Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1158 เทพมารหลินตื่นแล้ว
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1158 เทพมารหลินตื่นแล้ว
ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองที่ลงมือจู่โจมในชั่วพริบตานั้น ก็คือชายหนุ่มชุดคลุมทองคนที่ตะโกนว่าจะบดขยี้หลินสวินให้เป็นจุณผู้นั้นนั่นเอง
เขาเด็ดขาดและอำมหิต เมื่อเหยียบย่ำลงไปก็หมายปลิดหัวหลินสวินในทันที
ถูกชิงตัดหน้าไป ทำให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ก่นด่าอยู่ในใจไม่ขาดสาย
เพียงแต่ชั่วครู่ถัดมา นัยน์ตาของพวกเขาก็พลันหดรัด
ชายหนุ่มชุดทองยังอยู่กลางอากาศ แต่ร่างกายของเขากลับเกร็งตัวคล้ายว่าเป็นตะคริวเสียอย่างนั้น ส่งเสียงโหยหวนน่าเวทนาด้วยความเจ็บปวดเยี่ยงสัตว์ป่าก็ไม่ปาน จากนั้นได้ยินเสียงดังตุบ เขาร่วงลงพื้นและไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย
กระทั่งตายไป สีหน้าของเขาก็ยังปรากฏความขุ่นเคือง ไม่ยินยอมและตื่นตระหนก ทำให้ผู้อื่นสะท้านไปตามๆ กัน
ในที่นั้นเกิดความเงียบงันขึ้นชั่วขณะ
หลินสวินยังคงนั่งสมาธินิ่งเงียบ เห็นชัดๆ ว่าเขาไม่ได้ลงมือ แม้แต่ลมหายใจก็เหมือนไม่มี ทว่าชายชุดทองผู้นั้นไฉนถึงสิ้นใจ ซ้ำยังสิ้นใจลงต่อหน้าต่อตาพวกเขาอีกด้วย
ตั้งแต่ต้นจนจบถึงขนาดไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาตายได้อย่างไร!
นี่เป็นเรื่องแปลกพิสดารและน่าหวาดกลัวอย่างไม่ต้องสงสัย
“เป็นเขา!”
ทันใดนั้นมีคนตะโกนออกมา พร้อมมองไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้าหลินสวิน
ตรงนั้นปรากฏคนตัวจิ๋วสูงราวหนึ่งชุ่นยืนอยู่ แต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาว ในมือถือกระบี่จิตวิญญาณ รูปลักษณ์ดูหล่อเหลาไร้เทียมทาน
ทั่วเรือนกายของเขาประดุจภาพมายาอันเลือนราง ลมหายใจแทบจะไม่มี หากไม่สังเกตให้ดีย่อมไม่รู้เลยว่ามีเขาอยู่ตรงนั้น!
“นี่… นี่คือหนอนกินเทพที่วิวัฒน์จนมีคุณสมบัติแฝงของราชัน ลอกคราบแปลงร่างออกมาแล้ว!”
มีคนสูดหายใจเย็น ตกตะลึงอย่างยิ่ง มองฐานะตัวตนของเสี่ยวอิ๋นออก!
ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ในที่นั้นนัยน์ตาล้วนหดรัด
หนอนกินเทพ!
นี่คือหนอนร้ายชั้นยอดที่อยู่ในสิบอันดับแรกในยุคบรรพกาล เคยมีชื่อเสียงเลื่องลือเมื่อครั้งบรรพกาลอยู่ช่วงหนึ่ง ทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญปราณนับไม่ถ้วนหน้าถอดสีเมื่อเอ่ยถึง
และที่อยู่เบื้องหน้า ก็คือหนอนเทพที่วิวัฒน์ถึงระดับแฝงราชันนั่นเอง!
