Ark The Legend - ตอนที่ 401 : กลยุทธ์ปราบแวมไพร์
ตอนที่ 401 : กลยุทธ์ปราบแวมไพร์
คาราคุลแค่นเสียงเบา โดยทันที ร่างนั้นพลันหายไปก่อนปรากฏที่ด้านหลังของเดดริค
“เฮือก อะ-อะไรกัน?”
เดดริคโพล่งออกมาขณะพยายามบินขึ้นฟ้า ทว่าคาราคุลกลับเปลี่ยนแขนเป็นปีกไล่ล่าเดดริคและเตะเข้าใส่ การโจมตีนี้ทําเอาพลังชีวิตของเดดริคหายไป 30% โดยทันที
“หึหึหึ ตอนแรกข้าก็คิดอยู่ว่าแปลกที่กล้าท้าสู้กับข้า…. แต่กลับเป็นเรื่องไร้สาระของแท้ กับความสามารถแค่นี้แต่ได้เป็นผู้สูงศักดิ์ มนุษย์ที่โง่เขลา เจ้าเชื่อจริงหรือว่ามันจะโจมตีข้าได้?”
ขณะคาราคุลพูดกล่าวกับอาร์ค มันไม่แม้แต่จะหันมองเดดริคเห็นอยู่ในสายตา มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เดดริคจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคาราคุล ตอนนี้เดดริคสมควรมีเลเวลทัดเที ยม 220-230 ก็เท่านั้น หลังจากอาร์คให้กินอาหารอีกหลายอย่างในช่วงสองวันที่ผ่านมาเพื่อเตรียมสําหรับการท้าทายครั้งนี้ เลเวลก็เพียงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทางด้านคาราคุลนั้นเลเวลสูงถึง 500 มันมากยิ่งกว่าเท่าตัวหากเทียบกับเดดริค
ความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้นมหาศาลนัก โลกมืดคือสถานที่ซึ่งแวมไพร์สร้างขึ้น แน่นอนว่าย่อมต้องมีโบนัสอะไรบางอย่างให้แวมไพร์ แต่นั่นไม่ใช่ส่วนที่อาร์คคิดอ่านวางแผนเอาไว้ หากเทียบกับคาราคุล เดดริคไม่ใช่แม้แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ด้วยซ้ํา แม้ว่าจะวิวัฒนาการจากค้างคาวมาเป็นแวมไพร์ ความสามารถก็ยังนับว่าอ่อนด้อยค่าสถานะก็ค่อนข้างน้อย จึงเป็นผลให้การโจมตีเพียงครั้งเดียวเมื่อครู่ทําเอาพลังชีวิตหายไปถึง 30% การโจมตีเพียงแค่สามหรือสี่ครั้งแบบ เมื่อครู่ก็เพียงพอที่จะจบชีวิตเดดริคได้แล้ว หากเป็นมอนสเตอร์อื่น เดดริคสามารถบินไปมาเพื่อตอดพลังชีวิตได้ แต่กับแวมไพร์นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากคิดต่อสู้เผชิญหน้าโดยตรง เดดริคสมควรแพ้พ่ายภายในเพียงแค่หนึ่งนาที่ด้วยซ้ํา
“ก็น่าอายอยู่ที่จะเรียกเดดริคว่าเป็นแวมไพร์ แต่เดดริคไม่ได้มีจุดอ่อนเหมือนแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ นี่แหละคือจุดแข็ง!”
“เดดริค คอยหลบหนีไปเรื่อยแล้วอดทนเข้าไว้!”
“เหวอ ช่วยข้าด้วยขอรับ!”
กระทั่งไม่ต้องให้อาร์คพูด เดดริคก็พร้อมจะหนีอยู่แล้ว เดดริคต้องผ่านการฝึกประหนึ่งขุมนรกกับอาร์คเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญการหลบหนี เพราะเหตุนั้น คาราศุลจึงไม่อาจจับได้ไล่ทัน
“เหอะ! นี่รีกลยุทธ์เจ้า? หนีเนี่ยนะ? แต่นี่คือการท้าดวล หลังการต่อสู้เริ่มต้นแล้วจะไม่สามารถหลบหนีไปไหน!”
