Ark The Legend - ตอนที่ 358 : หน่วยรบพิเศษ (3)
“ไม่มีทางอื่นแล้วนี่นะ”
แชมบาร่าพูดกับตัวเองขณะหันไปมองอาร์ค
“เอาแบบนั้นก็ได้ ฉันไปด้วยใช่ไหม?”
“แน่นอน เป้าหมายครั้งนี้คือฐานของศัตรู จํานวนในความเห็นของฉันไม่ช่วยอะไร การไปเป็นกองกําลังใหญ่จะยิ่งแย่ พวกเราจะใช้แผนการโจมตีแล้วซึ่งโดยใช้กลุ่มคน ขนาดเล็กจะเหมาะสมกว่าเพราะแบบนั้นจึงต้องการเฉพาะหัวกะทิกลุ่มเล็กที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว แม้จะไม่อยากพูดก็เถอะ แต่ฉันยอมรับว่านายเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งมาก”
“งั้นฉันขอไปด้วย”
“ฉันด้วย ไม่มีทางพลาดเรื่องนี้แน่”
กลุ่มทัณฑ์บนรีบขันอาสายกมือขึ้นโดยทันทีเมื่อแผนการนี้ได้บอกต่อออกมา ก็เหมือนอย่างที่เขากล่าว มันจะดีกว่าหากเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มเล็กเพื่อปฏิบัติการ หากพวกเขาคิดอยากลักลอบผ่านไปได้โดยไม่ถูกตรวจพบก็ต้องมีคนจํานวน ไม่เกินหลักสิบ และอาร์คก็เลือกคนที่อยากให้ร่วมทางไว้ ด้วยในหัวเรียบร้อยแล้ว นอกจากแชมบาร่าที่พึ่งพาได้แล้ว อีกคนที่เขาต้องการมากที่สุดคือลาริเอ็ตเต้เพราะเธอมีเวทมนตร์ฟื้นฟู จัสติสแมนเองก็เป็นคนที่พึ่งพาได้ แต่การฟื้นคืนชีพให้ต้นไม้โลกจะไม่อาจเป็นไปได้หากพาจัสติสแมนออก จากป้อมปราการเขาจึงตัดสินใจเลือกสมาชิกที่มีเลเวลสูงที่ สุดซึ่งก็คือ บัลคุน ตอกแด จักตู แยปแซบ แฮกยอลซา และ ทัสซ่า
เลเวลเป็นสิ่งจําเป็นจริง แต่งานนี้ต้องมีความเข้าขากัน ด้วยดีเช่นกัน มีนักรบเผ่าบารันหลายสิบคนอยากตามพวกเขาไปด้วย แต่นั่นอาจเป็นอันตรายต่อแผนการลักลอบเข้า ไปของพวกเขา ดังนั้นแล้วนักรบเผ่าบารันทั้งสิ้นสิบคนจึงได้รับหน้าที่นําทางเพื่อผ่านภูเขาทางเหนือไป ท้ายที่สุดกลุ่มลักลอบบุกฝ่าฐานทัพของศัตรูเพื่อฟื้นคืนชีพต้นไม้โลกจึงมีทั้งสิ้นสิบเก้าคน
‘โอกาสมีเพียงครั้งเดียว!’
อาร์คเริ่มเตรียมความพร้อมขณะเริ่มตรวจสอบอุปกรณ์สวมใส่ของตัวเอง
“โชคชะตาของโลกใต้พิภพนั้นต้องฝากไว้บนไหล่พวกนายแล้ว”
จัสติสแมนกล่าวอย่างเชื่อมั่นขณะส่งมอบเม็ดยาสไลม์อม ตะให้สมาชิกกลุ่มทัณฑ์บน ระหว่างช่วงว่างในโลกใต้พิภพ จัสติสแมนได้จัดทําเม็ดยาสไลม์อมตะขึ้นมาแต่เขายังตัด สินใจไม่ได้ว่าจะให้ใครได้กินก่อนดี แต่เพราะสถานการณ์นำพากลุ่มคนที่ถูกเลือกให้ปฏิบัติการในครั้งนี้ทั้งหกจึงได้รับผลประโยชน์ไป
“โห เจ้านี่มันวิเศษขนาดนี้เลย? ความสามารถถึงกับเพิ่มขึ้นทันที!”
