Ark The Legend - ตอนที่ 425 : โศกนาฏกรรมเมโลดี้
ตอนที่ 425 : โศกนาฏกรรมเมโลดี้
“แซบจิล อัลเมออก นําสินค้านี้ไปเก็บในโกดังแล้วตรวจสอบราคาด้วย”
“ครับผู้จัดการ!”
โรโค่มอบหมายหน้าที่ให้ผู้ช่วยของร้านและกลับขึ้นไปยังชั้นสอง
“ช่วงนี้ไม่มีงานใหญ่หรือสําคัญอะไรเลย น่าเบื่อจัง
ในช่วงไม่นานมานี้ โรโค่ค่อนข้างมีเวลาว่างไม่น้อย ที่ได้ยุ่งบ้างก็ตอนเตรียมของงานฉลองให้แม่ของฮยอนอูและตอนนี้ทั้งแซบจิลกับอัลเมออคก็ไม่จําเป็นต้องกํากับและสอนงานอีกแต่อย่างใดเป็นพวกเขาต่างได้รับประสบการณ์กันไปไม่น้อยแล้ว ตอนนี้เพียงแค่เธอสบตาพวกเขาก็แทบตัวสั่นแม้ตอนที่เธอมีธุระอื่นต้องออกไปทําก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปโรโค่ตอนนี้จึงแทบกลายเป็นคนว่างงานโดยสมบูรณ์แต่กล่าวตามตรงแม้ว่างงานแต่ก็ยังมีเรื่องให้เธอตึงเครียดอยู่
“เราคิดว่าจะได้เจอพี่ชายบ่อยกว่านี้เสียอีกเลยยอมรับห น้าที่ในร้านมาแต่ยิ่งกลับเจอน้อยลงกว่าเก่าเราต้องอยู่ที่นี่แต่นางจิ้งจอกลาริเอ็ตเต้กลับมีอิสระกว่า… เฮ้อ น่า หงุดหงิดจริง
โชคดีตรงที่เธอสามารถตรวจสอบข้อมูลกับกลุ่มทัณฑ์บนได้จึงทราบว่าลาริเอ็ตเต้ก็ไม่ได้เจออาร์คเช่นเดียวกันแต่นั่นไม่ใช่ความเครียดเดียวที่โรโค่มีตอนที่พวกเธอได้พบเจอกันเป็นครั้งแรกซิดนั้นมีคดีติดตัวแต่ตอนนี้เลเวล 300 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้แซบจิลกับอัลเมออคก็เลเวลเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยเพราะเป็นผู้ช่วยของร้านที่เป็นแบบนี้เพราะพวกเขาล้วนเป็นพ่อค้าจึงเลเวลเพิ่มขึ้นจากการค้าขายแต่โรโค่เป็นนักดนตรีเธอไม่ได้รับค่าประสบการณ์ใดเลยไม่ว่าจะสร้างผลกําไรทางธุรกิจมากมายเพียงใดแน่นอนว่าโรโค่สามารถเล่นดนตรีในช่วงที่ว่างได้บางครั้งเธอก็จะออกไปล่ากับพวกอดีตโจรหรือชาวเหมียวแถวหมู่บ้านแต่มันก็ไม่ได้ส่งผลลัพธ์ที่ดีอะไรนักหากเทียบกับการอยู่ร่วมกลุ่มทัณฑ์บนเพราะแบบนั้นเธอตอนนี้เลเวลยังไม่ถึง 200 เลยด้วยซ้ํา
“อยากไปที่ซอแทนดาบกับพวกพี่ชายกลุ่มทัณฑ์บนจัง…”
แต่เธอก็ไม่อาจทิ้งร้านอาร์คไว้ในมือแซบจิลกับอัลเมออก
“ใช่แล้ว เราต้องอดทนเพื่อปกป้องธุรกิจของพี่ชาย”
เธอต้องคิดแบบนี้จึงจะรักษาสถานภาพตอนนี้เอาไว้ได้ท้ายที่สุดโรโค่ต้องหางานอดิเรกใหม่เพื่อแก้เบื่อหนึ่งในสิ่งที่โรโค่ให้ความสนใจทําในเกมตอนนี้คือการใช้เครื่องดนต รีหลายชิ้นร้านนี้ไม่ต่างโกดังเก็บของขนาดใหญ่ โรโค่สา มารถรวบรวมเครื่องดนตรีหลายชิ้นมาได้ทั้งไวโอลินวิโอลาทรัมเป็ตที่ชั้นสองของร้านตอนนี้จึงเต็มไปด้วยเครื่องดนตรีของโรโค่เพราะอาการเบื่อนั้นทําให้เธอต้องมาเล่นเครื่องดนตรีฝึกฝนความเชี่ยวชาญให้มากขึ้น
