Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1250 ข้าจะฆ่ามันด้วยมือตัวเอง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1250 ข้าจะฆ่ามันด้วยมือตัวเอง
หลินสวินตัดสินใจอยู่ต่อ!
จี้ซิงเหยาและโม่เทียนเหอต่างอึ้งงันไปพักหนึ่ง ในใจนอกจากจะร้อนรุ่มแล้วยังอดไหวหวั่นไม่ได้
เดิมทีหลินสวินไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย แต่เขากลับเลือกอยู่ต่อ นี่คือการเห็นพวกเขาเป็นเพื่อนอย่างไม่ต้องสงสัย!
เจิ้นอวิ๋นเฟิงหัวเราะออกมา “พี่หลินช่างห้าวหาญยิ่งนัก! ไม่เจอกันสี่ปียิ่งสง่างามกว่าแต่ก่อน เพียงแต่ตอนนี้ต่างจากอดีต ในเมื่อพี่หลินเลือกอยู่ต่อ ทางที่ดีก็อย่าทำเรื่องโง่ๆ มิฉะนั้นเกรงว่าคงจะติดร่างแห”
เขามั่นใจยิ่งนัก วาจาล้วนเจือกลิ่นอายกำชัย
แน่นอนว่ามีการข่มขู่ด้วย!
“หึๆ”
พวกอวี่เหลียงอินต่างหัวเราะออกมา
สายตาของคนไม่น้อยล้วนมองไปยังหลินสวินราวกับยั่วยุ
“ข้าคิดว่าด้วยความอารมณ์ร้อนของเจ้าหมอนี่ย่อมไม่มีทางไม่ทำเรื่องโง่ๆ ยกตัวอย่างเมื่อครู่ แค่พูดไม่ถูกหูสหายยุทธ์เสวี่ยเฟิงก็ถูกเขาสังหาร”
ชายหนุ่มชุดดำร่างกำยำดั่งหอคอยเหล็กคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงทุ้มดัง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พูดเรื่องไร้สาระพวกนั้นไปก็เปล่าประโยชน์ มิสู้ให้ข้าลงมือกำจัดสหายยุทธ์หลินสวินที่ ‘ฟื้นคืนจากความตาย’ ผู้นี้ดีกว่า”
ในน้ำเสียงเจือความเร่าร้อน กระตือรือร้นอยากลองราวกับเจอเหยื่อที่ถูกใจยิ่งตัวหนึ่ง
ชายหนุ่มชุดดำนามว่าถัวเถิง หนึ่งในสิบสองขุนพลแดนนรก คลั่งต่อสู้ราววิกลจริต ที่ชื่นชอบที่สุดก็คือการล่าสังหารผู้มีที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในรุ่นเดียวกัน
และตอนนี้เขาก็เล็งหลินสวินแล้ว!
เจิ้นอวิ๋นเฟิงมุ่นคิ้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขัดขวาง
เขาเองก็เป็นหนึ่งในสิบสองขุนพลแดนนรก แม้จะรับผิดชอบภารกิจครั้งนี้ แต่ก็ไม่อาจออกคำสั่งกับขุนพลทั้งสามอย่างพวกถัวเถิง อวี่เหลียงอินอย่างแท้จริงได้
‘ให้เจ้าหมอนี่หยั่งเชิงพลังของหลินสวินหน่อยก็ดี…’ แววตาเจิ้นอวิ๋นเฟิงไหววูบ
ไม่เจอกันสี่ปี แม้เขาจะอวดดีไม่หวั่นเกรงความน่าเกรงขามของหลินสวิน แต่ด้วยความรอบคอบจึงไม่กล้าลงมือรุนแรงโดยตรง
ถึงอย่างไรหลินสวินในอดีตก็เคยทำให้เขารู้สึกถึงความหวาดกลัวหาใดเปรียบ!
“ว่าอย่างไร เทพมารหลินอะไรนั่นกล้าประลองกับข้าไหม วางใจเถอะ ข้ารับรองว่าจะไม่ซัดเจ้าถึงตาย”
ถัวเถิงแววตาเคร่งขรึม แผ่กลิ่นอายตื่นเต้นอำมหิตออกมา
“กำเริบ!”
โม่เทียนเหอสีหน้าขรึมทันที “ไม่อย่างนั้นพวกเรามาเล่นด้วยกันไหมล่ะ”
เขาดูแล้วไม่เจริญตายิ่งนัก เจ้าพวกนี้มองหลินสวินเป็นเนื้อบนเขียง ทำเหมือนแมวหยอกหนู ท่าทางเย่อหยิ่งนั่นทำให้เขาทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ไม่ต้องรีบ รอข้าทรมานเทพมารหลินอะไรนี่จนตายช้าๆ ก่อนค่อยมาจัดการกับเจ้า”
ถัวเถิงยิ้มยิงฟัน วาจาคลั่งระห่ำนัก
แต่ใครๆ ล้วนรู้ว่าเขามีคุณสมบัติให้หยิ่งผยองได้ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิบสองขุนพลแดนนรก พลังปราณของเขาได้บรรลุถึงขั้นอมตะเคราะห์ด่านสามแล้ว!
