Ark The Legend - ตอนที่ 464 : สลัม
ตอนที่ 464 : สลัม
“ถ้าเราได้ทักษะที่ดีมันจะมีประโยชน์ยิ่งกว่าได้รับไอเทมหายากเสียอีก เราเสียเวลาไปวันแล้วเพื่อได้รับค่าชื่อเสียง จะท้อถอยตอนนี้ไม่ได้ ก็แค่ช่วงนี้เอง เงินกับค่าประสบการณ์ไว้ค่อยไปหาวันหลังยังได้ แต่ทักษะจะพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด”
อาร์คคุยกับตัวเองขณะเดินผ่านตรอกไป ทุกการเคลื่อนไหวของเขาตอนนี้ล้วนข้องเกี่ยวกับภารกิจคนส่งของทั้งนั้น ในขณะที่ต้องไปพื้นที่ภารกิจ ด้วยความที่เลเวลของเขาสูงกว่ามอนสเตอร์และผู้เล่นฆาตกรในละแวกนี้จึงไม่เคยเกิดปัญหาใดขึ้น เพราะแบบนั้น
อาร์คจึงไม่จําเป็นต้องเรียกราซาคหรือว่าราคาร์ดออกมา มันไม่จําเป็นต้องเรียกราชาคหรือว่าราคาร์ดออกมาให้เปลืองอาหารโดยใช่เหตุ แต่ไม่ว่าเขาจะเลเวลสูงขนาดไหน มันก็ต้องใช้เวลาในการเดินทาง เพราะแบบนั้นแล้วอาร์คจึงเลือกพึ่งพาราดัน
ราดันช่วยเพิ่มความเร็วการเคลื่อนที่ +500% เพราะแบบนั้น อาร์คจึงสามารถทําภารกิจให้สําเร็จเร็วขึ้นได้ 30% ทว่า อาร์คยังคงรู้สึกว่านี่ออกจะช้าไม่ได้อย่างใจ เพื่อให้ประหยัดเวลาขึ้นอีก อาร์คเลือกใช้ม้วนคัมภีร์ [ว่องไว] ที่จะช่วยเพิ่มความเร็วการเคลื่อน ที่ของเขาอีก 20% เป็นระยะเวลา 30 นาที
ม้วนคัมภีร์ [ว่องไว] มีเอาไว้สําหรับผู้เล่นเลเวลต่ําที่ต้องการผ่านพื้นที่อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้แล้วที่นี่ยังเป็นอาณาจักรแห่งเวทมนตร์ เพราะงั้นม้วนคัมภีร์จึงมีราคาถูกยิ่งกว่าที่ชอร์เดนเบิร์ก ม้วนคัมภีร์ทั่วไปราคาแค่ 50 เหรียญเงิน! แม้จะราคาเท่านี้แต่ก็นับเป็นสิ่งเหลือเชื่อที่คนอย่างอาร์คซึ่งไม่ยอมใช้เงินยอมควักออกจากกระเป๋า! เพราะความเหนื่อยหน่าย เงินเล็กน้อยเท่านี้จึงทําให้อาร์คยอมใช้จ่ายได้อย่างไม่มีปัญหา
ทําภารกิจเสร็จให้เงินเรามา 60 เหรียญเงิน เราใช้ม้วนคัมภีร์สองม้วนเพื่อไปกลับก็เท่ากับ 1 เหรียญทอง เราจะต้องจ่าย 40 เหรียญเงินทุกครั้งที่ทําภารกิจสําเร็จ แต่การใช้เงินตรงนี้ก็ทําให้หลายขั้นตอนมันรวดเร็วขึ้น
อาร์คเมื่อคิดได้จึงเริ่มทําการใช้ม้วนคัมภีร์ [ว่องไว] นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้งานไอเทมใช้แล้วหมดไปอย่างสิ้นเปลืองตั้งแต่เริ่มเกมเลยก็ว่าได้“เมื่อวานซื้อมา 8 ม้วน พอทําภารกิจรอบนี้เสร็จเหลือแค่ 1? ในเมื่อต้องทําอีกอย่างน้อยสี่วัน น่าจะต้องไปซื้อเพิ่มอีก 30-40 ม้วน
