Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1813 ศึกแห่งมกุฎราชันอริยะ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1813 ศึกแห่งมกุฎราชันอริยะ
ฝ่ามือเดียวตบราชันอริยะผู้หนึ่งตาย!
เหล่าราชันอริยะในที่นั้นต่างตกตะลึง หน้าเปลี่ยนสีในทันใด
ชายชราชุดเหลืองอ้วนเตี้ยคนนั้นเป็นราชันอริยะระดับสมบูรณ์ในโลกใหญ่คีรีขาวผู้หนึ่ง สถานะและพลังต่อสู้ล้วนเรียกได้ว่าเป็นชั้นยอดในระดับเดียวกัน
แต่ชั่วดีดนิ้วก็ถูกสังหาร!
และตั้งแต่เริ่มจนจบ หลินสวินสุขุมเยือกเย็น ผ่อนคลายสบายใจ แม้แต่ลงมือยังไม่เจือกลิ่นอายใดๆ
“เป็นไปได้อย่างไร”
มีคนร้องเสียงหลง
“สมัยระดับมหาอริยะ ข้าก็ข้ามหนึ่งระดับมาฆ่าราชันอริยะได้ ตอนนี้ข้าคนแซ่หลินอยู่ระดับเดียวกับพวกเจ้า จะฆ่าพวกเจ้าก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ มีอะไรเป็นไปไม่ได้กัน”
หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ
เขายืนกลางอากาศ กลิ่นอายราบเรียบ แผ่วจางเลื่อนลอย
“จองหอง!”
ชายชุดดำร่างผอมบางคนหนึ่งหัวเราะหยัน แกว่งทวนศึกในมือโจมตีเข้ามา
ตูม!
เงาทวนไหววูบ แปรสภาพเป็นเขตแดนมรรคแถบหนึ่งเข้าปกคลุมเวิ้งฟ้าแถบนี้โดยพลัน ก็เห็นว่าในเขตแดนมีฟ้าแลบฟ้าร้อง หมอกดำถาโถม เงาเทพมารหมื่นพันตนปรากฏขึ้น กู่ก้องพลางกระโจนออกมา
เขตแดนมรรค… สามพันเทพมาร!
หลินสวินดวงตาเฉยชาไม่สุขไม่ทุกข์ รวบนิ้วกรีดวาดครั้งหนึ่ง ปราณกระบี่สายหนึ่งก็พุ่งออกมา ตัดไขว้สามพันจั้ง ดุดันอหังการ
แควก!
ก็เห็นว่าเขตแดนมรรคที่สานขึ้นจากกฎเกณฑ์น่าหวาดหวั่นถูกปราณกระบี่กรีดทึ้งเหมือนผ้าผืนหนึ่ง ปราณกระบี่กวาดราบ เงาเทพมารมากมายถูกฟันในทุกที่ที่เคลื่อนผ่าน
ห้วงอากาศถูกระเบิดภายใต้กระบี่เดียว ฟ้าดินปั่นป่วน มีเพียงปราณกระบี่ไพศาลดั่งสุริยัน!
พรวด!
ชายชุดดำผอมบางกระอักเลือด ถอยโซซัดโซเซ ถูกปราณกระบี่กวาดโดนบาดเจ็บสาหัส ทรวงอกยังถูกแหวกออกเป็นรอยเลือดลึกจนเห็นกระดูกรอยหนึ่ง แทบจะถูกคว้านไส้คว้านพุง
เฮือก!
