Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1406 ตัวตนของราชันอาภรณ์ดำ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1406 ตัวตนของราชันอาภรณ์ดำ
การต่อสู้ดุเดือดปะทุขึ้นเหนือห้วงอากาศราวกับเทพสององค์กำลังห้ำหั่นกัน
ต่อให้อยู่นอกทะเลสาบวาโยอสนียังเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฟ้าดินแห่งนี้เหมือนถูกทำลาย ถูกปราณกระบี่และกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่สิ้นสุดกลบมิด
“การต่อสู้ระดับนี้ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย!”
ผู้มีปราณระดับราชันจากจักรวรรดิบางคนตกตะลึง
จ้าวจิ่งเซวียนไม่เอ่ยปาก นางย่อมไม่บอกว่าสมัยอยู่แดนมกุฎ นางเคยเห็นการต่อสู้ทำนองนี้มาหลายครั้ง
มิหนำซ้ำที่อันตรายและน่ากลัวยิ่งกว่าศึกนี้ยังมีนับไม่ถ้วน!
ปึง!
ท่ามกลางเสียงปะทะที่ดังจนหูแทบดับ เงาร่างเทพเถื่อนนั้นถูกซัดกระเด็นถอยหลังไป ร่างกายสั่นระริกเกร็งกระตุกอยู่ครู่หนึ่ง
เขาสีหน้าเคร่งเครียดหาใดเทียบแล้ว คิดไม่ถึงสักนิดว่าคู่ต่อสู้ที่ต่อกรด้วยวันนี้จะเย้ยฟ้าปานนี้ได้อย่างไร ไม่สามารถใช้สามัญสำนึกมาวัดได้โดยสิ้นเชิง
ชิ้ง!
กระบี่ยอดสังหารโฉบขึ้น ซัดแม่น้ำนรกสายหนึ่งขึ้นมา ปรากฏการณ์ประหลาดอย่างเทพมารวายชนม์สำแดงออกมา ปกคลุมฟ้าดิน
หลินสวินในตอนนี้ก็เหมือนมารกระบี่แห่งยุค!
ขณะนี้เขาพอจะชี้ชัดได้แล้วว่าเงามายาเทพเถื่อนที่รวมพลังของราชันพ่อมดสิบสามคนองค์นี้ มีความคล้ายคลึงกับพลังต่อสู้ของอวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนั้นพอสมควร ถึงกับมีจุดแตกต่างเพียงเล็กน้อย
เนื่องเพราะมรรคกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋เป็นพลังแห่งขอบเขตมกุฎ เงามายาเทพเถื่อนองค์นี้จึงไม่อาจเทียบได้
เงามายาเทพเถื่อนองค์นี้มีความร้ายกาจที่พลังแกร่งกล้ายิ่งนัก แทบจะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าระดับอริยะที่หลินสวินเคยพบเห็น
แต่พลังส่วนพลัง พลังต่อสู้ส่วนพลังต่อสู้ ทั้งสองอย่างไม่ได้เหมือนกันเสียหน่อย!
ไม่นานนักหลินสวินก็ซัดให้อีกฝ่ายถอยหลังไป ร่วงหล่นจากฟากฟ้า แล้วกระแทกลงบนพื้นดินจนแผ่นดินสะเทือนภูเขาไหวเอนอีกครั้ง
ต่อให้หนังเหนียวก็รับการทำลายล้างชั้นนี้ไม่ได้ เงามายาเทพเถื่อนนั่นส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาอย่างอดไม่ได้ กระดูกทั้งร่างแทบกระจุยกระจาย
ตูม!
หลินสวินลงมาจากฟ้า เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงไป หมายจะเหยียบศีรษะที่เพิ่งเงยขึ้นมาให้แหลกละเอียด
“ไสหัวไป!”
เงามายาเทพเถื่อนคำราม
สัญลักษณ์แน่นขนัดที่ปกคลุมไปทั้งร่างเขาพลันเปล่งประกาย แสงเทพโชติช่วงผุดขึ้น ทำให้พลานุภาพของเขาเพิ่มพูนขึ้นมากมายในทันใด
ส่วนสร้อยกระดูกที่ห้อยอยู่ที่คอก็ลอยขึ้นฉับพลัน แปรสภาพเป็นปากใหญ่เหมือนอ่างเลือดพุ่งไปกลืนกินหลินสวิน
หืม?