เรายังไม่มีฮาร์ป เพราะงั้นก็เหมาะพอดีเลย แม้ตอนนี้ไม่อาจใช้งานในฐานะอุปกรณ์แต่พอซ่อมแซมแล้วก็น่าจะออกมาดีไม่น้อยแถมมันยังสวยด้วยน่าจะเอามาใช้ประสาน เสียงได้ตอนนี้ที่ต้องทําคือการซ่อมมัน”
โรโค่เผยสีหน้าสุขใจขณะหยิบผ้าขี้ริ้วออกมาเช็ดถูความสามารถพิเศษของโรโคในความเป็นจริงและในเกมที่เหมือนกันคืองานบ้านเพราะเหตุนี้เธอจึงมีหน้าที่เก็บกวาดทําความสะอาดร้านไปด้วยตอนนี้ทักษะทํางานบ้านหลายอย่างของเธอล้วนเป็นขั้นสูงทั้งสิ้นเมื่อโรโค่ถูไถด้วยผ้าขี้ริ้วฮาร์ปที่เก่าเก็บก็เริ่มส่องประกายความงดงามออกมาโรโค่รู้สึกคล้ายได้รับการเติมเต็มทุกครั้งที่ฮาร์ปนี้ยิ่งมายิ่งเผยตัวตนแท้จริง
สายตาเราไม่ผิดอย่างที่คิด สีดั้งเดิมของมันสวยมาก อะไรกันที่ทําให้ฮาร์ปชิ้นนี้เสียหายได้ขนาดนี้กันนะ? ต่อไปก็สายพิณเราต้องซ่อมมันก่อนถึงจะเล่นฮาร์ปชิ้นนี้ได้”
โรโค่เดินทางไปร้านค้าเครื่องดนตรีในแจ็คสันเพื่อซื้อสายพิณมาเปลี่ยนเมื่อทุกอย่างถูกซ่อมแซมเรียบร้อย โรโคจึง มองฮาร์ปตรงหน้าด้วยสีหน้าคาดหวัง
ตึง ตึง ครืน ตึง!
“อะไรกันเนี่ย?”
เพราะอะไรฮาร์ปจึงส่งเสียงผิดปกติออกมาเหมือน อิฐหล่นกับพื้น?โรโค่ตระหนักได้ว่าเธอลืมเลือนส่วนการซ่อมแซมสําคัญที่สุดของเครื่องดนตรีไปมันคือการปรับจูน เสียงของสายพิณแต่ละเส้น
“ไม่เคยปรับจูนฮาร์ปมาก่อนด้วยสิ…”
ความจริงแล้วโรโค่ไม่เคยมีประสบการณ์ปรับเสียง เครื่องดนตรีในนิวเวิลด์ร้านค้าส่วนใหญ่จะขายเครื่องดนตรี ที่ผ่านการปรับจูนมาแล้วทั้งสิ้นในโลกจริงโรโค่ก็เคยปรับจูน เองมาก่อนแต่นั่นมันคือกีต้าร์ทั่วไปแต่ทางนี้กลับเป็นฮาร์ปที่มีสายพิณถึงสี่สิบเจ็ดเส้นที่ต้องปรับจูนโรโค่จึงต้องไปยังร้านเครื่องดนตรีในแจ็คสันอีกครั้งทว่าเอ็นพีซีกลับมองฮาร์ปแล้วส่ายศีรษะให้
“ข้าต้องขออภัย แต่ข้าไม่ทราบเรื่องราวของฮาร์ปเลยสักนิดนอกจากนี้ช่วงชีวิตของฮาร์ปตัวนี้ก็สิ้นสุดลงไปแล้ว ต่อให้ทําการปรับจูนเสียงได้มันก็ยากที่จะกลับมามีโทน เสียงดังเดิม สนใจมองหาฮาร์ปตัวใหม่ในร้านของข้าแทนหรือไม่? นี่เป็นผลงานของช่างชื่อดังจึงมีโทนเสียงที่ไพเราะไม่น้อยและความสามารถการใช้งานยังน่าทิ้ง มาดูทางนี้กันดีกว่าเห็นฮาร์ปโลหะตรงมุมนั้นหรือไม่? มอนสเตอร์น่ะสามารถทําความเสียหาย…”
เจ้าของร้านเพิ่มบรรยายสรรพคุณฮาร์ปต่าง ๆ รวมทั้งคุณสมบัติเฉพาะ
“ไว้มาใหม่ค่ะ!”