พอพวกผู้อาวุโสชุดเขียวหลี่โผเห็นภาพนี้ต่างก็หน้าเปลี่ยนสี แม้แต่มกุฎราชันอริยะอย่างพวกเฟิงหรูเสวี่ยยังนิ่วหน้า เผยสีหน้าเคร่งเครียด
พลังต่อสู้ของชายชุดดำไม่ด้อยไปกว่าระดับอริยะที่อยู่ตรงนั้นสักนิด แต่กลับถูกกระบี่เดียวของหลินสวินระเบิดเขตแดนมรรค สร้างรอยแผลกระบี่ ไม่มีพลังตั้งรับสักนิด
‘เหตุใดเขาถึงแข็งแกร่งปานนี้’
คนใหญ่คนโตบางคนฉงนอยู่ในใจ ลังเลเสียแล้ว
ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้ตอนพวกเขามายังมองหลินสวินเป็นคนรุ่นหลังคนหนึ่ง เช่นนั้นหลินสวินในตอนนี้ก็เท่ากับเป็นผู้มีระดับเดียวกับพวกเขาแล้ว อีกทั้งในด้านพลังต่อสู้ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบโดยสิ้นเชิง
“เขาบรรลุระดับมกุฎราชันอริยะแล้ว”
เฟิงหรูเสวี่ยเอ่ยปาก เสียงเย็นเยียบเหมือนลมเหมันต์ลอยแว่วในที่นั้น
ชุดขาวของเขาปลิวไหว กระบี่โบราณหม่นหมองเล่มหนึ่งลอยอยู่ตรงหน้า ทั้งร่างมีเจตกระบี่พุ่งทะยานฟ้า ปั่นป่วนลมเมฆแปดทิศ
ประโยคเดียวสะท้านทั่วทิศ
ระดับราชันอริยะ หากมีคำว่า ‘มกุฎ’ อยู่ข้างหน้า เช่นนั้นความหมายก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิงแล้ว!
ใครก็คิดไม่ถึงว่าคนรุ่นหลังที่อายุน้อยอย่างหลินสวิน ดันมีความสำเร็จผิดธรรมดาเช่นนี้บนเส้นทางแห่งมหามรรค
ตูม!
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังอึ้งงันอยู่ หลินสวินก็ลงมืออีกครั้งหนึ่งแล้ว
เขาปล่อยหมัดออกมาเบาๆ พลังหมัดเรียบง่าย แต่พลานุภาพกลับเหมือนยกเอาเขาเทพดึกดำบรรพ์กระแทกลงมา ต่อหน้าหมัดนี้ ห้วงอากาศไร้สิ้นสุดต่างพังทลายครั่นครืน ถูกบดขยี้เป็นลำแสงแหลกกระจุยตรงแน่วสายหนึ่งเหนือห้วงอากาศ
หมัดนี้พุ่งตรงไปหาชายชราชุดเทาคนหนึ่ง
ชั่วพริบตานี้หมัดดั่งเขาเทพ กึกก้องดุจสายฟ้า อานุภาพราวกับไร้เทียมทาน!
“หึ!”
ชายชราชุดเทาผู้นั้นหัวเราะหยัน ร่างกายแปลงเป็นลิงสูงพันจั้งตัวหนึ่ง ผิวหนังทั้งร่างมีแสงเทพสีเขียวคล้ำ เลือดลมผันผวนเป็นควันไฟ แผ่กระจายสิบทิศ ควบรวมเป็นเขตแดนมรรคแถบหนึ่ง
ราชันอริยะหลอมกาย!
หนำซ้ำเขตแดนมรรคที่ควบรวมออกมาเป็นดั่งอเวจีสีเลือด หลอมขึ้นจากกฎเกณฑ์และพลังเลือดลมมหาศาล สะท้อนปรากฏการณ์ประหลาดโหดร้ายอย่างกระดูกดุจภูเขา กระแสเลือดเป็นทะเล
ท่ามกลางความเลือนรางถึงขั้นยังมีเสียงร้องไห้คร่ำครวญของเทพผีแว่วออกมา
เขตแดนมรรคระดับนี้ เห็นได้ชัดว่าบรรลุถึงขั้นสูงสุดแล้ว ประหนึ่งโลกใบหนึ่งอย่างแท้จริง
ด้านลิงยักษ์สีเขียวเข้มที่แปลงกายมาจากชายชราชุดเทานั้นก็เหมือนนายแห่งโลกหล้า ปกครองเขากระดูก ควบคุมทะเลสีเลือด!
ตูม!
พลังหมัดของหลินสวินถูกพลังเขตแดนอย่างกระดูกขาว แม่น้ำโลหิตและเทพมารบีบอัดบดขยี้ เกิดเป็นเสียงดังสนั่นจนหูแทบดับ ละอองแสงพร่างพรม
“มกุฎราชันอริยะอะไร เพิ่งบรรลุระดับนี้ มรรควิถียังไม่มั่นคง มีอะไรให้กลัว!”