นี่ยิ่งน่าหวาดกลัวและไม่คาดฝันขึ้นไปอีก เนื่องจากในสายตาของคนบนโลก หนอนชนิดนี้ได้สาบสูญไปในสายน้ำแห่งกาลเวลานานแล้ว
ใครเล่าจะคาดคิดว่าวันนี้จะได้เห็นตัวเป็นๆ
ก็ไม่แปลกที่ชายหนุ่มชุดทองผู้นั้นจะตายอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้ ถึงอย่างไรก็ถูกทายาทของหนอนกินเทพจู่โจม
ชั่วพริบตาสายตาของผู้ฝึกปราณไม่น้อยที่มองไปยังเสี่ยวอิ๋นล้วนเจือแววหวาดหวั่นเสี้ยวหนึ่ง
ความน่ากลัวของหนอนกินเทพ คือการโจมตีพลังจิตอย่างไร้สุ้มเสียง ทำให้ผู้คนไม่อาจป้องกัน ไม่ว่าผู้ใดได้พบเห็นย่อมต้องหวาดหวั่น และต้องระมัดระวังตัวอย่างถึงที่สุด
ทว่าก็มีบางคนที่นัยน์ตาร้อนเร่า หนอนกินเทพคือสัตว์วิเศษที่เหมาะสมที่สุดในการเสริมกำลังการต่อสู้ ไม่เพียงแค่พรสวรรค์เย้ยฟ้า เมื่อผงาดกลายเป็นราชัน พลังต่อสู้นั้นย่อมน่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างที่สุดเป็นแน่!
เสี่ยวอิ๋นที่กำลังเผชิญกับสายตามากมายที่จับจ้องตนกลับมีสีหน้าท่าทีเรียบเฉยดังเดิม ไม่มีคลื่นไหวสะท้านใดๆ และไม่คิดจะถอยหนีเลยสักนิด
ว่ากันตามเหตุผล หากตัวเขาซ่อนตัวย่อมไม่มีผู้ใดสังเกตได้อย่างแน่นอน อาศัยพรสวรรค์เช่นนี้ก็สามารถสังหารศัตรูได้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
ทว่าเขากลับต้องเผยตัวออกมา!
เพราะเขาต้องการปกป้องหลินสวิน หากเขาไม่แสดงอำนาจ ยามเขากำลังรับมือศัตรูสักคนอยู่ ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ย่อมฉวยช่องโหว่นี้บุกสังหารหลินสวินแน่
ฉะนั้นเขาจึงเผยร่างตน ยอมสละข้อได้เปรียบ!
“เจ้าตัวน้อย ติดตามข้าไป ข้าสามารถปกป้องชีวิตเจ้าได้”
หลูชวนแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูรก้าวออกมา แววตาร้อนเร่าไร้ใดเปรียบ ราวกับค้นพบขุมสมบัติชั้นเลิศ
เขาวิญญาณหมื่นอสูร สิ่งที่เชี่ยวชาญที่สุดคือการควบคุมและใช้งานสัตว์ประหลาดหนอนประหลาดต่างๆ
และในตำราสำนักของพวกเขามีการบันทึกไว้ว่า หนอนกินเทพเป็นหนึ่งในหนอนประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนรกร้างโบราณ หากทำให้มันยอมสยบได้ ก็เสมือนได้รับสมบัติอริยะพิทักษ์สำนักชิ้นหนึ่ง!
เสี่ยวอิ๋นเหลือบมองเขา ไม่เอื้อนเอ่ยคำใด
หลูชวนกลับยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น หนอนกินเทพระดับแฝงราชันที่ลอกคราบแล้วเชียวนะ หากสยบมันได้ก็ไม่ต่างอะไรกับการได้ศุภโชคชั้นเลิศ
“ศิษย์น้องทุกคนจงฟังคำสั่ง เทพมารหลินปล่อยให้ผู้อื่นจัดการเถิด เป้าหมายของพวกเราก็คือจับหนอนตัวนั้นให้ได้!”
หลูชวนสูดหายใจเฮือกใหญ่ พลันสั่งการออกไป
เบื้องหลังของเขาผู้แข็งแกร่งทั้งหมดรับคำสั่งอย่างฮึกเหิม ในฐานะผู้สืบทอดเขาวิญญาณหมื่นอสูร พวกเขาย่อมรู้ถึงคุณค่าของหนอนกินเทพดี
มิหนำซ้ำพวกเขายังเชี่ยวชาญการจัดการกับหนอนประหลาดเช่นนี้ยิ่งกว่าด้วย!
พวกหลูชวนตัดสินใจเช่นนี้ แม้ว่าทำให้ขุมอำนาจใหญ่ทั้งหลายเกิดความไม่พอใจ กระนั้นก็ยอมอดกลั้นไว้ในท้ายที่สุด
ภารกิจเร่งด่วนที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้คือการสังหารเทพมารหลิน ส่วนหนอนกินเทพตัวนี้ หากพวกหลูชวนสามารถควบคุมได้ นั่นย่อมไม่กลายเป็นภัยคุกคามสำหรับพวกเขาอีก
“เจ้าตัวน้อย มานี่เถอะ!”
