Ark The Legend - ตอนที่ 405 : หลอกล่อเจรจา
ตอนที่ 405 : หลอกล่อเจรจา
“เราจะปล่อยให้มันกินไม่ได้ ก็ได้ เราต้องใช้ลูกไม้ต่ําช้าหน่อยแล้ว”
อาร์คถอนหายใจก่อนเผยสีหน้ามืดมนลอบติดต่อกับราคาร์ด
ราคาร์ด เดี๋ยวฉันดึงความสนใจมันไว้ นายซ่อนตัวแล้วเขาไปใกล้ทางด้านหลัง หมอนั่นมันสนใจแค่ฉันกับพวกวูล์แรงเท่านั้น นายไม่น่าจะโดนเจอตัวถ้าเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวแล้วลักลอบเข้าทางด้านหลัง คว้าเอาชิ้นส่วนดวงจันทร์ มาตอนที่มันหย่อนความระวัง”
ราคาร์ดเผยสีหน้ากังวลเมื่ออาร์คกล่าวคําจบ แม้เขาจะสามารถโค่นล้มคาราคุลจนได้เป็นเอิร์ล แต่อย่างไรแล้ว มันก็ยังไม่มีความมั่นใจหากต้องเผชิญหน้ากับอัลเบิร์ตที่เปลี่ยนร่างเป็นหมาป่า
“ไม่ต้องห่วง ที่นี่คือโลกมืด ต่อให้สถานการณ์เลวร้าย มันก็ไม่กล้าฆ่านายจนส่งผลให้ลอร์ดแห่งแวมไพร์พิโรธ
ราคาร์ดเผยสีหน้าดูดีขึ้นมาบ้าง หลังนัดแนะกันชั่วครู่ มันจึงยิ้มออกได้
“ได้ขอรับ ตราบเท่าที่เจ้านายไม่คิดเอาของตกแต่งทั้งหมดของข้าไปว่าอะไรนะ?”
อาร์คขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงของราคาร์ดภายในหู แต่ราคาร์ดกลับเฉยใส่ขณะแสร้งผิวปาก มันคิดหาผลกําไรจากเจ้านายตัวเองในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน? สัตว์เลี้ยงประสาอะไรที่กล้าขโมยสิ่งของจากเจ้านาย
ตอนนี้อาร์คแทบคิดอยากใช้คมดาบแห่งความมืดใส่ราคาร์ดสักครั้ง แต่สถานการณ์ไม่อํานวย หากอัลเบิร์ตกลืนชิ้นส่วนดวงจันทร์เข้าไป สิ่งของตกแต่งจะกลายเป็นปัญหาเล็กจ้อยไปเลยทีเดียว
“ก็ได้ แต่นายต้องได้ของมาก่อน”
“ขอรับ
ราคาร์ดรับคําเป็นมั่นเหมาะ จากนั้นจึงเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวพยายามเข้าใกล้อัลเบิร์ตจากทางด้านหลัง ระหว่างนั้น อาร์คได้ใช้ศาสตร์แห่งการสื่อสารหลอกล่อความสนใจ อีกฝ่ายเพื่อยื้อเวลา
“ช่วยไม่ได้นะ ฉันยอมรับข้อเสนอนั้นก็ได้ แต่เงิน 5,000 เหรียญทองฉันให้ตอนนี้ไม่ได้หรอก”
“ถ้าไม่มีเงินก็ไม่มีการเจรจา
“ดะ-เดี๋ยวก่อนสิ! ให้เวลาฉันรวบรวมเงินหน่อย มันต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง ห้าวัน 5,000 เหรียญทองไม่ใช่จํานวนน้อยเลยนะ ฉันต้องออกจากโลกมืดเพื่อไปรวบรวมเงินจํานวนนั้นมา”
“นี่ต้องให้ข้ารอถึงห้าวัน?”