หลังจากนั้น โรโค่จึงต้องไปหาหนังสืออ้างอิงเรื่องการปรับจูนเสียงฮาร์ปมาแทน โชคยังดีที่โรโค่ค่อนข้างสนใจในดนตรีเพราะแบบนั้นจึงมีประสาทรับฟังเสียงที่ดีไม่น้อยแม้จะไม่ใช่ระดับเพอร์เฟคพิชก็ตามหลังผ่านความพยายามนับสิบวันในที่สุดเธอก็ปรับจูนฮาร์ปได้สําเร็จ
*เพอร์เฟคพิช คือ ประสาทการรับฟังเสียงอันเที่ยงตรง*
“ให้ได้อย่างนี้สิ! จะได้ฟังเสียงฮาร์ปตัวนี้เสียที่”
โรโค่เริ่มดีดสายด้วยสีหน้าจริงจัง
ตริ้ง ตรึง!
สายพิณทั้งสี่สิบเจ็ดเส้นมีเสียงที่อ่อนนุ่มและกระจ่างชัดขึ้นเป็นอย่างมาก
“แบบนี้สิ นี่แหละเสียงของฮาร์ป! อาเสียงดีกว่าฮาร์ปอันก่อนหน้าที่เราได้มาอีก ต้องเป็นเพราะความบากปั่นในการซ่อมแซมแน่เลยจากนี้คงต้องตั้งใจเรียนการใช้ ฮาร์ปให้ดีแล้วสินะ? อยู่ไหนกันนะเพลงที่เคยเล่นเมื่อก่อน…”
โรโค่เริ่มรื้อหาเนื้อเพลงในกล่อง
เสียงดนตรีทรงเสน่ห์เริ่มบรรเลง เพราะอะไรกันตัวสายพิณของฮาร์ปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะจึงสามารถเล่นด้วยตัวเองได้? นั่นไม่ใช่ส่วนเดียวที่น่าตกตะลึงภาพหญิงงามผู้ซึ่งสลักเอาไว้ตรงด้ามจับของฮาร์ปเริ่มเปิดปากร้องเพลงโรโค่ลังเลขณะมองไปยังฮาร์ปตรงหน้าทั้งห้องถูกกลบด้วยเสียงดนตรีจากฮาร์ปนี้และเสียงร้อง… การได้เห็นฮาร์ปที่เล่นด้วยตัวเองนับว่างดงามแต่บางท่อนก็คล้ายขาดหายมันคือบทบรรเลงซึ่งไม่คุ้นเคยที่ได้ยินเป็นครั้งแรกแต่มันก็ทําให้โรโค่ติดอยู่ในภวังค์แห่งเสียงบรรเลง
“อา ครั้งแรกเลยที่ได้ยินท่วงทํานองซึ่งงดงามขนาดนี้มันทําให้ใจรู้สึกเจ็บปวดอยู่ภายในอก เหมือนเรากําลังนั่งอยู่ลํา พังในสถานที่อันงดงามในปาซึ่งดูลึกลับใช่แล้ว นี่ต้องเป็น บทเพลงแห่งการรักษาที่แท้จริง เหมือนจิตใจเราได้รับการชําระ
โรโค่นั่งตรงหน้าฮาร์ปต่อไปจนกระทั่งเสียงท่วงทํานองจางหายจากนั้นเสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นพร้อมหน้าต่างข้อมูลภารกิจที่ปรากฏ
