Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1925 บุญคุณความแค้นครั้งเก่า
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1925 บุญคุณความแค้นครั้งเก่า
ตอนที่ 1925 บุญคุณความแค้นครั้งเก่า
เจียงอวี่ถงเพิ่งมาถึงก็ไม่ปกปิดความชิงชังของตนเลยสักนิด!
เจียงอวี่ถงเพิ่งมาถึงก็ไม่ปกปิดความชิงชังของตนเลยสักนิด!
นี่ทำให้หลินสวินหนักใจ คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่อยากเจอเจียงซิงเชวี่ยเท่านั้น แต่ต่อให้ป๋อหยาจื่อพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถกลับยังปรากฏอุปสรรคเช่นนี้
‘อาจารย์อาเล็กไม่ต้องเป็นห่วง มีข้าอยู่’
ในขณะที่สื่อจิต ดวงตาของป๋อหยาจื่อพลันเย็นเยียบขึ้นมา กวาดมองเจียงอวี่ถงพร้อมพูดว่า “สหายยุทธ์หมายความว่าอย่างไร”
อยู่ในระดับจักรพรรดิเหมือนกัน ป๋อหยาจื่อย่อมมีความเย่อหยิ่ง!
เขาแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิมาตั้งแต่สมัยบรรพกาลเมื่อประมาณหนึ่งแสนปีที่แล้ว ยามต่อสู้เหนือฟ้าดารายิ่งอาศัยพลังของตนเพียงคนเดียว ก่อตั้งสำนักขึ้นมา ทำให้สำนักยุทธ์เสวียนจีดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน และกลายเป็นสำนักใหญ่อันดับสามของแคว้นเมฆา
รากฐานพลังอาจจะสู้เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงไม่ได้
ทว่าในด้านพลังต่อสู้แห่งตน ป๋อหยาจื่อมีความมั่นใจอย่างแน่นอน!
ต่อหน้าหลินสวิน เขานอบน้อมและให้เกียรติ ไม่วางอำนาจบาตรใหญ่สักนิด ทว่าในฐานะเฒ่าชราที่มีชีวิตมาแล้วหนึ่งแสนกว่าปี ป๋อหยาจื่อจะก้มตัวให้เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงได้อย่างไร
แน่นอนว่าที่นี่คืออาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียง หากลงมือผลเสียย่อมมากกว่าผลดี แต่ป๋อหยาจื่อกล้ามั่นใจ ว่าอีกฝ่ายไม่กล้าสู้กับตนอย่างเอาเป็นเอาตายแน่
เช่นนี้แม้สุดท้ายเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงสามารถชนะตนได้ แต่ก็ต้องสูญเสียอย่างหนัก
นี่ก็คือรากฐานพลังของระดับจักรพรรดิ!
“หมายความว่าอย่างไรเช่นนั้นหรือ ข้าต่างหากที่อยากถามเจ้า ว่ามาที่นี่หมายจะทำอะไร”
เจียงอวี่ถงสีหน้าเย็นชา เขามองข้ามหลินสวินตรงๆ สายตาจ้องไปที่ป๋อหยาจื่อ
“ท่านอาเจ็ด สหายยุทธ์อวิ๋นหยาไม่ใช่ศัตรูของตระกูลเรา”
เจียงรุ่ยรีบพูด
อวิ๋นหยาคือชื่อปลอมที่ป๋อหยาจื่อใช้
“เป็นศัตรูของตระกูลเราหรือไม่ เจ้าไม่ได้เป็นคนตัดสิน”
น้ำเสียงของเจียงอวี่ถงแข็งกระด้างยิ่ง สายตายังคงจ้องป๋อหยาจื่อพร้อมพูดว่า “เจ้าเป็นถึงระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง จู่ๆ กลับมาเยือนถึงถิ่น บอกว่าอยากพบนักโทษตลอดกาลของตระกูลข้า หากข้าเดาไม่ผิดนี่มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่าง”
ป๋อหยาจื่อขานรับว่าอ้อ ก่อนจะพูดว่า “เจ้าว่ามา”
“อย่างแรก พวกเจ้าเป็นคนที่ศัตรูของสำนักคีรีดวงกมลส่งมา อยากจะทำร้ายนักโทษของตระกูลเรา”
ได้ยินคำพูดนี้ของเจียงอวี่ถง ป๋อหยาจื่อและหลินสวินต่างขมวดคิ้วโดยพร้อมเพรียง
การคาดเดานี้ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