อย่างไรแล้ว อาร์คไม่ได้มุ่งหน้าไปยังบริเวณการค้าเพื่อซื้อม้วนคัมภีร์
“ถ้าจะต้องซื้อไอเทม ได้ช่วยเหลือคนอื่นด้วยย่อมดีกว่า”
เด็กชายที่มีสภาพการเงินยากลําบากปรากฏในความคิดของอาร์ค อาร์คได้ทราบภายหลังว่าเด็กชายที่เขาเจอในซิเอลคนแรกมีชื่อว่ารอนนี่ ในตอนนั้นอาร์คยังไม่เข้าใจภาษาบริสทาเนีย อีกฝ่ายพยายามให้อาร์คซื้อพจนานุกรมในราคา 20 เหรียญทอง ครั้งนั้นเขาเข้าใจรอนนี่ผิดไปเพราะนึกว่าโก่งราคาจนเกือบก่นด่าออกไป แต่เขาก็ต้องมาพบความจริงในภายหลังเมื่อไปที่สมาคมเวทมนตร์ อาร์คเลือกทิ้งส่วนลดที่ได้จากการซื้อพจนานุกรมที่สมาคมเวทมนตร์และมาซื้อราคาเต็มที่รอนนี่แทน หลังจากนั้นก็คล้ายมีสัมพันธ์ประหลาดผูกมัดเอาไว้ หลังทําภารกิจซ้ําซากได้เงินมาจํานวนหนึ่ง เขาจะเลือกนํามาซื้อไอเทมจากรอนนี่
“เราคิดได้แบบนี้ถือว่าหายากเหมือนกันนะเนี่ย”
อาร์คยิ้มประหลาดขณะเกศีรษะไปด้วย ความจริงเขาก็เคยพบเจอเอ็นพีซีที่น่าเวทนาในเกมมาไม่น้อย แต่ไม่ว่าจะน่าเวทนาเพียงใดพวกเขาก็เป็นเอ็นพีซีในเกม และเขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือทุกคนได้ นอกจากนี้แล้วอาร์คยังเป็นคนประเภทที่ว่า “ช่วยแล้วได้อะไร” แต่เพราะเหตุผลบางอย่างเขากลับรู้สึกถูกชะตากับรอนนี่ แม้ว่าเขาจะรู้สึกเสียใจกับเรื่องเข้าใจผิดก็ด้วย แต่อาจเพราะเด็กชายนั้นคล้ายกับเขาที่ต้องเผชิญชีวิตยากลําบาก
“อ้าว พี่อาร์คนี่นา!”
รอนนี่วิ่งเข้ามากล่าวทักทายตั้งแต่เขาเข้าไปในตรอก กระทั่งว่าใส่ชุดที่ค่อนข้างสกปรก แต่รูปลักษณ์นั้นดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว หากเทียบกับตอนแรกมาบริสทาเนียแล้ว ตอนนี้อาร์คสามารถเข้าใจภาษาได้กว่า 75%
“สบายดีไหม?”
“สบายดีเหมือนทุกวันครับ ว่าแต่มาที่นี่ทําไมเหรอครับ?”
“นี่ใช่คําพูดของคนค้าขายเหรอ? ฉันก็ต้องมาซื้อของอยู่แล้วน่ะสิ”
“ซื้อของ?”
“ใช่ นายมีม้วนคัมภีร์ [ว่องไว] ไหม?”
“ครับ? แต่เมื่อวานพี่ชายเพิ่งซื้อไปแปดม้วนนี่นา ใช้หมดแล้วเหรอครับ?”
“พี่ชายคนนี้ทํางานหนักมากเลย ครั้งนี้อยากได้อีก 30 ม้วน ไม่สิ เอามา 50 ม้วนเลย”
“ครับ 50 ม้วน?”
ม้วนคัมภีร์ 50 ม้วนเป็นมูลค่า 25 เหรียญทอง หากเป็นร้านค้าทั่วไปก็เป็นเรื่องปกติ แต่สําหรับรอนนี่ที่เปิดร้านในตรอกเช่นนี้เป็นเรื่องยากที่จะมีม้วนคัมภีร์ถึง 50 พร้อมขาย เพราะเป็นการทําธุรกรรมครั้งใหญ่กว่าที่รอนนี่คาดไว้ เขาจึงเผยสีหน้าลําบากใจออกมา
“ไม่มีเหรอ?”
