Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1525 แสดงยุทธ์ แปรวิชา หลอมยุทธ์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1525 แสดงยุทธ์ แปรวิชา หลอมยุทธ์
ตูมโครม!
ฟ้าดินสะท้าน ปั่นป่วนอย่างสิ้นเชิง
ปราณกระบี่สายแล้วสายเล่าเคลื่อนขวางตัดสลับ แผ่แสงกระบี่เจิดจ้าเรืองรอง เข่นฆ่าไม่ยั้ง คมกริบไร้ทัดเทียม อานุภาพไม่อาจต้านทาน
ทว่าเมื่อมองดูอย่างถี่ถ้วน ยามที่ปราณกระบี่หนาแน่นมากมายเข้าเข่นฆ่า กลับเปี่ยมด้วยจังหวะจะโคนที่ลี้ลับและวิเศษอัศจรรย์
ทุกช่วงจังหวะดุจกองทัพม้านับพันตัวที่พุ่งทะยานเข้าสนามรบ!
ตูม!
กระบี่ไท่เสวียนสามพันสายจังหวะแรก ศิลาสีเลือดหนึ่งร้อยแปดก้อนที่อยู่ใกล้ที่สุดถูกตัดแหลกลาญหมดเกลี้ยง เฉียบขาดชัดเจนราวมีดหั่นเต้าหู้
เล่อเซวี่ยซิวกระอักเลือด เงาร่างซวนเซถอยกรูด
กระบี่ไท่เสวียนสามพันสายจังหวะที่สอง กระบี่สีชาดที่ประทับลายมรรคแน่นขนัดสายหนึ่งเหมือนเหยื่อที่ถูกฝูงฉลามกัดทึ้ง กลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา ระเบิดเกลี้ยงหายลับ
เสอไท่สิงในชุดสีเขียวโอ่อ่าผ่าเผยหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ริมฝีปากส่งเสียงอัดอั้นออกมา ถอยกรูดโดยพลัน สีหน้าซีดขาว
และยามปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายเคลื่อนไหวในจังหวะที่สาม
ก็ได้ยินเสียกึกก้องสะเทือนฟ้าดินสายหนึ่ง ห้วงอากาศตรงนั้นแหวกเปิด ระลอกคลื่นอริยมรรคดุจทำลายล้างหอบม้วนออกไป
พื้นที่สิบทิศล้วนสั่นสะเทือน!
จากนั้นมกุฎอริยะสามคนอย่างเฟิงอวิ๋นเชวีย เฮ่อชิงไหว ชางสิงคุนล้วนส่งเสียงลั่นอย่างเจ็บปวดออกมา ถูกซัดถอยออกจากสนามรบ
ปราณกระบี่เข้าเข่นฆ่าสามครั้ง อันที่จริงล้วนเกิดขึ้นในอึดใจเดียว ความรู้สึกที่มอบให้แก่ผู้คนก็คือ หลังจากหลินสวินเรียกปราณกระบี่สามพันสายออกมา กระบวนท่าเดียวก็แหวกทะลวงศัตรูแปดทิศ!
อานุภาพศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ศัตรูทัดเทียมระดับนั้น ท่วงท่าที่หยิ่งผยองเหนือใต้หล้า สะท้านสะเทือนทุกคนในที่นี้
“นายท่านเขา… ช่างแกร่งเกินไปแล้วกระมัง”
เสี่ยวอิ๋นยังปากอ้าตาค้าง
“นี่สิถึงจะเป็นระดับมกุฎอริยะอย่างแท้จริง และก็เป็นเป้าหมายที่ข้าเพียรบำเพ็ญเสาะแสวงหามาชั่วกาลเวลาพอดีด้วย”
เห็นได้ชัดว่าผีเสื้อมารแยกฟ้าก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน เริ่มขยับสยายปีก งึมงำเหม่อลอย
“ดูท่า พวกเราแค่ชมการต่อสู้ก็พอแล้ว…”
มุมปากของรั่วอู่ขยับโค้ง เนตรดาราเปี่ยมด้วยแววประหลาด นางเดาได้แต่แรกแล้วว่าเมื่อหลินสวินบรรลุมกุฎอริยะจะต้องโดดเด่นเฉิดฉายมากเป็นแน่
ทว่าเมื่อได้เป็นพยานเห็นอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ที่เขาปลดปล่อยออกมาในการต่อสู้ ก็ยังทำให้นางรู้สึกตกใจและสั่นสะท้านหาใดเปรียบอยู่ดี
นี่ ก็คือหนทางมกุฎอริยะที่เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวหรือ
ท่ามกลางฝุ่นควันคละคลุ้ง ปรากฏเงาร่างของหลินสวินอย่าชัดเจน
ร่างของเขามีแสงพิสุทธิ์ประดุจอริยเทพไม่ดับสูญไหลเวียน ไร้มลทิน ผุดผ่องโปร่งแสง แผ่อานุภาพที่สามารถทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีออกมา
เพียงแต่เวลานี้เขากลับยกมือขึ้น รักษาการเคลื่อนไหวแปลกพิกลที่ปิดครอบอย่างหนึ่ง
และเบื้องล่างใต้ฝ่ามือเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นเหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกจับเป็นพวกนั้น!
