Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2004 ดาบไร้วิชา!
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2004 ดาบไร้วิชา!
ตอนที่ 2004 ดาบไร้วิชา!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป ตั้งแต่หลินสวินเหยียบหัวของผู้แข็งแกร่งคนนั้นจนแหลก ต่อด้วยไหล่ซ้ายได้รับบาดเจ็บ กระทั่งตอนนี้ที่ใช้ร่างกระแทกหญิงชุดเขียวคนนั้นตาย ใช้เวลาเพียงชั่วขณะเท่านั้น เร็วจนทำให้คนไม่ทันตั้งตัว!
เมื่อการสังหารต่อเนื่องที่อันตรายทั้งหมดนี้ปิดฉาก ในที่นั้นมีคนน้อยลงไปอีกสองคน
ตอนนี้มีบุคคลแห่งยุคที่ชื่อเสียงเกริกก้องสะท้านฟ้าดาราห้าคน ถูกหลินสวินฆ่าตายในการต่อสู้นี้
ตั้งแต่ต้นจนจบเพิ่งผ่านไปแค่ชั่วขณะเท่านั้น!
ท่าทางสังหารศัตรูประดุจผ่าลำไผ่นั้น ทำให้คนนับไม่ถ้วนหน้าเปลี่ยนสี
แต่ในตอนนี้เองที่ไหล่ซ้ายของหลินสวินบาดเจ็บ เสื้อผ้าเปื้อนเลือด!
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เปิดศึกมา
“เขาบาดเจ็บแล้ว เป็นการพิสูจน์ว่าใช่ว่าจะเอาชนะไม่ได้!”
มีคนนัยน์ตาวาววาบ
“ฆ่า!”
เหล่าผู้กล้าตื่นเต้นดีใจ การโจมตียิ่งรวดเร็วรุนแรงและน่ากลัวกว่าก่อนหน้านี้
เดิมทีตอนที่หลินสวินถูกล้อมโจมตี แต่ยังซัดกวาดไปข้างหน้า ทยอยสังหารคู่ต่อสู้ห้าคนได้ ก็ทำให้คนไม่น้อยขวัญหนีดีฝ่อ ในใจคิดจะถอยอยู่ก่อนแล้ว
ประกอบกับบุคคลร้ายกาจแห่งยุคอย่างพวกหมีอู๋หยา หลิงหงจวง จิ่งเทียนหนานก็ไม่เคยลงมือ ทำเอาผู้คนหวาดกลัวอยู่ในใจ กังวลว่าจะถูกมือที่สามชุบมือเปิบหลังต่อสู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย
ด้วยเหตุนี้ยามที่ทุกคนล้อมโจมตีหลินสวินจึงเก็บงำไว้อยู่บ้าง คิดว่าถ้าเห็นสถานการณ์ผิดแปลกจะได้ปลีกตัวถอยทันที
ถึงอย่างไรแม้วาสนาจะดี แต่กลับไม่สำคัญกว่าชีวิต
แต่ด้วยหลินสวินได้รับบาดเจ็บ จึงทำให้เหล่าผู้กล้าเห็นความหวังและความเป็นไปได้ที่จะฆ่าหลินสวินเพื่อชิงแท่นมรรคมา!
“ฆ่า!”
พื้นที่แถบนี้อลหม่านยิ่งกว่าเดิม แสงสมบัติสาดพรมดุจสายฝน วิชามรรคสะเทือนฟ้าดิน ทำให้ห้วงอากาศปั่นป่วน
“แค่บาดเจ็บเท่านั้น คิดว่านี่เป็นโอกาสของพวกเจ้าจริงๆ หรือ”
น้ำเสียงหลินสวินเยียบเย็น สีหน้ายังคงสุขุมเย็นชาราวกับไม่ได้รับบาดเจ็บ อานุภาพทั่วร่างยังแข็งแกร่งปานล้นฟ้า สะกดข่มผู้คนหาใดเปรียบ
ตูม!