หลูชวนยื่นมือพลิกออกไป ปรากฏกระปุกกระเบื้องเคลือบสีเลือดใบหนึ่ง ดูเก่าแก่เป็นอย่างมาก ปลดปล่อยกลิ่นอายดุดันที่น่าหวาดผวาและเร้นลับ
ฟึ่บ!
กระปุกกระเบื้องเคลือบลอยขึ้นมา สาดพรมแสงศักดิ์สิทธิ์สีเลือดเข้าปกคลุมตัวเสี่ยวอิ๋น
เสี่ยวอิ๋นไม่ได้หลบลี้แต่อย่างใด ตวัดกระบี่ฟันออกไป เจตกระบี่จิตวิญญาณเปล่งแสงรัศมี เฉือนแสงศักดิ์สิทธิ์สีเลือดนั่นขาดกระจุยในฉับพลัน
ทว่านี่กลับทำให้หลูชวนยิ่งยินดีมากขึ้นอีก เอ่ยว่า “เยี่ยม! ถึงขั้นปลุกเจตกระบี่กินเทพในสายเลือดออกมาแล้ว ช่างหาได้ยาก!”
ครืนโครม!
ขณะที่พูด เขาและผู้แข็งแกร่งแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูรทั้งหมดล้วนลงมือแล้ว
ไม่อาจไม่พูดว่าพวกหลูชวนมีฝีมือมาก ทั้งสมบัติและวิชาลับที่เรียกออกมาต่างใช้เพื่อรับมือกับเสี่ยวอิ๋นโดยเฉพาะ แค่พริบตาเดียวก็มีเค้าลางว่าจะสกัดกั้นเสี่ยวอิ๋นไว้ได้!
ปะทะกันซึ่งหน้า เดิมก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัด
ในฐานะหนอนกินเทพ เกิดมาเพื่อเป็นมือสังหารวิญญาณเทพ สามารถจู่โจมพลังจิตของคู่ต่อสู้ได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง
ทว่าบัดนี้เพื่อปกป้องหลินสวิน เขากลับยอมสละข้อได้เปรียบของตน ไม่กล้าฝ่าจู่โจมออกไป ทำเพียงตอบโต้อยู่ที่เดิม
เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ทันไรเขาก็มีทีท่าว่าจะต้านไม่อยู่แล้ว
นี่น่าอัดอั้นยิ่งนัก!
กระนั้นเสี่ยวอิ๋นก็ไม่ได้ถอยหลบ รวบรวมพลังทั้งหมดต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิต
“พวกเราไปบุกสังหารเทพมารหลิน!”
ผู้ฝึกปราณจากขุมอำนาจอื่นไม่รีรออีกต่อไป เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋นถูกรั้งไว้ พวกเขาก็โล่งใจอย่างที่สุด บุกจู่โจมอย่างอุกอาจ
“พวกเจ้ากล้าหรือ!”
เสี่ยวอิ๋นตวาดเดือดดาล ในที่สุดก็ไม่อาจสงบใจได้อีก หมายเข้าขัดขวางอย่างไม่เสียดายชีวิต
“เจ้าตัวน้อย เจ้ายอมอยู่นิ่งๆ แต่โดยดีเถอะ!” หลูชวนหัวเราะยกใหญ่ ใช้พลังทั้งหมดร่วมมือกับศิษย์คนอื่นๆ หมายจะจับเสี่ยวอิ๋นให้อยู่หมัด
นี่ยิ่งทำให้เสี่ยวอิ๋นบันดาลโทสะจนแทบคลั่ง ดวงตาถมึงทึง
ตูม!
ในครรลองสายตา ผู้ฝึกปราณจากขุมอำนาจอื่นล้วนแต่แย่งกันลงมือก่อน เรียกสมบัติต่างๆ นานา สำแดงวิชาลับที่แข็งแกร่งออกไป…
ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่เสี่ยวอิ๋นรู้สึกอับจนเช่นนี้มาก่อน!
เขาแค้น!
แค้นจนหางตาแทบมีเลือดหยดออกมาแล้ว
แต่จากนั้นเขาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่สนใจการจู่โจมที่พุ่งเข้ามาอีก โถมตัวไปเบื้องหน้าหลินสวิน หมายสละชีพเพื่อสกัดกั้นการจู่โจมทั้งหมดนี้
เกียรติของหนอนกินเทพ ความซาบซึ้งและการยอมรับต่อตัวหลินสวิน ทำให้เขาไม่ลังเลเลือกหนทางตายโดยไม่กลัวเกรงเช่นนี้!
