Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1638 กระบวนท่าสังหารที่ซ่อนอยู่พวยพุ่ง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1638 กระบวนท่าสังหารที่ซ่อนอยู่พวยพุ่ง
เจ้าหนูนี่จิตใจมั่นคงนัก!
หลิงเซียวจื่อลอบถอนหายใจ การประชันหมากระดับนี้ ทำให้บุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิอย่างเขายังจิตใจกระเพื่อมไหว ยากจะควบคุมได้ แต่อีกฝ่ายกลับดูไม่ใส่ใจสักนิด
“สหายน้อย เจ้าอย่าได้หมดกำลังใจ สามารถสู้กับเจ้าเฒ่าหลิงเซียวจื่อมาถึงขนาดนี้ได้ก็สุดยอดมากแล้ว”
“ไม่ผิด การประชันหมากครั้งนี้แม้เจ้าจะพ่ายแพ้แต่ก็แพ้อย่างมีเกียรติ”
“มาๆๆ ทุกคนเขียนประสบการณ์บรรลุระดับมหาอริยะของตนด้วยกันแล้วส่งให้สหายน้อย”
สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นต่างพูดขึ้นอย่างแฝงความปรารถนาดี เป็นห่วงว่าหลินสวินจะหมดกำลังใจเพราะการพ่ายแพ้ครั้งนี้
“เฮ้อ สหายน้อย ปล่อยวางหน่อย ข้าเชื่อมั่นว่าสักวันเจ้าจะสามารถจัดการเจ้าเฒ่าหลิงเซียวจื่อให้ราบคาบได้”
ซุ่นจี้เองก็พูดปลอบใจหลินสวิน
คนหนุ่มล้วนฮึกเหิม โดยเฉพาะคนที่มีความสามารถระดับปฐมาจารย์สลักลายมรรคในวิถีสลักวิญญาณอย่างหลินสวิน แน่นอนว่าย่อมมีความหยิ่งผยองเช่นกัน
แต่บุคคลเช่นนี้มักรับความพ่ายแพ้และอุปสรรคที่มากเกินไปไม่ไหว
แน่นอนว่าซุ่นจี้เองก็เป็นห่วงว่าหลินสวินจะสูญเสียความฮึกเหิมเพราะความพ่ายแพ้ครั้งนี้
ฮูหยินชุดม่วงโฉมงามพูดอย่างอ่อนโยน คำพูดเต็มไปด้วยไอสังหาร “สหายน้อย ให้ข้าช่วยเอาคืนให้เจ้า จัดการหลิงเซียวจื่อสักยกหรือไม่”
หลิงเซียวจื่อแข็งทื่อไปทั้งตัว อดยิ้มขื่นไม่ได้
เจ้าเฒ่าเหล่านี้กำลังโทษว่าตนรังแกเด็กหรือ
“เอ่อ”
และตอนนี้เองหลินสวินยิ้มขื่นเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน เท่าที่ข้าดู ผลของกระดานที่เก้านี้… ยังไม่ได้ตัดสินแพ้ชนะ”
ทุกคนอึ้ง นึกไปตามจิตใต้สำนึกว่าเจ้าหนูนี่จิตใจถูกกระทบกระเทือนเกินไปจนรับไม่ไหวกระมัง
การประชันหมากครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าสิ้นสุดลงแล้ว พวกเขาเองก็เห็นอย่างชัดเจน…
หลิงเซียวจื่อเองก็อึ้งไป สายตาเคลื่อนไปมองแผนภาพเก้าวังอีกครั้ง สุดท้ายก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ
กระบวนค่ายกลกระดานที่เก้านี้ ถูกตนสลายหมดจดแล้ว!