บัลคุนถึงกับอ้าปากเหวอกว้างขณะรับชมผลลัพธ์ของเม็ดยาสไลม์อมตะ คนที่เหลือต่างก็มีอาการเช่นเดียวกัน หน่วยบุกรบพิเศษตอนนี้เตรียมการเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขากําลังเตรียมขึ้นขี่ด้านหลังปลากระเบนบินได้กันอยู่ ขณะนั้นจัสติสแมนพลันกล่าวคําขึ้นมา
“ภูเขาทางเหนือมีดราเค็นที่เผ่านาคูจักใช้ตรวจตราอยู่มาก นับว่าไม่ใช่เส้นทางง่ายดายเดินทาง เพราะงั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจของเผ่านาคูจัก พวกนายใช้เส้น ทางช่องแคบในหุบเขาเพื่อมุ่งหน้าไปยังภูเขาทางเหนือจะดีกว่า”
“เข้าใจแล้วครับ”
“โชคดี”
หน่วยรบพิเศษทําความเคารพให้ขณะโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าจากนั้นจัสติสแมนจึงก้าวถอยและหันกลับไป เผ่าบารันนับพันตอนนี้ก็รวมตัวกันอยู่ในจัตุรัสของป้อมปราการพร้อมโบกมือส่งเสียงโห่ร้องให้กําลังใจ
“โอ้ โอ้ โอ้!”
“ผู้บัญชาการอาร์ค พวกเราหวังให้ท่านโชคดี!”
วูบ!
สายลมที่พัดพาจนคมกริบแทบเชือดเฉือนผิวหนัง ความกดวันนี้ไม่ต่างกับโดนสัตว์ร้ายเข้าโจมตี
“ก้มร่างลงต่ําและเหยียดไปด้านหน้า ถ้าโดนลมพัดไปก็เท่ากับจบสิ้น!”
อาร์คตะโกนจากแผ่นหลังปลากระเบนขณะต้านทานสายลมไปด้วย พวกเขาตอนนี้กําลังหลบเลี่ยงหูตาของเผ่านาคูจัก เพราะแบบนั้นกลุ่มของอาร์คจึงต้องบินอ้อมภูเขาโกลคิตั้งแต่ออกจากป้อมปราการ จนท้ายที่สุดก็มาถึงหุบเขาแห่งเขี้ยวในช่วงกลางวัน เพื่อข้ามผ่านภูเขาทางตอนเหนือ การผ่านหุบเขาแห่งเบี้ยวคือช่องทางเดียวที่เชื่อมต่อพื้นที่ทางเหนือและใต้ อีกทั้งยังไม่ใช่เส้นทางที่ใครใคร่อยากมานัก การจะข้ามผ่านไปยังภูเขาทางเหนือตามปกตินั้นไม่ต่างกับการฝาเขาวงกต เช่นเดียวกับหุบเหวแห่งความสิ้นหวังระหว่างทางมีกองกําลังเผ่านาคูจักคอยตรวจตราตลอด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ปลากระเบนบินได้เพื่อลัดเลาะให้หลุดพ้นสายตาของการลาดตระเวนไปได้ นอกจากนี้ พวกมันยังอาจแจ้งต่อศูนย์บัญชาการหากอาร์คพยายามฝืนฝา ไป นั่นจะยิ่งทําให้เรื่องยากลําบากมากขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึงต้องการนักรบเผ่าบารันร่วมทางมาเพื่อนําทาง
“หุบเขาแห่งเขี้ยวเป็นเส้นทางลับ เผ่านาคูจักไม่รู้เรื่องนี้ มันคือสถานที่ซึ่งอันตรายเป็นอย่างยิ่ง แต่มีข้อดีคือจะไม่โดนตรวจพบโดยเผ่านาคูจัก”
นักรบเผ่าบารันชี้ไปยังเส้นทางลับซึ่งเป็นถ้ําลึกภายในหุบเขาแห่งเขียว เป้าหมายอยู่บนหน้าผาสูงชันยิ่ง หากไม่มีปลากระเบนบินได้พวกเขาย่อมไม่มีทางเข้าไป และเมื่อไหร่ที่ผ่านเส้นทางภายในถ้ําไปได้ พวกเขาก็จะไปถึง อาเกรอน ที่ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของเผ่านาคูจัก อีกทั้งยังเป็นปราสาทเก่าของเผ่าบารัน
“ได้ งั้นก็ไปเส้นทางนี้”
อาร์คบังคับให้ปลากระเบนบินได้มุ่งไปยังถ้ําดังกล่าวขณะหน้าต่างข้อความปรากฏขึ้นทันทีเมื่อเข้าสู่รัศมีถ้ํา
