Ark The Legend - ตอนที่ 400 : แวมไพร์ปะทะแวมไพร์
ตอนที่ 400 : แวมไพร์ปะทะแวมไพร์
“ พร้อมนะครับ?”
“ พวกเราพร้อมแล้ว”
ผู้อาวุโสเผ่าวูล์แรงพยักหน้ารับคําถามของอาร์ค ในป่าที่มืดมิดเบื้องหน้าปราสาทของคารากุล มนุษย์หมาป่าสีเงินนับร้อยกําลังรวมตัวกันอยู่ พวกเขาสวมใส่สร้อยคอที่มีหินดวงจันทร์กําลังส่องประกายอยู่ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่อาร์คมอบให้
“เวลาจํากัดแค่สามสิบนาทีเท่านั้นนะครับ”
“พวกเรารู้ดี”
แม้หินดวงจันทร์จะมีพลังเปลี่ยนร่างให้พวกเขา แต่พลังของหินดวงจันทร์ก็เหมือนถ่านไฟฉาย มันสามารถแห้งเหือดได้ ดังนั้นแล้วจึงมีการทดสอบเวลาที่สามารถใช้งานอาร์คได้ ทดสอบตั้งแต่ก่อนออกมาเรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์คือเขาสามารถทําให้เผ่าวูล์แรงคงสภาพร่างกายเอาไว้ได้แค่สามสิบนาทีเท่านั้น
“สามสิบนาทีนับว่าไม่มากนัก แต่เป้าหมายของเราก็ไม่ใช่การกําจัดศัตรูทั้งหมด แค่เข้าถึงตัวคาราคุลภายในสามสิบนาทีก็พอ
“ครั้งนี้ไม่ใช่การศึกที่ง่าย”
“พวกเราต่างเตรียมตัวกันมาแล้ว พวกเรายินยอมพร้อมใจตาย แต่ว่า…”
ผู้อาวุโสเช็ดคราบออกจากจมูกเล็กน้อยก่อนเอ่ยคําถามอย่างรวดเร็ว
่ “ ไอ้นั่น” จะใช้ได้จริงเหรอ?”
“เชื่อผมเถอะครับ”
อาร์คยิ้มรับขณะเริ่มอธิบายแผนการ
“นอกจากผู้อาวุโสและชั้นหัวกะทิสิบคน กองกําลังที่เหลือให้กระจายตัวไปยังพื้นที่สําคัญภายในปราสาท แต่อย่ากระทําอะไรอย่างไร้เหตุผลนะครับ เหมือนที่ผมบอกไปแล้ว เป้าหมายของเราไม่ใช่จัดการศัตรูทั้งหมด ถ้าหากเห็นว่ามันอันตรายก็ให้ถอนตัว”
“แต่ถ้าหากยุทธการครั้งนี้ล้มเหลว มันจะไม่อันตรายหรือที่เส้นทางถอยของเจ้าถูกปิด?”
“ผมไม่คิดถอยต่อให้แผนการนี้ล้มเหลวก็ตามครับ”
“แบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นผู้สืบทอดผู้กล้ามาบัน”
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้กําลังลุกโชนอยู่ภายในดวงตาของชาววูล์ฟแรงเมื่อได้รับคําตอบจากอาร์ค ถ้าหากผู้บัญชาการเผยความแน่วแน่ไม่คิดยอมแพ้แม้เผชิญหน้ากับความตาย ย่อมเป็นธรรมดาที่ขวัญกําลังของทัพทหารจะเพิ่มสูงขึ้น
“เวลาไม่คอยท่า ไปกันเถอะครับ”
“เข้าใจแล้ว นักรบวูล์แรงทั้งหมดเตรียมตัวพร้อมรบ! จงเตรียมเขี้ยวและกรงเล็บให้พร้อม!”
“โอ้!”
ชาววูล์แรงพลันร้องตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน
“ราดัน ไป!”
ซื่อ ซื่อ ซื่อ !
ราดันเปลี่ยนร่างขณะพุ่งตัวออกไปฝุ่นตลบนาพาอาร์คมุ่งสู่ปราสาทตามคําสั่ง นักรบวูล์แรงอีกหนึ่งร้อยชีวิตก็ตามติดมาพร้อมขนสีเงินที่พลิ้วไหวไปกับสายลม เหล่าทหารยามที่เฝ้าระวังอยู่ร้องตะโกนออกด้วยความแตกตื่นเมื่อพบเห็น ชาววูล์แรงเข้ามาใกล้เนิน
่
“พะ-พวกมัน?”