“เจ้าหนู พ่ายแพ้ครั้งเดียวเท่านั้น อย่าได้ยึดติดเกินไป”
ซุ่นจี้อดพูดไม่ได้ ในใจกังวล
คนอื่นๆ เองก็พูดขึ้นเช่นกัน
“สหายน้อย หากเจ้าไม่พอใจที่แพ้ ข้าสามารถอธิบายวิธีที่ใช้ทำลายค่ายกลก่อนหน้านี้ให้เจ้าได้ ไม่ได้เยี่ยมยอดอะไร แต่อาจสามารถให้ข้อคิดเจ้าได้”
หลิงเซียวจื่อพูดอย่างอ่อนโยน
ผ่านการประชันหมากครั้งนี้ เขามีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจหลินสวิน เหมือนเจอสหายรู้ใจ ถือว่าอีกฝ่ายเป็นสหายต่างวัยที่ฐานะเท่ากับตนไปแล้ว
เขาย่อมไม่ยอมให้การประชันหมากครั้งนี้สร้างผลกระทบที่ไม่ดีต่อหลินสวิน
หลินสวินยิ้มขื่นอีกครั้ง เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน เชิญดู”
ว่าแล้วเขาก็ดีดนิ้วเบาๆ
ใบหน้าของเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเต็มไปด้วยความสงสัย เคลื่อนสายไปมองแผนภาพเก้าวังอีกครั้ง ทันใดนั้นแต่ละคนเหมือนถูกฟ้าผ่า พลันเบิกตาโพลง
ก็เห็นว่าตั้งแต่ ‘วังพายัพ’ เป็นต้นมา แสงวิญญาณลายมรรคสายหนึ่งพริบไหว สัญลักษณ์แน่นขนัดลอยขึ้น ราวกับดอกไม้ที่ผลิบานมากมาย งดงามอย่างที่สุด
จากนั้นในตำแหน่งทั้งสี่อย่าง ‘วังอีสาน’ ‘วังอาคเนย์’ ‘วังหรดี’ ‘วังกลาง’ ก็ค่อยๆ มีแสงวิญญาณลายมรรคพวยพุ่งขึ้นมา ก่อเป็นกระบวนค่ายกลใน ‘โลกว่างเปล่า’ แต่ละช่อง
ทันใดนั้นรอยยิ้มของหลิงเซียวจื่อชะงักไป ความดีใจและตื่นเต้นบินหาย สายตาจ้องมองภาพที่เหลือเชื่อนี้
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ เองก็งุนงง นี่มันอะไรกัน
“เชี่ย…”
ซุ่นจี้ตื่นเต้นจนแทบกระโดดตัวลอย สบถคำหยาบออกมาโดยตรง กระบวนค่ายกลลายมรรคนี่ยังถึงกับ ‘ฟื้นคืนหวนชีวา’ ได้ด้วยหรือ
ทุกคนต่างมองออก ว่าตำแหน่งทั้งห้านี้ก็คือตำแหน่งที่หลินสวินวางกระบวนค่ายกลไว้ และก่อนหน้านี้ถูกหลิงเซียวจื่อทำลายไปแล้ว
แต่ตอนนี้กลับปรากฏขึ้นใหม่อีกครั้ง นี่เหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
หลิงเซียวจื่อขมวดคิ้ว แล้วพลันหลุดปากออกมา “ไม่ถูกต้อง นี่ไม่ใช่กระบวนผนึกลายมรรคก่อนหน้านี้ แต่เป็นกระบวนค่ายกลใหม่ที่นิพพานและถือกำเนิดขึ้นใหม่ท่ามกลางการทำลายล้าง”
หลินสวินลอบทอดถอนใจ ช่างสมกับที่เป็นปฐมาจารย์สลักลายมรรคอันดับหนึ่งแห่งกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ แวบเดียวก็ดูความลึกลับภายในออกแล้ว
ที่ภาพนี้ปรากกฏ ก็อยู่ในประโยคที่ว่า ‘นิพพานและถือกำเนิดขึ้นใหม่ท่ามกลางการทำลายล้าง’
ตั้งแต่ตอนที่เริ่มวางกระบวนค่ายกล หลินสวินก็ตระหนักได้แล้วว่า ในการประชันหมากเก้าวังนี้ หากอยากชนะบุคคลระดับปฐมาจารย์อย่างหลิงเซียวจื่ออย่างเด็ดขาด ย่อมเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงทุ่มเทความพยายาม ใช้แผนซ่อนแผน เตรียมทางหนีทีไล่ไว้ตั้งแต่วางกระบวนค่ายกลแรกแล้ว
อย่างเช่น ‘กระบวนผนึกอนุเวหา’ ที่ถูกเขาวางขึ้นเป็นอันแรก ตอนที่วางออกมายังถูกเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าดูถูก คิดว่ากระบวนค่ายกลนี้ธรรมดาเกินไป
แน่นอนว่ากระบวนค่ายกลนี้ธรรมดามากจริงๆ แต่หลินสวินจะไม่รู้จุดนี้ได้อย่างไร
ที่วางกระบวนค่ายกลนี้ เป้าหมายของเขาไม่ได้อยู่ที่การชนะ แต่เป็นการเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ หลังจากกระบวนผนึกอนุเวหาถูกทำลาย จะเปลี่ยนเป็นพลังต้นกำเนิดที่ต้องใช้ในตอนนิพพาน!