“ไม่ได้เหรอ? งั้นถ้า 50 เหรียญทองล่ะ? ถ้าจํานวนเท่านั้นฉันให้ตอนนี้ได้เลยนะ”
“วะ-ว่าอะไรนะ? เจ้า…. เจ้าเป็นถึงผู้ค้นหาความจริง แต่แล้วกลับเจรจาจํานวนเงินน้อยนิดแค่นั้นกับชิ้นส่วนดวงจันทร์? 50 เหรียญทองเนี่ยนะ? นั่นมันหนึ่งในร้อยที่ข้าเรียก!”
“งั้นจะให้ฉันทํายังไง? ตอนนี้ฉันไม่มีเงินนี่นา”
“ไอ้เจ้านี่”
อัลเบิร์ตพึมพําก่อนจมูกกระดิกคล้ายพบเจออะไรสักอย่าง ฉับพลันจึงหันกลับจนผ้าคลุมหลังสะบัดจนเสียงร้องหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความมืด
“อีก”
เป็นราคาร์ดที่เข้าไปใกล้ถึงตัวแล้วนั่นเอง อัลเบิร์ตขมวดคิ้วก่อนหันควับจ้องมองอาร์ค
“กล้าหลอกข้าได้นะ!”
บ้าจริง ลืมไปว่ามันเป็นหมา!”
เขาลืมไปว่าหมาป่าย่อมมีประสาทสัมผัสด้านกลิ่นที่ยอดเยี่ยม อาร์คเร่งร้อนโบกมือเป็นพัลวันกล่าวแก้ตัว
“ไม่ใช่นะ ฉันไม่รู้เลยว่ามันคิดทําอะไรแบบนี้”
“การเจรจาจบแล้ว!”
“ชิ หยุดมันไว้! ราคาร์ด ทํายังไงก็ได้ เอาชิ้นส่วนดวงจันทร์มา!”
“ขะ-ขอรับ!”
ราคาร์ดพุ่งตัวออกประดุจลูกศรตามคําสั่งของอาร์ค ทางด้านอาร์คก็เร่งร้อนใช้การพุ่งตัวเข้าหาอัลเบิร์ตเช่นกัน ทว่า ราคาร์ดอยู่ห่างจากอัลเบิร์ตราวห้าสิบเมตรได้ อาร์คนั้นอยู่ห่างหลายร้อยเมตร มันจึงไม่มีทางที่อาร์คหรือราคาร์ดจะสามารถหยุดยั้งไม่ให้อัลเบิร์ตกลืนเข้าไปได้ทันท่วงที
ให้ตายสิ ชิ้นส่วนดวงจันทร์ต้องมีจุดจบแบบนี้เหรอเนี่ย?”
อาร์คร่ําร้องอยู่ภายในเมื่อกําลังเห็นชิ้นส่วนดวงจันทร์กําลังเกือบจะเข้าไปในปากของอัลเบิร์ต ตึง ตึง! ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงอะไรบางอย่างพลันดังขึ้นพร้อมอัลเบิร์ตที่สะดุ้ง พร้อมกันนั้น ชิ้นส่วนดวงจันทร์พลันหลุดลอยออกจากมือ อาร์คไม่อาจเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น… แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาหาสาเหตุ อัลเบิร์ตที่ตื่นตระหนกพยายามเข้าคว้าชิ้นส่วนดวงจันทร์กลับคืน
“คมดาบแห่งความมืด!”
แต่ก่อนที่มือนั้นจะเข้าถึงวัตถุ อาร์คใช้คมดาบแห่งความมืดฟันเข้าใส่ชิ้นส่วนดวงจันทร์
“ตอนนี้แหละราคาร์ด!”
“ขอรับ ได้แล้ว!”
ราคาร์ดเข้าคว้าชิ้นส่วนดวงจันทร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศไว้ หลังราคาร์ดได้รับของไว้ในมือ ชาววูล์แรงแม้ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่หลายสิบคนต่างก็พุ่งเข้าไปคว้าตัวอัลเบิร์ตที่คิดหลบหนีไว้ในเงื้อมมือ
“อึก เป็นไปไม่ได้!”