ลิงยักษ์สีเขียวคล้ำหัวเราะหยัน เท้าเหยียบกระดูกขาวทะเลเลือด เลือดลมทั้งร่างถั่งโถม พลานุภาพน่าหวาดหวั่น
“งั้นหรือ”
ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึก แล้วต่อยหมัดออกไปอีกครั้ง
หมัดที่เรียบง่ายเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้กลับเจือมหาอานุภาพสะท้านฟ้า เหนี่ยวนำนัยเร้นลับมหามรรคทั้งปวงออกมาดังครั่นครืน
หมัดเดียวเท่านั้น ความรู้สึกที่มอบให้ผู้อื่นกลับเหมือนกับมหามรรคทั่วหล้าเคียงข้าง สำแดงวิชานับหมื่น!
“กลิ่นอายแข็งกร้าวนัก!”
ลิงยักษ์สีเขียวคล้ำหรี่ตา ท่ามกลางเสียงคำรามลั่น เขาแกว่งกระบองยักษ์กระดูกขาวเล่มหนึ่งโจมตีมาอย่างรุนแรง พอเขาเคลื่อนไหว โลกสีเลือดดุจนรกนั้นก็เคลื่อนไหวตามไปด้วย มีหมอกดำไหลซัดปรากฏขึ้นมา
ตูม!
ทั้งสองปะทะกัน ฟ้าดินสั่นไหว สุริยันจันทราอับแสง
ท่ามกลางฝุ่นควันอบอวล ก็เห็นว่าลิงยักษ์สีเขียวคล้ำสูงพันจั้งยืนอึ้งอยู่กลางอากาศ สีหน้ายากจะเชื่อ
เขาเสียงแหบแห้งเจือความงุนงง “ทำ… ทำไมถึงแข็งแกร่งปานนี้…”
ยังไม่ทันพูดจบ ร่างพันจั้งนั้นของเขาก็ระเบิดกระจุยไปตรงๆ
หมัดนี้ของหลินสวินไม่เพียงทำลายเขตแดนมรรคของเขา ยังถล่มร่างเขาให้แหลกด้วย พลังหมัดนั้นราวกับอสนีบาตแผลงฤทธิ์ บดขยี้จิตวิญญาณ อวัยวะภายใน เอ็นกระดูก เลือดเนื้อ ผิวหนังจนหมดสิ้น กลายเป็นฝนเลือดเต็มฟ้า
ท้ายที่สุดแม้แต่ฝนเลือดสาดกระเซ็นนั้นยังถูกพลังหมัดถล่มจนพลังชีวิตมลายสิ้น ระเหยไปในอากาศโดยสมบูรณ์
ราชันอริยะหลอมกาย เลือดหยดเดียวก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ แต่เห็นได้ชัดว่าชายชราชุดเทาที่แปลงร่างเป็นลิงยักษ์ผู้นี้ไม่อาจฟื้นคืนชีวิตได้อีกแล้ว
หมัดเดียว สังหารราชันอริยะอีกคนหนึ่ง!
ทั้งที่นั้นสั่นสะท้าน
จวบจนตอนนี้ เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวก็ตบชายชราอ้วนเตี้ยชุดทองให้ตายไปก่อนในฝ่ามือเดียว แล้วถัดมาชายชุดดำก็ถูกกระบี่เดียวทำให้บาดเจ็บสาหัส
และตอนนี้ ราชันอริยะหลอมกายอย่างชายชราชุดดำยังถูกถล่มสังหารในหมัดเดียว!
หนึ่งฝ่ามือ หนึ่งกระบี่ หนึ่งหมัด การประมือแต่ละครั้งต่างมีอานุภาพทำลายล้าง ในชั่วดีดนิ้วก็จบการต่อสู้!
พอมองดูหลินสวินอีกครั้ง เขายืนอยู่กลางอากาศ เสื้อผ้าปลิวไสว ดุจเซียนที่จุติลงมาในตำนาน ไม่แปดเปื้อนโลกีย์ ไม่มีบุบสลายแม้สักนิด
“ยังมีใครรนหาที่ตายอีกไหม”
หลินสวินเสียงราบเรียบ กวาดมองทั้งที่นั้น คนใหญ่คนโตเหล่านั้นสีหน้าล้วนปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ
ส่วนเหล่าคนรุ่นเยาว์อย่างชื่อหลิงจื่อ สุ่ยปี้อวิ๋นต่างนิ่งอึ้งไปนานแล้ว เทียบกับเมื่อหลายวันก่อน หลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งถึงขั้นทำให้พวกเขาไม่อาจคาดคิดได้แล้ว!
