Ark The Legend - ตอนที่ 432 : อันกราดอน
ตอนที่ 432 : อันกราดอน
อาร์คมองหน้าต่างข้อมูลอย่างปลาบปลื้ม ขณะที่อ่านข้อมูลอยู่นั้นอันกูราดอนก็ยื่นหินสีดําที่ดูล้ําค่ามาแล้วพูดขี้นว่า
ผู้กล้ามาบันได้เสียสละชีวิตของตนเองเพื่อเตรียมการส่งต่อภูมิความรู้นี้จงรับสิ่งนี้ไว้ ได้โปรดเติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของผู้กล้ามาบันด้วย]
“นั่น.. ของข้า!”
แต่แล้ว ร่างเงาความมืดก็โผล่พรวดเข้ามาจากช่องทางเดินพุ่งเข้าหาตัวอัญมณีสีดํา อาร์คที่ปลดความระวังหมดสิ้นแล้วจึงหันมองไปด้วยความสับสนแต่แล้วคล้ายอันกูราดอนเตรียมการไว้ก่อนเขาหันร่างกลับพร้อมโจมตีใส่วิญญาณความมืดด้วยโล่
“ดะ… ได้ยังไง?”
[คิดหรือว่าข้าไม่รู้แรงจูงใจซ่อนเร้นของเจ้า?หากเจ้าโดนทําลายข้าก็คงตายไปด้วยแล้วที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าเจ้ายังรอดชีวิต]
“เป็นแบบนั้น ได้ยังไง?”
เข้าเพิ่งรู้ตัว ว่าที่จริงข้าไม่ทราบอะไรเลย หน้าที่รับใช้ผู้กล้ามาบันเพื่อส่งต่อภูมิความรู้ต่อผู้ค้นหาความจริงทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้วข้าไม่มีธุระอื่นใดเหลืออีกข้าได้แต่รอคอยให้วันนี้มาถึงและข้าจะไม่หลบหนีไปไหนอีกเจ้าและข้าต่างมีร่างเดียวกันหน้าที่ของข้าสิ้นสุดลงแล้วไม่จําเป็นต้องคงอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป]
อันกูราดอนเหวี่ยงดาบเข้าใส่วิญญาณความมืดจ นดาบนั้นร่วงหล่นกับพื้นไม่ช้าออร่าความมืดก็เริ่มพร่าเลื อนและทําท่าคล้ายจะหนีออกไปภายนอกด้วยความเร็วยิ่ง
“ไม่ใช่! ต้องไม่ใช่แบบนี้ ข้าจะตายไม่ได้ ถ้าจะเป็น แบบนั้น… ข้าไม่ขอตายคนเดียว…. ผนึกถูกคลายออกแล้ว ข้าจะให้ที่นี่ล่มสลายชั่วนิรันดร์!”
[พลาดหรือเนี่ย?]
“เกิดอะไรขึ้นกันครับ? แล้วนั่นมันคืออะไร?”