“เป็นปีศาจเลือดอาณาเขตแห่งอื่นเข้าบุกรุก?”
“ไม่ถูกต้อง พวกมันคือวูล์แรงจากหมู่บ้านใกล้ชายหาด แต่ไม่ใช่ว่าความสามารถพวกมันโดนผนึกไว้? พวกมันเปลี่ยนร่างกลับคืนได้ยังไงกัน?”
“เร็วเข้า! ไปแจ้งต่อท่านเอิร์ล! เข้าขวางพวกมันไว้!”
เหล่าทหารยามปลดผิวหนังมนุษย์ออกขณะเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจเลือดร้องตะโกนกันไม่ขาดสาย
“ช้าไป คมดาบแห่งความมืด!”
ครืน ครืน ครืน!
ราดันเร่งความเร็วพุ่งเข้ามาปะทะเข้ากับปีศาจเลือด ขณะเดียวกันนั้นเอง อาร์คพลันกระโดดข้ามผ่านปีศาจเลือดพุ่งเข้าสู่พื้นที่ปราสาทขณะหันกลับมาฟันด้วยคมดาบแห่งความมืด การโจมตีในระดับนี้ การตอบสนองช้าไม่ต่างกับรอคอยความตายเข้าถึงตัว การโจมตีจากทางด้านหลังนั้นสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล อีกทั้งเขายังใช้งานสกัดกั้น XX เข้าไป ปีศาจเลือดพลันร่างสันขณะโดนความเจ็บปวด เข้าที่มแทงจุดที่ไม่เคยเจ็บปวดเป็นครั้งแรก
“อั่ก มะ มัน!”
ฟบ พี่บ!
ปีศาจเลือดพยายามเหวี่ยงง้าวเข้าใส่อาร์ค ทว่าชาววูล์แรงพลันเข้ามาขวางและโจมตีเข้าใส่ปีศาจเลือดได้อย่างทันท่วงที การต่อสู้ไปด้วยหลบไปด้วยตามแบบชาวเหมียวนั้นช่วยให้การโจมตีสวนกลับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทว่ารูปแบบการต่อสู้ของชาววูล์แรงนั้นเรียบง่าย พวกเขาเรียกรุกเข้าทางด้านหน้าโดยใช้พละกําลังและร่างกายอัน แข็งแกร่งเข้าขยี้ปีศาจเลือดจนกลายเป็นก้อนเนื้อด้วยเขี้ยวเล็บปีศาจเลือดพยายามตอบโต้ด้วยง้าว ทว่าเหล็กกล้านั้นหาได้นับเป็นอะไรกับพลังอํานาจการป้องกันของชาววูล์แรง พละกําลังและพลังชีวิตของพวกเขาเป็นที่หนึ่งในเผ่าพันธุ์ ปีศาจเลือดต่างร่างกายฉีกเป็นชิ้นภายใต้การโจมตีร่วมของเผ่าวูล์แรง
เสียงหอนดังขึ้นจากปากของชาววูล์แรง ครั้งอดีต ชาววูล์แรงได้เข้าน้ํานั่นปีศาจเลือดและต้อนคาราคุลเข้าจนมุมมาแล้ว
“นี่ไม่ใช่เวลามาหอนนะครับ!”
เมื่อพวกเขาคล้ายสติกลับคืนจึงเริ่มดําเนินแผนการต่อ
“ผู้บุกรุก!”
เมื่อเข้ามาภายในปราสาท เหล่าทหารยามต่างก็เตรียมพร้อมแปลงกายเป็นปีศาจเลือดรออยู่ก่อนแล้ว ด้วยภาพลักษณ์ของปีศาจเลือดและจํานวน หากพบเห็นเป็นครั้งแรกย่อมต้องหวาดกลัว ทว่าอาร์คกลับเมินเฉย เขาต้องเข้าถึงตัวคาราคุลที่อยู่ชันสิบให้ได้ก่อนเวลาสามสิบนาที่จะหมดลง ตอนนี้ไม่มีเวลาให้เขาสนใจสิ่งอื่นใดอีกต่อไปแล้ว
“หน่วยหนึ่ง ฝากจัดการชั้นหนึ่งด้วยครับ!”