ผู้ฝึกปราณที่ดูอยู่ไกลโพ้นมาตลอด ต่างสะท้านสะเทือนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ไหวหวั่นเพราะเหตุนี้
“เสี่ยวอิ๋น ข้าตื่นแล้ว”
ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ ข้างหูเสี่ยวอิ๋นพลันได้ยินเสียงอันคุ้นหูอย่างที่สุดดังขึ้นมา ทำให้เขาตะลึงไปก่อน จากนั้นก็ยินดีอย่างบ้าคลั่ง
นายท่านเขา ในที่สุดก็ตื่นแล้ว!
และพร้อมกับเสียงที่ดังก้องขึ้นนั้น เงาร่างสายหนึ่งที่ราวกับจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศพลันขวางอยู่เบื้องหน้าเสี่ยวอิ๋นแล้วยื่นมือกวาดออกไป
หุบเหวอันไร้รูปลักษณ์ปรากฏกลางห้วงอากาศ
วิชามรรคทั้งหลายที่จู่โจมเข้ามาจากทั่วสารทิศต่างหายลับไปในเหวนั้นประหนึ่งเงาฟองมายา
สมบัติทั้งหมดราวเศษกระดาษแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นละอองแสงโปรยปรายเต็มฟ้า!
ในหนึ่งการตวัดกวาด
หุบเหวปรากฏ
กลืนกินสิ้นทั่วทิศ!
ครืนโครม
ในฟ้าดินแถบนี้หุบเหวหมุนวน ทำให้ห้วงอากาศพังทลายทีละชุ่นจนเกิดเสียงดังกึกก้อง สะเทือนเก้าชั้นฟ้า
เบื้องหน้าหุบเหวนั้น เงาร่างของหลินสวินลอยมาปรากฏ นัยน์ตาลุ่มลึก รอบกายกระจ่างบริสุทธิ์ว่างเปล่าประหนึ่งเซียนจุติลงมาก็ไม่ปาน
“นี่…”
ทุกคนต่างตั้งตัวไม่ทัน ภายในใจสั่นสะท้าน ทื่อทึ่มไปบ้าง
เทพมารหลินฟื้นตื่นจากการนั่งสมาธิแล้วหรือ
นี่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย!
เดิมทีหลินสวินนั่งนิ่งไม่ไหวติง ถูกมองว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป ผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจทั้งหลายต่างแทบอยากสังหารหลินสวินให้ได้เป็นคนแรกทั้งสิ้น
ใครเล่าจะคาดคิดว่าบัดนี้เรื่องราวกลับพลิกผันเสียแล้ว
ชั่วพริบตาผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจต่างๆ ที่ปิดล้อมหลินสวินไว้เกิดความสงสัยอยู่ไม่น้อย เขา… กำลังฝืนตัวเองหรือว่าหายดีเป็นปลิดทิ้งแล้วกันแน่
ไกลออกไปบรรดาผู้ที่ชมดูการต่อสู้ก็ส่งเสียงอึกทึกครึกโครม
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเทพมารหลินไม่ตายง่ายๆ หรอก!” คนมากมายต่างส่งเสียงดังด้วยความประทับใจ
แม้แต่พวกผู้แข็งแกร่งที่วางตัวเป็นกลาง ชมดูในฐานะคนนอกก็อดตกตะลึงไม่ได้ ถูกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำเอาไม่ทันตั้งตัว
“นายท่าน!”
เสี่ยวอิ๋นฮึกเฮิม เดิมทีเขาเตรียมจะสละชีพไปแล้ว
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ข้าเห็นหมดแล้ว เสี่ยวอิ๋นเจ้ากลับมาได้แล้ว ต่อไปเจ้าก็ดูข้าจัดการพวกเขาให้เกลี้ยง!”
สีหน้าหลินสวินเรียบเฉย พลังขับเคลื่อนไหลเวียนทั่วร่าง ปรากฏกลิ่นอายว่างเปล่าและสมบูรณ์อันไร้รูปอย่างหนึ่ง
สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณโหมซัดกู่ก้องอยู่ในร่าง ประหนึ่งเตาหลอมมหายุคที่ลุกโชนร้อนแรง
เมื่อปะทุออกมาก็สามารถแผดเผาทั่วทั้งจักรวาล!