การล่อลวงของเสียงเพลงลึกลับ
ท่านได้บังเอิญพบเจอฮาร์ปเก่าแม้ฮาร์ปนั้นจะไม่สามารถใช้งานท่านที่รักบทเพลงจึงได้ทําการซ่อมแซมฮาร์ปและมอบชีวิตใหม่ให้กับมันฮาร์ปนี้ได้บรรเลงบทเพลงอันลึกลับคล้ายเป็นการตอบแทนความพยายามของท่านเนื้อหาของบทเพลงคือโศกนาฏกรรมของชีวิตนักดนตรีอัจฉริยะเมื่อเพลงจบลงหญิงสาวซึ่งถูกสลักเอาไว้บนตัวฮาร์ปก็คล้ายจ้องมองไปยังที่ไหนสักแห่ง
มันคือเนินแห่งท่วงทํานองที่ซึ่งนักดนตรีอัจฉริยะใช้เวลาทงชีวิตฮาร์ปชิ้นนี้ได้กระตือรือร้นที่จะส่งมอบประสบการณ์โศกนาฏกรรมเจ้าของคนเก่าให้เจ้าของใหม่ได้รับทราบ
“ภารกิจเหรอ? ฮาร์ปนี้เป็นไอเทมสําหรับเริ่มภารกิจ?”
โรโค่ที่อ่านหน้าต่างข้อมูลเรียบร้อยก็เผยความตกตะลึง
“ถ้าหากเนินแห่งท่วงทํานองไม่ได้ไกลเกินไปล่ะก็…”
โรโค่ตรวจสอบแผนที่และกดยอมรับภารกิจโดยไม่คิดมากแต่อย่างใดเธอก็สงสัยว่าภารกิจนี้ทําไมจึงเผยให้เห็นหลังเธอซ่อมแซมฮาร์ปอีกทั้งยังสงสัยต่อท่วงทํานองที่คล้ายขาดหายไปหากเธอไปยังจุดหมายปลายทางที่ฮาร์ปนี้ต้องการเธอจะต้องได้ยินส่วนที่เหลือของท่วงทํานองนอกจากนี้เธอมียูนิคอร์นกับตัวอยู่แล้วการเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้นไม่สมควรเกินหนึ่งชั่วโมง
“ไปกันเลย!”
ยูนิคอร์นส่งเสียงร้องตอบรับและมุ่งหน้าไปยังเนินแห่งที่วงทํานองอย่างรวดเร็วมันคือเนินที่สามารถมองทิวทัศน์ของหมู่บ้านฮารูกอนได้ทั้งหมดขณะที่เธอกําลังสํารวจเนินดังกล่าวขณะขี่ยูนิคอร์นไปด้วยเธอก็ได้เห็นหลุมฝังศพเรียบง่ายที่ประดับไว้ด้วยดอกไม้เมื่อเข้าไปใกล้หลุมฝังศพฮาร์ปก็เริ่มสั่นและมีอาการตอบสนองโดยทันที
“จะบอกให้เราเล่นที่นี่งั้นเหรอ?”
สายพิณของฮาร์ปได้เคลื่อนไหวคล้ายเป็นการตอบรับโรโค่คิดว่าจะได้ยินท่วงทํานองซึ่งขาดหายก็อดผิดหวังเล็กน้อยไม่ได้แต่เธอมาจนถึงขนาดนี้แล้วจะไม่ทําภารกิจให้สําเร็จได้ยังไงกัน?
“ต้องเล่นเพลงอะไรดีล่ะ?”