หลินสวินนัยน์ตาหดรัด สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล จึงเรียกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดออกมาโดยไม่ลังเล กำราบลงไปอย่างรุนแรง
โครม!
ทั้งสองปะทะกัน ฟ้าดินอับสี สุริยันจันทราอับแสง
ปากใหญ่ราวอ่างเลือดนั่นเริ่มเพลี่ยงพล้ำไปทีละส่วนระหว่างการประมืออันดุเดือด สุดท้ายก็แปรสภาพเป็นสร้อยคอกระดูกอีกครั้งหนึ่งท่ามกลางเสียงโครมคราม
เพียงแต่ครู่ต่อมาสร้อยคอกระดูกนั้นก็ขาดสะบั้น หล่นกระจายไปทั่ว
“จะ… เจ้าถึงกับทำลายสมบัติอริยะของเผ่าข้า!”
เงามายาเทพเถื่อนส่งเสียงคำรามสะเทือนฟ้าดินออกมา เผยให้เห็นความกราดเกรี้ยว คล้ายคิดไม่ถึงว่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว สมบัติอริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาจะถูกทำลายลงเช่นนี้!
เรื่องนี้ทำให้เขาไม่กล้าเชื่อได้
ควรรู้ว่าสร้อยคอกระดูกของเขาหลอมขึ้นมาจากกะโหลกอริยะหัวแล้วหัวเล่า มีนามว่า ‘สร้อยเศียรอริยะ’ ลึกลับหาใดเทียบ
แต่ตอนนี้แค่การโจมตีเดียวก็ถูกทำลายลงแล้ว!
เรื่องนี้ทำให้เขารับรู้ได้เช่นกัน ว่าเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดที่หลินสวินเรียกออกมาต้องเป็นยอดสมบัติอัศจรรย์ชิ้นหนึ่งแน่
“เฉือน!”
หลินสวินไม่ลังเลสักนิด เรียกกระบี่ยอดสังหารออกมาสังหารให้สิ้นซาก
ฟุ่บ!
โดยไม่ทันตั้งตัว เงามายาเทพเถื่อนทำได้เพียงหลบเท่านั้น แต่กลับถูกปราณกระบี่กวาดต้องร่างกาย แล้วก็พบว่าบั้นเอวเขาปรากฏรอยกระบี่ที่เลือดหลั่งรินรอยหนึ่ง เกือบฟันเอวเขาขาด!
“เป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด… ทำไมเจ้าถึงแข็งแกร่งปานนี้…”
เงามายาเทพเถื่อนร้อนรนโดยสมบูรณ์แล้ว เขารับรู้ได้ว่าไม่สู้ดี สังเกตเห็นภัยคุกคาม
“ฟัน!”
หลินสวินคร้านจะพูดพร่ำทำเพลง ควบคุมกระบี่ยอดสังหารจู่โจมไป
เปรี๊ยะ!
เสียงดังกึกก้อง
ทวนยาวกระดูกในมือเงามายาเทพเถื่อนเล่มนั้นถูกคมกระบี่อันแหลมคมของกระบี่ยอดสังหารฟันสะบั้น ภายใต้การปะทะกันอย่างรุนแรง!
ในขณะเดียวกันเงามายาเทพเถื่อนกระอักเลือดออกมาทางปากและจมูก ร่างกายยังหมองลงไปด้วย
“ฟัน!”
