Ark The Legend - ตอนที่ 408 : พลังจากชิ้นส่วนดวงจันทร์
ตอนที่ 408 : พลังจากชิ้นส่วนดวงจันทร์
“เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าเราจะได้รับเซ็ตไอเทมสมบูรณ์จากเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร?”
นอกจากนี้ ชื่อของเซ็ตยังเป็นราชันสรรพสัตว์! แบบนั้นหมายความว่าเซ็ตไอเทมที่เหลือย่อมต้องเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรหรือไม่ใช่?
“ฮัสซันจากเผ่าพันธุ์เหมียวบอกว่ายังมีเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร อีกจํานวนหนึ่งนอกจากชาวเงือกและชาวแรคคูน เราต้องไปถามอิกดราซิล บางที่อีกฝ่ายอาจทราบว่ามีเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรใดหลงเหลืออยู่ อะไรก็ดี ตอนนี้เราได้มาสี่ชิ้นแล้ว มีโอกาสสูงมากที่เราจะรวบรวมได้ครบ!”
“ขอบคุณมากครับ ผมจะใช้มันเป็นอย่างดี”
“เจ้าชอบข้าก็ดีใจ”
ผู้อาวุโสนั้นเผยสีหน้ากังวลเพราะคิดว่าอาร์คไม่ชอบไอเทม ทว่าความรู้สึกนั้นกลับเลือนหายเมื่ออาร์คเผยท่าทีตอบรับในทางที่ดี อาร์ครับรองเท้านั้นเอาไว้ก่อนจะเอ่ยถาม
“หลังจากนี้เผ่าวูล์แรงจะทําอะไรต่อกันครับ?”
“ข้ายังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย”
“คิดไปจากโลกมืดไหมครับ?”
“แน่นอน หลังผ่านเวลาอันยาวนาน ไม่สิ สําหรับบางคนในเผ่านี้อาจเป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนกลับคืนสู่ร่างเดิมเลยด้วยซ้ํา ตอนนี้เผ่าวูล์แรงได้พลังกลับคืนแล้ว ชิ้นส่วนดวงจันทร์ก็อยู่ในมือของผู้สืบทอดแห่งผู้กล้ามาบัน หากพวกเรายังอยู่ในโลกมืดต่อไป คงต้องกลับคืนร่างมนุษย์อันน่าอดสูเช่นนั้นอีก”
ผู้อาวุโสสั่นศีรษะอย่างแรงขณะนึกถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมา
“โชคยังดี โลกมืดไม่ใช่สถานที่เดียวซึ่งปลอดภัยอีกต่อไป พวกเราจะได้ออกสู่โลกภายนอกเสียที แน่นอนว่าเรื่องราวไม่ง่าย ในบรรดาเผ่าวูล์แรงนั้นหลายคนไม่เคยมีประสบการณ์ที่โลกภายนอก”
“งั้นผมแนะนําหมู่บ้านที่เหมาะสมให้ไหมครับ?”
ดวงตาของอาร์คพลันทอประกาย
“หมู่บ้านที่เหมาะสม?”
“เป็นหมู่บ้านที่ผมรู้จักดีที่สุดในอีกทวีปหนึ่ง เดิมทีเป็นหมู่บ้านมนุษย์ แต่ตอนนี้มีทั้งชาวแรคคูนและชาวเหมียวใช้ชีวิตอาศัยอยู่ที่นั่น หากเผ่าวูล์แรงไม่ทราบจะไปที่ใดดีในทวีปก็นับว่าเป็นสถานที่เหมาะสมเลยทีเดียวครับ”
แน่นอนว่าหมู่บ้านที่อาร์คกล่าวถึงคือหมู่บ้านแลนเซล ไม่นานมานี้ เผ่าบารันได้อพยพจากซอแทนดาลไปลี้ภัยที่แสนเซลอยู่จํานวนหนึ่ง นั่นทําให้ภารกิจของเขาใกล้เสร็จสมบูรณ์ โชคร้ายที่ผู้อพยพบางส่วนเลือกกลับมายังบ้านเกิด จึงทําให้ขาดส่วนที่เหลืออีกเล็กน้อยโดยหยุดแค่ที่ 98% หากได้เผ่าวูล์แรงไปที่นั้น ภารกิจของเขาย่อมต้องเสร็จสมบูรณ์ ทว่าผู้อาวุโสกลับส่ายศีรษะหลังผ่านการครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“นับว่าเป็นข้อเสนอที่ดี แต่ข้าคงต้องปฏิเสธ”
“ครับ? ทําไมกันล่ะ?”