หรือผ่านไปนานขนาดนี้ พลังที่เป็นตัวแทนของสามเรือนมรรคใหญ่อย่างยุทธจักร ดึกดำบรรพ์ จักรวาล ยังคงไม่ล้มเลิกความคิดที่จะสังหารเจียงซิงเชวี่ยเช่นนั้นหรือ
“อย่างที่สอง พวกเจ้าคือคนที่พวกเศษเดนคีรีดวงกมลส่งมา”
และตอนที่เจียงอวี่ถงบอกความเป็นไปได้ที่สอง ป๋อหยาจื่อและหลินสวินต่างหัวใจสะท้าน ความสามารถในการวิเคราะห์ของเจ้าหมอนี่เฉียบคมมาก
เพียงแต่ตอนที่ได้ยินคำว่า ‘เศษเดน’ ทำให้ทั้งสองต่างไม่พอใจขึ้นมา
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร”
เจียงรุ่ยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากับป๋อหยาจื่อไม่อาจพูดได้ว่าสนิทสนมกัน ที่รู้จักกันเพราะผ่านสหายเก่าคนหนึ่ง
แต่เขาไม่เคยคิดว่าฐานะของพวกป๋อหยาจื่อจะมีปัญหา
“เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้ ซิงเชวี่ยถูกขังเพราะอะไร ยังไม่ใช่เพราะศิษย์โอหังที่ชื่อเสวียนคงของคีรีดวงกมลหรือ”
เจียงอวี่ถงสีหน้าอึมครึม “ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเกี่ยวพันกับเสวียนคง ตระกูลเจียงของเราจะเสียพลังดั้งเดิมอย่างหนักในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิได้อย่างไร”
ในเสียงแฝงความแค้นที่สั่งสมมาไม่รู้นานเท่าไหร่
“แต่ตอนนี้บุคคลระดับจักรพรรดิคนหนึ่งกลับอยากเจอซิงเชวี่ย เจ้าไม่รู้สึกแปลกหรือ”
ประโยคเดียวทำให้เจียงรุ่ยแข็งทื่อไปทั้งตัว สีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง สายตาที่มองป๋อหยาจื่อก็เปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว
เขาอดพูดไม่ได้ “พวกเจ้า… เป็นศัตรูของคีรีดวงกมล หรือพวกเศษเดนคีรีดวงกมลกันแน่”
ป๋อหยาจื่อตระหนักได้ทันทีว่าเรื่องวุ่นวายแล้ว
ทีแรกเขาคิดเพียงว่าแค่เจอเจียงซิงเชวี่ยครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ใครจะคิดว่าสำหรับเรื่องนี้ พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลเจียงเหล่านี้แต่ละคนกลับจับตามองและให้ความสนใจอย่างมาก
และตอนนี้เอง หลินสวินที่เงียบมาโดยตลอดเดินออกมาเอ่ยว่า “เสวียนคงคือศิษย์พี่ของข้า”
ประโยคเดียวทำเอาเจียงอวี่ถงและเจียงรุ่ยต่างนัยน์ตาหดรัด
ทั้งสองรู้จักเสวียนคงดี อีกทั้งก่อนศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิในสมัยบรรพกาลจะปะทุขึ้น ด้วยเพราะเจียงซิงเชวี่ย จึงเคยเจอเสวียนคงอยู่หลายครั้ง
ตอนนั้นเสวียนคงเป็นมกุฎราชันอริยะที่สะดุดตาที่สุดในบรรดาคนรุ่นเยาว์ ถูกมองว่าไร้ศัตรูในระดับเดียวกัน บุคลิกสง่างามผ่าเผย มีใจเป็นวีรชนคนกล้า
เจียงอวี่ถงและเจียงรุ่ยในตอนนั้นก็เป็นผู้นำในบรรดาคนรุ่นเยาว์ พรสวรรค์โดดเด่น แต่ไม่ว่าจะเป็นเกียรติยศหรือชื่อเสียงล้วนด้อยกว่าเสวียนคงมาก
หลังจากเสวียนคงและเจียงซิงเชวี่ยรู้จักและรักกัน เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย ถึงขั้นเริ่มจัดการเรื่องงานแต่งให้ทั้งสองคน
และก็เป็นตอนนี้เองที่ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิปะทุขึ้น…
และตั้งแต่ตอนนั้น ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป
แลยามนี้ เมื่อหลินสวินบอกว่าตนเป็นศิษย์น้องของเสวียนคง ในใจระดับจักรพรรดิทั้งสองอย่างเจียงอวี่ถงและเจียงรุ่ยต่างกระเพื่อมไหว
เจ้าหมอนี่ ถึงกับเป็นพวกเศษเดนคีรีดวงกมลจริงๆ!