่ ่
ชาววูล์แรงสิบคนกระจายตัวออกไปตามคําสั่งของอาร์ค สิบเมตรที่ชาววูล์แรงพุ่งกายผ่าน มันจะเกิดขึ้นเป็นหยาดโลหิตและเศษเนื้อกระเซ็นไปทั่วทุกที่ พวกเขาที่โดนสะกดพลัง และเกียรติยศเอาไว้นานจึงปล่อยมันออกอย่างไม่คิดถ่วงรั้ง ทว่าเรื่องราวนี้กลุ่มอาร์คและชาววูล์แรงที่เหลือหาได้ หันกลับมามองเพราะต้องมุ่งหน้าไปต่อ
“ชั้นนี้ หน่วยที่สองฝากจัดการด้วย!”
เป็นอีกครั้ง ชาววูล์แรงสิบคนกระจายตัวออกเข้าควบคุมพื้นที่ อาร์คออกคําสั่งให้ชาวล์แรงสิบคนกระจายตัวออกในทุกชั้นที่ต้องผ่านเพื่อให้ขึ้นไปยังชั้นถัดไปได้โดยไม่ต้องหยุด จํานวนของปีศาจเลือดที่ชั้นห้ากลับกลายเป็นมากถึงสองเท่า มันเป็นจํานวนที่หน่วยเพียงหนึ่งซึ่งจัดเตรียมไว้สิบคนไม่อาจรับมือ แม้กระนั้นพวกเขาก็ยังต้องไปต่อ พวกเขาจะทิ้งชาววูล์แรงไว้สิบคนในแต่ละชั้น เมื่อจํานวนศัตรูมากขึ้นยิ่งรับมือได้ยาก กลุ่มหลักตอนนี้จํานวนยิ่งมายิ่งน้อยลง ระหว่างที่ขึ้นผ่านบันไดฝากลุ่มปีศาจเลือดไป หากคิดเป็นห่วงจะกลายเป็นพวกเขาที่อยู่ด้านหลังคือภาระ พวกเขาไม่มีเวลาให้ห่วงหา หากพวกเขาหยุดตรงนี้เพียงครู่เดียว พวกเขาจะโดนปีศาจเลือดปิดล้อมเอาไว้
อย่างไรแล้วไม่ใช่ว่าพวกเขาก็เป็นเผ่าวูล์แรงหรือไร? ต่อให้โดนศัตรูเข้าปิดล้อม ก็ไม่มีชาววูล์แรงคนใดร้องขอความช่วยเหลือ กลับกัน พวกเขายิ่งมายิ่งตั้งใจโจมตีใส่ปีศาจเลือดแม้ลมหายใจสุดท้าย เพราะเหตุนั้น อาร์คจึงสามารถทะลวงผ่านกลุ่มปีศาจเลือดมาได้จนกระทั่งถึงชั้นที่สิบ แต่หลังผ่านชั้นที่เก้ามา ก็เหลือชาววูล์แรงเพียงแค่สิบคนกับกลุ่มหลัก อีกทางหนึ่ง โถงตรงหน้าคือปีศาจเลือดนับห้าสิบชีวิต
“พวกมันมาได้ถึงนี่เชียว!”
“ขวางพวกมันไว้! อย่าให้พวกมันได้เข้าถึงห้องท่านเอิร์ล คาราคูล!”
“ไสหัวไปไอ้ด!”
อาร์คใช้ทักษะข่มขู่ขั้นสูงเข้าใส่ เหล่าปีศาจเลือดที่รวมตัวกันอยู่พลันชะงักตัวแข็งค้าง
“เป้าหมายอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้ว พวกเรา สู้”
เขายังใช้การเยียวยาขั้นสูงเพื่อฟื้นคืนความเหนื่อยล้า ของชาววูล์แรงอีกด้วย
“โอ้! ถึงเวลาแล้ว! แสดงให้พวกมันได้เห็นพละกําลังของ เผ่าวูล์แรง!”
“จงอย่าเกรงความตาย บดขยี้พวกมัน!”
“อยู่เฉยไม่ต่างกับตายเปล่า! จงตายอย่างมีเกียรติ!”
อาร์คและชาววูล์แรงต่างโบกสะบัดดาบเพื่อทะลวงผ่านกลุ่มปีศาจเลือด คมดาบที่ตอนนี้ต่างฟาดฟันออกทุกหนแห่ง! ชาววูล์แรงได้ออกนําพุ่งเข้าใส่กลุ่มปีศาจเลือด โดยทันที จากนั้น พวกเขาถึงกับอ้าแขนออกกว้างเข้าคว้าปีศาจเลือดสี่ถึงห้าตัวเอาไว้ก่อนกระโดดออกหน้าต่างไป
“พวกเราไม่ใช่อาหารแวมไพร์! แค่วูล์แรง!”