เช่นเดียวกัน กระบวนผนึกลายมรรคที่วางในตำแหน่งอื่นๆ ก็ล้วนเป็นเช่นนี้
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงจะสามารถพลิกสถานการณ์ ถือกำเนิดขึ้นใหม่ยามตัดสินแพ้ชนะในตอนท้าย เพื่อบรรลุเป้าหมาย ‘ชนะอย่างเหลือเชื่อ’
แน่นอนว่านี่ยังไม่จบ
ไม่รอให้เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าได้สติจากความตะลึง ก็เห็นในอีกสี่ตำแหน่งอย่าง ‘วังอุดร’ ‘วังบูรพา’ ‘วังทักษิณ’ และ ‘วังประจิม’ ก็ปรากฏลำแสงลายมรรคอันงดงามและแน่นขนัดเช่นกัน
พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าเบ้าตาแทบหลุดออกมา ตะลึงจนเลื่อนลอย
ควรรู้ว่าในสี่ตำแหน่งนี้เป็นกระบวนค่ายกลที่หลิงเซียวจื่อวาง จากนั้นถูกหลินสวินทำลายในการประชันหมาก แต่ตอนนี้กลับปรากฏกระบวนค่ายกลลายมรรคมากมายขึ้นเช่นกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น
หรือหลินสวินมีทางหนีทีไล่ หลิงเซียวจื่อเองก็มีเช่นกัน?
สายตาของพวกเขามองไปทางหลิงเซียวจื่อ
หลิงเซียวจื่อส่ายหน้าอย่างขมขื่น “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าเตรียม หากข้าดูไม่ผิด นี่เป็นแผนการที่ซ่อนไว้ยามสหายน้อยหลินสวินทำลายกระบวนค่าย…”
ขณะที่พูดสีหน้าของเขาก็เลื่อนลอยขึ้นมาระลอกหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าได้รับความกระทบกระเทือนไม่เบา
ตอนนี้ทั้งแผนภาพเก้าวัง ในตำแหน่งทั้งเก้าวังล้วนปรากฏกระบวนค่ายกลลายมรรค กระบวนค่ายกลลายมรรคเก้ากระบวนนี้รวมตัวกัน ตอบสนองกัน ถึงกับหลอมเป็นกระบวนค่ายกลใหญ่ที่สมบูรณ์แบบ!
ตอนที่เห็นภาพนี้ทุกคนในลานต่างอึ้งจนพูดไม่ออก ความเชี่ยวชาญในวิถีสลักวิญญาณระดับนี้ เรียกได้ว่าเป็นเลิศล้ำ ลึกลับแล้วลึกลับอีก มหัศจรรย์แล้วมหัศจรรย์อีก!