ถ้ำลาวาลับภายในหุบเขาแห่งเขี้ยว
ท่านได้พบเจอถ้ำลาวาลับภายในหุบเขาแห่งเขี้ยวที่ซับซ้อนดังวงกต
เผ่าบารันใช้ถ้ำนี้เป็นเส้นทางหลบหนีจากทางภาคเหนือเมื่อนานมาแล้ว ด้วยกาลเวลาที่ผ่านไปนานยิ่ง ถ้ําแห่งนี้จึงเกิดความเปลี่ยนแปลงเพราะลาวาที่ปะทุผ่าน เสียงร่ํา ร้องของสัตว์อสูรสามารถได้ยินทั่วทั้งแนวถ้ำ นับว่าเป็นเส้นทางที่ไม่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง
=====
“เอ่อ? ดูเหมือนถ้ําแห่งนี้จะเปลี่ยนไปมาก”
นักรบเผ่าบารันคล้ายสับสนขณะมองไปรอบถ้ําที่เปรียบ ดั่งเขาวงกตอันซับซ้อน หน้าต่างข้อมูลที่ปรากฏอยู่นี้หมายความว่ากาลเวลาได้ผ่านไปนับร้อยปี ภายในถ้ําจึงเกิดความเปลี่ยนแปลงไปมาก นอกจากนี้ กระทั่งนักรบเผ่าบารันคนนี้ ก็ไม่เคยเห็นถ้ําของจริงมาก่อนเอกสารที่เกี่ยวข้องหรือแผน ที่ของถ้ําแห่งนี้เป็นสิ่งที่ตกทอดจากบรรพบุรุษซึ่งวาดเส้นทางหนีจากภาคเหนือเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว เพราะเหตุนี้ ทั้งก ลุ่มจึงต้องใช้เวลาออกสํารวจถ้ำ อีกทั้งยังมีหินงอกหินย้อยที่ คมกริบปรากฏทั่วทั้งภายในถ้ำมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหากคิด จะบินผ่านถ้ําไปขณะหลบเลี่ยงหินพวกนั้นไปด้วย
“และสิ่งที่ทําให้หัวร้อนที่สุดก็คือความร้อนพวกนี้”
ความเป็นจริงแล้วที่ทําอาร์คเหนื่อยยากยิ่งกว่าอื่นใดคือคลื่นความร้อน ถ้ำแห่งนี้นักรบเผ่าบารันนําทางให้พวกเขาก็จริง แต่มันก็มีธารลาวาไหลผ่านพื้นถ้ําแห่งนี้ด้วยเช่นกัน สายลมกระโชกยังคงพัดพาลมร้อนมาอย่างไม่ขาดสาย ราวโดนไดร์เป่าผมงี้อยู่ตลอดเวลา มันทําให้ผิวหนังร้อนจน แทบสุกและพองออกได้ อาร์คต้องปาดเช็ดคราบเหงื่อขณะหน้าต่างข้อมูลปรากฏอีกครั้งแจ้งความเปลี่ยนแปลง
เพราะความร้อนเป็นอย่างมากความเหนื่อยล้าของท่านเพิ่มขึ้น 10%!
มันคือหน้าต่างข้อมูลที่ปรากฏตั้งแต่พวกเขาเข้ามายังถ้ำ แห่งนี้ช่วงแรกเลยด้วยซ้ำ นับว่าครั้งนี้เป็นขั้วตรงกันข้ามกับ ‘ความหนาว’ ที่เขาพบเจอครั้งแรกตอนเข้ามายังโลกใต้พิภพความเหนื่อยล้าสามารถลดน้อยลงได้ผ่านการพักในสถานที่ ซึ่งอยู่ห่างจากความร้อน ทว่าถ้ำแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยหินแหลมคมตลอดเส้นทาง กระทั่งลาวาไหลผ่านด้านล่างถ้ำ แต่มันก็ไม่มีสถานที่ดังกล่าวให้พักเลยสักนิด เพราะเหตุนี้ความ เหนื่อยล้าของอาร์คจึงสะสมเป็น 40% แล้ว
“บ้าบอ ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้หินพวกนี้”
ถ้าหากพวกเขาโดนหินแหลมคมเหล่านี้แทงเข้าใส่สักที สภาพคงไม่ต่างกับไก่ที่โดนย่างทั้งตัว ไม่สิ ต่อให้ไม่มีหินพวกนี้ตอนนี้พวกเขาก็แทบจะกลายเป็นไก่อบในเตาอยู่แล้ว
“โอ๊ะ ตรงนี้เหมือนที่ระบุไว้ในแผนที่ โชคดีที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปมาก!”
