Ark The Legend - ตอนที่ 404 : เรียกค่าไถ่
ตอนที่ 404 : เรียกค่าไถ่
“ก็พวกภาพวาดตรงนั้น แล้วก็รูปปั้นตรงโน้น จะยังไงนายก็ไม่สนใจของพวกนั้นอยู่แล้วนี้ งั้นก็ส่งมาให้ฉันซะจะได้เอาไปขายดีกว่าปล่อยเน่าอยู่ที่นี่ ว่ายังไง? ไม่ขัดข้องอะไรใช่ไหม? ปราสาทนายจะได้สะอาดโล่งขึ้น ฉันก็จะได้รับของที่ระลึกน่าประทับใจ พูดแล้วก็ขอพูดเถอะ นายควรทําอะไรเพื่อฉันบ้างนะ ก่อนหน้านี้ก่อแต่เรื่อง หรือนายคิดเห็นว่ายังไงกัน?”
หรือก็คือ นี่คือการกระโชกทรัพย์ ถูกต้อง นี่คือความต้อง การของอาร์ค ภาพและรูปปั้นภายในปราสาทคือสิ่งของประดับตกแต่ง ทว่าของประดับตกแต่งก็สามารถเป็นสินค้าให้ พวกพ่อค้าได้เช่นกัน หรือก็คือ ของประดับตกแต่งเหล่านี้สามารถนําไปขายได้แม้ว่าจะไม่ได้ช่วยเรื่องอะไรเลยก็ตาม อาร์คคิดเก็บสิ่งของเหล่านี้ไปและนําออกขาย ในที่สุดราคาร์ดก็เข้าใจว่าอาร์คต้องการอะไรจนถึงกับต้องสะดุ้งตัวโยน
“ ตะ-แต่ว่านะขอรับ เจ้านาย…”
“ว่ายังไงนะ? อย่าบอกนะว่ามันมีประโยชน์อะไรกับนาย?”
“ไม่ขอรับ นอกจากมูลค่าของมันแล้ว”
“ก็ได้ ถ้านายอยากจะเล่นแบบนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องใช้ไม้นี้แล้ว”
ฉับพลัน รอยยิ้มจางหายจากใบหน้าของอาร์ค
“เอ้า มาคิดคํานวณกันดีกว่า รู้จักค่าใช้จ่ายไหม?”
“ค่าใช้จ่าย?”
“จะอธิบายให้ฟัง รู้ไหมว่าฉันต้องใช้เงินทองไปมากมาย เท่าไหร่กับนาย? อาหารจํานวนเท่าไหร่ที่นายกินเข้าไป? แล้วมันมีเพียงแค่นั้นหรือ? รู้ไหมว่าจํานวนเงินเท่าไหร่ที่ฉันต้องจ่ายเพื่อจัดสร้างพอร์ตอัญเชิญ? แล้วเป็นจํานวนเงินเท่าไหร่ที่ฉันต้องลงทุนเพื่ออุปกรณ์สนับสนุนการโค่นล้มคาราคุล? นายคิดว่าเงินทุนพวกนั้นมันออกมาจากกระเป๋าใครกัน?”
