Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2544 ที่แท้ก็มาเพราะข้า
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2544 ที่แท้ก็มาเพราะข้า
ตอนที่ 2544 ที่แท้ก็มาเพราะข้า
บนพื้น
ใบหน้าพริ้มเพราขาวกระจ่างของเซี่ยงเสี่ยวหยวนจมพื้นสีน้ำตาลอมดำ แววตาโศกเศร้าและกังวล ทั้งมีเพลิงโทสะแผดเผาลุกโหม
เท้าข้างนั้นเหยียบแผ่นหลังผอมบางของนาง เต็มไปด้วยพลังเผด็จการที่ไม่อาจสั่นคลอน กำราบทั้งตัวนางไว้อย่างแน่นหนา
นี่คือวิธีกักขังที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายหยามเหยียดอย่างที่สุด
“เขามาแน่ ต้องมาแน่…” มุมปากเซี่ยงเสี่ยวหยวนหลั่งเลือดซึมพื้นดิน นัยน์ตาฉายแววเด็ดเดี่ยว
ชายชุดดำที่เหยียบเซี่ยงเสี่ยวหยวนถอนใจเบาๆ ยังคงกล่าวด้วยเสียงอบอุ่น “พวกเราไม่มีเวลามาสิ้นเปลืองเท่าไหร่ แม่นาง ให้เจ้าเลือกอย่างหนึ่ง ไม่เจ้าตายก็ท่านลุงคนนั้นของเจ้าสิ้น เจ้าตัดสินใจเถอะ”
“ฆ่าทิ้งซะก็จบ ทำไมต้องวุ่นวายเช่นนี้ด้วย”
ชายรูปงามหัวโล้นชิงเหมิ่งก้าวเข้ามา มองเซี่ยงเสี่ยวหยวนที่ถูกเหยียบติดพื้น เผยสีหน้าเวทนาเสี้ยวหนึ่งอย่างอดไม่ได้ “แม่นางคนงามแต่กลับถูกเหยียบย่ำเช่นนี้ ข้าเห็นแล้วปวดใจอยู่บ้าง”
น้ำเสียงเจือความหยอกล้อ เจตนาคลุมเครือ
“เสี่ยวหยวน!”
หลิ่วเซียงเชวียที่บาดเจ็บหนักเจียนตาย เลือดอาบไปทั้งตัวพุ่งมาแต่ไกล ดวงตาปูดโปนแทบถลน นัยน์ตาคั่งโลหิต เหมือนสัตว์ที่เสียการควบคุมเพราะโกรธจัด
นัยน์ตาชิงเหมิ่งฉายแววดุดัน “ผู้อาวุโส ข้าไว้ชีวิตเจ้าแล้ว ยังรนหาที่ตายเช่นนี้อีกหรือ”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เขาเหวี่ยงหมัดหนึ่งออกมาลวกๆ
ปึง!
หลิ่วเซียงเชวียกระเด็นลอยออกไปทันที ผิวกายแตกระแหง กระดูกหักไม่รู้กี่ท่อน ความสาหัสของอาการบาดเจ็บ ถึงกับทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิอย่างเขาไม่อาจตะกายขึ้นมาจากพื้น
“ปล่อยเสี่ยวหยวนไป จะฆ่าจะแกงข้าพร้อมสู้ด้วยถึงที่สุด!” หลิ่วเซียงเชวียกล่าวเสียงแหบพร่า
ชิงเหมิ่งยิ้มน้อยๆ ไม่สนใจเขาอีก
ชายชุดดำกลับเหลือบมองหญิงสาวชุดกระโปรงที่มือถือม้วนตำรา กำลังอ่านอย่างจริงจังนั่น
ฝ่ายหลังเงยใบหน้าเกลี้ยงเกลาขึ้นอย่างจนปัญญาอยู่บ้าง มองชายชุดดำคราหนึ่งพลางกล่าว “ทำไมต้องให้ข้าตัดสินใจอยู่เรื่อย”
ชายชุดดำกล่าวด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์อ่อนโยน “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะส่งแม่นางคนนี้ไปลงนรก ขอแค่เจ้าไม่โทษข้าว่าทำลายบุปผางามหรือรังแกผู้หญิงก็พอ”
หญิงสาวชุดกระโปรงอดยิ้มไม่ได้ ใบหน้าสง่างามเรียบง่ายเผยแววนึกสนุก “เจ้าไม่ห่วงว่าหลินสวินนั่นมาแล้วจะแก้แค้นให้แม่นางคนนี้หรือ”
ชายชุดดำคิดดูอย่างจริงจังพลางกล่าว “เช่นนั้นจะทำอย่างไร หรือให้ข้าประคองแม่นางคนนี้ขึ้นมา คุกเข่าโขกหัวกับพื้น สำนึกผิดขออภัยด้วยน้ำหูน้ำตานองหน้า?”