เห็นได้ชัดว่าในการปะทะสนั่นโลกก่อนหน้านี้ ขณะที่หลินสวินโจมตีแหวกทะลวงการเข่นฆ่าของเหล่าศัตรู ยังแบ่งพลังมาปกป้องผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเหล่านี้เอาไว้ ทำให้พวกเขารอดพ้นอันตราย
นี่ทำให้รั่วอู่สะเทือนอารมณ์ทันใด
จนป่านนี้แล้วเขายังมีใจอยากปกป้องคุ้มครอง ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณ… ช่างโชคดียิ่ง!?
สวบ!
หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเหล่านี้ก็ถูกเขาเคลื่อนย้ายมาอยู่ตรงหน้ารั่วอู่ ส่วนเขาก็ทอดสายตามองไปทางพวกเล่อเซวี่ยซิว
“ได้ยินว่าในดินแดนโบราณมารโลหิตมกุฎมรรคาไม่เคยขาดสะบั้น ทว่ายามนี้ ดูเหมือนมกุฎมรรคาที่พวกเจ้าเหยียบย่างก็แค่เท่านี้ ไม่ควรค่าให้ชายตามอง!”
เสียงราบเรียบดังก้องทั่วลาน ดุจดั่งสัทครรลองมหามรรคก้องสะท้อนสี่ทิศ
พวกเล่อเซวี่ยซิวแต่ละคนสีหน้าดำทะมึนไม่นิ่ง ไม่น่าดูอย่างที่สุด
ในใจพวกเขายากจะสงบ ม้วนตลบราวระลอกคลื่นโหมคลั่ง มดปลวกที่เดิมคาดเดาว่าไม่มีทางบรรลุมกุฎอริยะได้เด็ดขาด ดันบรรลุมกุฎอริยะได้อย่างวิเศษอัศจรรย์
นี่เดิมก็ทำเอาพวกเขายากจะทำใจเชื่ออยู่แล้ว
และยามนี้ มดปลวกที่เพิ่งเหยียบย่างระดับมกุฎอริยะคนนี้ พลังที่สำแดงออกมายิ่งกร้าวแกร่งอย่างคาดไม่ถึง ยิ่งทำให้พวกเขายากจะยอมรับ!
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
พวกเขาตีหัวจนแตกก็คิดไม่ออก!
“ปล่อยให้เจ้าโชคดีได้บรรลุอริยะ เป็นเรื่องชวนประหลาดใจจริงๆ แต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าพวกข้าไม่มีปัญญาทำอะไรเจ้า”
เล่อเซวี่ยซิวสีหน้ามืดทะมึน พูดชัดถ้อยชัดคำ ไอสังหารผุดเผย
“เช่นนั้นก็มาสู้!”
การตอบสนองของหลินสวินง่ายดายยิ่ง กระชับได้ใจความ ทรงพลังก้องกังวาน
อาภรณ์ของเขาโบกสะบัด แม้จะยืนอยู่ตามลำพังแต่กลับมีอานุภาพค้ำฟ้าหยัดดิน หมื่นทหารไม่อาจกล้ำกราย
“เฮอะ!”