ทั้งตัวเขายังเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนหนึ่ง ความแข็งแกร่งแห่งรากฐานพลังเหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันในปัจจุบันอยู่โข
“พี่โม่ เจ้าอดทนรอสักประเดี๋ยว ข้าผู้แซ่หลินไม่ปรากฏตัวบนโลกมาสี่ปี ตอนนี้หมาแมวอะไรยังกล้ากระโดดออกมายั่วยุแล้ว ในเมื่อเจ้าเดรัจฉานนี่รนหาที่ตาย ข้าก็จะฆ่ามันด้วยมือตัวเอง!”
หลินสวินกล่าวเสียงราบเรียบ แต่กลับสะท้อนก้องทั่วลานอย่างชัดเจน
ทั้งที่นั้นพลันมีเสียงสูดหายใจเฮือกดังขึ้นทันที
ไม่อาจไม่ยอมรับว่าแม้จะเงียบหายไปสี่ปี แต่นิสัยป่าเถื่อนไม่เกรงกลัวสิ่งใดของหลินสวินกลับไม่เคยเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย!
สีหน้าของถัวเถิงอึมครึมลง หมาแมวรึ เดรัจฉานรึ ในแดนเก้าบนตอนนี้ใครกล้าสบประมาทและเหยียบจมูกเขาเช่นนี้บ้าง
ไม่มี!
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ครั้งนี้ข้าจะให้เจ้าตายอย่างอนาถ!”
เขาชี้นิ้วใส่หลินสวินที่อยู่ห่างออกไป ในดวงตาเปี่ยมไอสังหารพลุ่งพล่านเย็นเยียบ
ตูม!
ขณะกล่าวเงาร่างถัวเถิงพลันส่องประกายราวเทพเถื่อน ร่างสูงใหญ่ล่ำสันดั่งหอคอยเหล็กดปล่งแสง ด้านหลังเขาปรากฏรูปจำลองมหึมาหนึ่งออกมา ทำให้ฟ้าดินพลันมืดสลัวส่งเสียงคร่ำครวญไม่หยุด
คนไม่น้อยพลันหยุดหายใจ ทยอยถอยห่างออกไปด้วยเกรงจะถูกลูกหลง
พวกเขาต่างรู้ดีว่าถัวเถิงเป็นพวกคลั่งการต่อสู้ราววิกลจริต ทันทีที่เปิดศึกจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น!
“ตายซะ!”
ในเสียงตวาดฟ้าดินสั่นสะเทือน ถัวเถิงเหวี่ยงหมัด พลังหมัดแดงก่ำดุจโลหิตปะทุออกไป วิวัฒน์เป็นลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นอย่างนรกเซินหลัว โครงกระดูกขาว
ห้วงอากาศต่างทรุดตัวลง!
หมัดนี้พลานุภาพยิ่งใหญ่ มีอานุภาพที่ทำให้เทพเซียนภูตผีหวั่นหวาด ผู้แข็งแกร่งมากมายดวงตาแสบแปลบ ขนพองสยองเกล้าไปทั้งตัว
นี่ก็คือมกุฎราชันขั้นอมตะเคราะห์ด่านสาม ก้าวข้ามพิบัติเคราะห์แห่งจิตวิญญาณ ใจและกาย แก่นแท้ของชีวิตเขาเปลี่ยนเป็นต่างออกไปโดยสมบูรณ์นานแล้ว
ก็เหมือนหมัดนี้ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ ณ ที่นั้นต่างหวาดกลัว!
ตูม!
นัยน์ตาดำของหลินสวินเฉยชา ยืนอยู่จุดเดิมไม่ขยับ มีเพียงมือขวาที่กำหมัดกระแทกออกไปกลางอากาศ
เรียบง่าย หมดจด มีความรู้สึกกลับคืนสู่สามัญ ไม่เจือกลิ่นอายโลกีย์
แต่เมื่อหมัดนี้ปล่อยออกมา พลังหมัดแดงก่ำดุจโลหิตนั้นก็ชะงักไปเสี้ยวหนึ่งทันที จากนั้นส่งเสียงคร่ำครวญราวแบกรับไม่อยู่
ในที่สุดก็แตกระเบิดดังตู้ม ละอองแสงสีเลือดพร่างพราวทั่วฟ้า
และพลังหมัดของหลินสวินก็เปี่ยมอานุภาพไม่เสื่อมถอย พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
ทุกอย่างพูดแล้วดูช้า ความจริงกลับรวดเร็วยิ่ง
เมื่อถัวเถิงมีปฏิกิริยา หมัดของหลินสวินก็พุ่งสังหารมาแล้ว!