[คาร์ม่า]
“คาร์ม่า? แต่ผมฆ่าไปแล้วนี่”
(ไม่ มันไม่ตาย เพียงแค่ตายชั่วคราวความจริงที่ข้ายังมีชีวิตคือหลักฐานเป็นเพราะมันและข้าเกิดขึ้นจากร่างเดียวกัน]
อันกูราดอนได้เผยความลับใหม่ออกมา คาร์ม่าคืออีกตัวตนของอันกูราดอนหลังจากผู้กล้ามาบันดูดซับเวทมนตร์คําสาปเข้าไปอันกูราดอนได้คอยเฝ้ามองอีกตัวตนมาหลาย ร้อยปี แม้อันกราดอนจะเป็นอันเดตแต่อย่างไรแล้วก็ยังได้รับผลกระทบจากเวทมนตร์คําสาปอันกูราดอนเริ่มเกิดความโลภต่ออัญมณีภายในร่างของผู้กล้ามาบันเพื่อให้พ้น จากผลของเวทมนตร์อันกูราดอนจึงทําการประกอบร่างข องตัวเองขึ้นใหม่จากกระดูกภายในหลุมฝังศพใต้ดินแห่งนี้แต่กระดูกที่อันกูราดอนปลดออกจากร่างนั้นกลับมีอีกชีวิตหนึ่งคงอยู่มันคือความต้องการอันแรงกล้าต่ออัญมณีในร่างผู้กล้ามาบัน คาร์ม่า ถูกต้องแล้วคาร์ม่าคือชื่อในชีวิตก่อนหน้าของอันกูราดอนร่างนั้นได้ร่วงหล่นสู่บาปและปนเปื้อนคาร์ม่าคือตัวตนที่อันกูราดอนสละกิเลสทิ้งออกไป! และหลังจากนั้น อันกูราดอนได้เปลี่ยนร่างตัวเองให้กลายเป็นรูปปั้นเฝ้าทางเข้าเอาไว้ไม่ให้คาร์ม่าได้เข้าสู่ภายในร่างหลักของคาร์ม่าถูกทําลายหมดสิ้นแล้วที่ยังรอดชีวิตอยู่ตรงนี้ผ่านกาลเวลาหลายร้อยปีได้ก็เพราะอันกูราดอน
[พวกเราต้องรีบแล้ว เมื่อไม่ได้รับอัญมณี มันต้องก่อความวุ่นวายขึ้นแน่ มันมีพลังเวทมนตร์ที่สะสมมายาวนานหลายร้อยปี หากมันออกไปภายนอกไม่มีอะไรบอกได้เลยว่ามันจะทําอะไรบ้างอัก!]
อันกราดอนเอ่ยด้วยน้ําเสียงค่อนข้างสิ้นหวังก่อนจะคร่ําครวญร้องออกมาแล้วนั่งกับพื้นขานั้นคล้ายอ่อนแรงก่อนจะเปลี่ยนกลายเป็นผงธุลีกระจายไปรอบ
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
(มัน… มันออกไปแล้ว มันก็รู้ดี เพราะงั้นมันถึงคิดสร้างการระเบิดใหญ่ในเมือง เจ้าต้องไปหยุดมัน!]
อันกูราดอนส่งมอบอัญมณีอีกก้อนให้แล้วกล่าวต่อ
[ขามีชะตาต้องอยู่ที่นี่ ข้าต้องอยู่ใกล้ผู้กล้ามาบันก่อนจะสายเกินไป.ไปหยุดมันไม่ให้ออกไปโลกภายนอก!]
อาร์คยังคงไม่เข้าใจเรื่องราวโดยรวมว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาถามคําถาม อาร์ครับอัญมณีก้อนนั้นไว้ไม่ช้าอัญมณีได้หลอมละลายเป็นของเหลวและไหลเข้าสู่ร่างกายมันแปรเปลี่ยนเป็นรอยสักรูปทรงเรขาคณิตล้อมรอบแขนทั้งสองของเขาจนถึงไหล่
พลังอํานาจของอัญมณีล้ําค่าได้ซึมซับสู่ร่างกายท่าน
ผู้กล้ามาบันคือผู้ซึ่งรักโลกใบนี้อย่างแท้จริงเขาพยายามต่อสู้กับความมืดจนกระทั่งถึงลมหายใจสุดท้ายโชคร้ายพลังอํานาจนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์
นอกจากนี้ ผู้สืบทอดดวงวิญญาณแห่งความมืดนั้นยังอ่อนเยาว์เกินกว่าจะเข้าใจแก่นแท้ของวิชาที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญ ญาณ
โชคดีที่ผู้กล้ามาบันเบิกทางไว้ล่วงหน้าแล้วผู้สืบทอดของเขาจะสามารถรู้แจ้งเนื้อหาจากรอยสักเมื่อท่านได้รับภูมิความรู้เพียงพอและประสบการณ์จากภายในหินดวง วิญญาณรอยสักจะขยายตัวออกเมื่อพลังอํานาจทั้งหมดเปิดออกท่านจะได้รับพลังและความสามารถอันแท้จริงเพื่อต่อต้านความมืดมิด
ท่านได้ตื่นรู้ความสามารถ “ดวงวิญญาณนิรันดร์
เมื่อท่านได้รู้แจ้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาชีพดวงวิญญาณแห่งความมืด พลังอํานาจของ “ดวงวิญญาณ” จะถูกดูดซับลงสู่รอยสัก “ดวงวิญญาณ” ในรอยสักจะมีสิบขัน ถ้าหากท่านดูดซับดวงวิญญาณทั้งหมดได้ ท่านจะได้รับภูมิความรู้ที่ผู้กล้า มาบันยอมแลกชีวิตเพื่อได้รับมาเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของอาชีพดวงวิญญาณแห่งความมืดคือดูดซับ “ดวงวิญญาณ”ทั้งหมด
“ดวงวิญญาณนิรันดร์? งั้นดวงวิญญาณนิรันดร์ก็คืออีกพลังของอาชีพดวงวิญญาณแห่งความมืด?”
