Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2531 ไสหัวมารับความตาย
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2531 ไสหัวมารับความตาย
ตอนที่ 2531 ไสหัวมารับความตาย
ประโยคเดียวดังก้องทั่วลาน ทำให้ทุกคนต่างอึ้งงัน พริบตาเดียวก็เหมือนไปแหย่รังแตน เสียงก่นด่าสาปส่งดังขึ้นทั่วสารทิศ ล้วนพุ่งไปยังหลินสวินคนเดียว
“เจ้าคงเบื่อชีวิตแล้วสินะ!”
“ทุกท่านล้วนได้ยินแล้ว เจ้าหมอนี่รนหาที่ตายเอง!”
“ถ้าสวรรค์อยากให้ตาย ย่อมทำให้คนบ้าระห่ำ หลินสวิน ข้าจะดูว่าเจ้าถูกฆ่าอย่างไร!”
…ทุกเสียงข่มขู่และก่นด่าสาปส่งเหมือนปกคลุมฟ้าดิน
หลินสวินไม่ได้สนใจ สีหน้าราบเรียบ เขากวาดสายตามองทุกคน จดจำเจ้าของเสียงพวกนั้นขึ้นใจ บ้างเป็นศัตรูที่คุ้นหน้า บ้างเป็นคนแปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง
หืม?
ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นว่าผู้ฝึกปราณที่ยืนอยู่ใกล้บริเวณนี้ล้วนถอยห่างไปตามจิตใต้สำนึก เหมือนเกรงว่าจะถูกเขาดึงเข้าไปข้องเกี่ยว
มุ่งหาประโยชน์เลี่ยงอันตราย เป็นธรรมชาติของมนุษย์
หลินสวินไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
แต่หลังจากเปิดศึกครองสังเวียน หากเจอคนพวกนี้ เขาก็ไม่มีทางเกรงใจแน่
กาลเวลาล่วงเลย ผู้ฝึกปราณก้าวออกมาจากหมอกควันขาวโพลนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ มาถึงในลานประลองสี่สิบเก้าแห่งนี้
หลินสวินสังเกตเห็นว่ามีคนลองเปลี่ยนลานประลอง แต่กลับถูกขวางโดยพลังไร้รูปชั้นหนึ่งยามเคลื่อนไหว ทำให้เขาจำต้องหยุด
เห็นชัดว่าระหว่างลานประลองสี่สิบเก้าแห่งนั้นไม่อาจยุ่งเกี่ยวกัน
นี่ก็หมายความว่าหากเปิดศึกครองสังเวียน ศัตรูที่เขาต้องเผชิญหน้าก็คือผู้ฝึกปราณบนลานประลองที่เขาอยู่แห่งนี้
แกร๊ง!
ทันใดนั้นเสียงระฆังดุจเสียงธรรมชาติดังก้องขึ้น
บนเสาหินข้างตำหนักเซียนใจกลาง สถานที่ซึ่งสลักถ้อยคำว่า ‘เคาะระฆังทองเหล่าเซียนชุมนุม’ ปรากฏภาพมายาระฆังทองแดงที่ทองอร่ามใบหนึ่ง ส่องประกายสว่างไสว
ทันใดนั้นหน้าลานประลองสี่สิบเก้าแห่ง สมรภูมิทวยเทพมากมายราวตื่นจากความเงียบงันชั่วกาล แผ่กลิ่นอายต่อสู้ที่เรียบง่ายทรงพลัง อบอวลทั่วจักรวาล
เหล่าผู้ฝึกปราณที่ยืนอยู่ในลานประลอง เวลานี้ในจิตรับรู้ล้วนสัมผัสได้ถึงพลังเจตจำนงน่าอัศจรรย์
ศึกครองสังเวียน
ไม่พูดเรื่องเป็นตาย
เจ็ดวันตัดสิน
เวลามีจำกัด
…ทั้งที่นั้นอลหม่านในชั่วขณะเดียว ทุกคนต่างตระหนักว่าข่าวลือเป็นจริงดังคาด!