“แกเองก็หลบหนีไม่ได้เหมือนกัน”
“ว่าอะไร? หนี? ข้าเนี่ยนะ?”
คาราคุลเอ่ยถามด้วยสีหน้าโง่งม
“ได้เวลาแล้ว เตรียมพร้อมเข้าสนับสนุน! เอาอุปกรณ์สนับสนุนออกมาเลย!”
ระหว่างที่การต่อสู้ดําเนินไป ชาววูล์แรงที่ล้อมรอบดูการต่อสู้อยู่ในรัศมีนอกวงเวทห้ามต่อสู้ต่างก็นําเอาสิ่งของออกมา คาราคุลให้ความสนใจรับชมก่อนที่ร่างกายจะสั่นเทา หวาดเกรง
“อะ-อะไรกัน? ความรู้สึกขยะแขยงนี่มัน!”
“เหอะ แกเกิดในโลกมืดคงไม่รู้จักว่ามันคืออะไร แต่นี่คือสิ่งที่สัญชาตญาณแวมไพร์ต้องหวาดเกรงกางเขน”
“กะ-กางเขน?”
คาราคุลพึมพําด้วยน้ําเสียงเต็มไปด้วยความสับสน ถูกต้องแล้ว นี่คือหนึ่งในอุปกรณ์สนับสนุนที่อาร์คลงทุนขี่ปลาโลมากลับไปยังป้อมปราการฮามานเพื่อนํามา เขาให้ทัสซ่าใช้ทักษะลอกเลียน และให้ลาริเอ็ตเต้เสริมพรเข้าไป! คาราคุล ถือกําเนิดในโลกมืด เพราะแบบนั้นจึงไม่เคยพบเห็นกางเขนมาก่อน ทว่าสัญชาตญาณติดตัวของแวมไพร์นั้นได้สั่งให้มันหวาดเกรง
“อะไรกันไอ้เจ้านั่น? ทําไมถึงเปลี่ยนท่าทีแบบนั้น?”
เดดริคเงยหน้าขึ้นมองจึงพบว่าคาราคุลกําลังตัวสั่นเทา ขณะคิดถอย ในเมื่อมันวิวัฒนาการขึ้นมาจากค้างคาว เดดริคจึงเป็นแวมไพร์ที่ค่อนข้างมีศักดิ์ฐานะต่ํา ดังนั้นแล้วจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากกางเขน ทว่า คารากุลนั้นแทบจะโรยราและแตกตื่นจนต้องหลับตาเอาไว้แน่น
“สารเลวที่ขลาดเขลา นี่เป็นการต่อสู้อันศักดิ์สิทธิ์ของแวมไพร์
“ขลาดเขลา? พูดถึงอะไร? พวกเราก็แค่สนับสนุนเบื้องหลังเอง”
อาร์คส่ายกางเขนในมือไปมาขณะหัวเราะออก
“เอ้า เริ่มการเชียร์กันได้แล้ว
“สู้เขาเดดริค! ต้องชนะให้ได้นะเดดริค!”
อาร์คและเผ่าวูล์แรงต่างร้องตะโกนส่งเสียงเชียร์กันอย่างไม่ขาดสาย และแล้วห้องแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องตะโกน แต่แล้วไม่ช้า กลิ่นแปลกประหลาดพลันแตะเข้าที่จมูกของคาราคุลจนตัวต้องสั่นเทาเพิ่มขึ้น
“เฮือก อะ-อะไรกัน? กลิ่นบ้าอะไรกัน? จมูกข้า… ไม่ สมองก็ด้วย..!”
นี่ก็เป็นอุปกรณ์สนับสนุนอย่างที่สองโดยอาร์ค! เขาคิดแผนโจมตีด้วยกระเทียม กระเทียมนับเป็นพิษร้ายต่อแวมไพร์ ดังนั้นแล้วอาร์คจึงเลือกหัวกะทิชาววูล์แรง มาและให้พวกเขากินซุปกระเทียมเข้มข้น นี่ก็เป็นอีกเหตุผลว่าทําไมผู้อาวุโสจึงมีน้ํามูกไหลจากจมูกก่อนบุกเข้ามา แน่นอนว่ากลิ่นกระเทียมยิ่งร้ายแรงเมื่อพูดกล่าวออกไป นับเป็นอาวุธชีวภาพก็ยังได้ มันเป็นการโจมตีจากทั้งสองทาง โดยกางเขนและกลิ่นกระเทียม! ทุกครั้งที่พวกเขาร้องตะโกน คาราคุลจะโดนความเสียหายทางจิตใจจนต้องร่างชะงัก มันไม่อาจแม้กระทั่งใส่ใจสถานการณ์การต่อสู้ได้อีกต่อไปจนต้อ งหลับตาแน่น ปิดจมูก และกลิ้งกับพื้นเพื่อกรีดร้องออกมา
“เหอะเหอะเหอะ ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นี่แหละโอกาส!”