“ระ-เรื่องนั้น”
“จนถึงตอนนี้ฉันไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย แต่เพราะ นายเลือกที่จะงกกับฉันแม้กระทั่งของตกแต่งพวกนี้? ฉันก็เลยต้องพูดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายนี้กับนายควรรู้เอาไว้นะว่าฉัน ไม่ใช่แค่คิดคํานวณเพียงอย่างเดียว? อยากให้ฉันทําตัวร้ายกาจเป็นคนชอบทวงหนี้หรือยังไง? ยอมให้ฉันเอาของพวกนี้ไปแต่โดยดีจะดีกว่านะ”
เลือดพลันเลือนหายจากหน้าของราคาร์ดขณะอาร์คพูดข่มขู่ไม่หยุด ราคาร์ดก็ตระหนักได้ดีว่าอาร์คไม่ใช่แค่พูดเล่น หากเอ่ยถึงเรื่องเงิน อาร์คคิดหยิบฉวยของประดับตกแต่งเหล่านี้ไป เรื่องนี้ราคาร์ดไม่อาจหยุดยั้งแล้ว ราคาร์ดเป็นแวมไพร์เพราะงั้นย่อมต้องการของตกแต่งปราสาทเสริมบารมี แต่จากประสบการณ์อันยาวนานไม่ว่าจะยังไงก็ต้องยอมยกธงขาวมอบสิ่งของให้ไป
“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว เชิญตามสบายเลยขอรับ”
“หึหึหึ ดีนะที่นายเชื่อที่ฉันแนะนํา”
ด้วยเหตุนี้ เจ้าของปราสาทจึงต้องส่งมอบของประดับตกแต่งให้อาร์คไปทั้งน้ําตา แรก ๆ ก็ฉกฉวยเอาสิ่งของจากพวกเอ็นพีซีและผู้เล่น ตอนนี้อาร์คกระทั่งฉกฉวยเอาสิ่งของจากสมุนปีศาจของตน
“หากพิจารณาจากทุกสิ่งที่เราใช้ในการต่อสู้ครั้งนี้ ที่เราจะได้รับหลังนาสิ่งของตกแต่งพวกนี้ออกขาย อย่างมากก็ไม่กี่ร้อยเหรียญทอง ยังเทียบไม่ได้เลยกับที่เราลงทุนลงแรงไป หลังจากนี้ถ้าเราเงินขาดมือค่อยบีบบังคับเอาจากราคาร์ดอีกทีแล้วกัน
ในที่สุดอาร์คก็เสร็จสิ้นการข่มขู่สมุนปีศาจของตนเอง ผู้อาวุโสวูล์แรงที่รับชมเรื่องราวอยู่ด้วยสีหน้าเหม่อลอยพลัน กล่าวด้วยน้ําเสียงสุภาพ
“อาร์ค ตอนนี้ใช่เวลากระทําเรื่องนี้หรือไม่?”
“อา จริงด้วยครับ”
ในที่สุดอาร์คก็นึกย้อนกลับไปถึงจุดประสงค์เดิม เหตุผลแท้จริงที่เขาต้องโค่นล้มคาราคุลนั้นไม่ใช่เพื่อให้ราคาร์ดวิวัฒนาการมาได้ เป้าหมายแท้จริงของเขาคือการนําชิ้นส่วนสาม สิ่งมหัศจรรย์ของชาววูล์แรงกลับคืนชิ้นส่วนดวงจันทร์
“ชิ้นส่วนดวงจันทร์ต้องซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในปราสาทนี้”
“ผมพอจะทราบแล้วว่าชิ้นส่วนดวงจันทร์อยู่ที่ไหน”
หินดวงจันทร์เกิดขึ้นได้เพราะดูดซับพลังจากดวงจันทร์ ทั้งที่ความเป็นจริงนั้นแสงจันทร์ไม่อาจสาดส่องลงมายังโลกมืด ดังนั้นแล้วชิ้นส่วนดวงจันทร์ย่อมต้องซุกซ่อนอยู่ในเหมืองชั้นใต้ดิน ขณะเดียวกันนั้น เวทมนตร์จากหินดวงจันทร์ก็สิ้นระยะการใช้งาน ชาววูล์แรงกลับคืนสภาพเป็นมนุษย์ ราคาร์ดตอนนี้ก็เป็นลอร์ดแห่งปราสาท พวกปีศาจเลือดไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป อาร์ค ราคาร์ด และชาววูล์แรงต่างเดินลัดผ่านปราสาทมุ่งหน้าไปยังเหมืองแรงงานทาสใต้ดิน
“เอาล่ะ ชิ้นส่วนดวงจันทร์จะซ่อนอยู่ที่ไหนกันนะ?”
