?”
อาร์คยังคงสงสัย ไม่ช้า ราชาคนดังกล่าวก็เข้ามาถึงตัวอาร์คอย่างรวดเร็วและคว้ามือเอาไว้
[เจ้า… เป็นเจ้า!]
“ครับ? มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
โอ้ เสียงนี้ ไม่ผิดแน่ เป็นเสียงที่นําพาพวกเราออกจากความมืดมิด เป็นเจ้านั่นเอง]