Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2571 แข็งแกร่งสมคำร่ำลือ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2571 แข็งแกร่งสมคำร่ำลือ
ตอนที่ 2571 แข็งแกร่งสมคำร่ำลือ
“เป็นเขา ไม่ใช่ว่าประสบเคราะห์เสียสติไปนานแล้วหรือ ทำไมถึงฟื้นคืนมาได้อีก!”
ชั่วพริบตาตงหวงคงก็จำได้ สีหน้าไม่สู้ดี
คงเจวี๋ย!
ยักษ์ใหญ่ที่เป็นดั่งตำนานบนมรรคาอมตะผู้นั้น!
ต่อให้อยู่ในน่านฟ้าที่แปด คงเจวี๋ยก็เป็นนามอันโด่งดังยิ่งนามหนึ่ง ถึงกับทำให้ขุมอำนาจสิบยักษ์ใหญ่อมตะครั่นคร้ามได้
แต่เมื่อหลายปีก่อนคงเจวี๋ยก็ประสบกับเคราะห์จิตใจ ทำให้จิตมรรคเสียการควบคุม สติวิปลาส ฟั่นเฟือนวิกลจริต
สำหรับสิบยักษ์ใหญ่อมตะ คงเจวี๋ยที่เป็นแบบนี้ไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไปแล้ว
ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน เพื่อไขว่คว้าศุภโชคแดนปรินิพพาน ตระกูลตงหวงเคยหลอกใช้คงเจวี๋ยที่สติวิปลาส ล่อหลอกเขาให้ลงมือชิงศุภโชคมา
“นั่นสิ เมื่อหลายปีก่อนพลังปราณของเขาก็หายไปหมด ร่อนเร่ไปในเมืองจรดฟ้าเหมือนคนไร้ค่ามาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะมีระเบียบเฮ่าเทียน เกรงว่าเขาจะถูกฆ่าตายไปก่อนไม่รู้กี่ครั้งแล้ว…”
จงหลีเจวี๋ยแววตาเยียบเย็น
สำหรับคนอื่นแล้วอาจไม่รู้ฐานะของคงเจวี๋ย แต่สำหรับยักษ์ใหญ่อมตะที่มาจากน่านฟ้าที่แปดอย่างพวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร
ตอนนั้นพอได้รู้ว่าคงเจวี๋ยเสียพลังปราณไปหมด ตกต่ำอยู่บนท้องถนนเมืองจรดฟ้า ยักษ์ใหญ่อมตะอย่างพวกเขายังเคยไปตรวจสอบด้วยตัวเอง สุดท้ายต่างได้คำตอบเหมือนกัน นั่นก็คือเมื่อสถาวะจิตของคงเจวี๋ยเสียหาย พลังปราณของเขาก็ย่อมเสียไปด้วย ไม่อาจฟื้นคืนมาได้อีก
แต่ตอนนี้…
คงเจวี๋ยดันปลดปล่อยอานุภาพไร้เทียมทานเช่นนั้นออกมา เรื่องเหนือคาดหมายนี้ทำให้ระดับอมตะเหล่านี้ยังคาดไม่ถึง ฉงนใจไม่หยุด
“เสแสร้งแกล้งทำ!”
ชื่อชางหุนหัวเราะหยัน “ก็แค่การจงใจหลอกลวง เมื่อสภาวะจิตเสียหาย พลังปราณย่อมไม่มีทางฟื้นคืนได้ จากที่ข้าดูเจ้าเฒ่าสารเลวนี่จงใจปั่นหัว ทนได้ไม่นานนักหรอก!”
ขณะที่เขากระพือปีกสีเงิน แสงเทพอมตะก็ไหลเวียน กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัว ไม่เชื่อสักนิดว่าคงเจวี๋ยฟื้นคืนมาจริงๆ
เขาลงมือทันที ปีกหนึ่งสยายออก เหนี่ยวนำประกายดั่งอมตะฟันไปที่คงเจวี๋ยประหนึ่งดาบสวรรค์เคลื่อนกวาดท้องนภา
“ที่แท้พวกเจ้าก็ยังจำข้าได้…”
คงเจวี๋ยที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง แววตางุนงงเผยแววรำพึง การฟื้นคืนสติขึ้นมาในตอนนี้คล้ายทำให้เขานึกเรื่องราวมากมายขึ้นมาได้
ตาเห็นปีกสีเงินมหึมาปีกนั้นฟันมา เงาร่างเขาไม่แม้แต่ขยับ มีเพียงปราณกระบี่ขมุกขมัวสายหนึ่งเคลื่อนออกมาจากตัวเขา
ฉัวะ!