ไอสังหารของเขาดุจพวยพุ่ง ไม่ทันไรก็มีผู้แข็งแกร่งอีกคนถูกฆ่าตายคาที่
เดิมทีเขาก็ต้านแรงกดดันของหลินสวินไม่อยู่ ต้องการจะเบี่ยงร่างหลบหนี แต่กลับถูกหลินสวินใช้ดาบหักปลิดชีพในคราเดียว
นี่เป็นคนที่หกที่สิ้นชีพในมือหลินสวินแล้ว ความรู้สึกสะท้านสะเทือนที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องพูดถึง
“หลินสวิน เจ้าบาดเจ็บแล้วยังจะดื้อดึงต่อต้านอีกหรือ”
ทั่วร่างเฟิงเป่ยหลิงส่องสว่างเรืองรอง ราวกับจอมเทพอุบัติขึ้นบนโลก ในมือพลันมีแส้หางม้าสีดำปรากฏ พุ่งสังหารเข้ามาอย่างแข็งกร้าว
ก่อนหน้านี้เขาถูกหลินสวินซัดจนต้องถอยไป ในใจรู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก การบุกโจมตีครั้งนี้ เขาใช้ไพ่ตายเป็นศาสตราจักรพรรดิโบราณชิ้นหนึ่ง…
แส้หางม้าคร่าวิญญาณ!
ตูม!
ไอพลังเจตะของแส้หางม้าพวยพุ่ง ราวกับไอขุ่นมัวแถบหนึ่งพัดผ่าน ลบล้างห้วงอากาศ แข็งกร้าวหาใดเปรียบ
หลินสวินยิ้มพุ่งตัวขึ้นไปรับ ใช้ประทับไร้ชีพมาต้านทาน
ฟุ่บ!
อาภรณ์เขาสะบัดโบก สง่างามและโดดเด่น ทั้งมีกลิ่นอายของวิชายุทธ์เลิศล้ำ ห้ำหั่นอยู่กับเฟิงเป่ยหลิง
ตูม โครม…
ระหว่างทั้งสองมีสมบัติปะทะกัน สำแดงฝีมือออกมาจนหมด คนหนึ่งราวกับจอมเทพลัทธิเต๋าปรากฏตัวบนโลก แส้หางม้าม้วนพัด ไม่มีสิ่งใดที่ทำลายไม่ได้
อีกคนดุจเทพมารซัดกวาด ประทับไร้ชีพส่องประกาย พลังพิฆาตล้นฟ้า โจมตีใส่กันจนมืดฟ้ามัวดิน
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทันทีที่ประมือกันเฟิงเป่ยหลิงก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกครั้ง ถูกหลินสวินกำราบอย่างสมบูรณ์ หากไม่มีสมบัติวิเศษในมือ เกรงว่าคงถูกหลินสวินฆ่าไปนานแล้ว
“ไป!”
เฟิงเป่ยหลิงตระหนักถึงจุดนี้เช่นกัน เขาขุ่นเคืองอยู่ในใจ พ่นเลือดพิสุทธิ์ออกมาทันที เปล่งเสียงตะเบ็งลั่น
ร่างมรรคสีทองไร้รูปร่างหนึ่งปรากฏ กลายเป็นจอมเทพที่ถลึงตามองด้วยโทสะ มือถือแส้หางม้าคร่าวิญญาณพุ่งเข้ากำราบ
ห้วงอากาศเริ่มสั่นสะเทือนรุนแรง รูปจำลองจอมเทพสีทองนั้นสูงใหญ่หาใดเปรียบ แส้หางม้าคร่าวิญญาณก็เป็นสมบัติจักรพรรดิที่อัศจรรย์เกินคาดเดาชิ้นหนึ่ง ทำให้อานุภาพของการโจมตีนี้น่ากลัวถึงขีดสุด
“ฮึ!”
หลินสวินส่งเสียงฮึเย็นชา หน้าตาดุดัน ในมือมีแส้หางม้าโฉบพุ่งออกมาเช่นกัน
มันขาวกระจ่างดุจหิมะ หมอกแสงดูประหนึ่งภาพฝัน การเปลี่ยนแปลงนิรันดร์บนโลกล้วนเคลื่อนคล้อยอยู่ภายใน ราวกับสายน้ำแห่งกาลเวลา
สามพันเคลื่อนคล้อย!
ยอดสมบัติที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเหลือทิ้งไว้ แม้จะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แต่อานุภาพยังแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ
ตูม!
สามพันเคลื่อนคล้อยม้วนพัด ขวางการโจมตีของร่างมรรคจอมเทพนั้นไว้ กำราบแส้หางม้าคร่าวิญญาณนั่นได้อย่างสมบูรณ์ ส่งเสียงครวญไม่หยุด
ส่วนหลินสวินก็ถือประทับไร้ชีพพุ่งทะยานโจมตีออกไปราวกับคุนเผิงในร่างคน
เฟิงเป่ยหลิงหน้าเปลี่ยนสี ร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง เรียกกระบี่จักรพรรดิเล่มหนึ่งออกมาต้านทาน
ตูม!