คนที่แข็งแกร่งอ่อนแออย่างกะทันหัน คนอ่อนแอก็กลับกลายเป็นแข็งแกร่ง เดดริคแทบมีนิสัยไม่ต่างอะไรกับมนุษย์! เดดริคเร่งพุ่งเข้าใส่คาราคุลโดยทันที
“เดี่ยว หยุดก่อน!”
“ขอรับ? อั่ก!”
ขณะที่เดดริคพุ่งเข้าใส่ คาราคุลพลันเงยหน้าขึ้นพร้อมเหวี่ยงกรงเล็บ แม้ประสาทสัมผัสจะอัมพาตเพราะกางเขนและกระเทียม แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่คาราคุลจะสวนกลับการ โจมตีใส่เดดริค การโจมตีครั้งนี้ถึงกับคริติคอล! พลังชีวิตของเดดริคหายไปอีก 50% โดยทันที พลังชีวิตที่เหลือตอนนี้จึงมีเพียงแค่ 20% เดดริคกระพือปีกไปมาคล้ายนกปีกหักขณะพยายามเร่งร้อนหนี
“เจ้าโง่! ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าเข้าใกล้มันไม่มีโอกาสชนะ!”
“ตะ-แต่ว่า ข้าจะชนะได้ยังไงถ้าไม่โจมตี?”
เดดริคร้องตะโกนถามเสียงดัง
“ฉันบอกไปแล้วหรือไม่ใช่? ที่ต้องทําก็แค่คอยวิ่งหนีก็พอ เอ้าเตรียมขั้นตอนที่สามได้!”
“โอ้!”
ชาววูล์แรงเมื่อได้ยินคําสั่งของอาร์คจึงนําเอากระจกออกมา
“ราดัน ม้วนคัมภีร์โลกทัศน์]!”
ซื่อ ซื่อ ซื่อ
เมื่อราดันพ่นคัมภีร์ออก อาร์คคว้ามันไว้และฉีกเพื่อใช้งาน
“ม้วนคัมภีร์ทํางาน โอภาสแห่งนักบุญ!”
และในช่วงเวลานั้นเอง แสงสว่างพลันส่องวูบขึ้นมาจากม้วนคัมภีร์ มันเป็นทักษะโอภาสแห่งนักบุญของลาริเอ๊ตเต้ หรืออีกชื่อหนึ่งว่า “แสงประทีป” แม้ว่าโอภาสแห่งนักบุญจะไม่มีผลอะไรกับมอนสเตอร์ทั่วไป แต่มันจะส่งผลร้ายแรงต่อพวกอันเดตหรือธาตุความมืด มันจะยิ่งส่งผลรุนแรงต่อแวมไพร์ที่มีแสงตะวันประดุจพิษร้าย มันจะดีที่สุดหากลาริเอ๊ตเต้มาด้วยตัวเองเพื่อใช้งานเวทมนตร์นี้ ทว่าสถานที่แห่งนี้คือโลกมืด เพราะโลหิตมืด ทุกทักษะที่ข้องเกี่ยวกับแสงสว่างจะโดนปิดกั้นเอาไว้ ผู้เล่นก็ไม่ได้รับการยกเว้น ดังนั้นแล้วอาร์คจึงตัดสินใจใช้ม้วน [คัมภีร์โลกทัศน์] ที่แคว้นตะวันออกจําหน่ายให้
ในช่วงสองวันก่อนหน้าที่ผ่านมา อาร์คได้ซื้อหา [คัมภีร์โลกทัศน์] จํานวนมากและให้ลาริเอ็ตเต้เติมเวทมนตร์เข้าใส่ แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งปัญหาการประลองของแวมไพร์จะปิดกั้นทุกการโจมตีทางกายภาพและเวทมนตร์ โอภาสแห่งนักบุญนับเป็นการโจมตีทางเวทมนตร์ ดังนั้นแล้วจึงโดนผลการปิดกั้นไปด้วย ทว่าอาร์คก็ฉลาดมากพอที่จะหาช่องทางคดโกงและใช้ลูกไม้ต่ําช้าเกินคาดคิด
“ขั้นที่สาม สนับสนุนแสงไฟ!”