พลังเจตจำนงน่าอัศจรรย์นั้นเผยกฎของศึกครองสังเวียนขึ้นในใจผู้ฝึกปราณทุกคน ทำให้พวกเขาเข้าใจในทันที
‘ห้ำหั่นบนสมรภูมิทวยเทพ ไม่อาจใช้พลังอื่นนอกจากมรรควิถีแห่งตนกับสมบัติบริสุทธิ์…’ หลินสวินเลิกคิ้ว
นี่เห็นชัดว่าไม่อาจใช้ไพ่ตายก้นหีบบางส่วนได้
ต้องการครองสังเวียนให้สำเร็จ ก็ได้แต่พึ่งพาพลังต่อสู้ของตนไปโรมรัน!
“ฮ่าๆๆ หลินสวิน ไม่มีไพ่ตายแล้ว เจ้ายังเอาอะไรมาคุกคามบรรพจารย์มรรคได้อีก” หนานหย่งเชียงหัวเราะลั่นออกมาเป็นคนแรก ยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง
สายตาที่คนอื่นในนั้นมองหลินสวินก็เปลี่ยนเป็นพิกลขึ้นมา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ บรรพจารย์มรรคที่ตายในมือหลินสวินมีจำนวนไม่น้อย แต่เกือบทั้งหมดล้วนเชื่อว่าหลินสวินใช้ไพ่ตายต้องห้ามบางอย่างถึงทำได้
ไม่อย่างนั้นอาศัยเพียงมรรควิถีระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปดนั้นของเขา ย่อมไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของบรรพจารย์มรรคได้แต่แรก
ตอนนี้ในศึกครองสังเวียนห้ามใช้ไพ่ตายพวกนี้ สำหรับศัตรูพวกนั้น นี่เท่ากับทำให้ภัยคุกคามจากหลินสวินอ่อนกำลังลงอย่างไม่ต้องสงสัย!
หลินสวินไม่ได้ปริปาก แต่ในใจกลับอดยิ้มหยันไม่ได้ เมื่อสิบแปดปีก่อน เขายากจะสังหารบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งในการปะทะซึ่งหน้าจริงๆ
แต่ตอนนี้ต่อให้ไม่ใช้เพลิงระเบียบดับสูญ การฆ่าบรรพจารย์จักรพรรดิก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!
“ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ ตอนนี้ไม่มีทางถอยให้เลือกอีก สมน้ำหน้าเจ้าหลินสวินที่ต้องประสบเคราะห์ในวันนี้!”
หนานหย่งเชียงหัวเราะอย่างเบิกบานหาใดเปรียบ รื่นเริงยินดี อิ่มเอมใจยิ่งนัก
หลินสวินก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้แล้ว เขาถอนหายใจยาวคราหนึ่ง “เจ้าเฒ่า หากว่านี่คือคำสั่งเสียของเจ้า นั่นย่อมกลายเป็นเรื่องน่าขันที่เล่าขานไปชั่วลูกชั่วหลาน ภายหน้ายามลูกหลานตระกูลหนานของพวกเจ้าเห็นถ้อยคำที่สลักบนป้ายหลุมศพนี้แล้ว เกรงว่าคงสิ้นชีพด้วยความอับอายแน่”
ทุกคน “…??”
หนานหย่งเชียงแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง ครู่ใหญ่ถึงโกรธจัดจนกลายเป็นหัวเราะ ชี้หน้าหลินสวิน “เจ้าสวะตัวจ้อย เจ้า…”
หลินสวินกล่าวตัดบท “คำพูดผายลมยิ่งมากยิ่งตายเร็ว ถ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อจริง อีกเดี๋ยวก็มาเจอกันบนสมรภูมิทวยเทพ”
หนานหย่งเชียงเบิกตากว้าง รู้สึกเพียงเลือดขึ้นหน้าจนแทบระเบิด
“ผู้อาวุโส ไยต้องโมโหคนตายด้วย อีกเดี๋ยวข้าจะสังหารเขาเอง!” หนานเทียนเจิงสีหน้าอำมหิต
แกร๊ง!