“ที่แท้ไพ่ตายที่แท้จริงถึงกับถูกซ่อนไว้นอกการประชันหมาก… ข้านับว่าเลื่อมใสอย่างสิ้นเชิงแล้ว”
กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งถอนหายใจ
ใครจะคิดว่าหลังจากประชันหมากเก้ากระดาน กลับมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้
ใครจะคิดว่าคนรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ดันมีฝีมือด้านสลักวิญญาณที่เหลือเชื่อเช่นนี้
และก่อนหน้านี้ พวกเขาต่างคิดว่าหลินสวินไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ได้…
“วันนี้นับว่าทำให้ข้าได้เปิดโลก!”
กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งจุ๊ปากชม
ซุ่นจี้สีหน้าดีใจเต็มประดา หัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา
การประชันหมากในครั้งนี้ขึ้นๆ ลงๆ เปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน ทุกครั้งที่เกิดการพลิกสถานการณ์ล้วนเหนือความคาดหมาย น่าตื่นเต้นอย่างที่สุด!
‘จบกัน ตอนนี้ข้าเป็นห่วงเพียงว่า หลานสาวข้าจะเข้าตาเจ้าหนูนี่หรือไม่…’ ฮูหยินชุดม่วงโฉมงามเอามือกุมขมับ ถอนหายใจไม่หยุด
คนใหญ่คนโตคนอื่นๆ เองก็มีสีหน้าชื่นชม
ใครก็ดูออกว่ากระดานสุดท้ายนี้ ความจริงแล้วเป็นหลิงเซียวจื่อที่พ่ายแพ้
เขาดูเหมือนสามารถทำลายกระบวนค่ายกลได้สำเร็จ แต่ความเป็นจริงไม่ได้สังเกตเลยว่าวิธีวางกระบวนค่ายกลที่แท้จริงของหลินสวิน อันที่จริงคือกระบวนค่ายกลใหญ่ที่ปรากฏขึ้น ณ ตอนนี้!
ไม่ได้สังเกตเห็น และไม่ได้ทำลาย เท่ากับก้าวพลาดไปก้าวหนึ่ง ไขว่คว้าชัยชนะไว้ไม่ได้
สีหน้าหลิงเซียวจื่อซับซ้อนไปมาไม่สามารถสงบได้ จ้องแผนภาพเก้าวังเงียบๆ ไม่พูดจา
ทันใดนั้นเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าต่างเริ่มอดเป็นห่วงหลิงเซียวจื่อไม่ได้แล้ว เจ้าเฒ่านี่ชื่อเสียงเลื่องลือมานาน เป็นที่รู้จักกันดี ตอนนี้กลับถูกคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งเอาชนะ คงไม่ใช่รับความกระทบกระเทือนเช่นนี้ไม่ไหวกระมัง
“หลิงเซียวจื่อ ปล่อยวางหน่อย ดั่งประโยคที่ว่าคลื่นลูกใหม่แซงคลื่นลูกเก่า บนโลกนี้คนรุ่นใหม่เหนือกว่าคนรุ่นเก่า พ่ายแพ้ในชั่วขณะเท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก”
มีคนเริ่มปลอบใจแล้ว
ซุ่นจี้ยิ่งคลี่ยิ้ม ตะโกนว่า “เจ้าเฒ่า เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าหลายปีมานี้เจ้าชนะข้ามากี่ครั้งแล้ว ข้าเคยล้มเพราะความพ่ายแพ้เสียที่ไหน”
หลิงเซียวจื่อได้ยินเช่นนี้ราวกับได้สติขึ้นมา เอ่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ในวิถีสลักวิญญาณ เจ้ามันก็แค่ลมตด”
เขากล่าวพลางลุกขึ้นยืน โค้งคำนับว่า “พรสวรรค์ของสหายน้อยเหนือกว่าข้า ข้าแพ้แล้ว ยอมแพ้จากใจ!”