อาร์คกลายเป็นสับสนเพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะยอมรับ
“วูล์แรงเป็นเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรที่สืบทอดมาจากหมาป่า หลังจากติดอยู่ที่นี่เพราะคารากุลนานนับร้อยปี พวกเราได้ตระหนักแล้วว่าชีวิตเช่นไรที่พวกเราปรารถนา โดยสัญชาตญาณพวกเราคิดอยากเป็นอิสระจากโลกที่ไม่รู้จักนี้ พวกเราอยากที่จะไปรอบทวีปแห่งนี้ที่บรรพบุรุษของพวกเรา คิดปกป้องเอาไว้เพื่อเรียกสัญชาตญาณสัตว์ป่ากลับคืน”
“แบบนั้นผมก็แย่สิครับ!”
“หือ? เจ้าหมายถึงเรื่องอันใด? อะไรคือแย่?”
“เอ่อ ไม่ครับ ผมหมายถึง…”
อาร์คเกาตีรษะด้วยสีหน้าเก้กังก่อนจะถอนหายใจออก
“บ้าฉิบ เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน? ถ้าเราได้ตัวเผ่าวูล์แรงร่วมไปด้วย ภารกิจที่ยาวนานก็จะได้เสร็จสิ้น ไม่สิ เราต้องหาทางทํายังไงก็ได้ให้พวกเขาเปลี่ยนใจ ภารกิจนี้สําคัญ ตอนเราส่งชาวเหมียวและชาวแรคคูนไปก็ได้ผลกําไรจากหมู่บ้านกลับคืนไม่น้อยด้วย”
ถ้าหากจํานวนเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรในหมู่บ้านแลนเซลเพิ่มขึ้น แบบนั้นส่วนแบ่งของอาร์คจะยิ่งเพิ่มขึ้น แต่มีเท่านั้นหรือ? เมื่อพวกเขาย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้าน เขาจะสามารถได้โบนัสเสริมกองกําลังของหมู่บ้านจากทั้งชาวเหมียวและชาววูล์แรง ไม่ใช่ว่าเผ่าวูล์แรงมีพลังกายที่เหนือกว่าชาวเหมียวหรืออย่างไร?
“เราต้องหาทางเกลี้ยกล่อม… แต่พวกวูล์แรงเป็นหมาป่า นอกจากนี้ พวกเขายังไม่ได้คาดหวังอะไรอีก เดี๋ยวนะ… เกียรติภูมิ?
อาร์คนึกอยู่ครึ่งค่อนวันจึงค่อยได้ข้อสรุป อาร์คพลันกล่าวความคิดออกด้วยน้ําเสียงที่มั่นใจขึ้นมา
“มีเหตุผลที่ชาววูล์แรงควรไปที่หมู่บ้านนะครับ แม้ผมจะไม่ได้พูดเพราะเกรงพวกท่านจะกังวล แต่ทวีปแห่งนั้นไม่ได้สงบสุขดังที่เห็น
“ไม่สงบสุข?”
“ใช่ครับ นี่คือข้อมูลที่ผมได้ทราบจากร่องรอยของผู้กล้ามาบัน หลายร้อยปีก่อน ดาร์คลอร์ดได้พ่ายแพ้ไปเพราะผู้กล้าทั้งเจ็ด ทว่าโชคร้ายนักที่ดาร์คลอร์ดไม่ได้หายไป โดยสมบูรณ์ ดาร์คลอร์ดยังคงซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่งรอวันให้ความชั่วร้ายฟื้นคืน และเมื่อนั้นดาร์คลอร์ดจะก่อกรรมทําชั่วอีกครั้ง”
“วะ-ว่าอะไรนะ? ดาร์คลอร์ด?”
“ใช่ครับ นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมผมถึงต้องออกตามหามรดกของผู้กล้ามาบัน ด้วยความที่เป็นผู้สืบทอด ผมมีชะตาที่ต้องเข้าหยุดยั้งการฟื้นคืนชีพของดาร์คลอร์ด แต่มัน จะเป็นไปไม่ได้หากมีพละกําลังเพียงแค่ผมคนเดียว ที่จริงยังเป็นความลับ… แต่ผมรวบรวมเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรในหมู่บ้านแลนเซลเผื่อกรณีเกิดวิกฤตขึ้นมา ไม่ใช่ว่านักรบชาวสัตว์อสูรย่อมต้องช่วยเหลือผู้สืบทอดของผู้กล้ามาบันหรือครับ?”