ความจริงนั้นเรื่องนี้ไม่น่ากังวลนักบทเพลงสําหรับฮาร์ปที่โรโค่รู้จักมีเพียงแค่หนึ่ง มันคือบทเพลงของฮาร์ปที่เธอได้รับมาตอนเปลี่ยนอาชีพเป็นนักดนตรีก็เหมือนกับการที่นักเวทเรียนรู้เวทมนตร์ผ่านตําราเวทมนตร์นักดนตรีก็เรียนรู้การเล่นเครื่องดนตรีจากบทเพลงเวทมนตร์นั้นจะขึ้นอยู่กับฝีมือการใช้งานเครื่องดนตรีก็อยู่ที่ความสําเร็จในการเล่นเพลงไม่เหมือนกับนักเวท นักดนตรีสามารถสร้างบทเพลงของตัวเองได้หากมีฝีมือมากพอทว่าการเล่นฮาร์ปของโรโค่ยังนับเป็นมือใหม่เธอกังวลใจเล็กน้อยแต่ก็ตั้งใจเล่นเป็นอย่างดีโรโคได้บรรเลงฮาร์ปด้วยความจริงจังจนเกิดเรื่องราวขึ้น
[หยุด หยุด! ข้าไม่ยอมรับการเล่นอันน่ารังเกียจนั่น!]
ภาพสลักบนตัวฮาร์ปคล้ายเอ่ยด้วยน้ําเสียงโกรธเกรี้ยวโรโค่ตื่นตกใจก่อนจะหยุดเล่นแล้วมองที่ฮาร์ป
(ไม่ใช่ฮาร์ป ข้าเอง อะไรกันเนี่ย? เงยหน้าขึ้นมา ข้างบน
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสับสนก็ได้พบกับบุคคลวัยกลางคนผมยาวที่กําลังลอยอยู่เหนือหลุมฝังศพ
“คะ-คุณเป็นใครคะ?”
เข้า? ข้าชื่อว่าเมโลดี้ เป็นเจ้านายของฮาร์ปตัวนี้ไม่สิเจ้านายคนก่อนละมั้ง?]
“คะ? นึกว่าคุณเสียชีวิตไปแล้วซะอีก”
(จะอธิบายให้ก็ได้ ให้ตายสิ จะพูดเองหรือผ่านฮาร์ปก็ไม่ได้ทั้งนั้นเอาแบบนี้ข้าใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อบทเพลงและตอนนี้ข้าก็ไม่สามารถพูดถึงจุดประสงค์ของฮาร์ปตัวนี้ได้มันเป็นเรื่องน่าเสียดายแค่นึกถึงภาพตอนที่ข้าตายก็น่าหงุดหงิดมากพอแล้วข้าอยากร้องไห้นักข้าอยากร้องไห้น่าเศร้าจริง ๆ
โรโค่พยักหน้าเข้าใจเมโลดี้ก่อนอีกฝ่ายจะพ่นลมออกจมูกมันคล้ายอีกฝ่ายหงุดหงิดที่ไม่ยอมถามว่าเสียใจเรื่องอะไรกล่าวตามตรงโรโคไม่คิดฟังคําบ่นของวิญญาณหรือผีอยู่แล้วคนก็ตายไปแล้วฟังเรื่องราวและคําบ่นของอีกฝ่ายไปจะได้อะไรขึ้นมา?แต่เธอก็จําเป็นต้องถามเพราะไม่แบบนั้นภารกิจจะไม่คืบหน้า
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันคะ?”