ภายในหัวของอาร์คตอนนี้แทบจะเกิดความยุ่งเหยิงขึ้นเมื่ออ่านหน้าต่างข้อมูลจบ ในที่สุดอาร์คก็ได้เปลี่ยนอาชีพเป็นขั้นที่สองหลังผ่านความวุ่นวายมากมาย แต่กว่าครั้งของพลังอํานาจแท้จริงที่ผู้กล้ามาบันมีกลับหลับอยู่ภายในดวงวิญญาณนิรันดร์เขาจําเป็นต้องหาทางรู้แจ้งต่อเบาะแสนี้และคลายผนึกทั้งสิบให้ได้ เพราะอะไรมันเหมือนกับเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง? อันที่จริงตอนแรกเขาไม่ได้สนใจเรื่องเวทมนตร์คําสาปของดาร์คลอร์ดอะไรมากนักแต่มันก็ต้องเปลี่ยนไปเพราะเขาได้รับรอยสักนี้มา
“อะไรก็ดี หมายความว่าเราแข็งแกร่งขึ้นได้งั้นสินะ?”
อาร์คเข้าใจประเด็นหลักและตัดสินใจต่อเส้นทางก้าวเดินต่อไปตอนนี้ไม่มีเวลาคิดเรื่องทักษะหรือความสามารถอื่นที่เพิ่งได้รับแล้วตอนนี้ต้องรีบไปหยุดยั้งไม่ให้ คาร์ม่าออกสู่โลกภายนอก
[เร็วเข้า ต้องไปหยุดมันก่อนร่างของข้าจะสลายไปหมด!]
“ได้ ไปกัน!”
อาร์คใช้งานพุ่งตัววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้วขณะที่ราซาคกําลังจะตามไปนั้นเอง
[สมุนอัญเชิญของผู้ค้นหาความจริง… รอเดี๋ยว]
ราซาคหยุดชะงักก่อนหันกลับ อันกูราดอนมองมาก่อนจะนํากระดูกซี่โครงชิ้นหนึ่งออกจากร่างส่งมอบให้
เนี่คือเหรียญตราแห่งมิตรภาพที่ข้าได้รับจากผู้กล้ามาบันครั้งทําพันธะสัญญาครั้งแรก ข้าเก็บมันมาชั่วชีวิตแม้ข้าจะเปลี่ยนร่างกายใหม่หลังโดนการปนเปื้อนแต่ชิ้นส่วนนี้ยัง คงอยู่ที่เดิมอย่างที่มันเคยเป็นมาหลายร้อยปีผู้กล้ามาบันได้มอบภูมิความรู้ให้เจ้านายของเจ้าและข้าก็ต้องการมอบสิ่งนี้ให้เจ้าด้วย]
อันกราดอนส่งต่อกระดูกซี่โครงนั้นแล้วถอนหายใจ
(ข้าเห็นความปวดร้าวในดวงตาของเจ้าในอดีตเจ้านั้นสูญเสียผู้ซึ่งสาบานที่จะจงรักภักดีแต่ตอนนี้เจ้ามีเจ้า
นายคนใหม่แล้ว ข้ารู้ ข้าเองก็เคยสงสัยเช่นเดียวกันนี้หลังได้เกิดเป็นอันเดต]