“เอ่อ ไม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้น เมื่อวานพี่อาร์คเพิ่งซื้อไป 8 ม้วน เพราะแบบนั้นในร้านก็เลยเหลืออยู่ 2 แล้วผมก็ยังไม่ได้ไปซื้อมาเพิ่มเลยนะครับ”
รอนนี่ตอบอย่างอ้อมแอ้ม ทว่า อาร์คก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว อาร์คเคยทํางานในร้านค้าที่เป็นซุ้มอย่างนี้มาก่อน เขาจึงเข้าใจการทํางานภายในอยู่บ้าง ในเมื่อรอนนี่เพียงแค่ค้าขายประทังชีวิต มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีม้วนคัมภีร์มากถึง 50 ม้วน
“นายไปเอามาได้ไหม? เดี๋ยวฉันรออยู่ที่นี่”
“แต่ว่าถ้าพี่ชายต้องการ 50…”
“นายกลัวว่าฉันจะสั่งซื้อแล้วหนีไปงั้นสินะ? นั่นสินะ นายก็เป็นพ่อค้านี่นา ฉันเข้าใจ ม้วนคัมภีร์ [ว่องไว] ราคา 50 เหรียญเงินต่อม้วนใช่ไหม? 50 ม้วนก็เท่ากับ 25 เหรียญทอง ฉันให้เงินนายไปก่อนแล้วกัน เพราะแบบนั้นก็รีบไปเอามาหน่อยนะ”
“ครับ? ให้เงินก่อน?”
อาร์คส่ง 25 เหรียญทองไปให้ แน่นอนว่าอาร์คเข้าใจจุดยืนของรอนนี่ รอนนี่ขายของทั่วไป เพราะแบบนั้นแล้วเงินจํานวน 25 เหรียญทองจึงเป็นรายได้ที่ค่อนข้างมาก รอนนี่ทําการค้าแบบซื้อมาขายไป เพราะงั้นแล้วจึงต้องไปรับไอเทมจากแหล่งการค้ามาอีกทีหนึ่ง
หากรอนนี่ไม่มี 25 เหรียญทอง เจ้าของร้านจะให้รอนนี่ที่ดูสภาพคล่องไม่มากติดเงินมาก่อนหรือ?
“เราเข้าใจความรู้สึกนั้นดี”
อาร์คยิ้มให้รอนนี่ แต่รอนนี่ที่รับเงินล่วงหน้าไปแล้วกลับเผยสีหน้าอีกอัก
“เป็นอะไรไป? นายไปซื้อไอเทมไม่ได้เหรอ?”
“ผม…คือว่า…”
รอนนี่คล้ายลังเลก่อนจะหันมองหน้าอาร์คแล้วกล่าวออกมา
“ พี่ชายอาจไม่ทราบ…. ถ้าหากพี่ชายไปซื้อจากร้านค้าด้วยตัวเองจะได้ส่วนลด 5% ผมซื้อไอเทมมาและขายตามราคาที่กําหนด ม้วนคัมภีร์ [ว่องไว] ที่พี่ชายซื้อเมื่อวานก็ด้วย ถ้าซื้อหนึ่งหรือสองม้วนก็ไม่เป็นไรนะครับ แต่ถ้าพี่ชายอยากซื้อถึง 50 ม้วน ผมว่าไปซื้อที่ร้านค้าโดยตรงจะดีกว่า…”
สวรรค์!”
อาร์คต้องเผยสีหน้าประหลาดไปเพราะคําพูดของรอนนี่ นี่อีกฝ่ายไม่เข้าใจหรือว่าที่เขาให้เงินไปก่อนและค่อยไปซื้อม้วนคัมภีร์มาก็เพื่อตัวรอนนี่เอง? อาร์คไม่ต่างจากคนอื่น บางครั้งร้านค้าจะมอบส่วนลดให้หากซื้อหาจํานวนมาก ไม่สิ เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็น่าจะทราบกันดีหากได้อ่านใบปลิวหน้าร้าน แต่อาร์คก็ยังคงมาหารอนนี่เพื่อซื้อไอเทม นี่เป็นความตั้งใจของเขา กระทั่งอาร์คยังคิดว่าการกระทําของตัวเองแปลกประหลาด ถ้าหากเขาสามารถประหยัด 5% ของ 25 เหรียญทองได้ ก็เท่ากับเขาสามารถประหยัดไปได้ 1 เหรียญทองกับอีก 25 เหรียญเงิน ตามปกติแล้วอาร์คจะไม่ลังเลที่ต้องตัดสินใจแบบนั้นเลยด้วยซ้ํา กระทั่งตัวเขาเองยังประหลาดใจที่ตัดสินใจทําแบบนี้