เสียงระฆังดังก้องฟ้าดินอีกครั้ง
หน้าลานประลองสี่สิบเก้าแห่งล้วนปรากฏแสงเซียนสีทองงามตระการแถบหนึ่ง กลายเป็นเส้นทางมหามรรค เชื่อมต่อตรงไปยังสมรภูมิทวยเทพ
ขณะเดียวกันบนเวิ้งฟ้ามีดาวเจ็ดดวงปรากฏ เจิดจรัสส่องประกาย นั่นสื่อถึงกำหนดเวลาเจ็ดวัน เมื่อผ่านไปหนึ่งวันก็จะมีดาวดวงหนึ่งมอดดับ
บนลานประลองสี่สิบเก้าแห่งล้วนเปลี่ยนเป็นปั่นป่วนขึ้นมา ผู้ฝึกปราณบางคนที่เตรียมพร้อมลงมืออยู่ก่อนแล้วพุ่งไปบนทางเดินสีทองนั่นทันที
จริงดังคาด เพียงพริบตาเงาร่างของพวกเขาก็ปรากฏบนสมรภูมิทวยเทพ!
ไม่รอให้ศึกครองสังเวียนเริ่มต้น รอบลานประลองทุกแห่งนั้นล้วนถูกหมอกควันขาวโพลนปกคลุม เหมือนกลายเป็นโลกใบเล็กสี่สิบเก้าแห่งที่ถูกตัดขาดอย่างสมบูรณ์
ไม่เห็นภาพในลานประลองอื่นอีก
แต่ไม่มีใครสนใจเรื่องพวกนี้ ล้วนเคลื่อนสายตามองสมรภูมิทวยเทพที่อยู่ห่างไกลจากลานประลอง!
ใครต่างก็รู้ว่ามีเพียงผู้ชนะติดต่อกันเก้าครั้ง ถึงจะสามารถเข้าสู่ ‘ล่าสัตว์’ ในด่านสองได้!
สมรภูมิทวยเทพมหึมานั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา แต่ไม่เคยเสื่อมสูญ ตั้งอยู่กลางอากาศ นั่นคือเวทีช่วงชิงความเป็นใหญ่!
“หลินสวิน ไสหัวขึ้นมา!”
เงาร่างหนึ่งไปถึงสังเวียนก่อน เหนือความคาดหมายที่ไม่ใช่หนานหย่งเชียง ทั้งไม่ใช่หนานเทียนเจิง หากแต่เป็นชายชุดเงินคนหนึ่ง โครงร่างสูงใหญ่ สีหน้าเยียบเย็นอำมหิต ไม่อำพรางแววเกลียดชังแม้แต่น้อย
เขามาจากตระกูลหนานเช่นกัน นามว่าหนานเทียนป้า มีพลังปราณระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปด ไม่ด้อยไปกว่าหนานเทียนเจิงเท่าไหร่
“เทียนป้า เจ้าก็ใจร้อนเกินไปแล้ว” ไม่อาจขึ้นสังเวียนเป็นคนแรก หนานเทียนเจิงจนปัญญาอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้
หนานเทียนป้ากล่าว “พี่ชาย เชือดไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าวัว แค่จัดการหลินสวินนี่ ให้ข้าทำก็พอแล้ว”
น้ำเสียงแฝงความอวดดีและเย่อหยิ่ง
“ดี เทียนเจิง ชื่อเสียงเจ้ามากพอแล้ว ถึงเวลาให้เทียนป้ามีโอกาสประกาศศักดาบ้าง เจ้าหลินสวินนี่ดุดันเป็นที่โจษขาน พฤติกรรมด่างพร้อย การสังหารเขาก็สามารถเป็นฐานรองเหยียบให้เทียนป้าได้”
หนานหย่งเชียงลูบเคราพลางกล่าว
ผู้ฝึกปราณคนอื่นบนลานประลองล้วนไม่ปริปาก ยอมถอยก้าวหนึ่งอย่างรู้ตัว ใครต่างก็มองออกว่าตระกูลหนานตั้งใจกำจัดหลินสวินทิ้งแต่แรก
“เช่นนั้นเจ้าต้องระวังหน่อย แม้ว่าคนผู้นี้ไม่อาจใช้ไพ่ตายบางส่วนที่พอจะคุกคามบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่พลังต่อสู้ของเขาก็ไม่อาจดูถูกได้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่อาจทิ้งชื่อไว้บนกระดานเร้นลับ การจัดการเขา…”
หนานเทียนเจิงกำชับ แม้ว่าอยากจะฆ่าหลินสวิน แต่เห็นชัดว่าเขาไม่ได้ดูถูกหลินสวิน สงบนิ่งยิ่งนัก
แต่ไม่รอให้พูดจบก็ถูกหนานเทียนป้าหัวเราะตัดบท “เอาเถอะ เรื่องพวกนี้ข้ารู้อยู่ก่อนแล้ว พี่ชาย ข้าเคยทิ้งชื่อไว้บนกระดานเร้นลับตั้งแต่หลายพันปีก่อนแล้ว!”