เมื่อกล่าวถึงตอนท้าย แม้แต่ตัวเขาเองยังอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“เจ้านี่นะ ดูเหมือนคนละมุนละม่อมดุจหยก ความจริงแล้วใจคอดั่งหินเหล็กที่สุด ชิงเหมิ่งยังดูเป็นผู้เป็นคนยิ่งกว่าเจ้า”
หญิงสาวชุดกระโปรงส่ายหัว เคลื่อนสายตามองม้วนตำราในมือใหม่อีกครั้ง “อย่างมากข้าจะรออีกครึ่งเค่อ เจ้าชั่งน้ำหนักเองเถอะว่าจะจัดการอย่างไร”
ชายชุดดำพยักหน้า มองเซี่ยงเสี่ยวหยวนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า กล่าวเสียงอ่อนโยน “แม่นาง ไม่ต้องห่วง เจ้ายังอยู่รอดอีกครึ่งเค่อ”
“น่าเบื่อ หากเป็นข้าคงไม่มีทางชักช้าเช่นนี้แน่ สังหารนางด้วยหมัดเดียวก็ได้แล้ว”
ชิงเหมิ่งพูดพลางมองไปด้านหลังหญิงสาวชุดกระโปรงแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ ที่นั่นมีชายสวมชุดผ้าหยาบเรียบง่ายคนหนึ่งยืนเงียบไม่เอ่ยวาจามาตลอด
ทั้งตัวเขาล้วนสะอาดเอี่ยม มวยผมยาวเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่รูปลักษณ์ไม่ถึงขั้นหล่อเหลา ค่อนข้างธรรมดา แม้แต่กลิ่นอายก็แทบไม่มี เมื่อยืนอยู่ข้างหญิงสาวชุดกระโปรงก็ง่ายต่อการถูกคนละเลย
แต่เมื่อชิงเหมิ่งกวาดสายตามองไป กลับเจือแววหวาดกลัวยากปกปิด รวมถึงมีจิตต่อสู้ที่เหมือนกระตือรือร้นอยากลองเสี้ยวหนึ่งด้วย
แต่สุดท้ายเขาก็ข่มความคิดไปหยั่งเชิงชายชุดผ้าหยาบคนนี้ ไม่กล้าบุ่มบ่าม ไม่อย่างนั้นเขาสงสัยนักว่าตนจะถูกซัดตายในหมัดเดียวหรือไม่
ตั้งแต่ต้นจนจบชายชุดผ้าหยาบไม่มองเขาสักครา แต่ชิงเหมิ่งไม่ได้ใส่ใจ เขารู้ว่าในสายตาของชายชุดผ้าหยาบ ไม่เพียงไม่มีเขาอยู่ในนั้น ยังไม่มีชายชุดดำนั่นด้วย
คนที่ชายชุดผ้าหยาบสนใจอย่างแท้จริง มีแค่หญิงสาวชุดกระโปรงที่สง่างามดั่งดอกกล้วยไม้ นุ่มนวลละมุนละไมนั่น