“โอ้ เจ้าสมแล้วที่เป็นผู้สืบทอดผู้กล้ามาบัน!”
ผู้อาวุโสกล่าวด้วยน้ําเสียงเคารพนับถืออาร์คเป็นอย่างยิ่ง
“กล่าวตามตรง ข้าคิดว่าเจ้าไม่ค่อยคล้ายจะใช่ผู้สืบทอดผู้กล้ามาบันนักตอนที่เห็นการกระทําหลังคาราคุลตายไป แต่ตอนนี้เจ้านั้นใช่แน่แล้ว ถูกต้องตามนั้น พวกเราเข้าใจที่เจ้ากล่าว หากเจ้าไม่แน่วแน่คงไม่มีทางโค่นล้มความชั่วร้ายลงได้ ผู้กล้าแท้จริงต้องกังวลในเรื่องที่ผู้อื่นไม่คาดคิด”
“ถูกต้องครับ ผมก็เลยรวบรวมกองกําลังดั้งเดิมที่แข็งแกร่งสําหรับเตรียมการป้องกันโลก…อึก!”
อาร์คปาดน้ําตาด้วยสีหน้าเจ็บปวด แม้กระทั่งบุคซิลและราคาร์ดยังโดนจับโยนขึ้นลงไปมา ผู้อาวุโสตอนนี้ตบไหล่ของอาร์คอย่างหนักหน่วงพร้อมเผยสีหน้าจริงจัง
“ข้าเข้าใจ เจ้าไม่ต้องกล่าวอันใดอีก หนทางของผู้กล้านั้นช่างโดดเดี่ยวนัก”
“เข้าใจแล้ว?”
“ข้ารู้ ข้ารู้ พวกเราต่อสู้อยู่แนวหน้ากับความมืดในสมัยก่อน แต่พวกเรากลับโดนแวมไพร์จับตัวเอาไว้ เหตุใดที่พวกเราจะไม่รับรู้เจตนารมณ์ของเจ้า?”
“ ขอบคุณครับ งั้นเรื่องเคลื่อนย้ายไปที่หมู่บ้าน…”
“อย่างไรก็ดี พวกเราวูล์แรงไม่อาจปฏิเสธเจตนารมณ์นี้ของเจ้าได้ แต่หลังจากอาศัยในความสงบสุขมาหลายปี พวกเราจะช่วยได้อย่างที่บรรพบุรุษเคยกระทําหรือ? กล่าวตามตรง พละกําลังของพวกเราตอนนี้ออกจะขาดแคลนไปบ้าง”
“ระ เรื่องนั้น”
“ทําไมต้องคิดอะไรให้มากเรื่องด้วยกัน?”
ความโกรธพวยพุ่งภายในใจอาร์คกับท่าที่ตอบสนองของผู้อาวุโส
“แต่ที่ผู้อาวุโสกล่าวก็ไม่ผิด… มันคงดีกว่าที่เผ่าวูล์แรงจะแข็งแกร่งขึ้นได้อีก แต่ภารกิจผู้อยู่อาศัยใหม่… เดียวนะ… ผู้อยู่อาศัยใหม่ ไม่ใช่แค่เพิ่มจํานวนประชากรที่ลงทะเบียนราษฎร์กับหมู่บ้านแลนเซลก็พอเหรอ? แบบนั้นก็น่าจะ
อาร์คเรียบเรียงคําพูดชั่วครู่ก่อนเอ่ยคําต่อ
“ผู้อาวุโสกล่าวได้ถูกต้องครับ แต่มันจะไม่เป็นปัญหาหรือ หากผมไม่สามารถติดต่อเผ่าวูล์แรงได้หลังจากเรียกสัญชาตญาณสัตว์ปากลับคืน? เอาแบบนี้เป็นอย่างไรครับ?”
“อะไรกันล่ะ?”
“ผมจะพาเผ่าวูล์แรงกลับไปหมู่บ้านแลนเซลสักพักหนึ่ง หลังพวกท่านเป็นประชากรของหมู่บ้านแลนเซล พวกท่านสามารถเดินทางไปทั่วทั้งทวีปได้ หากท่านทําเช่นนั้น หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นผมจะได้หาตัวได้ง่ายกว่าด้วย จริงไหมครับ?”