“ไม่รู้หรอกนะว่าทําไม แต่ทําเอาเราพูดไม่ออกเลย
อาร์คเผยรอยยิ้มขึ้นขณะมองรอนนี่ แม้ว่าอาร์คจะมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่เขามีส่วนที่ไม่เหมือนรอนนี่ตรงความใจแคบของตัวเอง อาร์คส่งมอบผลกําไรให้ต่อหน้า รอนนี่กลับตรงไปตรงมายิ่งกว่า อีกฝ่ายเป็นเด็กชายบริสุทธิ์ใสซื่อที่ไม่คิดคดโกงอาร์คเลยสักนิด อาร์คถึงกับเลือกทิ้งความตรงไปตรงมาเพราะความยากลําบากในชีวิต แต่แล้วรอนนี่กลับทําให้เขาเห็นว่าแสงสว่างยังคงมีอยู่ นั่นทําให้อาร์คอดไม่ได้ที่จะต้องช่วยกระตุ้น
“เอาเถอะ ถึงจะทําให้เราดูแย่ลงบ้าง…”
“หือ? จริงเหรอเนี่ย? ปกติซื้อไม่เยอะเลยไม่รู้มาก่อนเลย”
อาร์คเผยสีหน้าแตกตื่นตกใจขณะกล่าวคําออกไป
“ขอบคุณนะที่บอกข้อมูลดี ๆ แบบนี้ให้รู้ 5% ของ 50 ม้วนก็เท่ากับ 1 เหรียญทอง 25 เหรียญเงินสินะ ถ้าซื้อ 200 ม้วนก็เท่ากับ 5 เหรียญทองสิเนี่ย? อืม ถ้ารับช่วงต่อจากหลายคนแล้วไปซื้อก็เท่ากับประหยัดเงินได้ไม่น้อยเลยสินะ? โชคดีนะเนี่ยที่นายบอกให้ฉันรู้ เพราะงั้นแล้ว”
อาร์คยิ้มให้ก่อนจะบีบจมูกรอนนี่
“นี่นายโง่หรือเปล่า?”
“โอ้ย! พี่ชาย เจ็บนะครับ”
“นายควรเรียนรู้พื้นฐานไว้บ้างนะ”
“ครับ? พื้นฐาน?”
“สําหรับพ่อค้าแล้ว พวกเขายอมเพื่อให้ได้รับผลกําไรมากขึ้นแม้สักนิด ต่อให้ฟ้าจะกําลังถล่มลงมาก็ตาม ถ้านายไม่มั่นใจในตัวลูกค้าก็ต้องพยายามกระตุ้นให้เกิดการซื้อให้ได้ ถ้านายยังทําตัวแบบนี้ต่อไปนายจะหาเงินได้ยังไงกัน?”
“ตะ-แต่ว่า…”
“เงียบเลย ฉันไม่อยากฟังแล้ว ไปเอาไอเทมมาให้ไว”
“ครับ?”
“ต่อให้ฉันรู้ว่าไปซื้อเองที่ร้านค้าได้ แต่ฉันให้เงินนายไปแล้วไว้ หลังจากนี้ฉันจะทําตามที่นายว่า เพราะแบบนั้นคราวนี้นายก็ไปซื้อมาได้แล้ว”
“พะ… พี่ชาย!”
รอนนี่มองอาร์คด้วยดวงตาปริ่มน้ําตา อาร์คถึงกับต้องเกาศีรษะตะโกนออกมาอย่างเขินอาย
“อย่าเข้าใจผิดนะ อย่าอึดอาดทําให้ฉันเสียเวลา หรือไม่อยากให้ฉันมาซื้อของจากนายอีกกัน?”
“ขะ-เข้าใจแล้วครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
รอนนี้ถูไถดวงตาด้วยแขนเสื้อก่อนจะหันกลับแล้วกําลังจะวิ่งไป ขณะนั้นเอง มีคนวิ่งมาจากอีกด้านพร้อมตะโกนร้องเรียก
“รอนนี่ รอนนี่! แย่แล้ว!”
“ครับ? คุณลุงตารุน? แย่แล้ว? เกิดอะไรขึ้นกันครับ?”
“แม่ของเธอน่ะ…”
“ครับ คุณแม่?”