ปราณกระบี่นี้แผ่วเบาราบเรียบ แต่กลับเจาะทะลุปีกสีเงินให้เลือดเนื้อฉีกขาดได้อย่างง่ายดาย ดุดันจนน่าเหลือเชื่อ
ชื่อชางหุนร้องลั่นอย่างเจ็บปวด เผยสีหน้าฉงน เก็บมือในทันที
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหน้าเปลี่ยนสี ต่างตกใจกันหมด!
มีคนพรั่นพรึง ปราณกระบี่สายเดียวเท่านั้นก็เอาชนะกระบวนท่าไม้ตายของชื่อชางหุนได้ หรือพลังปราณของคงเจวี๋ยผู้นี้จะฟื้นคืนมาแล้วจริงๆ
ชั่วพริบตาสั้นๆ ที่นี่ถึงกับเงียบกริบ
แม้เมื่อก่อนระดับอมตะเหล่านี้ไม่เคยสู้กับคงเจวี๋ย แต่ก็เคยได้ยินวีรกรรมของคงเจวี๋ย รู้ดีว่าในมรรคาอมตะเขาน่ากลัวขนาดไหน
ก่อนหน้านี้นานมากแล้ว คงเจวี๋ยเป็นเพียงผู้ที่เพิ่งเข้าสู่น่านฟ้าที่แปดคนหนึ่ง แม้มีชื่อเสียงแต่ไม่ได้อยู่ในสายตาของสิบยักษ์ใหญ่
ทว่าต่อมา เพราะการชิงศุภโชคที่เกี่ยวข้องกับพลังระเบียบชิ้นหนึ่ง คงเจวี๋ยถูกระดับอมตะมากมายล้อมโจมตี เพียงคนเดียวกลับปะทะคู่ต่อสู้ทั้งหมด!
มิหนำซ้ำภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นเขายังฝ่าออกมา แม้ถูกคนมากมายล้อมโจมตีก็ยังสังหารระดับอมตะชั้นยอดได้สองสามคน และทำให้บาดเจ็บสาหัสอีกหลายคน!
หลังจากศึกครั้งนั้นก็ก่อให้เกิดคลื่นโกลาหลลูกใหญ่ในน่านฟ้าที่แปด ด้วยน่ากลัวเกินธรรมดายิ่งนัก ทำให้ขุมอำนาจสิบยักษ์ใหญ่อมตะยังสั่นสะท้านเพราะเขา
และในกาลต่อมา คงเจวี๋ยก็ผ่านการเข่นฆ่าอันเลวร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งต่างชักนำพายุฝนคับฟ้า เข่นฆ่าจนน่านฟ้าที่แปดปั่นป่วน ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนต่างหวาดกลัว
กล่าวอย่างไม่เกินเลยได้ว่าคงเจวี๋ยในตอนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดผู้หนึ่ง เป็นบุคคลที่ไม่ว่าใครก็ต้องครั่นคร้าม
ความช่ำชองในมรรคาอมตะของเขา ถึงขั้นทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับอมตะที่มีชีวิตมาไม่รู้นานเท่าไรบางคนยังพรั่นพรึง
ถ้าไม่ใช่เพราะหลายปีก่อนจู่ๆ สภาวะจิตของเขาประสบพิบัติเคราะห์ กลายเป็นคนฟั่นเฟือน เกรงว่าทั้งน่านฟ้าที่แปดคงเกิดความระส่ำระสายและนองเลือดอีกไม่รู้เท่าไร
และตอนนี้พวกร้ายกาจที่ถูกผู้ฝึกปราณน่านฟ้าที่แปดมากมายหวาดกลัว กลับเหมือนมีเค้าลางฟื้นคืนอานุภาพในวันวาน จะไม่ให้ตะลึงพรึงเพริดได้อย่างไร
“อาจารย์อา ในที่สุดท่านก็ยอมรับว่าตอนนั้นมองพลาดไปแล้ว” หลิงเสวียนจื่อยิ้มแฉ่ง ในใจก็เบิกบานนัก คงเจวี๋ยปรากฏตัว กวาดเอาความกังวลในใจเขาให้หายเป็นปลิดทิ้ง
ในตอนที่เขายังเยาว์นั้น ก็ถูกคงเจวี๋ยที่เป็นแขกเยือนคีรีดวงกมลประเมินว่า ‘เด็กนี่หัวขบถแต่กำเนิด ถ้าทำชั่วย่อมเป็นเภทภัยครั้งใหญ่’
เรื่องนี้หลิงเสวียนจื่อไม่มีทางลืม
คงเจวี๋ยยิ้มเอ่ยว่า “ดูออกว่าหลายปีนี้ที่เจ้าถูกกำราบ นิสัยใจคอได้รับการขัดเกลาไปแล้ว ข้าย่อมเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเจ้า”
“หึ! ยังมีกะจิตกะใจมารำลึกความหลัง จะส่งพวกเจ้าไปตายด้วยกันเสียตอนนี้แหละ!”