นี่คือแผนล่อเหยื่อไปลงทะเบียนราษฎร์!
“นับว่ามีเหตุผล เป็นวิธีการที่ไม่เลว อันที่จริงพวกเราถือกําเนิดในโลกมืด ดังนั้นแล้วพวกเราจึงไม่เคยพบเจอสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์อื่น พวกเรายังไม่ทราบว่าทวีปแห่งนั้นเป็นเช่นไร ก็ดี พวกเราจะทําตามเจ้าว่าพวกเราจะไปยังหมู่บ้านแลนเซลก่อนเมื่อถึงทวีปแห่งนั้น”
ท้ายที่สุด อาร์คก็ได้รับสัญญาจากผู้อาวุโส พร้อมกันนั้นหน้าต่างข้อมูลก็ปรากฏตรงหน้าอาร์ค
ภารกิจค้นหาผู้อยู่อาศัยใหม่ได้รับการอัพเดท
ท่านได้รับสัญญาจากเผ่าวูล์แรงที่อาศัยอยู่ในโลกมืดว่าจะไปเป็นประชากรของหมู่บ้านแลนเซล ภารกิจนี้จะสําเร็จเมื่อเผ่าวูล์แรงไปถึงหมู่บ้านแลนเซล
มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับสิ่งตอบแทนตามสัญญาจากหมู่บ้านแลนเซลเมื่ออัตราความสําเร็จเกิน 100%
“ทําได้แล้ว! ในที่สุดภารกิจนี้ก็จบเสียที!”
“งั้นพวกเราต้องขอตัวก่อน พวกเราต้องเตรียมการเพื่อไปจากทวีปแห่งนี้”
ผู้อาวุโสนําเผ่าวูล์แรงทั้งหมดกลับไปยังหมู่บ้านใกล้ชายหาด ขณะเดียวกัน ราคาร์ดก็เริ่มทําหน้าที่เช่นกัน อย่างแรกคือรวบรวมปีศาจเลือดที่กระจัดกระจายทั่วอาณาเขตมาเพื่อรับทราบถึงลอร์ดคนใหม่ แม้จะมีปีศาจเลือดเกือบสีร้อยตัวในปราสาท แต่ก็ยังมีปีศาจเลือดอีกหลายร้อยที่รับหน้าที่ออกลาดตระเวนป้องกันแวมไพร์อื่นบุกรุกอาณาเขต แท้จริงแล้วราคาร์ดมีปีศาจเลือดในครอบครองถึง 800 ตัวด้วยกัน
“ด้วยจํานวนปีศาจเลือดมากขนาดนี้ ไม่น่าจะกังวลอะไร อีกเรื่องแวมไพร์อื่นรุกราน
อันที่จริงมันเป็นเรื่องใหญ่ที่อาร์คกังวลไม่น้อย ราคาร์ดโค่นล้มคาราคุลที่ครอบครองพื้นที่ส่วนมากในโลกมืดได้ก็ใช่ แต่ความเป็นจริงนั้นราคาร์ดยังไม่ใช่ผู้ที่จะมีความสามารถเพียงพอโค่นล้มแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ตนอื่น
หากความจริงถูกเปิดเผยออกไป แวมไพร์ตนอื่นย่อมไม่ปล่อยราคาร์ดเอาไว้แน่ หลังอาร์คจากไป หากแวมไพร์อื่นส่งคําท้าประลองมา ราคาร์ดได้ตายจริงแน่ แต่เรื่องดีอย่างหนึ่ง คือกฎเกณฑ์ทั้งหลายถูกจัดตั้งขึ้นโดยลอร์ดแห่งแวมไพร์ ก่อนรับการท้าประลอง แวมไพร์ตนอื่นจําเป็นต้องจัดการปีศาจเลือกทั้งหมดเพื่อปูทางสู่ปราสาท ทว่าคาราคุลนั้น มีปีศาจเลือดถึง 800 ตัว! มันเยอะยิ่งกว่าที่แวมไพร์ในบริเวณใกล้เคียงมีรวมกันเสียด้วยซ้ํา นอกจากนี้ ราคาร์ดยังมีทาสมอนสเตอร์อีกหลายสิบตัว อันที่จริงสิ่งเกินคาดก็คือท่าทีตอบสนองของเหล่าทาสมอนสเตอร์นี้แหละ