สีหน้าของรอนนี้กลายเป็นขาวซีดด้วยความหวาดกลัว
ที่นี่บ้านของรอนนี่?” อาร์คมองไปรอบด้วยสีหน้าไม่คล้ายสบายใจสักเท่าไหร่ หลังได้ฟังคําของชายที่ชื่อตารุน รอนนี่ก็เร่งร้อนกลับมาบ้าน ตอนนั้น อาร์ควิ่งตามรอนนี่มาเพื่อขอเงินที่จ่ายไปคืนก่อน แต่พอนึกถึงนิสัยของรอนนี่ แน่นอนว่าอีกฝ่ายย่อมต้องคืนให้แน่ แต่อาร์คก็ต้องไปทําภารกิจต่อเช่นกัน ในเมื่อไม่มีเวลาพูดคุยกัน ท้ายที่สุดเขาจึงตามมาที่บ้านของรอนนี่
โลกของคนรวยและคนจนช่างต่างกันสุดขั้ว คนร่ํารวยแถวหน้าของเกาหลีต่างอาศัยอยู่ในสถานที่พํานักอันหรูหราที่เรียกว่าย่านกังนัม คนที่จะใช้ชีวิตอาศัยอยู่ที่นั่นได้อย่างน้อยต้องมีรายรับหลักล้านวอนต่อวันเป็นอย่างต่ํา ขณะเดียวกัน คนยากจนมักจะรวมตัวกันเพื่อเช่าห้องราคาหนึ่งแสนวอนแล้วแบ่งกันอยู่ เรื่องราวเช่นนั้นก็เป็นไปในนิวเวิลด์เช่นเดียวกัน เงินคือสิ่งสําคัญที่ขับเคลื่อน เมืองการค้าอย่างซิเอลในบริสทาเนีย พื้นที่ชายขอบของเมืองก็ยอมต้องมีสลัมสําหรับผู้ที่มีชีวิตขัดสนให้ใช้อยู่อาศัย พวกเขาเหล่านี้ กระทั่งกินอาหารให้ครบสามมื้อต่อวันยังต้องเคร่งเครียด บ้านของรอนนี่อยู่ห่างจากซิเอลประมาณสิบนาทีโดยอยู่ที่มุมหนึ่งของสลัม บ้านที่ดูค่อนข้างทรุดโทรมหลังนี้ถูกสร้างขึ้นจากการนําไม้กระดานมาปะติดปะต่อกัน
“แม่ครับ!”
รอนนี้โยนกระเป๋าให้พ้นตัวทันทีเมื่อถึงบ้านพร้อมรีบวิ่งไปที่เตียง เครื่องใช้ในบ้านหลังนี้มีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือหม้อเก่า หญิงวัยกลางคนกําลังไออยู่บนที่นอนไม้สานตรงมุมหนึ่งของบ้านไม้แห่งนี้มองเพียงแค่ครั้งเดียวก็ทราบว่าอีกฝ่ายปวย แม่ของรอนนี่มีจุดสีดํา และแดงตามร่างกายใบหน้านั้นค่อนข้างซีดเผือดทั้งยังมีเหงื่อไหล
มาก
“แค่ก แค่ก แค่ก ระ-รอนนี่ รอนนี่”
“แม่ครับ ผมอยู่นี่! ผมเองครับ! รอนนี่!”
“อา รอนนี่ รอนนี่ ลูกแม่…”
หญิงวัยกลางคนร่างสั่นขณะพยายามเอื้อมมือไปคว้าตัวรอนนี่เอาไว้ รอนนี่ก็ไม่อาจอยู่เฉยจนต้องร้องตะโกน
“ยาแก้ปวด ยาแก้ปวด!”
“แม่ของเธอกินยาแก้ปวดไปแล้ว… แต่ว่า…”
“แม่… แม่ครับ!”
รอนนี่ร้องออกเพราะคําตอบของตารุน ในตอนนี้ร่างกายของหญิงวัยกลางคนโค้งงอประหนึ่งคันธนูขณะคร่ําครวญร้องออกมา อาร์คเมื่อได้เห็นก็ถึงกับใจหล่นวูบ หญิงวัยกลางคนที่ร่างสั่นอย่างเจ็บปวดและลูกชายที่กุมมือเอาไว้อย่างไม่ทราบว่าจะทํายังไงดี! เขาเคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน ไม่สิ เขาเคยประสบพบเจอมันด้วยตัวเอง ภาพที่เขาไม่เคยลืมคล้ายฉายชัดตรงหน้า แม่ของเขากําลังนอนอยู่ในห้อง ICU โดยเขาทําได้เพียงแค่ภาวนา ความโกรธและความผิดหวังของอาร์คในตอนนั้นแทบไม่สามารถบรรยายเป็นคําพูดได้ เขารู้สึกกลัวอย่างแท้จริงเพราะเห็นภาพที่คล้ายกันกําลังปรากฏตรงหน้า
ให้ตายสิ”
กระทั่งว่าเขาประสบมันมาด้วยตัวเองหลายครั้ง เขาก็ยังทําใจคุ้นชินกับมันไม่ได้สักที ความรู้สึกไม่สบายใจเข้าถาโถมอาร์คจนต้องหลับตาหันมองไปทางอื่น ทว่าเขาจะแสร้งทําเป็นไม่เห็นก็ไม่ได้
“ถ้าเราไปตอนนี้จะยิ่งแย่ลง!”