พวกเล่อเซวี่ยซิวสีหน้าดำมืด
มดปลวกที่ถูกพวกเขาดูแคลน ปุบปับก็กลายเป็นมังกรหาญเช่นเดียวกับพวกเขา นี่เดิมก็ทำให้ในใจพวกเขายากจะยอมรับอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดที่ยั่วยุเต็มเปี่ยมของหลินสวิน ยิ่งทำให้พวกเขาเจ็บแค้นล้นเหลือ
“ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายเจ้าก็แค่ตัวคนเดียว เพิ่งจะเหยียบย่างระดับมกุฎอริยะ คิดจริงๆ หรือว่าจะไร้ศัตรูในระดับนี้”
เสอไท่สิงในชุดสีเขียวนัยน์ตาวาววับ กล่าวเสียงเย็นว่า “วางโตโอหัง จะเอาชีวิตเจ้าให้ได้!”
การโรมรันก่อนหน้านี้ ถึงแม้ฝ่ายพวกเขาจะมีคนบาดเจ็บ แต่ว่ากันถึงแก่นแล้วก็แค่ถูกโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น
หนำซ้ำอาการบาดเจ็บเหล่านี้ก็ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ
ฉะนั้นแม้พวกเขาจะรู้ว่าหลินสวินกร้าวแกร่ง แต่ก็ไม่หวาดหวั่นกริ่งเกรง
“ไร้ศัตรูในระดับนี้?”
หลินสวินได้ยินเช่นนี้กลับขบคิดอย่างจริงจังคราหนึ่ง จากนั้นริมฝีปากก็เอ่ยสี่คำออกมา
“นับวันรอได้!”
สี่คำ ในความราบเรียบแฝงด้วยท่าทีที่มั่นใจไร้ศัตรู
พวกเล่อเซวี่ยซิวต่างขมวดคิ้ว เหมือนได้ยินคำพูดน่าขันที่ตลกที่สุดในโลก ไม่รู้ควรบอกว่าหลินสวินบ้าระห่ำหรือไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำกันแน่
ทอดสายตาไปยังเหล่ามกุฎอริยะแท้ทั้งหมดในแปดดินแดน ใครกล้าบอกว่าตนไร้ศัตรู ใครกล้าพูดว่าไม่มีทางแพ้บ้าง
ไม่มี!
ต่อให้เป็นบุคคลระดับแปดยอดนภาครามที่จะผงาดกลายเป็นมกุฎอริยะแท้ เกรงว่าล้วนไม่กล้า ‘นับวันรอได้’ ว่าจะสามารถไร้ศัตรูในระดับขอบเขตนี้
เขาหลินสวินกล้าดีอย่างไร วางโตชัดๆ!
“เจ้าหมอนี่เพิ่งบรรลุอริยะ สภาพจิตใจเสียสมดุล อวดเบ่งหลงตัวเองก็เป็นปกติ ไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว ลงมือเต็มกำลังเถอะ ฆ่าเขาซะ ก็เท่ากับทุบทำลายเสาหลักใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณแล้ว!”
เล่อเซวี่ยซิวส่งเสียงเข้มขรึมออกมา
“วันนี้ข้าหลินสวินจะใช้พวกเจ้าเจ็ดคนเป็นแส้ เฆี่ยนหลอมวิชามรรคของข้า!”
ครั้งนี้หลินสวินชิงลงมือก่อน
ตูม!
เขาก้าวย่างในห้วงอากาศ ปล่อยหมัดหนึ่งพุ่งออกไปกลางอากาศตรงๆ พลังหมัดเจิดจ้าก่อให้เกิดระลอกคลื่นดุจดั่งคลื่นพิโรธขึ้นกลางห้วงอากาศ
พลังหมัดเจิดจ้า ส่องสะท้อนภูผาธารา
“ฟัน!”
เล่อเซวี่ยซิวไม่ลังเลสักนิด เรียกดาบศึกสีเขียวเรียวยาวที่รูปร่างคล้ายเหยี่ยวเหินเล่มหนึ่งออกมา ฟันฉับลงไปตรงๆ
หนึ่งดาบ
ปราณดาบที่มีความยาวพันจั้งเต็มพาดขวางเวิ้งฟ้า ปะทะกับหมัดนี้ของหลินสวิน
ปึง! ปึง! ปึง!
ก็เห็นปราณดาบนั้นแตกสะบั้นเป็นท่อนๆ ถูกซัดถล่มด้วยอานุภาพดุจผ่าลำไผ่ก็ไม่ปาน ทุกที่ที่พลังหมัดกวาดผ่าน ทุกสิ่งล้วนถูกบดขยี้กระจุยกระจาย
เล่อเซวี่ยซิวนัยน์ตาหดรัด
ฉัวะ!