“พวกเรา จะทํางานกันต่อที่ใต้ดินแห่งนั้น ถ้าเป็นไปได…
เมื่อการประชุมเสร็จสิ้น ฟลิบได้เป็นตัวแทนของเหล่าทาสมาพูดคุย
อาร์คได้เรียนรู้ในช่วงที่ยังเป็นทาส ข้าทาสเหล่านี้อยู่ที่นี่มาอย่างน้อยก็สิบปี ขณะที่บางตนนั้นต้องติดอยู่ที่นี่นานเกือบสามสิบปีก็มี หลังผ่านชีวิตในคุกกว่าสิบปี พวกเขาล้วนหวาดกลัวโลกภายนอกห้องขัง มอนสเตอร์เหล่านี้ทั้งหมดต่างคิดเห็นเช่นเดียวกัน อย่างไรแล้วสถานที่แห่งนี้ก็ยังคงเป็นโลกมืด หากออกไปข้างนอก แวมไพร์ตัวอื่นอาจจับพวกเขาไปเพื่อดูดเลือด แน่นอนว่าราคาร์ดก็เป็นแวมไพร์ที่กระหายเลือดเช่นกัน แต่อย่างไรก็เป็นสัตว์อัญเชิญของอาร์ค อาหารส่วนใหญ่จึงมักออกไปกินข้างนอกตอนโดนอัญเชิญไปเสียมากกว่า ดังนั้นแล้วพอพิจารณาให้ดี นับว่าราคาร์ดดีกว่าแวมไพร์ตนอื่นไม่น้อย ตอนนี้ชิ้นส่วนดวงจันทร์หายไปแล้ว หินดวงจันทร์จะไม่ถือกําเนิดขึ้นอีก แต่ภายในใต้ดินแห่งนี้ก็ยังคงมีไอเทมหรือไม่ก็อัญมณีที่สามารถพบเห็นได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องให้มอนสเตอร์เหล่านี้หยุดทํางาน
“หึหึหึ ไว้คราวหลังตอนกลับมาโลกมืด เราจะเอาของทุกสิ่งที่มอนสเตอร์พวกนี้รวบรวมมาได้กลับไปขาย
“ย่อมได้ครับ หากคิดทํางานที่นี่ในสภาพแวดล้อมนี้ต่อผมก็ไม่ขัดข้อง”
“พวกเราจะทํางานให้ดียิ่งขึ้น!”
“อา… เจ้านายทําตามใจตัวเองอีกแล้ว…”
ราคาร์ดบ่นอุบอิบขณะกลอกตาไปมา แต่เพียงสายตาจ้องมองวูบเดียวการกระทํานั้นก็ต้องหยุดลง
และตอนนี้ก็เหลือเรื่องราวเล็กน้อยอีกหนึ่งอย่างที่ต้องทํา
อาร์คได้ย้ายสถานที่ลงทะเบียนพอร์ตอัญเชิญใหม่ และราคาร์ดก็ไปพาตัวแวมไพร์เด็กทั้งสามที่กําลังรออยู่ในบ้านเดิมมายังที่ใหม่
“ว้าว ว้าว! นี่คือบ้านใหม่ของท่านลอร์ด?”
“หึหึหึ คิดอยู่แล้วว่าคาราคุลไม่อาจเทียบท่านลอร์ดของเราได้”
“แต่คาราคุลช่างเป็นคนไร้รสนิยมนัก ปราสาทกว้างใหญ่ แต่กลับไม่มีของประดับตกแต่งเลยสักนิด”
“ใช่ มันเป็นคนประหลาดจริงๆ ”
ราคาร์ดหันมองไปทางอาร์คเป็นการตอบสนอง ทว่าเป็นไปไม่ได้ที่แวมไพร์เด็กน้อยทั้งสามจะเข้าใจสิ่งที่ราคาร์ดแอบแฝงไว้ในน้ําเสียง
“อืม อืม ท่านลอร์ดของเราไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้”
“ถูกต้อง พวกเราจะป้องกันปราสาทแห่งนี้ไว้แม้ท่านลอร์ดจะถูกอัญเชิญไป”
“ไอ้หน้าใหม่ คอยติดตามท่านลอร์ดให้ดี รับใช้ท่านลอร์ดให้ดีด้วย!”
“ท่านลอร์ดโปรดรักษาตัว!”