“มิน่า ที่แท้ก็มาเพราะศิษย์พี่เสวียนคงของเจ้า ฮ่าๆๆ ผ่านไปกี่ปีแล้ว จนตอนนี้คีรีดวงกมลของพวกเจ้าถึงเพิ่งนึกขึ้นได้หรือว่าตระกูลข้ายังมีคนชื่อเจียงซิงเชวี่ยอยู่”
เจียงอวี่ถงหัวเราะเสียงดัง สีหน้าอึมครึมไม่อาจสงบได้ มีทั้งความชิงชังและอาฆาตแค้น
เจียงรุ่ยกลับสังเกตหลินสวินจากหัวจรดเท้า น้ำเสียงเนิบช้า “พลังปราณระดับมกุฎราชันอริยะ… ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอ่อนแอลงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เป็นเพราะหลังจากศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิสำนักคีรีดวงกมลถูกกำจัดอย่างสิ้นซาก เหลือเพียงแค่พวกเศษเดนไม่เอาไหนบางส่วนกระมัง”
“ทั้งสองคน โปรดระวังคำพูดของพวกเจ้า!”
ป๋อหยาจื่อสีหน้ามืดทะมน หลินสวินได้เปิดเผยฐานะแล้ว ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรอีกต่อไป เป็นโชคหรือภัยก็ทำได้เพียงเผชิญหน้า
“ให้พวกเราระวังคำพูดหรือ”
หนวดผมของเจียงอวี่ถงส่ายไหว หัวเราะเยาะว่า “หากไม่ใช่เพราะคีรีดวงกมลของพวกเจ้า พลังดั้งเดิมของเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงจะเสียหายหนักจนตอนนี้ยังไม่อาจฟื้นคืนได้อย่างไร”
“หากไม่ใช่เพราะคีรีดวงกมลของพวกเจ้า ตระกูลของข้าจะถูกสามเรือนมรรคใหญ่อย่างดึกดำบรรพ์ จักรวาลและยุทธจักรมองเป็นศัตรูและกดข่มหรือ”
“และถ้าไม่ใช่เพราะเสวียนคงนั่น ซิงเชวี่ยจะถูกขังมาเกือบแสนปีได้อย่างไร”
“ตอนนี้พวกเจ้ามาแล้ว ยังจะให้ข้าระวังคำพูด พวกเจ้า… คู่ควรหรือ”
เจียงอวี่ถงเอ่ยถามติดๆ กัน แค้นจนสีหน้าคล้ำเขียวแล้ว
เขาเองก็เป็นระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง สภาวะจิตหนักแน่นมั่นคงอย่างที่สุดนานแล้ว แต่ตอนนี้กลับดูไหวหวั่นยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นปมในใจเขา
เจียงรุ่ยเองก็สีหน้าอึมครึม