เพียงไม่กี่วินาที ชิ้นส่วนดวงจันทร์ที่เคยเป็นวัตถุเจ้าปัญหากลับถูกแก้ไขเรื่องราว
เศษหินลึกลับที่เต็มไปด้วยพลังอํานาจโบราณ
หินลึกลับที่มีออร่าความมืดจากพื้นผิว จําเป็นต้องใช้ภูมิความรู้โบราณวัตถุ 50 หน่วยเพื่อตรวจสอบ
ก่อนหน้าการตรวจสอบไอเทม บทลงโทษทุกค่าสถานะของผู้ถือครองจะถูกลดทอนลงครึ่งหนึ่ง
ในที่สุดอาร์คก็ได้รับชิ้นส่วนดวงจันทร์เมื่อราคาร์ดนํามาส่งต่อ และอัลเบิร์ตตอนนี้ก็กลายเป็นซากอยู่กับพื้นด้วยชาววูล์แรงที่ร่วมใจกัน
“เฮ้อ โชคดีชะมัดที่เรื่องไม่เลวร้ายลงกว่านี้ ว่าแต่ใครโจมตีอัลเบิร์ตกันนะ?”
“ข้า เป็นข้าเอง”
ขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากด้านหลังร่างของอัลเบิร์ต
“หือ? พวกคุณ?”
ดวงตาของอาร์คเบิกออกกว้างขณะกล่าวคําออก เหล่าบุคคลที่ถือพลัวกําลังเดินเข้ามาใกล้ พวกเขาเป็นมอนสเตอร์ทาส ฟลิบนั่นเอง อาร์คลืมเลือนไปแล้วว่าคุกใต้ดินแห่งนี้มีทาสถูกกักขังเพื่อใช้แรงงานอยู่หลายคน ตรวนแห่งความเจ็บปวดถูกปลดออก พวกเขาย่อมทราบว่าคาราคุลตายแล้ว แต่พวกเขายังไม่อาจเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงหลบซ่อนอยู่ ในดันเจี้ยนก่อนจะได้ยินเรื่องราวที่อาร์คและอัลเบิร์ตคุยกัน
“ข้าขอกล่าวตามตรง แม้ว่าตรวนจะถูกปลดออก… พวกเรายังคงเป็นทาส… สิ่งนั้นไม่เปลี่ยนแปลง และบุคคลที่จะรับหน้าที่ดูแลพวกเราต่อ…. คือสัตว์อัญเชิญของเจ้า ไม่ถูกต้อง… เป็นเจ้าต่างหาก ดังนั้นแล้วข้าจึงคิดว่าควรช่วยเหลือเจ้า…”
“แต่แล้วเข้าไปใกล้อัลเบิร์ตไม่ให้มันรู้ตัวได้ยังไงกันครับ?”
“หึหึหึ ข้า… กับไอ้พวกมีขน… ไม่เคยถูกตรวจพบ…”
โดยทันที่อาร์คจึงเข้าใจคําพูดของฟลิบ เป็นอีกครั้งที่เขาเพิ่งตระหนักได้ ฟลิบเป็นมอนสเตอร์คล้ายเห็บขนาดใหญ่ อัลเบิร์ตและวูล์แรงนั้นเป็นหมาปากันทั้งสิ้น แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่อาจได้กลิ่นเห็บที่ซ่อนอยู่ในขนตัวเอง
“ขอบคุณมากครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณ…”
ฟลิบเอ่ยคําก่อนจะหันมองราคาร์ดที่เข้ามาใกล้ด้วยความหวาดเกรง ตอนคาราคุลยังเป็นนายเหนือ ชีวิตของพวกเขาล้วนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ตอนนี้ราคาร์ดที่ขึ้นตรงกับอาร์คเป็นลอร์ดคนใหม่ แต่แล้วทาสคนหนึ่งกลับเร่งร้อนพุ่งตัวออกมาพร้อมตะโกนด้วยความโกรธแค้น
“สารเลว!”