อย่างไรแล้วอาร์คเพียงทําหูทวนลมไปกับคําพูดเหล่านี้ ท้ายที่สุดอาร์คก็นําเอาชิ้นส่วนดวงจันทร์ออกมาตรวจสอบ
“ในเมื่อทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยหมดแล้ว ก็เริ่มกันได้เลยไหมนะ?”
ช่วงเวลาที่เขาใช้ตามหาสามสิ่งมหัศจรรย์นั้นนานเพียงใด? นี่ก็หนึ่งปีแล้วตั้งแต่ที่เขาได้รับชิ้นส่วนดวงดาวจากเมืองใต้สมุทร! ในที่สุดเขาก็ได้รับชิ้นส่วนสุดท้ายของสามสิ่งมหัศจรรย์ โบนัสอันมหาศาลและทักษะลึกล้ํากําลังรอคอยเขาอยู่ในชิ้นส่วนนี้ ทว่า ชิ้นส่วนดวงจันทร์คล้ายแตกต่างออกไป เขาจะได้รับความสามารถใหม่ มันเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนอาชีพขั้นที่สองของผู้เดินทางแห่งความมืด
“สามสิ่งมหัศจรรย์คือไอเทมที่จะนําไปสู่อาชีพขั้นที่สอง!”
นั่นคือเหตุผลว่าทําไมอาร์คจึงรอคอยให้ทุกอย่างเรียบร้อยดีจึงค่อยนําเอาชิ้นส่วนดวงจันทร์ออกมา เขาไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นในช่วงพิธีอันสําคัญ อาร์คสูดลมหายใจเข้าลึกขณะกําชิ้นส่วนดวงจันทร์เอาไว้แน่น การสั่นไหวเล็กน้อยพลันปรากฏพร้อมหน้าต่างข้อมูล
ภูมิความรู้โบราณวัตถุของท่านได้ทําการยืนยัน ชิ้นส่วนศิลาซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอํานาจโบราณ
– ชิ้นส่วนศิลาซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอํานาจโบราณ (ชิ้นส่วนดวงจันทร์)
ศิลาซึ่งเต็มไปด้วยพลังลึกลับอันมหาศาล สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยความมืด ทว่ากลับให้แสงสว่าง เมื่อใช้ภูมิความรู้โบราณวัตถุ ท่านสามารถได้รับการยืนยันว่านี่คือหนึ่งในสามสิ่งมหัศจรรย์ของผู้กล้ามาบันที่ใช้งานในครั้งหนึ่งร้อยปีแห่งความมืดมิด ผู้กล้ามาบันได้หลงเหลือพลังเอาไว้ภายในสามสิ่งมหัศจรรย์เพื่อผู้สืบทอด มีเพียงผู้ค้นหาความจริงที่สามารถได้รับภูมิความรู้ที่ผู้กล้ามาบันหลงเหลือไว้
* เจ้าของชิ้นส่วนดวงจันทร์สามารถใช้งานเทคนิคของผู้กล้ามาบัน
ทักษะใหม่ประจําอาชีพ
ของขวัญแห่งความมืด ขั้นที่สาม (มีผลใช้งานต่อเนื่อง) : ความสามารถของผู้เดินทางแห่งความมืดจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในความมืด ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 50% ระยะเวลาการใช้งาน “ลอบเร้น” เพิ่มขึ้นเป็น 30 นาที ทักษะนี้ไม่สามารถเลื่อนระดับได้
ทักษะใหม่ประจําอาชีพ
เงาแสงจันทร์ (ขั้นต้น, เรียกใช้งาน) : เมื่อปลดปล่อยพลังของผู้กล้ามาบันพร้อมพลังแห่งดวงจันทร์ ท่านสามารถสร้างเงาขึ้นมาสามร่างพร้อมได้รับพลังชีวิตและพลังป้องกัน 30% จากตัวท่าน
อีกตัวตนของท่านไม่อาจเคลื่อนไหว แต่จะสามารถปลดปล่อยพลังเพื่อหลอกล่อมอนสเตอร์โดยรอบได้ เมื่อท่านถูกมอนสเตอร์ล้อมเอาไว้ ทักษะนี้จะช่วยให้ท่านรอดพ้นจากวิกฤต ทว่าทักษะนี้ของผู้เดินทางแห่งความมืดต้องใช้พลังของดวงจันทร์ ดังนั้นแล้วจึงจําเป็นต้องชาร์จพลังแห่งดวงจันทร์ก่อน