“แม่นาง เหลือเพียงครึ่งเค่อแล้ว เจ้ามีอะไรสั่งเสียก็ลองพูดมาให้ข้าฟัง บางทีข้าอาจใจบุญเมตตา ช่วยเจ้าตั้งป้ายหินหรืออะไรได้”
ชิงเหมิ่งว่างจนเบื่อหน่าย ย่อตัวยิ้มระรื่นเอ่ยถาม เขาพูดพลางยื่นมือไปบีบหน้าเซี่ยงเสี่ยวหยวน “ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะฉีกปากเล็กเย้ายวนนี้ของเจ้าให้กระจุย”
“เจ้าจะฉีกปากของใคร”
เสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน สะท้อนก้องฟ้าดินแถบนี้ แฝงความเยียบเย็นเฉยชาที่พาให้คนใจสั่น
ชิงเหมิ่งพลันหยุดมือหันกลับไปมอง
ชายชุดดำที่เหยียบร่างเซี่ยงเสี่ยวหยวนเลิกคิ้ว ยิ้มอบอุ่นพลางกล่าว “ดูท่าว่าอีกฝ่ายคงห่วงเจ้ามาก ต่อจากนี้ก็ต้องดูว่าเขาจะรอดชีวิตแล้วช่วยเจ้าไป หรือพวกเจ้าจะได้ตายพร้อมกัน…”
เขาพูดพลางเงยหน้ามองออกไป
แต่หญิงสาวชุดกระโปรงยังคงอ่านตำราราวกับเพลิดเพลิน ชายชุดผ้าหยาบที่อยู่ข้างกายก็ยังเงียบเหมือนเดิม ใบหน้าธรรมดาดุจภูเขาน้ำแข็งที่ไม่เปลี่ยนแปลงชั่วกาลไม่มีคลื่นความรู้สึกแม้แต่น้อย
ห่างออกไปเงาร่างสูงตระหง่านปรากฏตัวกลางอากาศ เมื่อสะท้อนเข้าสู่สายตาของชิงเหมิ่งกับชายชุดดำนั่น ทั้งสองล้วนเผยสีหน้าสนอกสนใจ
แววตาของชิงเหมิ่งกำเริบเสิบสาน
แววตาของชายชุดดำกลับเจือรอยยิ้มบางๆ นั่นคือรอยยิ้มที่เย็นชาถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง ราวกับความรื่นรมย์ยามรอเหยื่อ
คนที่มาคือหลินสวิน เขามองหลิ่วเซียงเชวียที่บาดเจ็บสาหัสถึงขั้นไม่อาจลุกขึ้นแล้วคิ้วขมวดน้อยๆ
เมื่อเห็นเซี่ยงเสี่ยวหยวนที่ถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าชายชุดดำ นัยน์ตากลับหรี่ลงอย่างยากสังเกตเห็น มีแววเยียบเย็นวาบผ่าน
“พี่หลินไม่ต้องสนใจข้า รีบพาท่านลุงของข้าจากไป!” เซี่ยงเสี่ยวหยวนกล่าวอย่างร้อนรน
นางรู้ชัดถึงความน่ากลัวของคนพวกนี้ดี แต่ละคนล้วนเย้ยฟ้า น่ากลัวถึงขั้นทำให้คนสิ้นหวัง
ฟุ่บ!