อาร์คเริ่มสํารวจมองทั่วทั้งพื้นที่ ใต้ดินแห่งนี้ค่อนข้างกว้างใหญ่ คาราคุลย่อมไม่ซ่อนสมบัติเอาไว้ในตําแหน่งที่พบเจอได้ง่าย ก่อนหน้าเขาไม่อาจหาหินดวงจันทร์ได้ง่ายเพราะทักษะทั้งหมดถูกผนึกโดยพันธนาการโลหิต แต่ตอนนี้เขาสามารถใช้สัมผัสวิเศษได้แล้ว สามสิ่งมหัศจรรย์คือสิ่งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเวทมนตร์เหนือล้ํา มันไม่น่าจะใช่เรื่องยากหากมันถูกฝังเอาไว้ใต้ดิน พื้นดินพวกนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยหินดวงจันทร์ ดังนั้นแล้วเขาจึงให้ชาววูล์แรงช่วยหาสามสิ่งมหัศจรรย์ด้วยอีกแรง
เท่ากับเรายิงปืนนัดเดียวฆ่านกได้สองตัว ได้ทั้งหินดวงจันทร์และชิ้นส่วนดวงจันทร์พร้อมกันไปเลย
หินดวงจันทร์ไม่อาจนับเป็นเงินได้มากนัก แต่อย่างไรแล้ว 1 เหรียญทองแดงก็ยังนับเป็นเงิน! เงินที่ถูกฝังอยู่กับพื้นเช่นนี้อาร์คไม่คิดปล่อยวางและต้องขุดนําพวกมันออกมาให้ได้ แต่แล้วขณะที่อาร์คใช้สัมผัสวิเศษอยู่นั้นเอง
“จะ-เจ้านั่น?”
อย่างกะทันหัน จมูกของผู้อาวุโสพลันกระดิกฟุดฟิดก่อนจะหันกลับไปมองบางสิ่ง ปีศาจเลือดมีสถานที่สําหรับสังเกตการณ์ดูแลเหล่าทาสที่กําลังทํางาน แต่แล้วที่นั้นกลับมีคนหนึ่งกําลังขุดพื้นดินอย่างบ้าคลั่ง ชาววูล์แรงสามารถเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันได้เพียงแค่เห็นหน้าอีกฝ่าย
“อัลเบิร์ต!”
อาร์คหันไปมองตามเสียงนี้โดยทันที อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่ม ผู้ซึ่งเป็นคนทรยศของเผ่าวูล์แรง อัลเบิร์ต อีกฝ่ายพลันหันกลับมามองทางอาร์คและเผ่าวูล์แรงก่อนจะพึมพําออกมา
“ช พวกมันมาแล้วเหรอเนี่ย”
“ผู้ทรยศเผ่า เจ้ากลับมาซ่อนตัวอยู่ที่เช่นนี้?”
“จับตัวมัน พวกเราจะไม่มีวันอภัยให้มัน!”
ชาววูล์แรงร้องตะโกนเสียงเข้มขณะเริ่มออกวิ่ง ทว่าอัลเบิร์ตไม่คิดหนี ชาววูล์แรงตอนนี้มีทั้งสิ้นสิบคนที่พุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย แม้อีกฝ่ายจะโดนจับในท้ายที่สุดก็ตาม แต่เพราะอะไรถึงไม่มีท่าที่คิดหลบหนีและเอาแต่ขุดดินไม่หยุด?
“เดี๋ยวก่อนนะ? อัลเบิร์ต ไม่รู้เหรอว่าคาราคุลตายไปแล้ว? แบบนั้นแล้วทําไมยังไม่หนีไปไหน? แถมยังเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาขุดดิน…”
ฉับพลัน อาร์คตระหนักเรื่องราวได้ว่าอัลเบิร์ตคิดทําอะไร
ไอ้เจ้านี้!
“ได้ตัวแล้ว!”
“จงชดใช้การกระทําที่ทําให้เกียรติของตระกูลเสื่อมเสีย!”
ขณะเดียวกันนั้นเอง ชาววูล์แรงที่วิ่งผ่านระยะทางนับร้อยเมตรได้เพียงพริบตาพลันคว้าตัวอัลเบิร์ตไว้ได้พร้อมกันนั้น แสงสว่างสลัวคล้ายปรากฏจากตรงกลางของชาววูล์แรงทั้งสิบ เงาร่างหนึ่งได้พุ่งผ่านออกมาประดุจลูกธนู ตัวตนของเงานั้นคือเป้าหมายเมื่อครู่ของชาววูล์แรงเป็นอัลเบิร์ต แต่ไม่ใช่อัลเบิร์ตอย่างที่เคยเป็น ก็เหมือนกับชาววูล์แรง อีกฝ่ายมีร่างหมาป่าตัวใหญ่ที่มีขนสีเงิน ชาววูล์แรงมองไปยังหินที่อัลเบิร์ตถือเอาไว้ในมือก่อนจะรําร้องกันออกมา
“หินดวงจันทร์? ไม่สิ นั่น… ชิ้นส่วนดวงจันทร์!”