ราซาคสายศีรษะเล็กน้อยกับคําพูดของอันกราดอนความจริงแล้วราซาคมีความปวดร้าวมานานยิ่งความทรงจําเดียวที่ราซาคมีคือ “ความภักดี” แต่เมื่อถือกําเนิดขึ้นใหม่ เป็นอันเดตสถานที่ตื่นขึ้นกลับเป็นคุกใต้ดินครั้งยังเป็นเพียงแค่กะโหลกนั้นความสงสัยยังไม่ก่อเกิด แต่เมื่อสติ ปัญญาเพิ่มขึ้นหลังการวิวัฒนาการมันก็ยิ่งสับสนถึงตัวตน อันกูราดอนใช้ชีวิตมายาวนานหลายร้อยปีย่อมต้องพบเห็นความปวดร้าวภายในของราซาค
[เรื่องนี้ไม่สมควรลังเล แม้ว่าเจ้าจะไม่ทราบเรื่องราวในอดีตแต่เจ้าก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในอดีตนั้นอีกต่อไปตัวตนของเจ้าตอนนี้คือปัจจุบันจงยอมรับนามใหม่และเจ้านายคนใหม่โชคชะตาของเจ้าตรงหน้านี้คือความจริงไปเสียรับใช้เจ้านายของเจ้า!]
อันกูราดอนเอ่ยคําจบก็คลุกคลานกับพื้น ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวกระดูกจะยิ่งหายไป มันเป็นเรื่องยากที่จะถ่วงรั้งเวลาแต่อันกูราดอนก็หาได้สนใจร่างกายที่แตกสลายไม่และเอาแต่ขยับไปมามันกําลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ซึ่งธุลีของผู้กล้า มาบันหลงเหลืออยู่ จนกระทั่งถึงตําแหน่งที่เจ้านายอยู่อันกูราดอนก็สูญทั้งแขนและขาทั้งสองพร้อมพิมพ์ด้วยน้ําเสียงแหบแห้ง
[นายท่าน.. ข้า ข้าจะได้ไปอยู่เคียงข้างท่านแล้วข้ารอวันนี้มานานหลายร้อยปีตอนนี้ เหมือนข้าได้ยิน… “เจ้าทําได้ดีมาก… จากนายท่าน…]
ดวงตาของอันกราดอนเริ่มหมองหม่นลงขณะร่างเริ่มเลือนหายร่างนั้นเปลี่ยนเป็นผงและกองอยู่เหนือธุลีของผู้กล้ามาบันราซาคได้แต่เงียบและคุกเข่าลงทําความเคารพ จากนั้นราซาคจึงทําการเปลี่ยนกระดูกซี่โครงโดยใช้ท่อนที่อันกราดอนส่งมอบมาให้
ราซาคได้ใช้ทักษะ สะสมกระดูก” เพื่อเปลี่ยนกระดูกซี่โครง
สมุนอัญเชิญราซาคได้รับกระดูกพิเศษและเรียนรู้ทักษะใหม่
ความภักดีอันแรงกล้า (ทักษะพิเศษ, เรียกใช้งาน) : ทักษะนี้เป็นสุดยอดการป้องกันของโครงกระดูกอันกูราดอน เมื่อใช้งานทักษะกระดูกจะแปรเปลี่ยนเป็นโลหะและพลังป้องกันจะเพิ่มมากขึ้นโดยขึ้นอยู่กับค่าความภักดี(ค่าความภักดีปัจจุบัน : 894)
ทักษะนี้สามารถใช้งานได้เมื่อท่านกับสมุนอัญเชิญอยู่ในระยะสิบเมตรและสามารถใช้เพื่อป้องกันสมุนอัญเชิญของท่านเท่านั้น
ครืน!
“อะไร? คาร์ม่ามันทําอะไร?”