ป๋อหยาจื่อสูดหายใจลึกคราหนึ่ง เอ่ยเสียงขรึม “บุญคุณความแค้นครั้งเก่าเหล่านี้ ใครผิดใครถูกทุกคนล้วนมีข้อสรุปในใจ อย่าลืมว่าตอนที่อาจารย์อาเสวียนคงและผู้อาวุโสเจียงซิงเชวี่ยอยู่ด้วยกัน เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงของพวกเจ้ายังถือเรื่องนี้เป็นเกียรติและรู้สึกภาคภูมิใจอยู่เลย!”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งค่อยพูดต่อว่า “แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องร้ายเหล่านี้ขึ้น พวกเจ้าก็ผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้อาจารย์อาเสวียนคง นี่ไม่ยุติธรรมเกินไปหรือไม่”
เจียงอวี่ถงสีหน้าเย็นเยียบและน่ากลัวขึ้นมาพลัน “สหายยุทธ์ ข้ารู้เรื่องราวในตอนนั้นดีกว่าเจ้า เสวียนคงตายแล้ว คีรีดวงกมลล่มสลายแล้ว ซิงเชวี่ยเองก็ถูกขังไว้ ตระกูลเจียงของข้าจ่ายค่าตอบแทนกับเรื่องนี้มากพอแล้ว ตอนนี้ข้าอยากถามเจ้าว่า มาถึงที่นี่ต้องการจะทำอะไร”
หลินสวินพูดอีกครั้ง “ก่อนที่ศิษย์พี่เสวียนคงจะจากโลกไปเคยกำชับข้าว่า ให้ข้ามาพบเจียงซิงเชวี่ยเพื่อคืนของสิ่งหนึ่ง นอกจากนี้ก็ไม่มีความคิดอื่นใด”
“ของอะไร”
เจียงรุ่ยขมวดคิ้วถาม
หลินสวินกล่าว “รอเจอเจียงซิงเชวี่ยก็จะรู้เอง”
เสวียนคงมอบปิ่นปักผมแววาวโปร่งแสงราวกับใบไผ่อันหนึ่งให้เขา ดูแล้วธรรมดามาก แต่ใครจะรู้ว่าภายในจะซ่อนความลับอื่นไว้หรือไม่
“ฮ่าๆ เจ้าตัวจ้อยอย่างเจ้าถึงกับอยากพบซิงเชวี่ยหรือ ฝันไปเถอะ!”
เจียงอวี่ถงหัวเราะเสียงดัง ใบหน้าเปี่ยมด้วยความขึ้งโกรธและดูถูก กลิ่นอายทั่วตัวเขาพวยพุ่ง นั่นเป็นอานุภาพน่ากลัวของระดับจักรพรรดิ
หากไม่ใช่เพราะมีป๋อหยาจื่อปกป้อง ด้วยพลังปราณในตอนนี้ของหลินสวินจะต้องถูกกำราบ ณ ที่นั้นในชั่วพริบตาแน่
กลับเห็นว่าตอนนี้หลินสวินดูนิ่งสงบอย่างที่สุด ยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “ในเมื่อข้ามาแล้ว ย่อมไม่มีทางยอมแพ้เพียงเท่านี้”
“อาศัยเขาหรือ”
แววตาของเจียงอวี่ถงเหลือบมองป๋อหยาจื่อ เต็มไปด้วยความดูถูก “เจ้าหนุ่ม คีรีดวงกมลไม่ใช่คีรีดวงกมลเดิมเมื่อครั้งบรรพกาลแล้ว น้ำเสียงของเจ้ากลับอวดดีเหมือนผู้สืบทอดคีรีดวงกมลในตอนนั้นไม่มีผิด ไม่กลัวว่าข้าจะจับพวกเจ้าส่งให้ศัตรูเหล่านั้นของคีรีดวงกมลหรือ”
ป๋อหยาจื่อยิ้มหยัน “เช่นนั้นหรือ เช่นนั้นวันนี้ตระกูลเจียงของพวกเจ้าเกรงว่าต้องเผชิญเภทภัยสักครั้งแล้ว!”
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาเองก็จะสู้สุดตัว!