“ผู้ค้นหาความจริงจงรับชมให้ดี พวกเราคือวูล์แรง!”
สถานการณ์กลายเป็นยุ่งเหยิงเมื่อพวกวูล์แรงที่เหลือต่างกระทําตามโดยการกระโดดออกนอกหน้าต่าง มันเป็นภาพที่ประทับใจจนอดไม่ได้ที่จะต้องหลั่งน้ําตา เพราะการเสียสละชีวิตของชาววูล์แรง จํานวนของปีศาจเลือดตอนนี้ลดลงกว่าครึ่งแทบจะในทันที
“สวนกลับฉับพลัน!”
่
ขณะเดียวกันนั้น อาร์คก็ทะลวงออกจากการปิดล้อมของปีศาจเลือด เขาใช้งานพุ่งตัวออกไปประดุจลูกธนูผ่านประตูเข้าไป อาร์คกลิ้งตัวก่อนจะลุกขึ้นยืนและมองไปรอบห้อง
ฟู ฟู ฟู
ภายในห้องอันมืดมิด มีเพียงแสงจากเทียนจํานวนเล็กน้อย คาราศุลกําลังเล่นไปป์ออร์แกนโดยไม่ห่วงหาถึงเรื่องอื่นใด เพราะอาร์คและชาววูล์แรงเปิดประตูออก กระทั่งปีศาจเลือดยังต้องรับชมเหตุการณ์ภายในด้วยอาการโง่งม
“แวมไพร์ของแท้
คําสาปแช่งคล้ายหลุดออกจากปากของเขา
“คาราศุล!”
คาราคุลหยุดเล่นไปป์ออร์แกนเมื่ออาร์คร้องตะโกนอย่างโกรธแค้น มันค่อยบรรจงลุกขึ้นขณะหันกลับมามองพร้อมเสียงหัวเราะและเผยเขี้ยวให้เห็น
“เหอะเหอะ อาหารที่เพิ่งหนีไปเมื่อไม่นานมานี้ เพราะอะไรถึงกลับมาอย่างไร้ความกลัวเกรง? แล้วนั้นไม่ใช่พวกสุนัขที่โดนข้าขังไว้หรือยังไง? เหอะ สิ่งมีชีวิตน่าสมเพชถึงกับกล้าเผชิญหน้ากับข้าทั้งที่ไว้ชีวิตแล้วครั้งหนึ่ง? สมแล้วที่เป็นสุนัขไร้เจ้าของ ถ้าไม่ใช่เพราะอัลเบิร์ตขอไว้ ข้าคงสังหารพวกเจ้าทั้งหมดไปแล้ว”
คาราคุลมองไปรอบด้วยดวงตาผ่อนคลายก่อนจะเดินเข้ามา
“คิดกันจริงหรือว่าจะฆ่าข้าได้?”
“ลองไหมล่ะ? ไม่ลองไม่รู้หรอกนะ”
“ช่างเขลานัก ฆ่าพวกมันให้หมด!”
คล้ายปัญหานี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวคาราคุล เมื่อออกคําสั่งเสร็จมันก็หันกลับคิดจากไป ปีศาจเลือดที่ยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งกลับมาเอื้ออาวุธในมืออีกครั้ง
“คารากุล แกคิดจะหนีไปไหน?”
“ว่าอะไรนะ?”
่
คาราคุลขมวดคิ้วขณะหันกลับมา
“อัญเชิญสมุนปีศาจ เดดริค!
“โอ้ พุ่งปะทะความมืด!”
เดดริคหลับตาแน่นขณะพุ่งเข้าใส่คาราคุล เสียงคล้ายฟืนในกองไฟแตกหักพลันดังขึ้นขณะคาราคุลต้องก้าวเท้าถอยกลับ
“อั่ก อะไรกัน แกคือใคร?”
“อะ-อะ-เอิร์ลคาราศุล ตะ-ตามกฎของแวมไพร์ ข้าขอท้าดวลกับแก!”
“ว่าอะไรนะ? แกเป็นใครกันแน่?”
“ข้าคือผู้สืบทอดของดันพิล เดดริค!”
เดดริคส่งเสียงตะโกนดังตอบกลับ
“หยุด!”