อาร์ค วูล์แรง และฟลิบต่างหันมองไปพร้อมกัน มอนสเตอร์ตัวหนึ่งกําลังวิ่งเข้ามาเผชิญหน้ากับอาร์ค อีกฝ่ายมีดวงตาสีแดงกําพร้อมใบหน้าที่มืดมน ร่างนั้นปกคลุมไปด้วยเศษผ้า ไม่ต่างอะไรกับยาจก! อีกฝายคล้ายเป็นมอนสเตอร์ที่อดอยากมานับร้อยปีจนมีสภาพน่าหวั่นเกรง
“อะไรกันไอ้เจ้านี้? มีมอนสเตอร์แบบนี้ในหมู่ข้าทาสด้วย?
ทั้งวูล์แรงและปีศาจเลือดต่างคิดว่าเรื่องราวจบสิ้นแล้ว จึงหย่อนความระวัง อีกฝ่ายตอนนี้กําลังพุ่งเข้าหาอาร์ค พร้อมพลั่วขุดดินในมือที่ฟาดฟันเข้าใส่ ไม่สิ คิดจะฟาดเข้าใส่ต่างหาก อาร์คชักดาบออกมาโดยอัตโนมัติแล้ว
ตั้ง เคร้ง เคร้ง เครั้ง!
มอนสเตอร์ตัวดังกล่าวก้าวสะดุดผ้าคลุมตัวเองก่อนจะล้มลง อาร์คลืมเลือนการตอบโต้ไปก่อนจะเริ่มมองมอนสเตอร์ดังกล่าวด้วยดวงตาเหม่อลอย
“อะไรกัน? โผล่มาอย่างยิ่งใหญ่แต่กลับมาเล่นตลกให้ดูหรือยังไง?”
“แค่ก แค่ก…”
มอนสเตอร์ตรงหน้าที่ล้มลงกับพื้นเริ่มลุกขึ้นนั่งด้วยอาการไหล่สั่นเทาก่อนสะอื่นร้องไห้ออกมา
“หือ? ร้องไห้? เดี๋ยวนะ ฟลิบ หมอนี่คือ?”
“เรื่องนั้น…”
ฟลิบเกาศีรษะก่อนจะเอ่ยคํา ทว่ามอนสเตอร์ดังกล่าวสะดุ้งเพราะคําของอาร์ค อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นก่อนจะพยายามเหวี่ยงพลั่วอีกครั้ง
“ว่าอะไรนะ? เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ? นี่นายเป็นคนประสาอะไร?”
ตึง! อาร์คเตะเข้าที่กรามของมอนสเตอร์เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ทําให้ร่างนั้นล้มลงอีกครั้ง ทว่าเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น มอนสเตอร์ตัวนั้นก็พยายามยันกายลุกขึ้นประหนึ่งซอมบี้ ล้มลุกคลุกคลานก่อนจะร่างสั่นแล้วพุ่งเข้าใส่อีกครั้งหนึ่ง
“เตะฉันเหรอ? กล้าเตะฉันใช่ไหม? ได้ฉันจะฆ่านาย!”
“อะไรกันไอ้เจ้านี่? แต่เดี๋ยวนะ? เสียงนี้มัน ”
อาร์คคล้ายพบเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดแผกเมื่อมองมอนสเตอร์ตรงหน้าด้วยเนตรแห่งแมว อาร์คร่ําร้องออกมาหลังได้ เห็นหน้าต่างข้อมูลที่ปรากฏอยู่เหนือศีรษะของอีกฝ่าย
“บะ-บุคซิล?”
มันทําเขาประหลาดใจไม่น้อย มอนสเตอร์ตรงหน้าคือบุคซิล ใบหน้าของบุคซิลที่บิดเบี้ยวทําให้อาร์คต้องร้องออก
“นี่นาย จําฉันไม่ได้?”