กระบี่สีชาดพันสายพุ่งโฉบขึ้นภายใต้การควบคุมของเสอไท่สิง ส่งเสียงคำรามแหวกออกไป ดุกร้าวดุจฝนกระบี่จู่โจม
เกือบจะในเวลาเดียวกัน เฟิงอวิ๋นเชวีย เฮ่อชิงไหว ชางสิงคุนก็บุกโจมตีตามไปด้วยเช่นกัน
แต่ละคนล้วนเก็บการดูเบาในใจ มองหลินสวินเป็นคู่ต่อสู้ระดับเดียวกัน ไม่ได้ประมาทและชะล่าใจใดๆ เหมือนก่อนหน้านี้อีก
เมื่อเห็นเช่นนี้หลินสวินที่ถูกโจมตีหลายทางแค่นเสียงเบาๆ คราหนึ่ง พลันอ้าปากส่งเสียงมังกรคำรามสายหนึ่งออกมา
“โฮก!”
กลางฟ้าดินดุจฝูงมังกรร้องคำราม
คลื่นเสียงที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าราวสมจริง กลายเป็นระลอกคลื่นสีทองเจิดจ้าและลุกโชน พ่นออกมาจากปากหลินสวิน
ชั่วพริบตาก็กวาดขวางทั่วลานประหนึ่งปิดครอบฟ้าดิน ซัดสะเทือนจนฟ้าถล่มดินแตกระแหง พื้นที่แปดทิศหกทางต่างถูกคลื่นเสียงน่าสะพรึงหอบม้วน
ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตที่กระจายตัวในบริเวณไกลโพ้นของสนามรบเหล่านั้นต่างไม่ทันได้หลบเลี่ยง แต่ละคนตัวแตกระเบิด สีหน้าหวาดสะพรึง ร่างกายกระจุยไปคนละทิศละทาง จากนั้นก็กลายเป็นเถ้าถ่าน!
ตูม โครม!
และกลางสนามรบ การบุกโจมตีของพวกเล่อเซวี่ยซิวเหมือนถูกพายุเสียงธรรมโหมซัด ถูกพุ่งโจมตีย่อยยับอย่างรุนแรง
วิชามรรคที่เร้นลับยอดเยี่ยมบางส่วนมอดดับราวกับกระดาษเปื่อย
สมบัติอริยะที่อานุภาพสุดหยั่งบางส่วนก็ถูกซัดจนสั่นคลอนจวนจะพัง ร้องครวญไม่หยุด
ส่วนพวกเล่อเซวี่ยซิวต่างรู้สึกเพียงว่าจิตวิญญาณวูบไหว เลือดลมม้วนตลบ อึดอัดจนแทบกระอักเลือด ไม่อาจไม่โคจรพลังสุดกำลัง กว่าจะฝืนต้านทานการพุ่งโจมตีของ ‘เสียงธรรม’ ระดับนี้ได้
พวกรั่วอู่ เสี่ยวอิ๋นที่อยู่ไกลๆ ต่างพากันสูดหายใจเฮือกระลอกหนึ่ง
แค่หนึ่งหมัด หนึ่งคำราม ถึงกับโจมตีมกุฎอริยะเจ็ดคนได้ หนำซ้ำดูจากอาการเรียบนิ่งสบายใจเฉิบของหลินสวิน ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เปลืองแรงเลยด้วยซ้ำ
“เจ้านี่น่าสะพรึงขนาดนี้ได้อย่างไร เป็นระดับมกุฎอริยะเหมือนกัน แต่เหตุใดพลังของเขาถึงได้มีอานุภาพไม่อาจต้านทานได้”
เฮ่อชิงไหวหน้าเปลี่ยนสี
สายตาของพวกเล่อเซวี่ยซิวก็ไหววูบไม่นิ่ง ในใจหวาดหวั่นไม่สิ้นเช่นกัน สีหน้าแต่ละคนล้วนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา
แม้ว่าพวกเขาจะต่อกรอย่างตั้งใจ ประเมินหลินสวินสูงขึ้นอีก แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายามที่ต่อสู้โรมรันกันจริงๆ พลังต่อสู้ของหลินสวินจะแกร่งยิ่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มากโข!
เพียงแต่ยังไม่รอให้พวกเขาคิดออก หลินสวินก็ส่งเสียงทอดยาวออกมา
“มาอีก!”