“ข้าเอง”
เฟิงหรูเสวี่ยเดินพลิ้วลอยออกไป สีหน้าเรียบเฉย เสื้อผ้าเครื่องประดับขาวปลอด
ทุกคนในที่นั้นต่างฮึกเหิม
เฟิงหรูเสวี่ย มกุฎราชันอริยะที่ชื่อเสียงสมความสามารถผู้หนึ่ง ทั้งยังเป็นราชันมรรคกระบี่ที่พลังต่อสู้ยอดเยี่ยม มีเขาลงมือ สถานการณ์ก็ชัดเจนยิ่งแล้ว!
จะว่าไปแม้พวกเขาทั้งกลุ่มร่วมมือกัน แต่ถึงอย่างไรก็มาจากคนละโลกในเก้าโลกใหญ่ ความคิดล้วนต่างกันไป
อย่างเมื่อกี้ตอนหลินสวินลงมือ แม้เป็นการสังหารคนใหญ่คนโตสองคน แต่สำหรับพวกเขาแล้วก็เพียงหวั่นไหวและตกตะลึงกับพลังต่อสู้ของหลินสวิน ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่ได้คิดจะลงมือ
ชิ้ง!
เสียงกระบี่ดั่งกระแสธาร
กระบี่โบราณหม่นหมองเล่มนั้นส่งเสียงชิ้งๆ ตรงหน้าเฟิงหรูเสวี่ย ประหนึ่งปรารถนาจะดื่มเลือดสดๆ ท่วงท่าของเฟิงหรูเสวี่ยก็เปลี่ยนไปในตอนนี้
ชุดขาวดุจเซียน เจตกระบี่ดุจเทพ!
เขายืนอยู่ตรงนั้น พลานุภาพน่าหวาดหวั่นที่ปลดปล่อยออกมาก็กดข่มจนคนใหญ่คนโตอื่นๆ หายใจติดขัด รู้สึกอึดอัดหาใดเทียบ
ชั้นเมฆบนฟ้าถล่มทลาย ห้วงอากาศโหยหวนราวกับศิโรราบให้เขา!
ดวงตาดำของหลินสวินเปล่งประกาย เอ่ยทอดถอนใจว่า “ในที่สุดก็มีคู่ต่อสู้ที่พอเข้าทีสักคนแล้ว หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าคนแซ่หลินผิดหวัง”
ประโยคเดียวกลับทำให้ทุกคนในที่นั้นโกรธจนหน้าออกสี เจ้าหมอนี่บ้าระห่ำจริงๆ เฟิงหรูเสวี่ยเป็นคนเช่นไร ดันถูกเขามองว่าพอเข้าทีหรือ
พูดแบบนี้ เช่นนั้นพวกเขาเหล่านี้จะเป็นอะไร ไม่ควรค่าแม้แต่จะมองหรือ
“ผิดหวังหรือ ไม่หรอก เจ้าต้องตาย”
เฟิงหรูเสวี่ยสีหน้าราบเรียบ ผมขาวปลิวไสว อานุภาพพลังของเขายิ่งดุดัน ประหนึ่งกระบี่เทพที่ลอยอยู่บนเวิ้งฟ้าเล่มหนึ่ง ประกายแสงสาดส่องไปทั้งภูผาธารา
สวบ!
เขาสะบัดแขนเสื้อ กระบี่โบราณหมองหม่นที่เก็บพลังไว้นานแล้วตรงหน้าก็พุ่งออกไป
ทันใดนั้นฟ้าดินดั่งถูกบดบัง คล้ายรับอานุภาพของกระบี่เล่มนี้ไม่ไหว ระเบิดกระจุยดังลั่น ปราณกระบี่เลิศล้ำเหนี่ยวนำพลังที่หลอมพิสุทธิ์ถึงขีดสุดฟันออกมาดังกึกก้อง
ตูม!
ภูผาธาราปั่นป่วน สิบทิศล้วนสั่นไหว คนใหญ่คนโตที่อยู่ในที่นั้นต่างสูดหายใจหนาวเยือก นี่ก็คือความสง่างามของมกุฎราชันอริยะผู้หนึ่ง แข็งแกร่งจนไม่อาจคาดคิด
“ไม่เลวๆ มีคุณสมบัติพอเป็นหินลับดาบของข้าคนแซ่หลินแล้ว”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะลั่น หลินสวินขึ้นรับการโจมตี เมื่อเขาขยับร่าง สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณระเบิดปะทุประหนึ่งเตาทองแดงกลียุคที่เก็บตัวเงียบมานาน
ระลอกคลื่นน่ากลัวที่ทุกคนไม่อาจคาดคิดได้ปะทุออกมาจากร่างหลินสวิน คล้ายต้องการกดข่มทั่วหล้าหมื่นกาล ทั้งเทือกเขาเก้ากระถางสั่นสะเทือน สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในรัศมีหมื่นลี้ล้วนตัวสั่นงันงก หมอบลงกับพื้น
“นี่…”
“เจ้ามารผจญนี่เป็นมกุฎราชันอริยะแล้วดังคาด!”