ร่างชิงเหมิ่งพริบวาบ ปรากฏตัวข้างกายหลิ่วเซียงเชวียที่อยู่อีกด้าน ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบร่างหลิ่วเซียงเชวียไว้เช่นกัน สองมือกอดอก มองหลินสวินด้วยแววตาแฝงความยั่วยุที่ไม่ปิดบังแม้แต่น้อย “ไม่ว่าเจ้าจะมาหาที่ตายหรือมาช่วยคน ล้วนต้องผ่านด่านข้าไปก่อน”
เขาชูนิ้วโป้งแล้วชี้ตัวเอง แววตาดุดัน หยิ่งผยองอย่างยิ่ง ลายดอกหางเหยี่ยวสีเลือดตรงหน้าผากแปลกประหลาดน่าพรั่นพรึง
“ยังมีด่านนี้ของข้าด้วย”
ชายชุดดำยิ้มอบอุ่น “พวกเราล้วนเคยได้ยินชื่อของเจ้า รู้ความเป็นมาของเจ้า แต่ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือชิงเหมิ่ง ล้วนไม่เชื่อว่าบนโลกนี้มีใครที่สามารถทำลายปราการระดับบรรพจารย์ ยามอยู่ในระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปดได้”
หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่ง พลันยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “ที่แท้ก็มาเพราะข้าหรือ”
“พูดอย่างนั้นก็ได้” แววตาดุดันของชิงเหมิ่งเจือความหยอกล้อ “ว่าอย่างไร กล้าเล่นสนุกกันหรือไม่ ขอเพียงเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าก็จะปล่อยผู้อาวุโสที่ถูกข้าอัดจนกลายเป็นหมาคนนี้ไป”
หลิ่วเซียงเชวียทั้งคับแค้นและเดือดดาล แต่เห็นชัดว่าเขาข่มกลั้นเต็มกำลัง พยายามให้ตนใจเย็นลง กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “สหายน้อยเจ้ารีบจากไปเร็วเข้า เรื่องที่เสี่ยวหยวนขอความช่วยเหลือ เดิมก็เป็นวิธีที่เลอะเลือนอย่างมาก เจ้าจะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้น…”
ไม่รอให้พูดจบ เขาพลันส่งเสียงอึดอัดในคอ กระดูกสันหลังถูกเท้าของชิงเหมิ่งเหยียบจนแตกละเอียด
“ว่าอย่างไร กล้าหรือไม่ หวังว่าเจ้าจะให้คำตอบที่น่าพอใจ” ชิงเหมิ่งยิ้มยิงฟันกล่าว
หลินสวินก็ยิ้มแล้ว ริมฝีปากขยับพูดออกมาสองคำเบาๆ “ได้สิ”
เขาสาวเท้าออกมาหนึ่งก้าว
ก้าวเดียวที่แผ่วเบา ไม่อาจใช้กฎเกณฑ์ใดมาบรรยาย แต่ตอนนี้หญิงสาวชุดกระโปรงที่กำลังก้มหน้าอ่านตำรากลับกล่าวขึ้นมาทันใด “ชิงเหมิ่ง ระวัง!”
คนที่รู้จักหลินสวิน บางทีอาจรู้ว่าเมื่อเขาตัดสินใจเช่นนี้แล้วหมายความว่าอะไร คู่ต่อสู้ที่ตายภายใต้เงื้อมมือหลินสวินพวกนั้น ล้วนรู้ดีว่าหลินสวินในตอนนี้น่ากลัวเพียงใด
ห้วงอากาศเบื้องหน้าหลินสวินแตกละเอียดกลายเป็นรอยแยกสายหนึ่งโดยไร้สุ้มเสียงในพริบตา ส่วนตัวเขาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าชิงเหมิ่งดุจแสงไวว่องสายหนึ่งนานแล้ว
ชิงเหมิ่งสมเป็นบุคคลร้ายกาจที่ผ่านการฆ่าฟันมานาน เขาหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย สำแดงพลังทั้งตัวเต็มกำลัง ซัดหมัดที่ดุดันเผด็จการหาใดเปรียบออกมา คิดขวางการโจมตีที่มาอย่างกะทันหันนี้ของหลินสวิน
หลินสวินไม่หลบหลีก ปล่อยให้หมัดนี้ซัดมา แต่มือใหญ่ของเขากลับยื่นคลุมเหมือนกรงบดบังฟ้า
ปึง!