เขาพลันเหลือบสายตามองหลินสวิน “มัวนิ่งอึ้งทำไม ไสหัวมารับความตายซะ!”
เสียงราวกับฟ้าร้องก้องฟ้าดิน
ชิ้ง!
ในมือเขาปรากฏทวนศึกม่วงอร่ามเล่มหนึ่ง เปล่งแสงดุดันหาใดเปรียบออกมา ขับเน้นเงาร่างเขาจนเหมือนเทพสงครามไร้เทียมทานองค์หนึ่ง อหังการทะยานฟ้า
หลายคนหน้าเปลี่ยนสี หนานเทียนป้านี่ดูเหมือนจองหองไปบ้าง แต่เห็นชัดว่าเป็นตัวอันตรายคนหนึ่ง มีพลังยอดเยี่ยม มรรควิถีชวนประหวั่น
เวลานี้เองหลินสวินก้าวไปบนทางเดินสีทองนั่น เงาร่างสูงตระหง่านปรากฏในสมรภูมิทวยเทพทันที
พริบตานี้พลังระเบียบที่กำราบตัวเขาหายลับไป พลังปราณทั้งตัวเหมือนสัตว์ปีศาจดึกดำบรรพ์ตื่นจากการหลับไหล ห้อตะบึงอึงอลไปทั้งตัว
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่คุ้นเคยนี้ หลินสวินถอนหายใจออกมาด้วยความพอใจอย่างอดไม่ได้
ตูม!
หนานเทียนป้าโบกสะบัดทวนศึกสีม่วง พุ่งโจมตีเข้ามาในพริบตา เห็นชัดว่าเขาอดใจรอไม่ไหวแล้ว ไม่คิดเสียเวลาแม้แต่น้อย ต้องการสังหารหลินสวิน สร้างชื่อประกาศศักดา!
ห้วงอากาศระเบิดออก ทวนศึกสีม่วงนั้นสะบัดโบก ม้วนน้ำตกอสนีดุดันพร่างพราวบาดตาแถบหนึ่งขึ้นมา ท่ามกลางความเลือนรางมีดวงดาวนับไม่ถ้วนดับสลายอยู่ภายใน เปลี่ยนเป็นภาพเหมือนโลกมลาย
ตูม!
การโจมตีนี้อหังการแกร่งกล้าเกินไปจริงๆ ดุดันหาใดเปรียบ ผู้ฝึกปราณในลานประลองที่อยู่ห่างไปล้วนเผยสีหน้าตกใจอย่างอดไม่ได้
หนานหย่งเชียงลูบเคราพลางยิ้ม นัยน์ตาเผยแววชื่นชม
หนานเทียนเจิงลอบพยักหน้าเช่นกัน แค่การโจมตีเดียวก็มองออกว่าหนานเทียนป้าไม่ได้ประมาท หากแต่ใช้พลังที่แท้จริงโดยตรง ปลดปล่อยมรรควิถีของตนออกมาเต็มกำลัง
ตูม ครืน…
บนสมรภูมิทวยเทพแสงสายฟ้าวาบแปลบปลาบครั่นครืน แสงมรรคสีม่วงพุ่งออกมาพร้อมทวนม่วง ในพริบตานี้หนานเทียนป้าราวกับเทพสวรรค์ ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันอย่างรุนแรง
หลินสวินยืนอยู่จุดเดิม กลิ่นอายราบเรียบ ไม่แม้แต่จะขยับ คล้ายถูกการโจมตีที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ทำให้อึ้งไป
พาให้คนรู้สึกเหมือนว่าอีกเดี๋ยวเขาก็จะถูกฟันแหลกละเอียด!