(มันน่าเสียใจและทั้งน่าเสียดายข้าไม่คิดอยากอธิบายแต่ข้าก็อยากบอกเล่า]
เมโลดี้สารภาพออกมาอย่างไม่อายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาเกิดในตระกูลที่มีแต่นักดนตรีมีชื่อเสียงมาหลายรุ่นหลายสมัยแต่เขากลับไม่มีพรสวรรค์ดังเช่นที่พี่ชายมีเขาต้องทนทุกข์อย่างสาหัสและต้องผิดหวังจนตัดสินใจตัดขาดชีวิตมาที่เนินเขาแห่งนี้ ช่วงที่ยังอยู่เขามักจะเอาแต่ฝึกซ้อมเครื่องดนตรีจนกระทั่งได้รับฝีมือที่แม้แต่พี่ชายยังต้อ งตกตะลึง
[ด้วยฮาร์ปคู่ใจของข้า ข้าปืนขึ้นมาบนเขาแห่งนี้และใช้เวลาทั้งสิ้นสิบห้าปีเพื่อฝึกฝน ข้าพยายามอย่างหนักจนกระทั่งถึงระดับที่ไม่มีใครเทียบเคียงฝีมือด้วยได้หึหึหึบางทีแล้วความจริงข้าอาจเป็นอัจฉริยะและวันนั้นก็มาถึงก้าวแรกที่ออกสู่โลกเพื่อที่ข้าจะได้เป็นนักดนตรีอัจฉริยะ!]
“ก็เลยไปสร้างความตื่นตะลึงให้พี่ชายของคุณ?”
เมโลดี้ผงะไปพร้อมถอนหายใจและพิมพ์
[หน้าผา…]
“คะ? หน้าผาทําไมเหรอคะ?”
[เหอะ ก็หน้าผายังไงล่ะ ก้าวแรกของข้าที่จะออกสู่โลกอตกหน้าผา!]
ดวงตาของโรโคเบิกออกกว้าง ในที่สุดเธอก็เข้าใจเมโลดี้ใช้เวลาทั้งสิ้นสิบห้าปีเพื่อฝึกฝนจนได้รับพรจากสวรรค์แต่ขณะที่กําลังจะลงจากเขาแห่งนี้เขาพลัดตกหน้าผาและเสียชีวิตเธอไม่ทราบว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะกับเรื่องราวนี้ดี
[มันเป็นเรื่องน่าเสียดายจนข้าไม่อาจตายตาหลับแต่หากมีใครสักคนที่มีฝีมือมากพอแสดงศักยภาพฮาร์ปของข้าได้ข้าก็คงได้พักผ่อนอย่างสงบแล้ว]
เมโลดี้พึมพําออกมาด้วยน้ําเสียงเศร้าสร้อยจนกระทั่งเริ่มส่งเสียงดังอีกครั้ง
[แต่แล้ว คนที่ปรากฏตัวและถือฮาร์ปของข้ามากลับเป็นเจ้าข้าไม่ยอมรับเด็ดขาดเจ้าเรียกตัวเองว่านักดนตรีหรือ?เจ้าทําให้ฮาร์ปของข้าต้องส่งเสียงไม่ต่างออร์คคลอดลูกได้ยัง ไงกัน? หรือเจ้าเป็นนักเวทไม่ใช่นักดนตรีกันแน่?]
“อะไรนะ? ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อเล่นเพลงเมื่อกี้เลยนะ!”
เล่นเพลง? เจ้าเรียกแบบนั้น? นั่นมันเสียงรบกวน! ข้าตื่นขึ้นเพราะเสียงรบกวนนั่น!ข้ายินดีจะหลับต่อเสียมากกว่าที่ต้องตื่นขึ้นเพราะเจ้า]
“เหอะ ทําไมฉันต้องมาเถียงกับผีที่โง่เง่าตกหน้าผาตาย กันนะ?”