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาสร้างมรรคาใหม่ขึ้นเป็นครั้งที่สามแล้ว ซ้ำยังถึงขั้นสมบูรณ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แข่งแกร่งกว่าที่ผ่านมา
“หลงระเริง! ตัวจะตายอยู่รอมร่อยังจะมาอวดดีอีก”
ผู้แข็งแกร่งสำนักยุทธ์นครนิลตะโกนออกมา “ทุกท่าน อย่าหลงกลเจ้าคนพรรค์นี้ ข้าตรวจสอบมาแน่ชัดแล้ว เขาได้รับแผลมรรค หากหมายจะฟื้นฟูรักษาให้หายภายในห้าวันย่อมเป็นไปไม่ได้ ดูผิวเผินเหมือนหายเป็นปลิดทิ้ง ทว่าภายในบอบช้ำเป็นอย่างมาก ไม่ได้น่าหวาดหวั่นแม้แต่น้อย!”
แผลมรรค!
ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นล้วนตาเป็นประกาย
ขอเพียงมีความรู้ด้านฝึกปราณอยู่บ้างก็จะรู้ว่าแผลมรรคเป็นบาดแผลที่น่ากลัวที่สุด หากต้องการฟื้นฟูให้หายดี นั่นยากเสียยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์อีก
“ทุกท่านอย่าเพิ่งสนใจเรื่องอื่น วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ปล่อยให้เทพมารหลินรอดไปอีกไม่ได้!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองเอ่ยเสียงเคร่ง
อันที่จริงไม่จำเป็นต้องเตือนสติ ไม่ว่าผู้ใดก็รู้ชัดว่าหากเทพมารหลินมีชีวิตรอดไปได้ ย่อมกลายเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดต่อขุมอำนาจใหญ่เหล่านี้ของพวกเขา
หากเวลานี้ไม่จัดการเขาให้สิ้นซาก ผลที่ตามมาคงไม่มีผู้ใดสามารถแบกรับได้!
ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละขุมอำนาจใหญ่โอบล้อม ขังปิดสถานที่แห่งนี้เอาไว้ แต่ละคนกลิ่นอายอันฮึกเหิม ไอสังหารดุดัน แววตาเยียบเย็น
“มีแค่พวกเจ้าหรือ”
หลินสวินสอดส่ายสายตามองออกไปไกลๆ คล้ายกำลังยืนยันว่ายังมีศัตรูมากน้อยเท่าไร
ท่าทีเช่นนี้ของเขา เมื่อเข้าสู่สายตาของพวกที่มองว่าเขาเป็นเหยื่อล่าแล้ว ก็กลายเป็นการท้าทายอย่างหนึ่ง นี่หมายความว่าอย่างไร รังเกียจว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่มีค่าพอให้หวาดกลัวหรือ
โอหังเกินไปแล้ว!
“หลินสวิน ขอเพียงเจ้ามอบหนอนกินเทพตัวนั้นให้ข้า พวกข้าเขาวิญญาณหมื่นอสูรขอรับรองว่าจะไม่ทำให้เจ้าลำบาก” หลูชวนสีหน้าอึมครึม เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง ภายในใจเอาแต่คิดเรื่องเสี่ยวอิ๋น
“พล่ามมากมายทำไม ฆ่าก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
ผู้แข็งแกร่งบางส่วนอดทนไม่ไหวเริ่มลงมือจู่โจมแล้ว แสงสมบัติพวยพุ่งขึ้น วิชามรรคดั่งสายฝน ฟันเฉือนไปทางหลินสวิน
และมีผู้แข็งแกร่งอีกมากตรึงกำลังปิดล้อมทั้งสี่ทิศ เหมือนกลัวว่าหลินสวินจะหนีไปได้อีก
“หลายวันมานี้พวกเจ้าคงรออย่างทุกข์ทรมานสินะ เช่นนั้นก็ขอส่งพวกเจ้าลงปรโลกไปเลยแล้วกัน!”
และตอนนี้เอง ภายในนัยน์ตาหลินสวินสาดประกายเยียบเย็น ทั่วร่างแผ่แสงใสพร่างพรายลุกโชน กลิ่นอายน่าสะพรึงอย่างที่สุดในชั่วขณะเดียว
วันนี้ ให้เป็นวันกวาดล้างขนานใหญ่!
……………………..