ชั่วขณะนั้นหลินสวินดุจเทพมาเยือนโลก มาด้วยอานุภาพเจือแววเหยียดหยัน
เขาในยามนี้สำแดงพลังหลังจากบรรลุอริยะออกมาไม่ยั้ง ในสนามรบนี้มองมกุฎอริยะเจ็ดคนเป็นแส้ สำแดงมรรคและวิชาแห่งตนออกมา
วิชามรรคต่างๆ แต่ละวิชาใช้ออกมาได้อย่างคล่องมือ ตั้งแต่เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา ปราณกระบี่ไท่เสวียน คัมภีร์มหาครรภ์จุติ…
กลางสนามรบก็เห็นว่าวิชามรรคดุจสายฝน ประกายแสงดุจโบยบิน คลื่นปราณพุ่งทะยานเก้าชั้นฟ้า ทั่วฟ้าดินทั้งบนล่างเปี่ยมด้วยลักษณ์ประหลาดดุจทำลายล้างมากมาย
การแลกแปลี่ยนเรียนรู้กับรั่วอู่ก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หาใช่การเข่นฆ่านองเลือดอย่างแท้จริง
และเวลานี้หลินสวินเพิ่งจะใช้วิชาฆ่าฟัน ใช้เหล่าอริยะเป็นหินลับมีด ลับคมให้ตนเอง กลั่นหลอมเคี่ยวกรำในสนามรบ
ทอดมองจากไกลๆ คล้ายกับเซียนแสดงยุทธ์!
การต่อสู้ของระดับมกุฎอริยะน่าสะพรึงถึงขีดสุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เวลานี้อย่าว่าแต่ผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์ แม้แต่อริยะแท้ทั่วไปอยู่ตรงนี้ ก็มีอันตรายถึงขั้นขวัญหลุดวิญญาณกระเจิง จิตสังขารล้วนดับสูญเอาง่ายๆ!
ตูมโครม!
บนห้วงอากาศหลินสวินตัวคนเดียวสำแดงวิชา แปรมรรค หลอมยุทธ์ องอาจคับฟ้า ชั่วขณะเดียวถึงกับกำราบจนมกุฎอริยะเจ็ดคนนั้นไม่มีราศีอีกต่อไป
ในความเป็นจริงพวกเล่อเซวี่ยซิวรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลจริงๆ ยิ่งสู้ยิ่งใจฝ่อ
พลังระดับมกุฎอริยะของหลินสวินเสมือนไร้ขอบเขตไร้สิ้นสุดก็ไม่ปาน แปรเปลี่ยนและรุดหน้าด้วยความเร็วที่ชวนตกใจอยู่ตลอดเวลา!
ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิชาชั้นยอดนับพัน วิชามรรคนับหมื่น ภายใต้การโจมตีของหลินสวิน ล้วนแล้วแต่ถูกซัดถล่มง่ายดายดุจผ่าลำไผ่
นี่ทำให้พวกเล่อเซวี่ยซิวยิ่งคร่ำเคร่งขึ้นเรื่อยๆ ในใจก็ยิ่งตะลึงงัน
แม้จะรู้ดียิ่งว่าหลินสวินมองพวกเขาเป็นหินลับมีด กำลังหล่อหลอมมรรคและวิชาแห่งตน ทว่าในการต่อสู้ที่อันตรายสุดหยั่งเช่นนี้ พวกเขาไม่มีปัญญาปฏิเสธสักนิด!
“เจ้าหมอนี่ เหตุใดจึงแกร่งถึงเพียงนี้กันแน่”
ถูว่านคงที่อารมณ์ร้อนมากที่สุดส่งเสียงแผดคำรามออกมา มกุฎอริยะทั้งกลุ่มลงมือ กลับถูกคนผู้เดียวสยบจนโงหัวไม่ขึ้น นี่ทำให้เขาเดือดดาลยากจะสงบ
ไม่ใช่แค่ถูว่านคง กรำศึกจนป่านนี้พวกเล่อเซวี่ยซิวก็ล้วนหนาวสะท้านในใจ รู้สึกถึงภัยคุกคามและความหวาดกลัวอย่างแท้จริง
เจ้าหมอนี่ดุจมารปีศาจ ไม่อาจตัดสินด้วยหลักการทั่วไป!
——