โรโคโพล่งออกมาขณะเก็บของเตรียมกลับ
[ว่าอะไรนะ? เมื่อกี้พูดว่ายังไง? โง่เง่าตกหน้าผา? ความภาคภูมิของข้าจะไม่ยอมรับคนที่บังอาจทําให้ฮาร์ปของข้ากลายเป็นเสียงรบกวนฮาร์ปนั้นเป็นมรดกตกทอดของตระกูลข้าหากเจ้าไม่ทราบวิธีเล่นมันก็คืนฮาร์ปนั้นมา]
“ไม่ค่ะ ค่าซ่อมแซมเจ้านี่แพงมากเลยรู้ไหมแล้วฉันก็ไม่จําเป็นต้องฟังคําพูดของคุณด้วย”
โรโค่ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ามืดมนจากนั้นเมโลดี้จึงมองด้วยความสับสนก่อนจะเร่งร้อนอุทานออกมา
โดะ-เดี๋ยวก่อน ไม่ได้ยินที่ข้าพูด?ข้าจะไม่อาจหลับใหลได้อีกหากไม่มีฮาร์ปนั่นมีเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถดึงศักยภาพของฮาร์ปนั่นออกมาได้เท่านั้นจึงจะทําให้ข้าเข้าสู่การหลับใหลอีกครั้งเจ้าพอจะนั่งพูดคุยกันอีกครั้งได้หรือ
เก็ได้ งั้นข้าขอเสนอทางเลือก
เมโลดี้พยายามคลายความตึงเครียดพร้อมเอ่ยคําแนะนํา
[กล่าวตามตรง ข้าก็ไม่ได้คิดอยากจะทําแบบนี้ แต่ข้าไม่มีทางเลือกข้าจึงคิดจะเริ่มนับตั้งแต่วันนี้ ข้าจะสอนเจ้าถึงวิธีการเล่นฮาร์ปหากนักดนตรีอัจฉริยะอย่างข้าสอน ร่างกายของเจ้าต้องซึมซับได้อย่างแน่นอนหีหีห์ว่ายังไงล่ะ?นี่คือโชคชะตาครั้งใหญ่ของเจ้าเลยเชียวนะไม่คิดเบิดรับโอกาสที่จะได้นักดนตรีอัจฉริยะสอนสั่งดูสักหน่อย? นี่จะถือเป็นรางวัลที่ซ่อมฮาร์ปของข้าแล้วกัน]
“เหอะ ฉันไม่อยากได้อาจารย์ที่ดูถูกฉันเพียงเพราะเป็นผู้หญิงหรอกนะคะไปกันเถอะยูนิคอร์น”
โรโค่แค่นเสียงและหันกลับไปขึ้นขี่ยูนิคอร์นเมโลดี้ถึงกับต้องตะโกนเสียงหลง
[ว่าอะไรนะ?นี่มือใหม่อย่างเจ้าโชคดีแค่ไหนกันแล้วที่มีโอกาสจะได้รับข้าเป็นผู้ฝึกสอนเดี๋ยว!รอเดี๋ยวก่อน!ฟังข้าก่อนสิที่ข้าอยากจะพูดก็คือ… เฮ้ก็ได้ก็ได้ข้าจะไม่ดูถูกเจ้าแล้วก็ได้ได้โปรดกลับมาก่อน!กลับมา!ไปแล้ว?ไปแล้วจริงเหรอเนี่ย? อีกแล้วข้าจะทํายังไงต่อล่ะ…]
“โรโค่…”
โรโค่เอ่ยเสียงเบาขณะเดินออกจากกลุ่มต้นไม้ เมโลดี้ปาดเช็ดคราบน้ําตาทั้งตัวสั่น
เนี่? นี่ นี่ อา เจ้ายังไม่ได้ไป?]
“ก็นะคะ คุณตื่นขึ้นเพราะฉันถ้าหากยอมเรียกชื่อฉันดีๆฉันจะยอมเป็นนักเรียนของคุณให้ แล้วฉันก็อยากได้ยินเสียง ที่แท้จริงของฮาร์ปตัวนี้ด้วยถ้าหากฉันเป็นนักเรียนแล้ว ฉันก็ต้องได้เรียนบทเพลงที่เกิดมาคู่ฮาร์ปตัวนี้ด้วยใช่ไหมคะ?”
[แน่นอน ข้าเป็นคนประพันธ์บทเพลงนั้นเองเจ้าช่างเป็นหญิงสาวที่ดีงามนักขอบใจมากข้าจะสอนเข้าอย่างที่ต้องการเพราะงั้นได้โปรดทําให้ข้าได้หลับใหลอีกครั้งโดย
เร็วมั่นเวดาวมด้วงการเดียวเวลาว่ายดีใดไดมว่า
“เข้าใจค่ะ ฉันจะพยายามนะคะ”
ด้วยเหตุนี้ โรโค่จึงได้กลายเป็นนักเรียนของผู้ฝึกสอนดนตรีซึ่งเป็นวิญญาณ