เสียงของคาราคุลดังผ่านทั้งห้องไป ปีศาจเลือดทั้งหมดในปราสาทที่กําลังต่อสู้กับชาววูล์แรงจึงชะงักงัน คาราศุลก้มศีรษะลงมองเดดริค ความโกรธเกรี้ยวกําลังปะทุในดวงตาสีแดงฉานอย่างลึกล้ํา
“ดันพิล… ไอ้ตัวขลาดเขลาต่อข้าจนวิ่งหนีหาย… ผู้สืบทอดของมันย่อมเป็นแวมไพร์ชั้นต่ําไม่ต่างกัน… เจ้ากล้าท้าดวลกับข้า?”
“เอ่อ… ก็ไม่…”
เดดริคพลันร่างสั้นก่อนจะหลับตาแน่นแล้วตะโกนออกไปอีกครั้ง
“ชะ ใช่แล้ว!”
“เจ้ารู้ไหมมันหมายถึงสิ่งใด? จิตสํานึกของท่านลอร์ดแห่งมวลแวมไพร์ได้สอดส่องทั่วทั้งโลกมืด ต่อให้เจ้าคิดร้องบอกยอมแพ้ เจ้าก็ต้องตาย หมายความการดับสูญชั่วนิรันดร์”
“ข้ารู้น่า! ข้ารู้นั่นแหละโว้ย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้ารู้ด้วย! แต่แล้วยังกล้าท้าทายข้า?” คาราคุลหัวเราะออกมาเสียงดัง
“คิดว่าจะชนะข้าได้ยังไง!”
ขณะเดียวกันนั้น หน้าต่างทุกบานในห้องพลันแตกกระจาย ลมพายุหอบใหญ่ม้วนตัวเข้ามาขณะคาราคุลเข้าไปใกล้เดดริค
“ก็ดี ข้าหาได้สนใจพื้นที่เล็กจ้อยของเจ้า แต่ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ขณะเดียวกันนั้น วงเวทสีแดงฉานพลันปรากฏขึ้นเป็นรัศมีสิบเมตรล้อมรอบทั้งคาราคุลและเดดริคเอาไว้พร้อมกัน หน้าต่างข้อมูลก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าอาร์ค
การประลองแวมไพร์เริ่มต้น
เวทมนตร์ที่ลอร์ดแห่งแวมไพร์ซึ่งปกครองโลกมืดเริ่มต้นการทํางาน เมื่อการประลองแวมไพร์เริ่มต้น ในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรจะเป็นเขตปลอดการต่อสู้
นอกจากนี้ แวมไพร์ตัวอื่นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ทุกการโจมตีกายภาพและเวทมนตร์จากภายนอกจะถูกปิดกั้น เอาไว้โดยวงเวท เมื่อการประลองเสร็จสิ้น ผู้พ่ายแพ้จะสูญสิ้นทุกสิ่งอย่างแด่ผู้ชนะ เมื่อพ่ายแพ้ อาณาเขตและปราสาทจะถูกยึดครอง และดวงวิญญาณต้องถูกทําลาย
แผนการสําเร็จแล้ว!”
อาร์คกําหมัดแน่นเมื่อได้เห็นหน้าต่างข้อมูล หากเดดริคที่มีอาณาเขตเป็นของตนเองท้าทายคาราคุล แบบนั้นมันจะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ และนั่นก็เป็นอีกเหตุผลว่าทําไมอาร์คจึงเน้นการบุกฝ่าทะลวงเพื่อมาถึงที่นี่ เมื่อได้รับการท้าทายภายในโลกมืด แวมไพร์ทั้งสองจะไม่สามารถปฏิเสธ และเมื่อการต่อสู้เริ่มต้น ผู้ใต้บัญชาของแวมไพร์ทั้งสองจะไม่สามารถต่อสู้กันได้อีก แม้ว่าอาร์คและชาววูล์แรงจะเป็นคนละเรื่อง แต่พวกเขาอย่างไรก็ถูกนับว่าเป็นลูกน้องของเดดริค ดังนั้นแล้วจึงไม่มีการต่อสู้ภายนอกวงเวทเกิดขึ้น
“เรียกสัตว์อัญเชิญออกมาท้าทายข้า คิดเหรอว่าลูกไม้ต่ําช้าเช่นนี้จะได้ผล ข้าจะทําให้พวกแกต้องเสียใจ ข้าจะฆ่ามัน เพื่อให้เจ้าได้เจ็บปวด!”
“เหอะ ไม่ลองจะรู้ได้ยังไง มันจะง่ายเหมือนที่แกคิดจริงหรือเปล่าน้า?”
อาร์คเผยน้ําเสียงหยอกล้อตอบโต้
“จะปากดีได้ก็แค่ตอนนี้แหละเจ้ามนุษย์”