หลินสวินไม่หยุดพัก คมกระบี่ราวสายฟ้า ซัดฝนโลหิตคับฟ้าขึ้นมาปกคลุมฟ้าดิน ราวกับแม่น้ำโลหิตใหญ่โตสายหนึ่งม้วนตลบ
พร้อมกับเสียงโครมครามและเสียงร้องโหยหวนระลอกหนึ่ง เงามายาเทพเถื่อนไม่อาจทนได้อีก ร่างของมันระเบิดออกอย่างเลื่อนลั่น กลายสภาพเป็นเงาร่างสิบสามร่าง ล้มลงโซซัดโซเซกลางอากาศ
เห็นได้ชัดว่าเป็นราชันพ่อมดสิบสามคน
เพียงแต่ตอนนี้พวกเขาต่างหน้าซีดเผือด พลังชีวิตเสียหายสาหัส สีหน้าล้วนเจือไปด้วยความพรั่นพรึงและขุ่นเคืองที่ปกปิดได้ยาก
คราวนี้พวกเขาเตรียมตัวมา เดิมคิดว่าอาศัยวิชาลับจะสามารถสังหารหลินสวินได้ง่ายดาย
แต่จะคิดได้อย่างไรว่าสุดท้ายไม่เพียงถูกทำลายสมบัติอริยะสองชิ้น ยังทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างยิ่งยวด!
“ไป!”
พวกเขาเลือกหลบหนีไปโดยไม่ลังเล
เพียงแต่หลินสวินจะให้พวกเขาจากไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร เขาสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง ปราณกระบี่ไท่เสวียนเจ็ดร้อยยี่สิบสายโฉบออกไป กลายเป็นค่ายกลกระบี่สังหารว่างเปล่ากวาดพุ่ง
ฟุ่บๆๆ!
กลางห้วงอากาศราชันพ่อมดคนแล้วคนเล่าถูกสังหาร ร่างกายกลายเป็นเลือดเนื้อระเบิดแหลกร่วงพรูลงมาจากกลางอากาศ
ไม่มีใครโชคดีรอดมาได้!
บัดนี้ฟ้าดินเงียบสงัด มีเพียงกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นแผ่กระจาย
นอกทะเลสาบวาโยอสนี ผู้แข็งแกร่งจากจักรวรรดิทุกคนต่างเหม่อลอย ในใจมีเพียงความคิดเดียว คุณชายหลินเขา… แข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่
บนเขาวายุดำไกลออกไป เหล่าอสูรมารอย่างราชันผึ้งขาวต่างหวาดผวาจนจิตใจไม่สงบ สีหน้าซีดขาว
ได้เห็นการต่อสู้อันหายากเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาโง่เขลาแค่ไหนก็รู้ว่าด้วยพลังต่อสู้ของหลินสวิน ถ้าจะฆ่าพวกเขาต้องง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือแน่!
“ตาพวกเจ้าแล้ว”
เหนือห้วงอากาศ หลินสวินเคลื่อนสายตามองไปยังเหล่าอสูรมารอย่างพวกราชันผึ้งขาว สีหน้าไม่สุขไม่เศร้า เฉยชาเยือกเย็น
“ราชันอาภรณ์ดำ ถ้าเจ้ายังไม่ลงมืออีก วันนี้พวกเราต้องตายเพราะเจ้ากันหมด!”
ราชันผึ้งขาวตื่นตระหนกจนร้องเสียงแหลมขึ้นมา
“ราชันอาภรณ์ดำ เจ้ายังไม่ลงมืออีกหรือ”
ราชันอสูรมารตนอื่นก็ร้องลั่นอย่างพรั่นพรึง
เห็นได้ชัดว่าในขณะนี้ราชันอาภรณ์ดำกลายเป็นความหวังเดียวของพวกเขา
ไกลออกไป หลินสวินกวาดสายตามองแล้วหยุดลงที่ถ้ำสถิตมิดชิดซึ่งอยู่บนเขาวายุดำถ้ำหนึ่ง ราชันอาภรณ์ดำปิดด่านอยู่ในนั้นหรือ
เพียงแต่ในถ้ำสถิตนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวเลย
“ดูท่าราชันอาภรณ์ดำคงไม่อยากช่วยพวกเจ้า”
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย เกิดเสียงดังวู้มขึ้นครั้งหนึ่ง กระบี่ยอดสังหารราวกับรุ้งเทพสีเลือดสายหนึ่งพุ่งขึ้นเหนือห้วงอากาศ คมกระบี่แหลมคม อบอวลด้วยกลิ่นคาวเลือดคับฟ้า
“ไม่…!”