เหมือนที่คิดไว้ มันถูกซ่อนเอาไว้ในสถานที่แห่งนี้ อันที่จริงอาร์คก็พอคาดเดาตําแหน่งชิ้นส่วนดวงจันทร์ได้ก่อนมาถึงแล้ว มันสมควรถูกฝังเอาไว้ในสถานที่ปลอดภัยซึ่งพว กทาสแรงงานจะไม่มีทางขุดค้นได้เจอ และมันก็มีเพียงสถานที่เดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือสถานที่เฝ้ายามของพวกปีศาจเลือด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทําไมอัลเบิร์ตจึงไม่หนีไป แต่กลับมาตั้งหน้าตั้งตาขุดพื้นดินอยู่ที่นี่ เพราะอย่างไรแล้วหากยังอยู่ในรูปลักษณ์มนุษย์ก็ไม่น่าจะหนีไปได้ไกลสักเท่าไหร่ หากเป็นเช่นนั้น อัลเบิร์ตก็ยอมเสี่ยงชีวิตค้นหาชิ้นส่วนดวงจันทร์ที่จะช่วยให้ได้รับพลังอํานาจมา
“มะ-มัน!”
“สมบัติของเผ่าเราตกอยู่ในมือคนทรยศ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้พวกบัดซบที่โง่เขลา คิดจริงเหรอว่าข้ายอมอยู่เฉย?”
อัลเบิร์ตเผยเขียวอันแหลมคมออก ชาววูล์แรงคล้ายเกรงกลัว ทว่าอาร์คเพียงเกาศีรษะ
“อะไรกัน? ไอ้เจ้านี้ไม่ใช่โง่เง่าหรือยังไงครับ?”
แน่นอนว่าอัลเบิร์ตจะแข็งแกร่งขึ้นมากหากได้เปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าสีเงิน และการเปลี่ยนร่างเพราะชิ้นส่วนดวงจันทร์นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงหากเทียบกับหินดวงจันทร์ที่ มีพลังอ่อนด้อยกว่า เพราะมีชิ้นส่วนดวงจันทร์ ชาววูล์แรงครั้งหนึ่งจึงสามารถไล่ต้อนคาราคุลเข้าจนมุมได้ และตอนนี้เมื่อชิ้นส่วนดวงจันทร์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ชาววูล์แรงก็สามารถเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าได้ นอกจากนี้ เหมืองใต้ดินยังมีทางเข้าออกเพียงแค่หนึ่ง ไม่ว่าอัลเบิร์ตจะแข็งแกร่งขึ้นสักเพียงใด ต่อหน้าชาววูล์แรงหลายสิบคนจะสา มารถหลบหนีไปได้อย่างไร?
และต่อให้ไม่มีชาววูล์แรงอยู่ตรงนี้ก็ไม่ต่าง ปีศาจเลือดทั้งหมดในปราสาทอยู่ในครอบครองของราคาร์ดแล้ว อาร์คสามารถสั่งให้ปิดกั้นเส้นทางได้ การที่อัลเบิร์ตจะหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัยนั้นมีโอกาสเพียงแค่ 0.0001% เท่านั้นเอง หรือก็คือ อัลเบิร์ตยังไงก็ไม่มีทางรอด
“อย่างมากมันก็รอดชีวิตได้อีกแค่ครู่เดียว ไอ้หมาบัดซบนี่ ที่ต้องทนทุกข์ก็เพราะมัน… ต้องเอามาทําเนื้อย่าง!”
อาร์คเริ่มก้าวเท้าเข้าไปคิดฉีกกระชากร่างของอัลเบิร์ต แต่แล้วอัลเบิร์ตเพียงเอ่ยปากออกมาจนทุกคนต้องชะงัก
“หยุด! ถ้าเข้ามาใกล้อีกก้าวเดียว ข้าจะกลืนชิ้นส่วนดวงจันทร์!”
“ไร้ประโยชน์น่า คิดขู่ด้วยเรื่องแค่นั้น? เอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหนกัน? หรืออยากลองก็ได้นะ? ไว้หลังจากนั้นค่อยผ่าท้องอันน่ารังเกียจนั่นเอาชิ้นส่วนดวงจันทร์ออกมาก็ยังไหว”
“ดะ เดี๋ยวก่อน”
ผู้อาวุโสเข้ามาขัดคําอาร์ค
“อัลเบิร์ต ไม่สิ ต่อให้ไม่ใช่ ไม่ว่าจะชาววูล์แรงคนใด หากกลืนชิ้นส่วนดวงจันทร์เข้าไปอาจเกิดปัญหาใหญ่ได้”
“ครับ? ชิ้นส่วนดวงจันทร์ถูกย่อยได้เพียงแค่หลักวินาทีเลยเหรอ?”