วูบ วูบ วูบ วูบ!
เขาเลือกใช้การสะท้อนแสงจากกระจกโดยมีโอภาสแห่งนักบุญเป็นแกนนํา ชาววูล์แรงจะถือกระจกเอาไว้และหันเข้าใส่คาราคุล ถูกต้องแล้ว เขาไม่อาจใช้งานเวทมนตร์ แต่จะเป็นอีกเรื่องหากเป็นแสงที่ถูกสะท้อนไปผ่านกระจก ดังนั้นแล้ววงเวทที่ห้ามปรามการโจมตีไว้จะไม่มองเป็นเวทมนตร์และปิดกั้น นอกจากนี้ “แสงศักดิ์สิทธิ์” ยังส่งผลกระทบอย่างยิ่งยวดต่อแวมไพร์โดยไม่ต้องกระทําอื่นใดเสริมเพิ่มเติม
“อ้าก ระ-ร้อน! ร้อน! ร้อน!”
ลําแสงสาดส่องจากหลายทิศทางคล้ายใยแมงมุมเข้าไป ภายในวงเวทการประลอง เมื่อคาราคุลโดนแสงเข้าปะทะควันสีดําก็เริ่มลอยฟังออกจากร่าง
“อะไรกัน! นี่คืออะไร? ทําไมกายข้าถึงถูกเผา!”
คาราคุลไม่อาจลืมตา ดังนั้นแล้วจึงไม่ทราบว่าทําไมร่างกายถึงกําลังเผาไหม้
“หึหึหึ เป็นไงล่ะ? นี่เรียกว่าแสงศักดิ์สิทธิ์”
“วะ-ว่าอะไรนะ? แสงศักดิ์สิทธิ์? ได้ยังไง อ้าก!”
คาราคุลเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวก่อนจะบินหลบหนีไปมา ภายในวงเวทการประลอง ทว่าวูล์แรงก็ไม่คิดพลาดขณะเปลี่ยนองศาของกระจกไล่ตามไป เพราะมีวงเวทการประลองอยู่ คาราคุลจึงไม่อาจหลบหนีพ้นได้ไม่ว่าจะมีทักษะการหลบหลีกยอดเยี่ยมเพียงใด คาราศุลตอนนี้ต้องติดอยู่ภายในรัศมีสิบเมตรของวงเวทที่เต็มไปด้วยแสงสาดส่อง พลังชีวิตของมันกําลังลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว คาราคุลพยายามพยายามเปลี่ ยนร่างให้เล็กลงจนเท่าหนู ทว่าวูล์แรงไม่คิดพลาดขณะเล็งกระจกตามไปอย่างต่อเนื่อง
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูน่าตื่นเต้นชะมัด!”
“เดดริค เข้าใจแล้วนะ? คอยหลบหนีให้พ้นจากมันก็พอ จําไว้ อย่าเข้าไปใกล้มัน!”
อาร์คตะโกนไปพร้อมใช้งานม้วนคัมภีร์อย่างต่อเนื่อง
“ขอรับ!”
“ไอ้พวกสารเลวขลาดเขลา…”
“ขลาดเขลาอีกแล้ว? ยังไงกันล่ะ? ฉันทําอะไรหรือยังไง? ยิงลูกธนูหรือใช้เวทมนตร์โจมตีใส่?”
อาร์คยิ้มเยาะก่อนจะตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน
“ลั่ก นี่คือการประลองอันศักดิ์สิทธิ์ แค่ก ร้อน…. กล้า ใช้งานลูกไม้ต่ําช้าเช่นนี้! ปีศาจเลือด ฆ่าไอ้พวกบัดซบนี้ให้หมด!”