ตอนนี้ยามเผชิญหน้ากับหลินสวินเข้าจริงๆ พวกราชันผึ้งขาวก็สติแตกไปทันที ไม่อาจปลุกความคิดไปต่อต้านได้สักนิด
คนผู้นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว ทำให้พวกเขาสิ้นหวัง!
“เฉือน!”
หลินสวินไม่ลังเลสักนิด เมื่อความคิดไหวเคลื่อน กระบี่ยอดสังหารก็แปรสภาพเป็นแสงมรรคสายหนึ่งฟาดฟันออกไป
ตูม!
ก็ในตอนนี้เอง เงาร่างสีดำเงาหนึ่งพลันกระโจนออกมาจากถ้ำสถิตที่ปิดมิดชิดนั้น เข้ารับกระบี่นี้ไว้ด้วยความรวดเร็วน่าเหลือเชื่อ
เคร้ง!
เสียงปะทะน่าหวาดหวั่นดังสนั่นขึ้น เงาร่างสีดำนั้นมาก็ไว ไปก็ไว ถูกซัดให้ถอยออกไปสิบกว่าก้าว
ผืนดินต่างทรุดตัวลงเป็นหลุมใหญ่ไปตามแต่ละก้าวที่เหยียบลงมา
พอมองดูโดยละเอียด เขาถือหอกศึกเล่มหนึ่งไว้ในมือ เพียงแต่กลับถูกกระบี่นี้ของหลินสวินฟันขาดสะบั้นทั้งอย่างนั้น
“ราชันอาภรณ์ดำ!”
เหล่าอสูรมารอย่างพวกราชันผึ้งขาวต่างยินดีปรีดา รู้สึกตื่นเต้นฮึกเหิม
เงาร่างนั้นถูกอาภรณ์สีดำปกปิดไปทั้งตัว เป็นราชันอาภรณ์ดำจริงๆ ทว่าการปรากฏตัวของเขากลับทำให้หลินสวินนิ่วหน้า รู้สึกได้กลายๆ ถึงความคุ้นเคย
“นายท่าน จะปล่อยพวกเขาไปครั้งหนึ่งได้หรือไม่”
ราชันอาภรณ์ดำพลันเอ่ยปาก เพียงแต่ถ้อยคำที่เอ่ยออกมากลับเหมือนสายฟ้าฟาดกลางฟ้า ทำเอาพวกราชันผึ้งขาวต่างงุนงง อึ้งค้างอยู่เช่นนั้น
นายท่าน?
ราชันอาภรณ์ดำเรียกหลินสวินนั่นว่านายท่านงั้นหรือ
ด้านหลินสวินในที่สุดก็เดาได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร เลิกคิ้วขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “ราชันอินทรีแดงหรือ”
ไกลออกไปราชันอาภรณ์ดำถอดหมวกที่บังศีรษะเขาออก เผยให้เห็นใบหน้าขาวซีด สีหน้าซับซ้อนเอ่ยว่า “นายท่าน คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะได้พบกันด้วยรูปแบบนี้”
ขณะนี้หลินสวินรู้สึกไม่ทันตั้งตัวไปหมด
ก่อนหน้านี้เขาใช้ทุกวิถีทางเสาะหาร่องรอยของราชันอินทรีแดงในมณฑลซีหนาน ยังนึกไปว่าเขาประสบเคราะห์ไปแล้ว
จะคิดได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวตรงหน้าตนในฐานะ ‘ราชันอาภรณ์ดำ’!
นี่เป็นเรื่องที่หลินสวินไม่เคยคิดมาก่อนสักนิด
อย่าว่าแต่หลินสวิน พวกราชันผึ้งขาวยังรู้สึกสับสนงงงวย ราชันอาภรณ์ดำที่พวกเขาฝากความหวังทั้งหมดไว้ ดันยอมรับหลินสวินเป็นนาย นี่จะพลิกผันเกินไปแล้ว
“คิดไม่ถึงว่าตระกูลหลินของข้าจะมีคนทรยศคนหนึ่งจริงๆ”
สีหน้าหลินสวินแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“นายท่าน ท่านฟังข้าอธิบายก่อน”
ราชันอาภรณ์ดำเอ่ยปากกำลังจะพูดอะไรก็ถูกหลินสวินตัดบท “อธิบายหรือ ก็ได้ รอข้าฆ่าเดรัจฉานชั่วพวกนี้ก่อนค่อยมาฟังว่าเจ้าจะอธิบายอย่างไร!”