ประทับไร้ชีพและกระบี่จักรพรรดิปะทะกัน แสงศักดิ์สิทธิ์เชี่ยวกราก ทำให้ห้วงอากาศบิดเบี้ยวระเบิดกระจุย จากนั้นเสียงตูมพลันดังขึ้น กระบี่จักรพรรดิเล่มนั้นถูกซัดลอยออกไปอย่างแข็งกร้าว
ทุกคนต่างตื่นตระหนก หลินสวินแข็งแกร่งเกินไปแล้ว แม้แต่เฟิงเป่ยหลิงยังถูกบดขยี้ ไร้กำลังต้านทานอย่างสิ้นเชิง น่าตกตะลึงจริงๆ
พรูด!
สุดท้ายเฟิงเป่ยหลิงก็กระอักเลือดเซถอยหลัง ทั้งตัวดูอับแสงหาใดเปรียบ ถูกโจมตีอย่างหนัก
บนหน้าซีดเผือดของเขาเจือความหวาดผวา ทั้งแฝงความตื่นตระหนกและไม่เข้าใจอย่างสุดซึ้ง
“ตาย!”
หลินสวินสีหน้าเยียบเย็น เขตแดนมรรคแรกกำเนิดคลุมตัวเฟิงเป่ยหลิงที่เดิมทีคิดหลบหนีเหมือนม่านบังฟ้า
“ไม่…!”
เสียงคำรามอย่างขุ่นเคืองและไม่ยินยอมดังก้องขึ้น แต่ไม่ทันไรก็พลันหยุดลง
เมื่อเขตแดนมรรคแรกกำเนิดส่งเสียงกัมปนาท ร่างของเฟิงเป่ยหลิงถูกลบล้างไปทีละน้อย จิตวิญญาณดั้งเดิมกลายเป็นจุณ ร่างแหลกมรรคสลายอย่างสมบูรณ์
ผู้แข็งแกร่งแห่งยุคอีกคนตายแล้ว!
ในใจทุกคนเย็นวาบหวั่นหวาดในพริบตา สัมผัสได้ถึงความเดือดดาลและตื่นตระหนกที่ไม่เคยมีมาก่อนจากภายในสู่ภายนอก
ภายใต้อาการบาดเจ็บ หลินสวินยังแข็งกร้าวและหยิ่งผยองได้เช่นนี้ จะสู้ต่ออย่างไรเล่า
จิตต่อสู้ของคนมากมายสั่นคลอนอีกครั้ง
“แกร่งไปแล้วๆ…”
เสวียนจิ่วอิ้นตื่นเต้นจนตบบ่าของหลิงเคอจื่อที่อยู่ข้างๆ อย่างยินดีปรีดา “ภิกษุน้อย เจ้าเคยเห็นคนทรงพลังที่ดุดันเช่นนี้ไหม”
หลิงเคอจื่อถูกตบจนแยกเขี้ยวยิงฟัน กล่าวด้วยสีหน้าคับแค้น “เจ้าตบไหล่ตัวเองได้หรือไม่ อีกอย่างเจ้าช่วยเปลี่ยนคำได้ไหม พูดไปพูดมาก็จบที่คำว่าแข็งแกร่ง เจ้ายังพูดไม่หนำใจ แต่ข้าฟังจนพอแล้ว”
เสวียนจิ่วอิ้นหัวเราะชอบใจ ยกมือตบบ่าของหลิงเคอจื่ออีกครั้งพลางกล่าว “ข้าบอกแล้วว่าตัวอักษรนับหมื่นพันบนโลกนี้ มีเพียงคำว่า ‘แข็งแกร่ง’ ที่ตรึงใจคนที่สุด นี่ข้ากำลังชื่นชมเจ้าหมอนั่นอยู่นะ!”
หลิงเคอจื่อได้แต่ยิ้มขื่นนวดไหล่ที่ปวดแปลบ
ห่างออกไปพวกหมีอู๋หยา หลิงหงจวง จิ่งเทียนหนาน เวินอวี๋ต่างสีหน้าจริงจัง ส่วนลึกของนัยน์ตามีเปลวไฟลุกโชนและกระเหี้ยนกระหือรือ
พวกเขากำลังรอโอกาสที่เหมาะสม!