อาร์คมองรอบด้านด้วยความมึนงงหลังออกจากหลุมฝังศพใต้ดินเป็นเมืองแห่งคนตาย ไม่สิ ตอนนี้โอเบเรียมกําลังโดนพายุโหมพัดเข้าใส่พายุขนาดใหญ่ที่มีออร่าสีดําแผ่กระจายออกมา แต่บนพื้นดินมันกลับไม่มีแรงสั่นสะเทือนเพราะ พายุเลยสักนิด คล้ายพายุนี้ส่งผลกับแค่คนตายที่อยู่ในโอเบเรียม
“อ๊าก!”
หนึ่งในคนตายกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดขณะกลิ้งไปมากับพื้นแล้วโดนออร่าสีดําห่อหุ้มร่างเอาไว้ผ่านไปเพียงครู่เดียวร่างนั้นของคนตายก็เริ่มโปงพองประหนึ่งลูกโปง แก๊สสีขาวเริ่มพวยพุ่งออกจากร่างของคนตายมันเหมือนกับร่าง นั้นเป็นถังแก๊สที่บรรจุเอาไว้ก่อนจะโดนกระตุ้นให้พวยพุ่งออกใช่แล้วที่เห็นคือดวงวิญญาณของเหล่าประชากรในโอเบเรียมที่ต้องติดอยู่กับกายหยาบของคนตายมาหลายร้อยปี ดวงวิญญาณปรากฏเป็นรูปลักษณ์สีเทาออกจากร่างแล้วโดนดูดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพายุ
“ดวงวิญญาณพวกนี้กําลังจะโดนความมืดกลืนกิน?”
“ช่วยด้วย!”
คนตายในเมืองที่เหลือต่างก็เผยอาการหวาดกลัวขณะหนีหัวซุกหัวซุนพวกเขาไม่อาจเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแต่สัญชาตญาณก็บ่งบอกได้ว่ามันอันตราย
“จะทํายังไงดีล่ะเนี่ย??
ตอนนี้เขาทําอะไรไม่ได้ ที่เห็นก็แค่คาร์ม่าคือต้นเหตุของเรื่องราวพวกนี้ แม้ตัวตนของทรงกลมที่น่าจะเป็นคาร์ม่ายังเห็นไม่ชัดเจนแต่อาร์คก็ทราบโดยสัญชาตญาณ ตอนนี้บอลสีดําขนาดใหญ่ได้ปรากฏอยู่กึ่งกลางของโอเบเรียม มันยิ่ง ใหญ่ขึ้นเมื่อดูดดวงวิญญาณเข้าไปมากขึ้นอาร์คไม่อยากคาดคิดเลยว่าเมื่อมันสะสมพลังได้ถึงจํานวนหนึ่งแล้วจะสร้างความเสียหายได้ขนาดไหนอย่างน้อยก็ต้องเป็นหายนะสาหรับที่แห่งนี้ และเขาก็ยังคิดไม่ออกว่าต้องรับมือยังไงดี
“หรือจะลองโจมตีบอลสีดํานั่นดูก่อน?”
ขณะอาร์คคิดอยู่นั้นก็เกิดเรื่องขัดขวางความคิดขึ้น ซึ่ง!เขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจากทางด้านหลังเป็นราซาคที่เพิ่งออกจากหลุมฝังศพใต้ดินเพราะโดนอันกราดอนรั้งไว้แต่แล้วเมื่อราซาคออกมาที่โอเบเรียมราซาคเริ่มกรีดร้องก่อนจะกลิ้งไปมากับพื้น อาร์คจึงค่อยตระหนักได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดกว่าที่คิดไว้
เขาหย่อนความระวังจนลืมเลือนราซาคเองก็เป็นอันเดตที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในโอเบเรียม หากคนตายอื่นได้รับผลกระทบราซาคก็ไม่น่าจะเป็นข้อยกเว้นท้ายที่สุดแล้วคนตายที่เขาเห็นก่อนหน้าโดนบอลสีดําใจกลางพายุดูดกลืนเข้าไปแล้วถ้าราซาคโดนกระทําเช่นเดียวกันจะเกิดอะไรขึ้น?
“ไม่ได้การแล้ว!”
อาร์คพ่นคําก่นด่าสาปแช่งออกจากปาก