อาร์คเคยรักษาผู้คนที่ปวยไข้ในนิวเวิลด์มามากมาย เขารับรู้ได้ดีถึงสถานการณ์อันตรายตรงหน้า หากเป็นโลกแห่งความจริงมันก็คงจบที่เขาไม่สามารถทําอะไรได้ แต่ที่นี่ไม่ใช่โลกแห่งความจริง ฮยอนอูเป็นแค่ชายคนหนึ่ง แต่อาร์คคือผู้ที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ เขามีทั้งการทําอาหารและยังเป็นผู้เยียวยา! อาร์คขยับตัวรอนนี้ให้พ้นทางก่อนจะคว้ามือหญิงวัยกลางคนไว้
“ต้องมีกําลังใจนะครับ ผมทราบดีว่ามันเจ็บปวด คนอื่นอาจไม่เข้าใจ แต่ผมเข้าใจดีกว่าใคร ผมจะไม่พูดว่าเข้าใจความเจ็บปวดนั้น ใครในโลกกันที่จะสามารถเข้าใจความเจ็บปวดของผู้อื่น? แต่ผมทราบครับ ผมทราบดีถึงความเจ็บปวดที่ต้องเห็นคนที่รักคุณต้องเจ็บปวดและไม่สามารถทําอะไรได้”
“อา รอนนี่ รอนนี่”
“ใช่ครับ เข้มแข็งเข้าไว้เพื่อรอนนี่นะครับ!”
อาร์คที่กุมมือหญิงวัยกลางคนเอาไว้กําลังพยายามภาวนาและมอบความหวังไปพร้อมกัน แสงสว่างสลัวเริ่มปรากฎรอบมือที่เขากุมเอาไว้ แสงนั้นเริ่มยื่นขยายประหนึ่งโคมไฟที่ส่องสว่างในห้องและไหลเข้าสู่ร่างของหญิงวัยกลางคน ความเจ็บปวดคล้ายเริ่มคลายออก ขณะลมหายใจกลับมีปกติอีกครั้ง ผ่านไปพักหนึ่ง ลมหายใจเริ่มกลับมาสงบและค่อยหลับไปในที่สุด นี่คือผลลัพธ์ของการเยียวยาขั้นสูงที่สามารถรับมือกับอาการที่ค่อนข้างวิกฤตได้ ตารุนและรอนนี่ต่างมองอาร์คด้วยความอึ้งทั้ง
“โอ้! กระทั่งยาแก้ปวดยังไม่ต้องใช้!”
“พะ-พี่ชาย ขอบคุณครับ!”
“นี่ไม่ใช่การรักษา…”
“ผมรู้ครับ แต่… หลังจากมีอาการชัก แม่ก็เริ่มแย่ลง ได้เห็นแม่นอนหลับกับสีหน้าผ่อนคลาย… ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ”
รอนนี่ร้องออกทั้งใบหน้านองน้ําตาขณะพยายามโค้งให้ครั้งแล้วครั้งเล่า หน้าอกของอาร์คก็ต้องสั่นทุกครั้งที่อีกฝ่ายโค้งให้ นานมาแล้ว อาร์คเคยทําเช่นเดียวกันนี้กับหมอผู้ให้การรักษา หลังจากที่โค้งให้เรียบร้อย รอนนี่คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะนําเงินออกมาคืนให้
“ผมต้องขอโทษด้วยครับ นี่เงินของพี่ชายครับ วันนี้ผมต้องขอโทษจริงๆครับ”
“ไม่เป็นไร ม้วนคัมภีร์เดี๋ยวฉันไปซื้อเอง นายก็ดูแลแม่ให้ดีนะ”
รอนนี่พยักหน้ารับและไปนั่งลงข้างที่นอน เด็กชายนําผ้าขนหนูมาเช็ดที่ใบหน้าของแม่ อาร์คที่ไม่อาจทนดูต่อได้จึงออกจากบ้านไป