“ชาววูล์แรงคือผู้ได้รับพลังจากดวงจันทร์ ดังนั้นแล้วหากวูล์แรงคนใดกลืนชิ้นส่วนดวงจันทร์เข้าไปด้วยพลังเวทมนตร์มหาศาลเกินจินตนาการนั่นจะทําให้เปลี่ยนร่างเป็น มอนสเตอร์สุดจะหยั่ง มันอาจกระทั่งเปลี่ยนร่างเป็นเทพเจ้าของชาวเราซึ่งก็คือเฟนริล หากอัลเบิร์ตเปลี่ยนร่างเป็นเฟนริลล่ะก็ พวกเราไม่อาจรับมือได้ไหว”
ผู้อาวุโสถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นออกมาขณะบอกเล่า แต่แล้วเขายังส่ายศีรษะเพิ่ม
“และนั่นยังไม่ใช่ปัญหาเดียว”
“ยังมีอีกปัญหา?”
“หากชิ้นส่วนดวงจันทร์หมดสิ้นพลัง มันจะกลายเป็นหินธรรมดา แน่นอนว่าในฐานะสมบัติของตระกูลมันย่อมมีอํานาจการฟื้นฟูหากได้รับแสงจันทร์ แต่มันก็ต้องใช้เวลาสิบถึง ยี่สิบปีเพื่อฟื้นคืนพลังอํานาจ อัลเบิร์ต… ข้าไม่นึกเลยว่ามันจะใช้วิธีการนี้เพื่อข่มขู่”
ผู้อาวุโสพิมพ์ออกมาเสียงเบา ตอนนี้ใบหน้าของอาร์คเคร่งเครียดแล้ว ความจริงนั้นเขาไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาหนักอกอะไรต่อให้อัลเบิร์ตเปลี่ยนร่างเป็นเฟนริล อีกฝ่ายเป็นเทพเจ้าในเกมแต่อย่างไรแล้วก็ยังคงเป็นมอนสเตอร์ที่แห่งนี้มีชาววูล์แรงอยู่นับร้อยอีกทั้งยังมีปีศาจเลือด ไม่ว่าจะเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่อาจรับมือกับทั้งกองทัพได้เพียงลําพัง ทว่ามันจะปัญหาใหญ่ทันทีหากสามสิ่งมหัศจรรย์สูญเสียพลัง
“มันต้องใช้เวลาสิบถึงยี่สิบปีเพื่อฟื้นฟูพลัง? แบบนั้นแล้ว ต่อให้เราได้ชิ้นส่วนดวงจันทร์มา เราก็จะไม่สามารถได้รับความสามารถเพิ่มเติมหรือหาเบาะแสสําหรับการเปลี่ยนอาชีพขั้นที่สองได้?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เข้าใจเรื่องราวหรือยังล่ะ?”
“ไอ้สารเลวเอ้ย!”
อาร์คก้าวเดินเข้าหาอัลเบิร์ตที่กําลังเอาชิ้นส่วนดวงจันทร์เข้าใกล้ปากมากขึ้น
“ไม่ใช่ข้าบอกแล้ว? ก้าวเข้ามาอีกก้าวเดียวมันลงท้องแน่!”
“แต่ถ้านายกลืนชิ้นส่วนดวงจันทร์เข้าไป แบบนั้นจะกลายเป็นมอนสเตอร์ที่บ้าคลั่งนะ”
“เหอะ ในเมื่อคาราคุลตายไปแล้ว นี่ก็คือแผนสํารองฉุกเฉิน ถ้าหากต้องกลายเป็นเฟนริล ข้าก็ลากพวกเจ้าทั้งหมดลงนรกไปพร้อมกัน แน่นอนว่าชิ้นส่วนดวงจันทร์ก็จะกลายเป็นหินธรรมดาไปด้วย”
“อะ-ไอ้เจ้านี่!”
“ท่านผู้อาวุโสอย่าไปฟังมัน!”
“พวกเราต้องฉีกกระชากมันให้เป็นชิ้น!”