“ไม่? เกิดบ้าอะไรทําไมถึงผอมล่ะ?”
บุคซิลกัดฟันดังกรอดก่อนจะร้องตะโกน
“ทําไมฉันถึงเป็นแบบนี้งั้นเหรอ! ต้องขุดดินบ้านี่ทุกวัน นอนก็หลับๆตื่นๆ! แถมตอนเย็นยังต้องไปเป็นถังเลือดจากก่อนที่เคยมีสองคนด้วยตัวคนเดียว! ทั้งหมดเป็นเพราะฉันถูกทิ้งไว้ที่นี่!”
คาราคุลคล้ายโกรธเกรี้ยวไม่น้อยเมื่ออาร์คหนีไปได้ แต่ตัวอาร์คนั้นออกจากอาณาเขตไปแล้ว ความเกรี้ยวกราดนั้นจึงลงที่บุคซิล อาชญากรรมที่อาร์คก่อเพื่อหลบหนี แถมยังมีเรื่องมิสไซล์หมูน้อยและอีกหลายเรื่อง ทําให้บุคซิลโดนกักขังเอาไว้และมีชีวิตยากลําบากอย่างถึงที่สุดยิ่งกว่าก่อนหน้า แม้อาร์คจะทราบดีตอนที่ทิ้งบุคซิลเอาไว้ก็ตาม
“แต่เราไม่เคยคิดเลยว่าจะเปลี่ยนหมอนี่ได้ถึงขนาดนี้:
เป็นเวลาเพียงแค่สามวันเท่านั้นตั้งแต่อาร์คหลบหนีไป แต่แล้วอีกฝ่ายกลับเปลี่ยนไปมากภายในเวลาแค่สามวัน ดูเหมือนมันจะเป็นคืนวันยากลําบากยิ่งกว่าแปดวันก่อนหน้านี้ เป็นอีกครั้งที่อีกฝ่ายต้องได้รับประสบการณ์ประดุจอยู่ในขุมนรก เพราะอาร์คใช้งานบุคซิลเป็นมิสไซล์หมูน้อย แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรหยิบยกขึ้นมาพูดตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจจริงเมื่อนึกย้อนกลับไป แต่เรื่องราวเกิดขึ้นไปแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาย้อนกลับมาช่วยเหลือบุคซิลโดยการโค่นล้มคาราคุลแล้วหรือยังไง?
“เอ่อ อืม… คือว่า.. ฉันต้องขอโทษด้วย”
“ว่าอะไรนะ? เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ? คิดว่าทุกอย่างจะจบเพราะพูดคําขอโทษงั้นเหรอ?”
“ไม่เอาน่า เรื่องราวมันผ่านไปแล้ว ลืมมันไปไม่ดีกว่าเหรอ?”
อาร์คเผยรอยยิ้มเก้กังให้บุคซิล แต่แล้วเรื่องราวเกินคาดคิดก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ดวงตาของบุคซิลข้างหนึ่งพลันหลุดกระเด็นออกมา บุคซิลเร่งร้อนคลํากับพื้นก่อนจะคว้าดวงตานั้นใส่กลับที่เดิม
“อีก ตา… ดวงตา…”
“อะไร? เกิดอะไรขึ้น? ดวงตานายเป็นอะไร?”
“ยังมีหน้ามาถาม? นี่เป็นความผิดของนาย!”
“พูดเรื่องอะไรกันเนี่ย? ดวงตานายหลุดออกมามันเกี่ยวอะไรกับฉันกัน?”
“ไม่รู้ ไม่รู้โว้ย แต่ทุกอย่างมันเป็นความผิดของนาย!”
“การกัดกร่อน น่าจะเรียกแบบนั้น…”
ฟลิบเกาศีรษะก่อนเอ่ยแทรกขึ้นมา