เจียงรุ่ยพูดอย่างเดือดดาล “อวิ๋นหยา เจ้าถึงกับกล้าข่มขู่ตระกูลเจียงของพวกเราหรือ”
ป๋อหยาจื่อพูดอย่างเย็นชา “สหายยุทธ์ เป็นพวกเจ้าข่มขู่พวกเราก่อนนะ คำก็เศษเดน สองคำก็เศษเดน ตระกูลเจียงของพวกเจ้าเห็นพวกเราเป็นอะไร”
ประกายเย็นเยียบวาบผ่านดวงตาของเขา กล่าวว่า “ไม่ต้องพูดไร้สาระ ถ้าตระกูลเจียงของพวกเจ้ายังเห็นแก่ไมตรีในตอนนั้น ก็ให้อาจารย์อาเล็กของข้าพบเจียงซิงเชวี่ยสักครั้ง ไม่เช่นนั้นวันนี้แม้ต้องสู้สุดชีวิต ข้าก็ไม่มีทางหยุด!”
การข่มขู่ของระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง สามารถทำให้ทุกคนหวาดกลัว
ยิ่งไปกว่านั้นป๋อหยาจื่อยังไม่ใช่แค่ระดับจักรพรรดิทั่วไป
คำพูดเหล่านี้ทำให้เจียงอวี่ถงและเจียงรุ่ยต่างเดือดดาลอย่างที่สุด ในดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงโกรธลุกโชน เศษเดนคีรีดวงกมลสองคนนี้ ถึงกับข่มขู่พวกเขาในอาณาเขตของตระกูลเจียงหรือ!
ติ๊ง!
ทันใดนั้นเจียงอวี่ถงพลิกฝ่ามือ กระดิ่งสำริดชิ้นหนึ่งส่งเสียงสะท้อนก้อง แผ่คลื่นเสียงประหนึ่งคลื่นกระเพื่อมเป็นระลอก
ในพื้นที่ลับแห่งหนึ่งที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดของเมืองจักรพรรดิเพลิง ภายในถ้ำสวรรค์แดนมงคลสองแห่งที่เงียบสงบมานาน จู่ๆ ก็มีกลิ่นอายน่ากลัวไร้ขอบเขตสองสายพุ่งออกมา
ครู่ต่อว่าเงาร่างทั้งสองก็เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศมาถึงที่นี่ ปรากฏตัวข้างๆ เจียงอวี่ถง
คนหนึ่งคือชายชุดดำที่ผอมแห้งราวกับต้นไผ่ ผมสีเทาดวงตาเย็นเยียบ ข้างเอวห้อยน้ำเต้าเพลิงแดงใบหนึ่ง กลิ่นอายคลุมเครือ
อีกคนเป็นชายชราหงำเหงือกราวกับไม้ใกล้ฝั่ง ผมขาวทั้งหัว ดวงตาขุ่นมัว ถือไม้เท้าไผ่เจ็ดฉื่อเขียวขจีด้ามหนึ่ง
ทันทีที่ทั้งสองปรากฏตัว ป๋อหยาจื่อสีหน้าเปลี่ยนไปทันที สภาวะจิตหนักอึ้ง
สองคนนี้ คนแรกนามว่าเจียงหลิวหั่ว อีกคนนามว่าเจียงหลันสุ่ย ล้วนแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิตั้งแต่สมัยบรรพกาล อีกทั้งชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดารา เลื่องชือมานาน เป็นบุคคลเทียมฟ้าที่ทุกคนต่างรู้จัก!
เพียงแต่ป๋อหยาจื่อกลับคิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะยังมีชีวิตอยู่ เพราะในข่าวลือ สัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลเจียงสองคนนี้ร่วงหล่นตั้งแต่ในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิครั้งนั้นแล้ว
เห็นได้ชัดว่าข่าวลือเป็นเท็จ!
ไม่ว่าอย่างไร จู่ๆ ในที่นั้นก็มีระดับจักรพรรดิเพิ่มมาสองคน รวมกันแล้วฝั่งตระกูลเจียงมีระดับจักรพรรดิสี่คนแล้ว!
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้หัวใจของป๋อหยาจื่อจมดิ่ง
ตอนนี้แม้สู้อย่างสุดชีวิต เกรงว่าจะยังไม่สามารถข่มขู่อีกฝ่ายได้…