ชาววูล์แรงร้องตะโกนด้วยน้ําเสียงเกรี้ยวกราด ขณะเดียวกันนั้นเอง อาร์คได้ถอนหายใจก่อนจะนํากระดาษแผ่นหนึ่งออกมา
“นายต้องการอะไร?”
อัลเบิร์ตหัวเราะออกก่อนเผยข้อเรียกร้องออกมา
“ ข้ารู้แล้วว่าซอแทนดาลตอนนี้กลับคืนสู่โลกกลาง ในเมื่อเป็นแบบนั้น ก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องอยู่ในสถานที่แบบนี้อีกอย่างแรกเลย ข้าขอความปลอดภัย ข้าไม่ต้องการให้ใครก็ตามติดตามข้าตอนออกจากโลกมืดไปยังโลกกลาง และข้าต้องการเงิน เงินที่พวกมนุษย์มีเอาไว้ใช้เพื่อดํารงชีวิตในโลกกลาง 5,000 เหรียญทอง จัดเตรียม 5,000 เหรียญทองมาเดี๋ยวนี้!”
อัลเบิร์ตเผยข้อเรียกร้องไม่ต่างอะไรกับผู้ก่อการร้ายชั้นต่ํา อันที่จริงอัลเบิร์ตค่อนข้างมีเปรียบอยู่ด้วยเพราะครอบครองชิ้นส่วนดวงจันทร์อยู่ในมือ
“เดี๋ยวก่อน แล้วชิ้นส่วนดวงจันทร์ล่ะ?”
“ให้เด็กเผ่าวูล์แรงตามข้าไปหนึ่งคน เมื่อข้ายืนยันได้แล้วว่าถึงโลกกลางอย่างปลอดภัยพร้อมเงิน ข้าจะส่งชิ้นส่วนดวงจันทร์ให้เด็กนั่น เพราะพอออกจากโลกมืดได้ชิ้นส่วนดวงจันทร์ก็ไม่จําเป็นสําหรับข้าอีก”
“แล้วฉันจะเชื่อนายได้ยังไง?”
“ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่เจ้ามีทางเลือกงั้นรึ?”
อัลเบิร์ตเอ่ยปากออกมาพร้อมท่าที่จะนําชิ้นส่วนดวงจันทร์เข้าปากแล้วนาออก นี่สินะเหตุผลที่ชาววูล์แรงเกลียดชังอีกฝ่ายที่ขายวิญญาณตนเองเป็นข้าทาสให้คาราคุล? ทุกครั้งที่เห็นมันจะเอาเข้าปากก็แทบทําเอาความดันเลือดของเขาจะพุ่งถึงสามร้อยเสียให้ได้
“บ้าบอ ข้อเสนอแบบนี้ไอ้บ้าที่ไหนจะรับได้”
5,000 เหรียญทอง เขาถึงกับต้องส่งมอบ 5,000 เหรียญทองให้ไอ้บัดซบตรงหน้านี้? ตอนนี้อาร์คไม่มีเงินมากถึงขนาดนั้น ต่อให้เขามี เขาก็ไม่มีทางคิดส่งมอบมันให้หมาป่าตรงหน้า ถ้าหากเขายอมรับแบบนั้นแล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่า อัลเบิร์ตจะรักษาสัญญา? ไม่ได้เขามั่นใจ 100% เลยด้วยซ้ําว่าอัลเบิร์ตไม่คิดรักษาสัญญาแน่
“ไอ้บัดซบนี้ คิดว่าเราโง่หรือยังไง?
ถ้าหากอาร์คคิดในมุมของอัลเบิร์ต ชัดเจนว่าเขาไม่มีทางส่งมอบชิ้นส่วนดวงจันทร์ให้แน่ อัลเบิร์ตบอกว่าชิ้นส่วนดวงจันทร์จะไม่สําคัญอีกหากกลับไปยังโลกกลาง แต่แล้วมันยังมีประโยชน์อีกหนึ่งแน่นอนว่าชิ้นส่วนดวงจันทร์ไม่สําคัญกับ เรื่องเปลี่ยนร่างอีก แต่มันจะเป็นอาวุธเพียงหนึ่งเดียวที่ช่วยคุ้มหัวมันเอาไว้จากทั้งอาร์คและชาววูล์แรงไม่ให้ไล่ตามใครกันจะมอบหลักประกันเช่นนั้นให้โดยง่าย?