เขาพูดพลางเรียกกระบี่ยอดสังหารออกมาอย่างไม่ลังเลสักนิด แล้วออกโจมตีอีกครั้ง!
สวบ!
ปราณกระบี่ราวรุ้งเทพพุ่งสังหารออกไปในห้วงอากาศ
ไม่แปลกที่ตอนนี้หลินสวินจะโกรธ เมื่อแรกกลับมายังโลกชั้นล่าง พอได้ยินว่าราชันอินทรีแดงถูกมองว่าเป็นคนทรยศ ในใจหลินสวินไม่ยอมเชื่อมาตลอด คิดว่านี่เป็นการใส่ร้ายของตระกูลจั่ว
แต่สุดท้ายเขากลับพบว่าราชันอินทรีแดงกลายเป็นคนทรยศจริงๆ!
เรื่องนี้หลินสวินจะรับได้ได้อย่างไร
การต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้ง หลินสวินที่โกรธถึงขีดสุดลงมืออย่างไม่ปรานีสักนิด ออกแรงเพียงครู่เดียวก็ปลิดชีพเหล่าอสูรมารอย่างพวกราชันผึ้งขาวทั้งหมด
ไม่ว่าพวกเขาจะโอดครวญหรือดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
ระหว่างนี้ราชันอินทรีแดงราวกับตกอยู่ในภาวะดิ้นรนและเจ็บปวดใหญ่หลวง ทั้งกายสั่นระริก แต่กลับกัดฟันแน่นไม่พูดจาสักคำ
ไม่มีใครรู้ว่าในใจเขาทรมานและเจ็บปวดขนาดไหน
ชิ้ง!
หลินสวินเก็บกระบี่ยอดสังหาร เงาร่างโรยตัวลงมาเหนือเขาวายุดำ สายตามองดูราชันอินทรีแดงอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้เจ้าอธิบายมาได้แล้ว”
ราชันอินทรีแดงชะงักไป สักพักจึงถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าผิดตั้งแต่แรกแล้ว เรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอีก ทำให้นายท่านโกรธเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่มีอะไรจะพูด เพียงขอให้นายท่านทำให้ตายอย่างรวดเร็วเท่านั้น!”
พอพูดจบเขาก็มองหลินสวินด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
หลินสวินยิ้มหยัน “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ”
เขาโกรธมากจริงๆ รู้สึกถูกหลอกลวงและทรยศ
ราชันอินทรีแดงเงียบไม่พูดจา
“สวะ! คิดไม่ถึงว่าผ่านไปชั่วนาตาปี ข้าจะรับผู้สืบทอดไร้ค่าอย่างเจ้ามาเสียได้ ช่างขายหน้าข้ายิ่งนัก!”
ฉับพลันเสียงเย็นชาน่าเกรงขามเสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือเขาวายุดำ
ราชันอินทรีแดงหน้าเปลี่ยนสีทันตา ร้องว่า “นายท่านรีบหนีเร็ว!”
โครม!
ทว่าไม่ทันแล้ว มือใหญ่น่าหวาดหวั่นไร้ที่สิ้นสุดมือหนึ่งพลันยื่นออกมาจากใต้เขาวายุดำ บังฟ้าเร้นอาทิตย์ เข้าปกคลุมหลินสวินอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงเย็นชาน่าเกรงขามนั้น
ชั่วพริบตานี้แม้แต่หลินสวินยังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“หนีเร็ว!”
ก็ในตอนนี้เองราชันอินทรีแดงตะโกนลั่น เขาพุ่งทะลุเมฆาในทันใด ทั้งร่างมีแสงถั่งโถมไพศาลปะทุออกมาแล้วพุ่งไปยังมือใหญ่ข้างนั้น ดูแน่วแน่หาใดเทียบ