คาราศุลกระทืบเท้าอย่างโกรธเกรี้ยวขณะร้องตะโกน เสียงดังลั่น ทว่าภายในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรทุกการต่อสู้จะถูกห้ามเอาไว้จนกว่าการประลองเสร็จสิ้น ปีศาจเลือดทั้งหม ดทําได้เพียงแค่เข้าบดบังแสงด้วยร่างกาย ทว่าวูล์แรงนั้นมีความสามารถในการกระโดดเพื่อคอยสาดส่องแสงออกไปอย่างต่อเนื่องได้
“อัก! ไอ้แสงบัดซบนี่ สัตว์อัญเชิญของเจ้าก็ต้องโดน แสงนี่ด้วย…. แต่มันไม่เคยหลบเลี่ยง… พลังชีวิตของมันก็น้อยกว่า ทําไมกัน…”
คาราคุลเคลื่อนเข้าไปใกล้เดดริคขณะที่พล่ามบ่นออกมา เพราะแสงที่สาดส่อง เดดริคจึงแสร้งทําเป็นกรีดร้องตอบสนองเย้ยหยัน
“อ้ากกกก แสงนี่ แสงนี่มัน… เจิดจ้ายิ่งนัก เจ้านายขอรับ มันก็สว่างดีนะ”
“อะไรกัน? ทําไมล่ะ?”
คาราคุลชะงักตัวค้างขณะอาร์คตอบกลับด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“เหอะ ต้องขอโทษด้วยนะ แต่เดดริคน่ะแวมไพร์ตัวปลอม”
“ว่าอะไร ตัวปลอม? อย่าบอกข้านะว่า…?”
“ไม่ได้พูดเล่นนะ นี่โง่เขลาขนาดไหนกัน? ความเข้าใจผิดนั้นใหญ่หลวงนัก เดดริคไม่ใช่ผู้สืบเชื้อสายของดันพิล เดิมทีก็เป็นแค่ค้างคาวเท่านั้นเอง”
แน่นอนว่าเดดริคโดนแสงก็จะอ่อนแอลงบ้าง แต่มันก็แค่ความรู้สึกเล็กน้อย ค่าสถานะก็โดนลดทอนไปเพียงแค่ 20% มันไม่ใช่ความเสียหายมหาศาลนักหากเทียบกับแวมไพร์ เลือดบริสุทธิ์อย่างคาราคุล เมื่อคาราคุกโดนโจมตีด้วยแสง ค่าสถานะของมันจะโดนลดทอนไปถึง 50% และยังได้รับความเสียหาย 30 หน่วยทุกวินาที เพราะเหตุนี้คาราคุลจึงโดนแสงเผาไหม้ พลังชีวิตของมันสูญเสียไปกว่า 80% แล้ว
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อ… ข้าต้องแพ้ค้างคาวเนี่ยนะ แวมไพร์เทมเปส!”
ก็เหมือนกับมอนสเตอร์เลเวลสูง คาราคุลย่อมต้องมีไพ่ตายเก็บเอาไว้ ร่างของคาราคุลเริ่มหมุนวนขึ้นสู่ด้านบนจนเกิดขึ้นเป็นพายุหมุนรุนแรงภายในวงเวท เสื้อคลุมขอ งมันเริ่มแตกกระจายออกขณะเกิดเป็นคมดาบมากมาย นมา
อาร์คร้องออกคําสั่งอย่างเร่งด่วน ชาววูล์แรงก็ทําตามอย่างรวดเร็ว ทว่าปีศาจเลือดนั้นคิดใช้ชีวิตเข้าแลกเพื่อหยุดยั้งการโจมตีนี้เช่นกัน หากเดดริคโดนพายุหมุนที่เต็มไปด้วย ความคมกล้านั่นพัดพาเข้าใส่ โอกาสที่จะโค่นล้มคาราคุลได้จะหายวับไปกับตา เดดริคตอนนี้เหลือพลังชีวิตเพียงแค่ 20% เพราะกระทําการบุ่มบ่าม ท่าไม้ตายของคาราคุลครั้งนี้ มันเพียงพอที่จะสังหารเดดริคได้แทบจะในทันที
“จะ-เจ้านาย ช่วยด้วยขอรับ!”
