Ark The Legend - ตอนที่ 453 : เหยื่อข้าใครอย่าแตะ!
“หึหึหึ ใครกันจะรู้ว่าความฝันที่จะได้เป็นโจรสลัดกันมาเป็นจริงได้ในเกม?”
เจเพตอลมองเรือโจรสลัดด้วยความพอใจไม่น้อย เจเพตอลลงทุนเป็นเงินจํานวนมหาศาลเพื่อเปลี่ยนเรือรบทั่วไปให้กลายเป็นเรือโจรสลัด โดยเรือโจรสลัดลํานี้ได้รับการตั้งชื่อว่า “พิน็อคคิโอ้” และยังมีปืนใหญ่กว่าสามสิบกระบอกถูกติดตั้งเอาไว้ นอกจากนี้แล้วยังมีโถงโดยสารที่รองรับเผ่านาคูจักได้ถึงสองร้อยชีวิตซึ่งเขาทําการจ้างจากท่าเรือนอกกฎหมาย! และยังมีการเคลือบสารพิเศษเพิ่มพลังป้องกันให้กับการโจมตีระยะไกลและเสริมความเร็วการแล่นเรืออีก 30% ค่าใช้จ่ายสําหรับการปรับแต่งในครั้งนี้คือ 8,000 เหรียญทอง! นับเป็นการลงทุนเพื่อองค์กรในนิวเวิลด์เพื่ออนาคตเลยทีเดียว เสียงหัวเราะตอนนี้กําลังดังลั่นใส่เรือโดยสารที่พยายามคิดหนีจากเรือรบที่เพียบพร้อมลํานี้ เจเพตอลเคยมีประสบการณ์บุกปล้นแบบโจรสลัดมาแล้ว เพราะแบบนั้นจึงสามารถควบคุมเรือได้เป็นอย่างดี แต่แล้วตอนที่จะจมเรือลําดังกล่าวเรือโจรสลัดไม่ทราบที่มาที่ไปก็ดันปรากฏขึ้นที่อีกฟาก
“พวกนั้นมันอะไรกัน? ไม่รู้หรือว่าไม่ควรแทรกแซงธุรกิจคนอื่น?”
เจเพตอลมองกองเรือโจรสลัดอีกฟากอย่างไม่พึงพอใจ
“ซันฟิช ส่งสัญญาณไปบอกพวกมันหน่อย”
ซันฟิชเมื่อได้รับคําสั่งก็ปีนขึ้นเสากระโดงเรือทําการโบกธงแจ้ง
[เรือลํานี้เป็นของพวกเรา โปรดหลีกทางให้ด้วย]
ท่ามกลางพวกนอกกฎหมาย มีการตกลงใช้สัญญาณธงกันเป็นการลับ กระทั่งว่าเป็นโจรสลัดนอกกฎหมายก็ยังมีกฎระเบียบต้องทําตาม จุดประสงค์ของพันธมิตรเฮอร์มิสที่สร้างท่าเรือนอกกฎหมายมาก็เพื่อคว้าเอาซอแทนดาลกลับมาไว้ในมือตนเอง พวกเขาเป็นโจรสลัดนอกกฎหมายด้วยกัน เพราะแบบนั้นจึงไม่คิดโจมตีพวกเดียวกันเอง กฎข้อที่หนึ่งของโจรสลัดคือใครโจมตีก่อนก็เป็นของคนนั้น ทว่ากองเรือโจรสลัดอีกฟากคล้ายไม่สนใจกฏดังกล่าว
[หุบปาก เรือนี้เป็นของพวกเรา ถอยไปหรือไม่ก็จมไปพร้อมมัน!]
“สะ-สารเลว! พวกมันรู้ว่าเราเป็นใครแล้วยังบังอาจ!”