หมัดนั้นของชิงเหมิ่งซัดใส่ร่างของหลินสวิน แต่กลับไม่อาจทำลายพลังป้องกันรอบตัวหลินสวินได้ พลังหมัดที่ดุดันหาใดเปรียบนั้นกลับถูกบดขยี้ลบล้างไปทุกกระเบียด นี่ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติทันที หน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง กำลังจะเปลี่ยนกระบวนท่า
ฝ่ามือข่มขวัญที่กดลงมานั้นของหลินสวินปกคลุมลงมาแล้ว พลังฝ่ามือพวยพุ่ง ซัดพลังป้องกันบนตัวชิงเหมิ่งจนแหลกเหมือนผ่าลำไผ่ จากนั้นนิ้วมือพลันบีบคอของชิงเหมิ่งดุจกรงเล็บ ยกตัวเขาลอยขึ้นไปกลางอากาศทันใด
ไม่มีเหตุผลอื่นใด เทียบกับการฆ่าชิงเหมิ่งในคราเดียวแล้ว เขากังวลยิ่งกว่าว่าชิงเหมิ่งจะลงมือก่อนตาย ชิงสังหารหลิ่วเซียงเชวียที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าไปก่อน ด้วยเหตุนี้จึงกักตัวเขาไว้ทันที
ตอนนี้หลินสวินหิ้วตัวชิงเหมิ่งที่ก่อนหน้านี้ยังดุดันหาใดเปรียบ ซัดบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างหลิ่วเซียงเชวียจนบาดเจ็บเจียนตายคนนี้ไว้เหมือนหิ้วลูกไก่ตัวหนึ่ง แรงกดดันที่น่าหวาดกลัวหาใดเปรียบนั้นสะท้านสะเทือนใต้หล้าจริงๆ อยู่เหนือความคาดหมายของใครก็ตามในที่นี้โดยสิ้นเชิง
ใบหน้าหล่อเหลาของชิงเหมิ่งอึดอัดจนแดงก่ำบิดเบี้ยวแล้ว นัยน์ตาทั้งสองเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก คล้ายไม่เชื่อว่าบนโลกนี้ถึงกับมีคนจับตนได้ภายในการโจมตีเดียว
“ลาหัวโล้นน้อย เศษเดนอย่างเจ้าก็กล้ามาเล่นกับข้ารึ” หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาลุ่มลึกเต็มไปด้วยแววเยียบเย็นถากถาง
ห่างออกไปหญิงสาวชุดกระโปรงที่มือถือม้วนตำราซีดจางสีหน้าอึ้งงัน คนที่เยือกเย็นนิ่งสงบอย่างนาง เวลานี้ยังออกอาการเช่นนี้ คนอื่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ชายชุดดำที่เหยียบตัวเซี่ยงเสี่ยวหยวนไว้คนนั้น เก็บรอยยิ้มอบอุ่นดุจลมวสันต์บนหน้าไปทีละน้อย เวลานี้เขาเพิ่งเผยความอำมหิตที่เก็บซ่อนไว้ภายในออกมา
“สหาย ถ้าไม่ปล่อยมืออีกเดี๋ยวได้มีเรื่องตายจริงๆ แน่” ชายชุดดำหรี่ตา กล่าวเตือนอย่างจริงจัง
“ได้”
หลินสวินยิ้มกล่าว “สามารถไว้ชีวิตก่อนได้ แต่ในเมื่อเขารนหาที่ตายท้าทายข้า ทั้งก่อนหน้านี้ยังทำให้ผู้อาวุโสคนนี้ของข้าบาดเจ็บ ย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทนสักหน่อยถึงจะถูก”
กร๊อบ! กร๊อบ! กร๊อบ…
เสียงยังไม่ทันสิ้นสุด กระดูกทั้งตัวชิงเหมิ่งก็ถูกหลินสวินออกแรงที่มือ ซัดจนระเบิดแหลกทั้งหมด เสียงกระดูกแตกดังลั่น ทั้งตัวอ่อนยวบเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว
ถูกโจมตีอย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้ ชิงเหมิ่งกลับยังร้ายกาจยิ่งนัก กัดฟันไม่ส่งเสียงสักคำ เพียงแต่นัยน์ตาดุดันหาใดเปรียบล้วนแดงก่ำ จ้องหลินสวินเขม็ง เต็มไปด้วยความแค้น
ตึง!
หลินสวินไม่แม้แต่จะมองเขาสักนิด โยนไว้ใต้ฝ่าเท้าเหมือนทิ้งขยะ จากนั้นก็เคลื่อนสายตามองชายชุดดำพลางเอ่ยถาม
“เจ้าแน่ใจว่ายังต้องการให้ข้าผ่านด่านเจ้าอีกไหม”
ในที่นั้นเงียบสงัด บรรยากาศกดดันจนทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก
…………………….