เดดริคโดนสะกดข่มด้วยทักษะกินพื้นที่กว้างจนต้องเข้าประชิดริมขอบวงเวทมองอาร์คด้วยความหวาดวิตก แต่แล้วอาร์คก็คล้ายนึกแผนการได้ขณะหันศีรษะกลับไปสั่งการอย่างเร่งด่วน
“ตั้งกางเขนไว้ตรงหน้ากระจก นี่คือแผนเผด็จศึก โอภาสแห่งนักบุญ!”
อาร์คฉีกกระชากม้วน [คัมภีร์โลกทัศน์] ถึงห้าม้วนในคราวเดียวกัน ขณะนั้นเอง แสงสว่างเจิดจ้าพลันลอยฟังทั่วทั้งห้อง สถานที่เพียงหนึ่งที่แสงไม่อาจสาดส่องเข้าไป ออาณาเขตของวงเวท ทว่าแสงพวกนั้นจะโดนกระจกสะท้อนอีกครั้งหนึ่งจนสามารถทะลวงวงเวทเข้าไปได้ ไม่ถูกต้อง มันไม่ใช่เพียงแค่แสงธรรมดา แต่มันเป็นแสงที่ปรากฏรูปลักษณ์ของกางเขนขนาดใหญ่
ครืน ครืน ครืน!
เกิดเสียงปะทะดังยิ่งจากร่างของคาราคุล ขณะนั้นเอง แวมไพร์เทมเปสของคาราศุลก็ถูกปลดออก ชัดเจนว่ารูปลักษณ์กางเขนที่ปรากฏขึ้นนั้นสร้างความเสียหายกับร่างกายอย่างมหาศาลจนเกิดขึ้นเป็นควันสีดําลอยฟังออกจากตัว แต่มีเพียงเท่านั้นหรือ? คาราคุลได้รับความเสียหายมหาศาลจากแสงอีกทางหนึ่งจนต้องล้มกลิ้งกับพื้นกรีดร้อง
“ตอนนี้แหละเดดริค! ใช้ทักษะแวมไพร์หัวค้อนเลย!”
“โอ้ รับนี้ไป!”
เดดริคพุ่งเข้าปะทะศีรษะของคาราคุลประดุจค้อนทุบใส่ มันคือไพ่ตายที่ต้องพยายามดูดเลือดของบัลคุนมากว่าสิบครั้งถึงจะได้รับมา หัวค้อน! มันคือทักษะที่เอาไว้ใช้ในการต่อสู้ช่วงหน้าสิวหน้าขวาน มันจะเสริมความเสียหายได้มากถึง 400% เมื่อหัวค้อนถูกใช้งานออก เสียงปะทะประหลาดพลันดังขึ้น พลังชีวิตที่เหลืออยู่อีก 3% ของคาราคุลจึงหายวับไปและร่างนั้นก็เริ่มไร้ชีวิต
“มะ-ไม่อยากจะเชื่อ”
“ข้าโดนค้างคาวบัดซบนี่ฆ่า…”
เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น
เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น
เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น
เมื่อคาราคุลล้มไป หน้าต่างข้อความก็ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องตรงหน้าอาร์ค เลเวลของเขาเพิ่มขึ้นถึง 7 ระดับด้วยกัน! ในเมื่อสมุนปีศาจของเขาเป็นคนสังหารศัตรู เขาย่อมได้รับค่าประสบการณ์ประหนึ่งสังหารด้วยตัวเอง ดังนั้นแล้ว ค่าประสบการณ์จํานวนมหาศาลที่เดดริคได้รับย่อมส่งมาให้อาร์ค
“โอ้ว! ล้มคาราคุลได้แล้ว!”
ชาววูล์แรงต่างโห่ร้องตะโกนเมื่อคาราคุลตายไป เลเวลของเดดริคคือ 220-230 แต่กลับสามารถโค่นล้มคาราคุลที่เลเวล 500 ได้ อย่างไรแล้วที่เดดริคกระทําทั้งหมดก็แค่โจมตีในครั้งสุดท้ายเพื่อปิดฉาก… แต่ผลลัพธ์ก็คือสิ่งสําคัญไม่ใช่หรือไง?
“จริงเหรอเนี่ย… ข้าเอาชนะมาได้?”