“พวกเราเกือบถึงแล้ว อดทนไว้!”
เพื่อนร่วมทางของอาร์คต่างก็เหนื่อยล้าเช่นกันขณะเดินตามนักรบเผ่าบารันที่ส่งเสียงให้กําลังใจ
‘บ้าบอ ไม่รู้สึกอะไรก็พูดได้สิ’
ความเป็นจริงแล้ว เผ่าพันธุ์มิวทัลไม่มีความรู้สึกด้านความร้อนหรือความเย็น อุณหภูมิสุดของโลกใต้พิภพมักเกิดความเปลี่ยนแปลงตลอด เพราะแบบนั้นร่างกายของพวกเขาจึงเกิดการปรับตัวเพราะสภาพแวดล้อม ดังนั้นแล้วนักรบบารัน ที่กําลังส่งเสียงให้กําลังใจอยู่นี้ไม่ต่างอะไรกับใช้คําพูดเชือดเฉือน แต่ปัญหาของจริงมันเพิ่งเริ่มเท่านั้น
‘ถ้าเรากินบิงซูสักถ้วย อาการน่าจะดีขึ้น…แต่นี่มันไม่มีที่ให้ร่อนลงได้เลย…’
อาร์คยังคงสอดส่องสายตามองไปรอบ ฉับพลันนั้นเขากลับพบร่างสีดําสะดุดตากําลังเข้ามาใกล้จากภายในถ้ำ อาร์ค เริ่มจ้องมองร่างสีดํานั้นอย่างโง่งมจนกระทั่งต้องโพล่งตะโกนขึ้นมา
“ดะ-ดราเค็น?”
คว๊ากก!
อาร์คตะโกนเสียงดังขณะดราเค็นส่งเสียงคํารามดังลั่นถ้ำ นักรบบารันที่ออกนําปาร์ตี้อยู่ถึงกับส่งเสียงร้องใบหน้าซีดเผือด
“ดะ-ดราเค็นปา!”
ตอนนี้ฝูงดราเค็นราวสิบตัวกําลังเข้ามาใกล้พวกเขาจากทางด้านหน้า
“บ้าบอที่สุด ลมหายใจตอนนี้ก็แทบจะเผาปอดพอแรงแล้ว.. ตั้งขบวนจู่โจม!”
อาร์ค แชมบาร่า สมาชิกกลุ่มทัณฑ์บน ลาริเอ็ตเต้ และ นักรบบารันต่างทั้งขบวนทัพโดยทันที ศูนย์กลางของขบวน ทัพคือคุ้มกันลาริเอ๊ตเต้ที่สามารถใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูได้ คนอื่น ที่รายล้อมจะโจมตีออก อาร์คน้ําดาบออกมาขณะร้องตะโกนถามนักรบบารัน
“ทางออกอยู่อีกไกลแค่ไหน?”
“ในแผนที่ไม่ไกลเท่าไหร่ น่าจะราวหนึ่งกิโลเมตร ดราเห็น พวกนี้น่าจะเป็นเจ้าถิ่น พวกมันคงไม่ไล่ล่าเราต่อหากออกไปนอกพื้นที่ได้แล้ว”
“ดี แชมบาร่าเร่งบุกทะลวงให้ผ่านในรอบเดียวเลย คมดาบแห่งความมืด!”
“ได้ อุกกาบาตกระหน่ํา!”
แชมบาร่าและอาร์คต่างพุ่งออกไปด้านหน้าเปรียบดั่งหัว ธนูพร้อมฟาดฟันอาวุธเข้าใส่ ทัสซ่าและจักตูจะคอยจัดการดราเค็นจากแนวหลังด้วยปืนใหญ่ อย่างไรแล้วตอนนี้สิ่งที่ต้องทําคือแหวกแนวดราเห็นออกก่อนที่จะโดนพวกมันปิดล้อม เอาไว้จนสายเกินไป