“ผู้อาวุโสอย่ากล่าวเช่นนี้เลย การประชันหมากครั้งนี้ พูดได้เพียงว่าข้าใช้กลอุบายนิดหน่อย เริ่มวางกระบวนค่ายกลตั้งแต่ต้น ชนะอย่างไม่โปร่งใส”
หลินสวินรีบลุกเบี่ยงตัวหลบ เขารับเกียรติขนาดนี้ไม่ไหวหรอกนะ
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าลอบชื่นชม ชนะไม่ทะนงตัว พ่ายแพ้ไม่หมดกำลังใจ เจ้าหนูนี่ไม่ธรรมดา
กลับเห็นหลิงเซียวจื่อส่ายหน้ายิ้มพูด “เจ้าหนูอย่างเจ้านี่อย่าได้ถ่อมตัวไป ประชันหมากเก้าวัง สิ่งที่ประชันก็คือวิธีการวางกระบวนค่ายกล เจ้าสามารถหลอมรวมทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว วางไม้ตายนอกการประชันหมาก ซ่อนอุบายมหัศจรรย์ไว้เงียบๆ ได้ นี่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมวิเศษ จะให้ข้าไม่ยอมรับได้อย่างไร”
“พอเถอะ พวกเจ้าอย่าถ่อมตัวกันไปมา ยอมเดิมพันรับก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ มาๆๆ ส่งของเดิมพันมาให้ข้าก่อน!”
ซุ่นจี้คึกคักมีชีวิตชีวา ตะโกนเสียงดัง
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าแทบจะกลอกตาใส่ เจ้าไม่ใช่คนชนะการประชันหมากครั้งนี้เสียหน่อย มาทำได้ใจอะไร!
ทว่าด้วยฐานะของพวกเขา แม้ซุ่นจี้ไม่เตือนก็ไม่มีทางเบี้ยวหนี้
ไม่นานพวกเขาก็ยื่นม้วนหยกมากมายให้หลินสวิน ในม้วนหยกทุกม้วนล้วนมีประสบการณ์เกี่ยวกับการบรรลุระดับมหาอริยะ
สำหรับคนอื่นอาจไม่มีคุณค่าอะไร
ทว่าสำหรับหลินสวินที่กำลังฝึกปราณและทะลวงระดับมหาอริยะ กลับเรียกได้ว่าเป็นสมบัติที่ไม่อาจประเมินค่า!
ประสบการณ์และใจความเหล่านี้ เพียงพอจะทำให้เขาหลีกเลี่ยงหนทางคดเคี้ยวมากมาย เปรียบเทียบซึ่งกันและกัน และสามารถเข้าใจได้ชัดเจนมากขึ้นว่ามรรคาของตนควรเดินอย่างไร
หลินสวินกล่าวขอบคุณทีละคน ในใจปลื้มปิติอย่างที่สุด
การมาเยือนกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิเป็นความคิดที่ถูกต้องจริงๆ ที่แห่งนี้มีเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่า แต่ละคนพลังปราณตะลึงโลก เป็นผู้สูงส่งระดับอาวุโส
ได้รับข้อคิดการฝึกปราณจากพวกเขา นี่ไม่ต่างอะไรกับการได้รับศุภโชคครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
หลิงเซียวจื่อเองก็เด็ดขาดมาก มอบน้ำยาแกนเทพเก้าทมิฬขวดหนึ่งให้หลินสวิน พร้อมกำชับเป็นพิเศษว่า “สหายน้อย หลังจากเจ้าก้าวสู่ระดับมหาอริยะ สามารถใช้สมบัตินี้หลอมฐานมรรค เคี่ยวกรำสภาวะจิต จำไว้ อย่ามอบให้เหล่าซุ่นทั้งหมด”
ซุ่นจี้พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าไม่ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นหรอก”
ทุกคนอดหัวเราะไม่ได้
หลินสวินเองก็ยิ้มเช่นกัน ความองอาจและบุคลิกของผู้อาวุโสเหล่านี้ทำให้เขานับถืออย่างมาก
อย่างน้อยตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาก็ไม่ได้กีดกันและดูถูกเพราะตนเป็นคนรุ่นเยาว์
“สหายน้อย ดื่มกับคนแก่อย่างข้าสักจอกได้หรือไม่”
ฮูหยินชุดม่วงโฉมงามยิ้มพูด ออกปากเชื้อเชิญหลินสวิน ในใจนางสนใจสนใจคนรุ่นเยาว์อย่างหลินสวินมาก