เวลานี้เอง…
ในสนามรบคมดาบที่ส่องประกายดุจหิมะปรากฏ เฉือนตัดห้วงอากาศ ทะลวงผ่านการโจมตีที่ทบเป็นชั้นๆ ฟาดฟันไปทางหลินสวิน!
รวดเร็วยิ่งนัก ราวกับมองข้ามพันธะแห่งห้วงอากาศว่างเปล่า คมกริบเกินไป ทุกหนแห่งที่คมดาบนั้นพาดผ่าน มีอานุภาพน่ากลัวที่ไม่อาจต้านทาน
ที่แปลกที่สุดคือสิ่งนี้ถึงกับมองข้ามเขตแดนมรรคแรกกำเนิดที่อยู่รอบตัวหลินสวิน ชั่วพริบตาก็พุ่งมาใกล้หลินสวินอย่างง่ายดายเหมือนตัดผ่าอากาศ!
หลินสวินตกตะลึง ขนพองสยองเกล้า พุ่งหลบไปอีกด้านทันที ต่อให้อยู่ในเวลานี้เขาก็ยังไม่ยอมถอยสักก้าว!
ฟุ่บ!
ภาพที่น่ากลัวปรากฏ แม้แต่พลังป้องกันที่สานพันอยู่รอบตัวหลินสวินยังถูกคมดาบนั้นทะลวงผ่านอย่างง่ายดายเหมือนสิ้นอานุภาพ หน้าอกเขาถูกแหวกเป็นแผลแคบยาวเลือดไหลทะลัก ผิวแตกเลือดอาบ!
ไม่จำเป็นต้องสงสัย หากหลินสวินหลบช้าไปเพียงเสี้ยว ต้องพบฉากจบน่าอนาถที่ท้องเหวอะอกเปิดแน่!
ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่กำลังล้อมโจมตีหลินสวินล้วนถูกภาพนี้ทำให้แปลกใจ
ดาบนี้แปลกประหลาดและน่ากลัวเกินไปแล้ว!
จากนั้นทุกคนต่างกระตือรือร้น นัยน์ตาวาววาบ
ครั้งนี้หลินสวินได้รับบาดเจ็บหนักอย่างแท้จริง เกือบถูกแหวกอกคว้านท้อง!
และเวลานี้เองที่ผู้คนสังเกตเห็นว่าคนที่ลงมือเป็นใคร
นั่นคือชายหนุ่มชุดเทาท่าทางสุภาพหล่อเหลา แต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับดุดันเฉียบคมเป็นอย่างยิ่ง อานุภาพรอบตัวก็แข็งแกร่งหาใดเปรียบ
ซางจื่อเหยี่ยน!
ผู้สืบทอดแกนหลักของเรือนมรรคยุทธจักร อยู่ในอันดับสิบของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์
อันดับของเขาดูเหมือนด้อยกว่าเฟิงเป่ยหลิงและข่งเจาเล็กน้อย แต่ในแดนลับโลกาสวรรค์เมื่อไม่นานมานี้ กลับสำแดงความโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากไท่ซูหงเจ้าสำนักแห่งเรือนมรรคโลกาสวรรค์เห็นความสามารถของซางจื่อเหยี่ยนแล้วยังทอดถอนใจ คิดว่ากระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ถึงเวลาต้องจัดอันดับใหม่อีกครั้งแล้ว!
เท่านี้ก็รู้แล้วว่าแค่อันดับในตอนนี้ ไม่สามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งของซางจื่อเหยี่ยนได้อย่างแม่นยำ
แต่สิ่งที่ทุกคนสนใจที่สุดคือดาบเล่มนั้นในมือเขา
มันยาวสองฉื่อสี่ชุ่น กว้างสามนิ้วมือ โปร่งแสงเจิดจ้าตลอดเล่ม คมดาบแผ่แสงมหามรรคที่เหมือนภาพฝันลวงตา ชวนกระตุกจิตวิญญาณ
“ดาบมหามรรคไร้วิชา หนึ่งในเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน!”