เปรียบเทียบด้านอานุภาพแล้วแตกต่างกันเกินไป
เห็นว่าการโจมตีร้ายกาจหาใดเปรียบนั้นมาถึงตรงหน้า ก็ไม่เห็นหลินสวินขยับ ท่ามกลางละอองแสงซ่านเซ็น ทวนศึกสีม่วงเล่มนั้นพลันหยุดชะงักกลางอากาศ ไม่อาจเข้าใกล้ได้แม้แต่คืบเดียวอีก
ส่วนเงาร่างที่พุ่งทะยานเข้ามาของหนานเทียนป้าก็พลันชะงักไป ร่างกายเกือบแบกรับไม่ไหว เหมือนพุ่งชนปราการที่ทรงพลังเกินต้านทาน
นัยน์ตาเขาพลันหดรัด
ในใจทุกคนบนลานประลองก็สะท้านไหวรุนแรง
เห็นเพียงมือข้างหนึ่งของหลินสวินกำทวนศึกของหนานเทียนป้าไว้แน่นหนาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นิ้วมือขาวกระจ่างเรียวยาวราวกับพันธนาการสวรรค์ ทำให้ทวนศึกสีม่วงนั้นไม่อาจเข้าใกล้ได้แม้เพียงคืบ ทั้งไม่อาจขยับเขยื้อนได้!
“นี่…”
ทุกคนล้วนหน้าเปลี่ยนสี
การโจมตีที่น่าหวาดกลัวไร้ขอบเขตนั้น ถึงกับถูกจับด้วยมือเปล่าหรือ
เหตุการณ์นี้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนโดยสิ้นเชิง!
“เปิด!”
หนานเทียนป้าตวาดลั่น กระตุ้นมรรควิถีทั้งตัวถึงขีดสุด ทำให้เงาร่างเขาแผ่แสงมรรคสีม่วงไร้สิ้นสุด มีกฎเกณฑ์สีม่วงนับไม่ถ้วนล้อมรอบ ทั้งตัวราวกับลุกโหมร้อนเร่า
แต่ทวนศึกสีม่วงนั้นก็ยังแน่นิ่งไม่ขยับ!
แย่แล้ว!
หนานเทียนป้าหน้าเปลี่ยนสีอย่างสมบูรณ์ เพิ่งคิดสละทวนศึกใช้วิธีต่อสู้อื่น ก็เห็น…
หลินสวินออกแรงบิดและกระชากที่ข้อมือทันใด
ทวนศึกสีม่วงของหนานเทียนป้ากระเด็นหลุดจากมือ ทั้งตัวเขาถูกดึงเข้าไปหาหลินสวินอย่างควบคุมไม่ได้!
ขณะเดียวกันหลินสวินตบฝ่ามือหนึ่งออกไป
เพี๊ยะ!
เสียงตบดังฟังชัดหาใดเปรียบสะท้อนก้อง
หนานเทียนป้าถูกฝ่ามือนี้ตบจนพลิกตลบกลางอากาศสิบกว่ารอบเหมือนลูกข่างหมุนวน ร่วงห่างออกไปหลายร้อยจั้งเต็มๆ ทั้งตัวกระตุกรุนแรง จมูกปากกบเลือด กระดูกหน้าถูกซัดแหลกจนยุบลงไป
ทั้งสมรภูมิทวยเทพสะท้านสะเทือนทันที
ฝ่ามือนี้เหมือนตบจนสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ซัดสะเทือนจักรวาล!
………………….