ปึง!
เวลาต่อมาร่างกำยำดุจหอคอยเหล็กนั่นของเขาก็ถูกซัดออกไปอย่างแข็งกร้าว เสียงดังทึบนั่นพาให้ทุกคนตรงนั้นใจกระตุกอย่างหนักหน่วง หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
หมัดเดียวซัดขุนพลแดนนรกคนหนึ่งลอยกระเด็น?
เมื่อเหลือบตามองหน้าอกถัวเถิง เกราะศึกถูกทะลวงเปิด ประทับด้วยผนึกหมัดเว้าเป็นโพรง หน้าอกเกือบแยกออกจากกัน
ใบหน้าเขาแดงก่ำ อำมหิตเหี้ยมเกรียมคล้ายยากจะเชื่อ ไม่นานก็แยกเขี้ยวหัวเราะลั่น “ดี! ล่าเหยื่ออย่างเจ้านี่สิถึงจะสะใจ หากอ่อนแอเกินไปกลับจะทำให้คนผิดหวัง”
ตูม!
พลานุภาพของเขาพลันเปลี่ยนไป ทั่วร่างปรากฏลายมรรคสีเลือดแปลกประหลาด รูปจำลองปรากฏอยู่เบื้องหลัง พละกำลังสะเทือนใต้หล้า
และในมือเขายังมีทวนศึกสีเลือดเล่มหนึ่ง เขาสะบัดมันเบาๆ ก่อนออกสังหารหลินสวินอีกครั้ง
“น่าเสียดาย สำหรับข้าแล้วเจ้ายังอ่อนแอเกินไป”
หลินสวินกล่าวราบเรียบ ชายเสื้อเขาสะบัดไหว ก้าวไปบนอากาศ พลังหมัดดั่งแสงอสนีและฟองอากาศ เจือกลิ่นอายลึกซึ้งยากจะบรรยายอย่างหนึ่ง
“เจ้าดูถูกข้ารึ”
ถัวเถิงสีหน้าอึมครึม
ระหว่างพูดคุยพลังหมัดหลินสวินก็ซัดออกมานานแล้ว กระแทกใส่ทวนศึกสีเลือดที่พุ่งสังหารเข้ามาอย่างหนักหน่วง
วู้ม…
ทวนศึกสีเลือดส่งเสียงครวญแหลมเสียดหู ทำให้จิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งมากมายพลันปวดเสียด ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือด
ก็เห็นร่างถัวเถิงลอยออกไปราวกระสอบทราย จมูกปากเขาล้วนกบโลหิต พลังหมัดนั้นประดุจไม่มีสิ่งใดที่ทำลายไม่ได้ ทำให้เขาถูกโจมตีอย่างหนักในชั่วพริบตา
ฟุ่บ!
เกือบจะเวลาเดียวกัน เงาร่างหลินสวินพุ่งทะยานรวดเร็วกว่าความเร็วที่ถัวเถิงกระเด็นลอย แล้วออกหมัดซัดใส่จากฟากฟ้าอีกครั้ง
ปึง!
แม้ว่าถัวเถิงจะต้านทานเต็มกำลัง แต่สุดท้ายก็ถูกหลินสวินกุมความได้เปรียบ แขนทั้งสองของเขาแตกระเบิด จากนั้นพลังหมัดก็อัดลงมาบนร่าง
ทั้งตัวเขาร่วงลงพื้นอย่างแรงราวอุกกาบาต ทลายแยกเป็นหลุมมหึมา ดินโคลนสาดกระจาย พื้นดินสั่นสะเทือนไปพักหนึ่ง
“ไม่ใช่ว่าดูถูก แต่ไม่เคยเห็นเจ้าในสายตา คำตอบนี้พอใจไหม”
ร่างหลินสวินลอยล่องลงสู่หน้าหลุมใหญ่ ก้มมองถัวเถิงที่อยู่ในนั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเยียบเย็น
ครึ่ก!
เวลานี้ทวนศึกสีเลือดเล่มนั้นที่ถูกหมัดหลินสวินซัดกระเด็นไปก่อนหน้าเพิ่งร่วงลงมาจากอากาศ เสียบปักลงบนพื้น โอนเอนไปมาไม่หยุด
แค่คิดก็รู้แล้วว่าการจู่โจมนี้รวดเร็วเพียงใด!
………………….