เสวียนจิ่วอิ้นแทบจะพูดโดยไม่ต้องคิด หน้าเปลี่ยนสีไปหมด
ในลานปั่นป่วนไม่อาจสงบ
เปรียบเทียบกับศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนอย่างประทับไร้ชีพและธงไร้ระเบียบในมือหลินสวินแล้ว ดาบไร้วิชานี้มีชื่อเสียงเหี้ยมโหดโจษจันบนฟ้าดาราอย่างยิ่ง
ตั้งแต่ยุคบรรพกาล ดาบนี้ก็ตกอยู่ในมือของเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลซาง กลายเป็นดาบจักรพรรดิไร้เทียมทานพิทักษ์เผ่าเล่มหนึ่ง
ตามตำนานอานุภาพของมันที่พาให้คนใจสั่นระรัวที่สุดก็คือ สามารถมองข้ามวิชามรรคได้ทุกอย่าง เมื่อคมดาบพุ่งไปที่ไหน ไม่ว่าวิชามรรคที่เจ้าสำแดงจะสะเทือนใต้หล้าเพียงใดย่อมถูกทะลวงผ่านอย่างง่ายดายประหนึ่งไร้ค่า
ไร้ซึ่งพันธนาการใดๆ เหมือนปลาแหวกว่ายอยู่ในน้ำ!
สำหรับผู้ฝึกปราณคนหนึ่ง สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือมรรคและวิชาของตน มีเพียงสิ่งนี้ถึงครองอานุภาพเข่นฆ่าได้ตามใจ
แต่ภายใต้ดาบนี้ วิชามรรคทุกอย่างล้วนเหมือนเครื่องประดับ!
นามว่า ‘ไร้วิชา’ จึงได้มาด้วยเหตุนี้
ก่อนหน้านี้ซางจื่อเหยี่ยนก็อาศัยพลังเฉพาะตัวของดาบนี่ จู่โจมหลินสวินจนรับมือไม่ทันและได้รับบาดเจ็บ!
“หลินสวิน ทุกอย่างนี้ควรสิ้นสุดแล้ว”
ซางจื่อเหยี่ยนก้าวเข้ามา ดาบไร้วิชาครวญใส คมดาบที่ส่องประกายดุจหิมะเปล่งแสงที่ทำให้ฟ้าดินไร้สี
ทุกคนต่างตื่นเต้น ดูเหมือนว่าการพลิกผัน… จะมาแล้ว!
พวกหมีอู๋หยา หลิงหงจวง จิ่งเทียนหนาน เวินอวี๋ล้วนแววตาวูบไหว เตรียมพร้อมลงมือ
“สิ้นสุดหรือ คุยโวโอ้อวดไม่กระดาก”
หลินสวินสูดหายใจลึก บาดแผลตรงหน้าอกเริ่มผสาน แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่อาการบาดเจ็บที่ดาบนั่นฝากไว้ก่อนหน้านี้ยังทำให้เขาหน้าซีดเผือดไปสามส่วน
นี่ก็คือความน่ากลัวของดาบมหามรรคไร้วิชา บาดแผลภายนอกสมานง่าย แต่พลังทำลายล้างที่คมดาบปล่อยออกมา กลับไม่ใช่สิ่งที่สลายได้ง่ายดายเช่นนั้น
“เจ้าต่อสู้มาถึงตอนนี้ พลังกายผลาญไปอย่างต่อเนื่อง ยามนี้ได้รับบาดเจ็บเหมือนสัตว์ในกรงอีก ยังจะเอาอะไรมาสู้”
สีหน้าซางจื่อเหยี่ยนเย็นชา เสียงสะท้อนทั่วบริเวณ
ขณะกล่าวเขาก้าวออกไปก้าวหนึ่ง
ฟุ่บ!
ดาบไร้วิชาที่ยาวสองฉื่อสี่ชุ่นถูกเขาฟันออกไป ปราณดาบพุ่งทะลวงแผ่นฟ้า เปล่งประกายเจิดจ้าราวกับธารดาราที่เจิดจรัส ดุดันรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
ดาบเดียวแต่ประทับมรรควิถีและเจตจำนงทั้งตัวของซางจื่อเหยี่ยนไว้ ไม่อาจใช้คำพูดมาบรรยายความน่ากลัวของดาบนี้ได้ง่ายๆ!
ผู้แข็งแกร่งหลายคนที่เดิมล้อมโจมตีหลินสวินพุ่งหลบไปโดยจิตใต้สำนึกก่อนแล้ว เกรงแต่จะถูกอานุภาพของดาบนี้ไปด้วย
แต่เวลานี้กลับเห็นนัยน์ตาดำหลินสวินล้ำลึก ไม่หลบไม่หนี แค่ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปก่อนเอ่ยราบเรียบ
“วันนี้ดาบนี่ต้องเปลี่ยนเจ้าของ”
..