ทั้งที่นั้นระส่ำระสาย ทุกคนล้วนตกตะลึง หลินสวินก่อนหน้านี้ราบเรียบเลือนลาง เลื่อนลอยว่างเปล่าประหนึ่งเซียนที่จุติลงมา แต่พอตอนนี้เขาโคจรพลังที่แท้จริง พลานุภาพเช่นนั้นประหนึ่งหมายจะบดบังฟ้าดิน!
ตูม!
ตั้งแต่ตอนที่ทุกคนหวั่นไหว หลินสวินก็ซัดหมัดออกไปประชันกับกระบี่โบราณหม่นหมองเล่มนั้นแล้ว
หมัดและกระบี่ปะทะกัน เกิดเป็นเสียงสะเทือนดุจอาวุธขับประสาน แสงมรรคพุ่งทะยานกระจายออก ระลอกคลื่นโหมซัดกระจายไปทั่วทิศ
เฟิงหรูเสวี่ยนิ่วหน้าเล็กน้อย
กระบี่นี้ถึงกับทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บไม่ได้
แต่กลับเห็นเงาร่างหลินสวินชะงักไปน้อยๆ จากนั้นก็ถล่มโจมตีอีกครั้งโดยพลัน
“เมื่อโชคมาแล้วฟ้าดินล้วนร่วมแรง!”
เฟิงหรูเสวี่ยสีหน้าสงบนิ่งน่าเกรงขาม ควบคุมกระบี่โบราณหมองหม่น สำแดงมรรคกระบี่ของตน ปราณกระบี่กล้าแข็ง ชักนำมหาอานุภาพแห่งใต้หล้ามาที่คมกระบี่ แต่ละกระบี่ล้วนมีอำนาจสังหารเทพผี พลิกคว่ำจักรวาล ดุดันเป็นที่สุด ทั้งยังแกร่งกล้าเป็นอย่างยิ่ง
มองดูไกลๆ ราวกับเทพกระบี่เหนือโลกากำลังพิชิตใต้เวิ้งฟ้า!
ความสง่างามเช่นนั้นทำให้ทั้งที่นั้นตกตะลึง
มกุฎราชันอริยะ ควบคุมปวงมรรค กระบี่เดียวสำแดงวิชาอัศจรรย์ อานุภาพจะธรรมดาได้หรือ
เพียงแต่ที่เหนือความคาดหมายของทุกคนก็คือ ภายใต้การโจมตีของเฟิงหรูเสวี่ย หลินสวินกลับไม่เป็นรอง!
เงาร่างเขาส่องแสง ร่างกายมีแสงมรรคหลั่งไหล ก้าวย่างโอหัง ไม่ถอยหรือหลบหนีสักนิด ซัดหมัดถล่มโจมตีประชันกับกระบี่
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ทั้งสองก็ประมือกันหลายร้อยครั้งแล้ว ฝ่าจากบนฟ้าลงมาสู่ผืนดิน เคลื่อนย้ายฉายวายแปดพันลี้ มุ่งฝ่าจนฟ้าดินมือหมองหม่น ฝุ่นหินตลบอบอวล ภูผาธาราหมื่นลี้ยังแปรสภาพเป็นสถานที่อันรกร้างแหลกกระจุย
การประลองที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานแต่ละภาพนั้น เหล่าคนใหญ่คนโตที่อยู่ในนั้นได้ดูจนจิตใจไหวกระเพื่อม ไม่อาจสงบนิ่งได้ ใครก็คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่เพิ่งบรรลุระดับราชันอริยะอย่างหลินสวิน จะสามารถตีเสมอยักษ์ใหญ่มรรคกระบี่ดุจตำนานอย่างเฟิงหรูเสวี่ยได้!
นี่เหนือความคาดหมายของพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง