Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1832 อวี่เสวียน เจ้าคอยดู
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1832 อวี่เสวียน เจ้าคอยดู
นอกจากหญิงชรานั่น ยังมีระดับจักรพรรดิเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนคนหนึ่งอยู่บนยาน นี่ทำให้ตู้คงมีความกลัวเกรงในระดับหนึ่ง
ก่อนจะสืบสถานการณ์ให้ชัด หากลงมือโดยพลการ กลับจะทำให้ ‘คนรุ่นเดียวกัน’ ระแวงและต่อต้าน ไม่แน่ว่าอาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร
ที่สำคัญที่สุดคือ หากพวกเขารู้ฐานะของเจ้านอกรีตนั่น…
นั่นจะกลายเป็นเหมือนคลื่นยักษ์!
ถึงอย่างไรในมือเจ้านอกรีตนั่นก็ครอบครองศุภโชคชั้นยอด ที่มีความเกี่ยวข้องกับการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ที่มาจากแหล่งสถานคุนหลุน!
……
ไฟล่เขาเขารับแขก น้ำพุไหลเชี่ยว ระหว่างไม้ไผ่ที่บดบังมีเรือนเรียบง่ายสง่างามหลังหนึ่งตั้งอยู่
หน้าเรือน
ชายชราในชุดคลุมคนหนึ่งกำลังถือเหล้ากาดื่มเพียงลำพัง
ข้างกายเขา ทายาทสูงศักดิ์ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ แต่ละคนสวมชุดหรูหรา ชายหล่อหญิงงาม บุคลิกไม่ธรรมดา
ในสายตาคนนอก พวกเขาก็คือดวงดาวบนท้องฟ้า ทำได้เพียงชื่นชม สูงศักดิ์หาที่เปรียบไม่ได้
ทว่าตอนนี้ชายหญิงรุ่นเยาว์เหล่านี้แต่ละคนต่างนอบน้อม ไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ ความเย่อหยิ่งและความประกายคมบนร่างล้วนเก็บไปทั้งหมด
เหตุผลอยู่ที่ว่า ชายชราในชุดคลุมคนนั้นคือผู้อาวุโสของพวกเขา ระดับจักรพรรดิที่อยู่มาไม่รู้นานเท่าไหร่คนหนึ่ง!
ทั้งเขตแดนดาราจักรพรรดิขาว รวมถึงบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ชายชราในชุดคลุมเองก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง
คนผู้นี้นามว่าจินเทียนหง คนบนโลกเรียกเขาว่า ‘จักรพรรดิกระบี่วายุ’!
“ที่นี่ไม่ใช่โลกใหญ่จินเทียนและไม่ใช่เขตแดนดาราจักรพรรดิขาว พวกเจ้าเก็บตัวหน่อยจะดีที่สุด อย่าก่อเรื่องโดยใช่เหตุ”
ชายชราในชุดคลุมพูดเรื่อยๆ “เจ้าตัวจ้อยอย่างพวกเจ้า แต่ละคนเป็นเช่นไรในใจข้ารู้ดีว่า หากถูกฆ่า ก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัว ต่อให้ตายหมดข้าก็ไม่ปวดใจ”
“แต่ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็แซ่จินเทียน เลือดของตระกูลจินเทียนไหลอยู่ในกาย หากพวกเจ้าตาย ข้าสามารถช่วยแก้แค้นให้พวกเจ้าได้ แต่อย่าคิดจะให้ข้าลงมือช่วยเหลือ”
เสียงพูดราบเรียบ กลับไม่เกรงใจเลยสักนิด ในคำพูดยิ่งเผยความเย็นชาไร้ปรานี
ชายหญิงทั้งกลุ่มมองหน้ากันไปมา
“ผู้อาวุโส ยานลมกรดลำเดียวเท่านั้น มีคนที่พวกเราล่วงเกินไม่ได้ด้วยหรือ”
มีคนอดพูดไม่ได้
ชายชราในชุดคลุมเหลือบมองคนผู้นั้นแวบหนึ่ง อีกฝ่ายตกใจจนหน้าซีด เกือบคุกเข่าลงพื้น ร่างกายถูกเหงื่อซึมชุ่มตัว
ชายชราในชุดคลุมเก็บสายตา ดื่มเหล้าอีกจอกแล้วกล่าวว่า “ตระกูลจินเทียนของพวกเรา ก็เพราะมีพวกไร้ประโยชน์อย่างพวกเจ้ามากเกินไปจึงแย่ลงทุกรุ่น”
พูดถึงตรงนี้เขาก็ยิ้มขึ้นมา “โชคดีที่สวรรค์เมตตา ทำให้ตระกูลจินเทียนในยุคนี้มีอัจฉริยะชั้นยอดอย่างเสวียนเยวี่ยเพิ่มมาสองสามคน”
ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความปลื้มปิติ
ชายหญิงในที่นั้นต่างอดอิจฉาไม่ได้
จินเทียนเสวียนเยวี่ย!
คนรุ่นเดียวกันในตระกูลที่ทำให้พวกเขาอิจฉาและหวาดหวั่น ผู้กล้าหญิงที่ฝึกปราณมาหนึ่งร้อยแปดสิบปี ก็สามารถขึ้นไปอยู่ในอันดับสี่สิบเก้าของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ได้แล้ว!
แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลยังต้องก้มหัวต่อหน้านาง ละอายใจที่ตนสู้ไม่ได้!
“ไปเถอะ จำคำพูดข้าไว้ หากมีเรื่องแล้วถูกฆ่าก็อย่าโทษใคร สิ่งที่ข้าทำได้ ก็เพียงแค่ช่วยพวกเจ้าแก้แค้นเท่านั้น”
ชายชราในชุดคลุมโบกมือให้ทุกคนแยกย้ายไป
คนรุ่นหลังในตระกูลจินเทียนเหล่านี้ไม่ได้เป็นคนไม่เอาไหนเสียทั้งหมด ตรงกันข้าม หลายคนได้ก้าวสู่ระดับมกุฎราชันอริยะแล้ว
ทว่าอุปนิสัยของพวกเขากลับใช้ไม่ได้ มีทั้งยโสโอหัง เย่อหยิ่งเอาแต่ใจ ทั้งยังมีพวกจิตใจคดโกง ทำเรื่องเลวทรามสารพัด
กับคนรุ่นหลังเช่นนี้ ในใจชายชราชุดคลุมมีเพียงความเหยียดหยามและรังเกียจ
มีเพียงพวกจินเทียนเสวียนเยวี่ยไม่กี่คนจึงจะเข้าตาของชายชราในชุดคลุม
ดังนั้นครั้งนี้ เมื่อได้ยินว่าจินเทียนเสวียนเยวี่ยจะไปโลกใหญ่หงเหมิงเพื่อเข้าร่วม ‘งานชุมนุมถกมรรค’ ที่หกเรือนมรรคใหญ่ร่วมกันจัดขึ้น เขาจึงไปส่งด้วยตัวเอง
“แดนกษิติครรภ์ หญิงชรา… บนยานลมกรดเล็กๆ นี่ดูไม่ธรรมดานัก…”
ยามชายชราในชุดคลุมใคร่ครวญก็ดื่มเหล้าไปอีกจอกหนึ่ง
……
โถงใหญ่หอเสียงสวรรค์
สีหน้าของเหลียงชวนเคร่งเครียดอย่างยากจะเห็น
เขามองเหล่าคนใหญ่คนโตหอเสียงสวรรค์ในโถงพร้อมพูดเสียงขรึม “แขกสูงศักดิ์อย่างเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนขึ้นยานเดินทางไกล นับเป็นเกียรติของหอเสียงสวรรค์ แต่ก็เป็นแรงกดดันใหญ่ยิ่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าแขกเหล่านี้ต้องการอะไร สิ่งที่หอเสียงสวรรค์ของพวกเราสามารถมอบให้ได้ก็จะมอบให้ทั้งหมด ละเลยหรือล่วงเกินไม่ได้เด็ดขาด! เข้าใจไหม”
ทุกคนในโถงพยักหน้าโดยพร้อมเพรียง
ก่อนหน้านี้เหล่าผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์เพิ่งจะถูกฆ่า ตอนนี้ใครจะกล้าไปล่วงเกินผู้ยิ่งใหญ่อย่างเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนอีก
เหลียงชวนถึงได้พยักหน้า ลอบถอนหายใจในใจ
การเดินทางไปยังโลกใหญ่หงเหมิงครั้งนี้ดันเกิดการพลิกผันมากมายขนาดนี้ นี่ทำให้เหลียงชวนเองยังรู้สึกถึงความกดดันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนหรือหญิงชราที่อยู่ข้างกายเด็กหนุ่มเสี่ยวจิ่วนั่น รวมถึงการตายของผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ก็เหมือนภูเขาใหญ่ลูกแล้วลูกเล่ากดทับในใจเหลียงชวน
ทำให้ระดับกึ่งจักรพรรดิอย่างเขารู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอย่างไม่อาจเลี่ยง
“สถานการณ์ไม่มั่นคง…”
เหลียงชวนถอนหายใจ
……
“นายน้อย แดนกษิติครรภ์ เผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนล้วนอยู่บนยาน ท่านไม่ใช่ชอบดูความครึกครื้นหรือ หากไม่ผิดจากที่คาด อีกไม่นานจะต้องเกิดความวุ่นวายแน่”
ในเรือนพักหญิงชรายิ้มตาหยีพูด
เด็กหนุ่มชุดป่านกำลังนอนเหม่ออยู่ในเก้าอี้โยกอย่างเศร้าซึม ได้ยินเช่นนี้พลันลุกพรึ่บขึ้น สองตาเป็นประกายพูดอย่างตื่นเต้น “แดนกษิติครรภ์หรือ นี่คือหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่โลกมืดไม่ใช่หรือ ได้ยินว่าพวกเขาเคลื่อนไหวลึกลับ วิธีการไร้ปรานี ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ”
เขาถูมือไปมา พูดน้ำลายกระเด็น “ยังมีเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนนั่น เฮอะๆ ล้วนเป็นทายาทจักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์ ข้าอยากขอคำแนะนำจาก ‘คัมภีร์ลมกรดกระบี่ปั่นป่วน’ มรดกของพวกเขามานานแล้ว ว่าจะเก่งกาจเหมือนที่เล่าลือหรือไม่”
รอยยิ้มของหญิงชราค้างไปทันที อดเตือนไม่ได้ “นายน้อย ดูความครึกครื้นนั้นได้ แต่ถ้าท่านจะเข้าไปร่วมสนุกด้วย ข้าไม่ยอมหรอกนะ”
ประโยคเดียวราวกับสาดน้ำเย็น ทำเอาเด็กหนุ่มชุดป่านเหมือนสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดไปทันที ทรุดตัวบนเก้าอี้โยกราวกับปลาตาย
เขาถอนหายใจ “ฝึกปราณมหามรรค เส้นทางสงบใจ ไม่ไปเคี่ยวกรำสักหน่อยจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร… ท่านยาย ท่านก็ถือซะว่าสงสารข้าเถอะนะ ให้โอกาสข้าสักครั้งเถอะ”
ทว่าไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนอย่างไรหญิงชราก็ไม่ตอบรับ
เด็กหนุ่มชุดป่านยุกยิกร้อนรน แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้
……
“แม่นางชิงเยียน ตอนนี้บนยานลมกรดมีคลื่นใต้น้ำซุ่มซ่อม สถานการณ์แปลกประหลาด ข้ากังวลว่าปัญหาจะมาถึงกหัวพวกเรา”
หลินสวินนิ่งคิด เขาสงสัยยิ่งว่าผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์เหล่านั้นมาเพื่อเล่นงานเขา จึงไม่อาจไม่เตือนหลิ่วชิงเยียน
“ปัญหาหรือ”
ดวงตาฉ่ำน้ำของหลิ่วชิงเยียนเบิกโต
หลินสวินพยักหน้า “ใช่ แต่ก็เป็นเพียงความรู้สึกของข้า จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ไม่แน่ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าเตรียมใจไว้จะดีที่สุด”
หลิ่วชิงเยียนขานรับว่าอืม
สิ่งที่หลินสวินและหลิ่วชิงเยียนคิดไม่ถึงคือ ในคืนนั้นปัญหาก็มาเยือนถึงที่แล้ว
ท้องฟ้ายามราตรีราวกับหมึก
อวี๋จวิ้นมกุฎราชันอริยะแห่งหอเสียงสวรรค์มาเยือนด้วยตัวเอง
“ชิงเยียน แขกสูงศักดิ์เผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนได้ยินว่าความเชี่ยวชาญในศาสตร์ดนตรีของเจ้ามหัศจรรย์มาก อยากจะเชิญเจ้าไปพบที่ ‘หอเมฆมรกต’”
ประโยคเดียวทำให้หลินสวินและหลิ่วชิงเยียนต่างขมวดคิ้ว
คนของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนจะเคยได้ยินชื่อหลิ่วชิงเยียนได้อย่างไร จะต้องมีคนจงใจพูดถึงหลิ่วชิงเยียนแน่ ถึงได้ดึงดูดความสนใจของแขกเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนเหล่านั้น
“ขอโทษด้วย แม่นางชิงเยียนปิดด่านอยู่ ไม่คิดจะออกไปไหนในช่วงนี้”
หลินสวินปฏิเสธ
อวี๋จวิ้นสีหน้าอึมครึม “คนแซ่อวี่ เจ้าเป็นเพียงผู้คุ้มกันคนหนึ่ง มีคุณสมบัติอะไรมาตัดสินใจแทนผู้สืบทอดหอเสียงสวรรค์ของข้า”
หลินสวินเสียงแข็ง “แม่นางชิงเยียนบอกแล้วว่า ความคิดของข้าก็คือความคิดของนาง”
ในดวงตาอวี๋จวิ้นเผยไอสังหาร “อวี่เสวียน เจ้านี่ช่างเบื่อชีวิตแล้วจริงๆ จะบอกเจ้าให้ หากชิงเยียนไม่ไปหอเมฆมรกต ครั้งนี้แม้จะฆ่าเจ้า ผู้อาวุโสชั้นสูงเหลียงชวนก็ไม่สนใจ”
ตอนนี้เองหลิ่วชิงเยียนเดินออกจากห้องพร้อมเอ่ยว่า “อาจารย์ลุง หากท่านบีบบังคับกันอีก ข้าจะตายให้ท่านดูตอนนี้เลย!”
อวี๋จวิ้นอึ้งไป หากหลิ่วชิงเยียนตาย จะเอาอะไรไปอธิบายกับข่งอวี้แห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์เล่า
เขารีบพูดว่า “ชิงเยียน เชิญเจ้าไปครั้งนี้พวกเราไม่มีจุดประสงค์อื่นแน่ แขกสูงศักดิ์ตระกูลจินเทียนเหล่านั้น พวกเราหอเสียงสวรรค์ล่วงเกินไม่ได้ แม้แต่ผู้อาวุโสชั้นสูงเหลียงชวนยังพูดว่าจะละเลยหรือล่วงเกินแขกสูงศักดิ์เหล่านั้นไม่ได้เด็ดขาด”
หลิ่วชิงเยียนเผยสีหน้ารังเกียจ “เพื่อให้ไม่เป็นการล่วงเกินพวกเขา จึงบีบบังคับให้ข้าไปพบพวกเขาที่หอเมฆมรกตหรือ”
อวี๋จวิ้นถอนหายใจ “ชิงเยียน เพราะเจ้า ผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ประสบเคราะห์ไม่น้อย ทำให้หอเสียงสวรรค์ของพวกเราก็ติดร่างแหไปด้วย ตอนนี้หากล่วงเกินเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนเพราะเจ้าอีก เช่นนั้นผลลัพธ์… แม้แต่จวงอวิ้นจื้ออาจารย์ของเจ้าก็รับไม่ไหว!”
ดวงหน้างามของหลิ่วชิงเยียนเปลี่ยนไป อย่างอื่นนางไม่สนใจ แต่กลับไม่อาจไม่สนใจอาจารย์จวงอวิ้นจื้อ
“แม่นางชิงเยียน ฟังคำข้า ไปครั้งนี้จะต้องเกิดเรื่องแน่ สู้อยู่ที่นี่ยังดีกว่า”
หลินสวินพูดอย่างเด็ดขาด
“อวี่เสวียน เจ้ารนหาที่ตายจริงๆ!”
อวี๋จวิ้นเดือดดาลอย่างสิ้นเชิงแล้ว ยามมาครั้งก่อน เพราะเรื่องที่หลินสวินตบหน้าจั่นปิ่งต่อหน้าเขา ทำให้เขาเกิดความไม่พอใจอยู่แล้ว
ตอนนี้หลินสวินยังมาขวางเช่นนี้ ความโกรธและชิงชังในใจเขาจึงปะทุออกมาโดยตรง
ราชันอริยะคนหนึ่งของเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ กลับกล้าเป็นปฏิปักษ์ต่อเขาเช่นนี้ รนหาที่ตายจริงๆ!
ทว่าเขาเพิ่งคิดจะลงมือ
ฮูม…
หลินสวินกระตุ้นกระบวนผนึกหมู่ดาราทันที ขวางอวี๋จวิ้นไว้นอกเรือน
ไม่ทันไรเสียงตะคอกด้วยความเดือดดาลของอวี๋จวิ้นก็ดังขึ้นนอกเรือน “อวี่เสวียน!! รีบถอนกระบวนผนึก ไม่เช่นนั้นข้าจะหั่นศพเจ้าเป็นหมื่นชิ้น หักกระดูกโปรยเถ้าให้สิ้นซาก!”
เขาโกรธแทบแย่แล้ว ยานลมกรดนี่เป็นถึงอาณาเขตของพวกเขา แต่ตอนนี้กลับดีนัก ราชันอริยะแห่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่คนหนึ่งเท่านั้น กลับกล้าต่อต้านเขาเช่นนี้!
หลินสวินมองข้ามทุกอย่าง นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในเรือนอย่างใจเย็น หยิบน้ำเต้าสุราเปลือกเขียวขึ้นมาดื่ม
“อวี่เสวียน เจ้าคอยดูเถอะ!”
ครู่ใหญ่อวี๋จวิ้นถึงพูดทิ้งท้ายเอาไว้ประโยคหนึ่ง แล้วจากไปด้วยความเดือดดาล
ตอนนี้เองหลินสวินจึงมองไปยังหลิ่วชิงเยียน เอ่ยว่า “แม่นางชิงเยียน เจ้ากลัวหรือไม่”
หลิ่วชิงเยียนส่ายหน้า “ข้า… เพียงแค่เป็นห่วงอาจารย์อยู่บ้าง”
หลินสวินกล่าว “ไม่ต้องเป็นห่วง อาจารย์ของเจ้าเป็นถึงมกุฎราชันอริยะคนหนึ่ง หอเสียงสวรรค์ไม่กล้าทำอะไรนางหรอก กลับเป็นพวกเราที่…”
ในใจหลิ่วชิงเยียนเครียดเกร็ง เอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ครั้งนี้เกรงว่าจะทำให้ท่านลำบากอีกแล้ว ทำอย่างไรดี”
ในเสียงเต็มไปด้วยความกังวลที่ข่มกลั้นไม่อยู่
หลินสวินยิ้มอย่างราบเรียบนิ่งสงบ
ตอนนี้มีกายมรรคไม้เขียว แม้เจอปัญหาอะไรเขาก็ไม่กลัวที่จะเปิดเผยศักยภาพบางส่วนแล้ว!