เจเพตอลขมวดคิ้วเมื่อได้รับคําตอบ เจเพตอลเป็นใคร? แม้จะหลบซ่อนเพราะเป็นอาชญากรที่ต้องการตัว แต่อย่างไรเขาก็เป็นหัวหน้าขององค์กรที่มีกว่าสามร้อยชีวิตเข้าร่วม เขาแทบอยากเข้าไปฉีกกระชากอีกฝ่ายให้แหกออกเป็นชิ้นจนตาย แต่ที่นี่คือเกมและพวกนั้นก็มีเรือทั้งหมดสามลํา ซึ่งรุ่นของเรือที่จริงก็ไม่ได้ทันสมัยเท่าพิน็อคคิโอ้ แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่าและยังมีถึงสามลํา นั่นหมายถึงจํานวนปืนใหญ่ที่มากกว่า หากพวกเขาโจมตี แบบนั้นร้อย ทั้งร้อยเจเพตอลยังไงก็ต้องเป็นฝ่ายจมเสียเอง นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมเจเพตอลถึงยังไม่โจมตีแม้ปืนใหญ่จะพร้อมแล้วก็ตาม นอกจากนี้เรือรบของซอแทนดาลยังปรากฏตัวออกมาอีก แต่แม้จะเป็นสถานการณ์ยุ่งเหยิงเจเพตอลก็ยังไม่คิดถอย
“เราไล่ตามมาถึงขนาดนี้ไม่มีทางปล่อยเรือโดยสารให้พวกมันแน่ ถ้าโจรสลัดพวกนั้นเข้าโจมตีเรือโดยสาร พวกมันก็จะได้กล้องวิเศษจากไอ้หมูนั่นไปด้วย เรื่องราวจะยิ่งยากขึ้น แต่ถ้าไอ้หมูนั่นหนีไปเรือรบของซอแทนดาลเรื่องราวก็ยากเหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้เจเพตอลจึงยืนหยัดไม่ไหวติง แต่ไม่ช้า เสียงที่ผ่านการขยายก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เฮ้ย ไอ้พวกสารเลว!”
“มัน… ไอ้คนที่ฆ่าเราที่บึงน้ำ!”
“ไหนขอดูหน้าหน่อย ไอ้คนที่อยู่ตรงนั้น ไล่ตามฉันมาเพราะโดนฉันฆ่าที่บึงน้ำหรือยังไง? ว่าอะไรนะ? ไล่ตามมาไกลขนาดนี้เพราะเรื่องไร้สาระแค่นั้น? แล้วเรือโจรสลัดโทรม ๆ นั่นอะไร? เอาเถอะ โทรมสมกับที่เป็นโจรสลัดดี นี่ชีวิตจริงเป็นพวกไอ้ขี้แพ้ด้วยหรือเปล่าเนี่ย? ไม่สิ แทนที่จะเป็นโจรสลัด เหมือนพวกกุ้ยข้างถนนที่เอาแต่รีดไถมากกว่ามั้ง?”
“ว่าอะไรนะ? ไอ้ขี้แพ้? กุ๊ย?”
ประกายไฟแทบพวยพุ่งในดวงตาของเจเพตอล ทว่าอาร์คเพียงหันหลังให้ก่อนจะตะโกนใส่อีกฟาก
“แล้วไอ้พวกทางด้านนั้นมาหาพระแสงอะไร? เรือเล็กสามลําแค่นั้นคิดว่าจะทําอะไรได้? เบื่อจริง ๆ แถวนี้มีแต่ไอ้พวกขี้แพ้ แน่จริงก็ยิงมา ยิงมา! ไอ้ พวก ขี้ แพ้!”
เจเพตอลถึงกับโกรธแค้นกับคําพูดสุดท้ายของอาร์คมาก อีกฟากหนึ่ง กองเรือทั้งสามลําต่างก็เสียศูนย์ไปไม่น้อยเช่นกัน
“ไอ้สารเลวนั่นกล้าดียังไง… อย่าให้เหลือ… ยิงมัน! ปนมันให้เป็นผง!”
“ดะ เดี๋ยวก่อน!”
แต่แล้วใครคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้น บุคคลที่เร่งเข้าหาเจเพตอลเป็นอิสยูรัมนั่นเอง
“ที่เรือมีเจ้าหมูนั่นอยู่ไม่ใช่หรือไง?”
อิสยูรัมที่รับฟังบทสนทนาอยู่บนดาดฟ้าเรือก็ต้องสะดุ้งด้วยอาการแตกตื่น อิสยูรัมและสมาชิกอื่นในองค์กรร่วมทางไปจนถึงบึงน้ำ แต่ตอนนั้นอาร์คหนีไปแล้ว เขาไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าหมูที่ถ่ายวิดีโอเจเพตอลเอาไว้จะเกี่ยวข้องกับอาร์ค เขาเพียงแค่ทราบว่าเป้าหมายการจับกุมคือผู้เล่นที่หน้าเหมือนหมู แต่เขาก็เพิ่งทราบว่าคนที่จัดการเจเพตอลเป็นอาร์คก็ตอนที่อาร์คปรากฏตัวที่สะพานเดินเรือ
“ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าหากอาร์คอยู่กับเจ้าหมูนั่นก็เป็นงานยากแล้ว แต่มันจะยากขึ้นอีกถ้าเจ้าหมูนั่นตายที่นี่! เราต้องหาทางช่วยให้พวกเขาหลบหนี!”
เขาเร่งร้อนเข้าไปกล่าวขวางคําสั่งของเจเพตอลเอาไว้
“ไม่ใช่ว่าที่ไล่ตามมาถึงนี่เพราะต้องการของจากพวกมันเหรอ? ถ้าจมเรือพวกมันไปก็แค่ตาย บางทีพวกเราควรรอดูสถานการณ์อีกหน่อย…”
“เหอะ ไร้สาระ ไม่ได้ยินหรือไงว่าไอ้กองเรืออีกฝ่ายมันพูดว่ายังไง? ถ้าไอ้เจ้าพวกนี้ตายเดี๋ยวก็กลับไปเกิดใหม่ที่ป้อมปราการฮามาน พวกเราก็แค่ไปรอตรงจุดเกิดใหม่ พอพวกมันโผล่หัวออกมาก็แค่ใช้ม้วนคัมภีร์ลอกคราบพวกมันซะ”
“ถ้าหากพวกเราใช้ม้วนคัมภีร์กับเจ้าหมูนั่น พวกเราก็หยิบฉวยเอากล้องวิเศษมาได้”
“แต่พวกโจรสลัดที่อีกฟาก…”
“พวกเราเจอเรือก่อน พวกมันเป็นคนไม่รู้กฎของท่าเรือนอกกฏหมายเอง แถมเรือรบของซอแทนดาลยังมุ่งหน้ามาทางนี้แล้วด้วย พวกเราต้องจมเรือพวกมันก่อนเรือรบนั่นจะมาถึง”
“ตะ… แต่ว่า…”
“หุบปาก โจมตีได้แล้วโว้ย โจมตี!”
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ปืนใหญ่จากเรือพิน็อคคิโอ้ถูกยิงออกจากสามสิบกระบอกปืนพร้อมกันในคราวเดียว ยังไม่จบเพียงเท่านั้น กองเรือโจรสลัดอีกฟากหนึ่งก็โดนคํายั่วยุของอาร์คจนหัวร้อนเล็งปืนใหญ่ทั้งเก้าสิบกระบอกพร้อมกันแล้ว เท่ากับตอนนี้มีลูกปืนใหญ่หนึ่งร้อยยี่สิบลูกถูกยิงออกมา! มันขึ้นอยู่กับเวลาแล้วว่าเรือโดยสารจะพังตอนไหน
“ยิ่งต่อไป ยิ่งจนกว่าพวกมันจะปนเป็นผุยผง!”
“บ้าฉิบ ไม่ดีแล้ว!”
อิสยูรัมร่ำร้องอยู่ภายในขณะมองตามลูกปืนใหญ่
“ตอนนี้แหละ!”
ไม่ช้า เสียงของอาร์คพลันดังขึ้นอย่างชัดเจน ขณะนั้นเอง เรื่องราวน่าตื่นตะลึงก็เกิดขึ้น นักเวทสิบคนรวมตัวกันที่ดาดฟ้าเรือและใช้เวทมนตร์พร้อมกัน ด้านหนึ่งยิงเวทมนตร์ไฟขึ้นไป อีกด้านหนึ่ง ยิ่งเวทมนตร์น้ำแข็ง! เวทมนตร์ทั้งสองต่างพุ่งออกขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว ประสานงานกันเองที่ด้านบนของลําเรือจนเป็นผลให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น ไฟและน้ำแข็ง ทั้งสองเป็นธาตุที่แตกต่างกัน เมื่อปะทะกันเองย่อมเกิดการระเบิดและลมกระโชกแรงลมที่แรงนั้น เป็นผลให้ผู้โดยสารและกะลาสีเรือต่างร่างโอนเอนกันไม่น้อย พร้อมกันนั้น มันก็เป็นผลให้เกิดลมที่รุนแรงพัดพาเรือโดยสารให้พุ่งตัวไปหลายเมตรประหนึ่งติดเครื่องยนต์ไอพ่นก็ไม่ปาน
“ดะ-ได้ยังไงกัน?”
เจเพตอลถึงกับสั่นเทิ้มด้วยน้ำตา ใครกันจะคิดว่าเรือเดินสมุทรทั่วไปจะสามารถเร่งความเร็วโดยใช้พลังลมได้ถึงขนาดนั้นกัน? แต่สิ่งที่ตอนนี้เจเพตอลมองไม่ใช่เรือโดยสาร แต่เป็นความว่างเปล่าที่เรือโดยสารเพิ่งอยู่เมื่อครู่ต่างหาก ลูกเหล็กสีดํากําลังลอยลิ่วมาอย่างรวดเร็ว ถูกต้องแล้ว มันคือลูกกระสุนปืนใหญ่ทั้งเก้าสิบลูกจากเรือโจรสลัดอีกฟากหนึ่ง!
“หะ-หักหางเสือ! หลบมันเร็ว!”
ตึง ตึง ตุ้ม ตุ้ม!
ก่อนที่เจเพตอลจะพูดจบคํา พิน็อคคิโอ้ก็พรุนเพราะโดนลูกปืนใหญ่ทั้งเก้าสิบลูกเล่นงานไปแล้ว
“ลูกพี่ เสากระโดงทั้งหมดหักหมดแล้ว!”
“หางเสือก็ไม่ตอบสนอง!”
“มีรูที่ดาดฟ้าเรือหลายสิบรูลึกลงไป น้ำกําลังทะลักเข้ามา!”
“มะ… ไม่อยากจะเชื่อ… พิน็อคคิโอ้ของฉัน… เรือที่จ่ายไปกว่า 8,000 เหรียญทองเพื่อปรับแต่ง!”
ดวงตาของเจเพตอลเบิกออกกว้างขณะได้รับรายงานจากลูกเรือที่เข้ามาไม่หยุด หากเป็นเรือโดยสารก็เป็นเรื่องปกติ แต่นี่คือเรือรบเรือที่ต้องมีความทนทานสูงแต่แล้วกลับกําลังจมลงอย่างง่ายดาย แต่เหตุผลก็เพราะมันถูกยิงจากลูกกระสุนปืนใหญ่จํานวนมาก
นั่นจึงเป็นผลให้เรือของเจเพตอลและกองเรือโจรสลัดต่างดูท่าที่กันเอง พวกเขาล้วนไม่กล้ายิงปืนใหญ่อย่างนุ่มบ่าม แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นเช่นนี้ได้ก็เพราะเรือโดยสารหายไปแทบจะในพริบตา พิน็อคคิโอ้และกองเรือโจรสลัดต่างยิงใส่กันเองในช่วงจังหวะนั้น เมื่อได้รับความเสียหายในปริมาณมาก ต่อให้เป็นเรือรบราคาแพงก็ไม่ใช่ เรื่องแปลกหากต้องอับปางลง นอกจากนี้แล้วกองเรือโจรสลัดอีกฟากยังมีเรื่อถึงสามลํา พิน็อคคิโอ้ที่เพิ่งระดมยิงออกไปไม่อาจสร้างความเสียหายได้มากเท่าที่รับ และนั่นก็เป็นผลให้เรือพิน็อคคิโอ้ ต้องแตกออกเป็นเสี่ยงเรือเริ่มจมลง เจเพตอลแทบตัวแข็งค้างคิดไม่ออกทําอะไรไม่ได้
“กล้าดียังไงมาทํากับพิน็อคคิโอ้ของฉัน! ยิง ยิงพวกมัน! ยิงให้หมด!”
ทว่า ตอนนี้ปืนใหญ่ที่เหลือและพร้อมใช้งานของพิน็อคคิโอ้มีแค่สิบกระบอก กองเรือโจรสลัดตอนนี้มีเปรียบมากกว่า ขณะที่พิน็อคคิโอ้ระดมยิงออกไปอีกครั้ง กระสุนปืนใหญ่ทั้งเก้าสิบลูกก็ถูกยิงสวนมาแทบจะในทันที พิน็อคคิโอ้ที่มูลค่า 8,000 เหรียญทองถึงกับต้องจมลงทะเลพร้อมเจเพตอลที่เป็นเจ้าของ
“ไม่ พิน็อคคิโอ้!”
“เอาเถอะ อย่างน้อยเจเพตอลก็ไม่ได้คริสตัลความทรงจํา…”
อิสยูรัมมองไปทางอาร์คขณะเจเพตอลร่ำร้องออกมา
“นี่เราต้องตายเพราะหมอนี่อีกแล้วเหรอเนี่ย? เรากลายเป็นเบี้ยล่างหมอนี้ในนิวเวิลด์?”
ดวงตาของอิสยูรัมก็แดงก่ำ แต่มันไม่ใช่เพราะน้ำทะเลที่เข้าดวงตาของเขา…
“วิเศษ อัจฉริยะ! เจ้าช่างน่าทึ่งนัก!”
กัปตันเรือร้องตะโกนออกมาชมเชยอาร์คยกใหญ่ ไม่จําเป็นต้องพูดกล่าว เป็นเพราะอาร์คนําเสนอแผนการอันชาญฉลาดจึงทําให้เรือสามารถรอดพ้นมาได้โดยการใช้เวทมนตร์ไฟและน้ำแข็งให้ปะทะกันเอง ที่อาร์คไม่เลือกให้ใช้เวทมนตร์ธาตุลมก็เพราะเวทมนตร์ธาตุลมหากใช้งานออกไปจะกลายเป็นสายลมที่แหลมคมพร้อมเชือดเฉือน หากเวทมนตร์ถูกใช้ออก ใบเรือได้ฉีกกระชากเป็นเสี่ยงแน่นอน เพราะแบบนั้นแล้วจึงเป็นการสร้างลมจากการปะทะกันของน้ำแข็งและไฟแทน
“แต่พวกเรายังวางใจไม่ได้นะครับ เรือโจรสลัดสีดําจมลงไปแล้ว แต่กองเรือโจรสลัดอีกฟากไม่ได้รับความเสียหายอะไร พวกเราต้องหลบเลี่ยงกองเรือโจรสลัดต่อไปจนกว่าเรือรบของซอแทนดาลจะมาถึง”
“จะ-จริงด้วย แล้วตอนนี้พวกเราควรทํายังไงต่อล่ะ?”
“โชคดีนะครับที่ลูกเรือของกองเรือโจรสลัดส่วนใหญ่เป็นเผ่านาคูจัก พวกนาคูจักน่ะไม่มีนักเวท เพราะแบบนั้นไม่มีทางใช้วิธีแบบพวกเราได้แน่นอนครับ”
ขณะพูดกล่าวอยู่นั้น ฉับพลันเขาก็ได้รับข้อความ
ผู้เล่นจัสติสแมนใช้ขนนกเสียงกระซิบเพื่อติดต่อท่าน
จัสติสแมนต้องการยืนยันว่าใช่อาร์คหรือไม่ที่เมื่อครู่อยู่บนสะพานเดินเรือจึงเลือกใช้การติดต่อเพื่อยืนยัน เมื่ออาร์ครับการติดต่อเสียงของจัสติสแมนก็ดังให้ได้ยินโดยทันที
[อาร์ค นายเหรอเนี่ย?]
[คุณลุงจัสติสแมน!]
[นี่นายไปทําอะไรบนเรือนั่น?]
[ให้อธิบายมันก็ยาวนะครับ ว่าแต่ ผมน่าจะหลบเลี่ยงอันตรายได้สักพัก แต่สถานการณ์ยังไม่ดีเท่าไหร่
[เข้าใจ แต่ความคิดของนายเมื่อกี้ไม่เลวเลย]
[ก็นะครับ ผมยังไม่อยากตายตอนนี้นี่นา]
กระทั่งในสถานการณ์อย่างนี้ อาร์คก็ยังไม่ลืมที่จะเขย่าหม้อต่อไป