ก็ในตอนนี้เองตงหวงคงที่อยู่ไกลออกไปแค่นหัวเราะ ชูมือเรียกระฆังใหญ่ออกมาลูกหนึ่ง
แกร๊ง!
ระฆังใหญ่ดังเหง่งหง่าง ยิ่งใหญ่และลึกลับ แผ่ไอขุ่นมัวออกมา ดังก้องไปทั้งท้องนภา ทำให้โลกนี้เหมือนจะแยกออก อานุภาพศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุดอบอวลออกมาจากตัวระฆัง รวมเป็นอักษรมรรคเก่าแก่เรียบง่ายและลึกลับตัวแล้วตัวเล่า เจิดจรัสราวกับหล่อขึ้นจากทองเทพ แสบตาถึงที่สุด
ระฆังตงหวง!?
ระดับอมตะคนอื่นที่อยู่ใกล้กันต่างเผยสีหน้าประหลาด คล้ายคิดไม่ถึงว่าตงหวงคงมาคราวนี้ จะถึงกับพกยอดสมบัติของตระกูลเขามาด้วย
นี่เป็นถึงศาสตรามรรคอมตะชิ้นหนึ่งที่ลือชื่อในน่านฟ้าที่แปด อานุภาพศักดิ์สิทธิ์เหลือประมาณ!
“ทุกท่าน มาถึงตอนนี้แล้วถ้าไม่ใช้ไพ่ตายอีก เกรงว่าเดรัจฉานคีรีดวงกมลพวกนี้จะต้องมองว่าพวกเราไร้ความสามารถแน่!”
ตงหวงคงสีหน้าเหี้ยมเกรียม เอ่ยขึ้นเรียบๆ
“ควรเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว”
ขณะที่ชื่อชางหุนพูดก็อ้าปากออกมา พัดใบกล้วยที่มีแสงมงคลไหลเวียนเล่มหนึ่งปรากฏ เมื่อพัดลอยขึ้น ประกายแสงเทพอมตะทั้งวายุ อสนี ปฐพีและอัคคีล้วนอุบัติ น่าสะพรึงผิดธรรมดา
พัดใบกล้วยสี่วิญญาณ!
นี่ก็เป็นศาสตราอมตะอันน่าเหลือเชื่อชิ้นหนึ่งเช่นกัน!
ขณะเดียวกันมู่เจียงซาน จงหลีเจวี๋ยและฉีเทียนหลินต่างก็เรียกสมบัติออกมาเช่นกัน อันได้แก่แส้เทพเส้นหนึ่ง กระบองทองแดงคู่หนึ่ง และศิลาเทพเก้าสีก้อนหนึ่ง
“ฆ่า!”
ตงหวงคงลงมือทันที ระฆังตงหวงไหวเคลื่อนรวดเร็วเข้ากำราบคงเจวี๋ย
ไอมงคลไพศาล แสงเทพเกรียงไกร เสียงระฆังทรงอำนาจปั่นป่วนจักรวาล บดขยี้ห้วงอากาศประหนึ่งเบิกฟ้าแผ้วดิน ภาพแปลกประหลาดจนน่าตะลึง
กระนั้นสิ่งที่รวดเร็วยิ่งกว่าการโจมตีนี้ก็คือแส้เทพเส้นหนึ่ง แทรกสอดด้วยแสงดุจเปลวเพลิง ฟาดลงมาอย่างแรงราวกับโซ่เทพระเบียบสายหนึ่ง ฟันฟ้าปรกดิน
แส้คร่าวิญญาณ!
ลือกันว่าถ้าฟาดสมบัตินี้ออกมามา กระทั่งระดับอมตะก็ต้องสิ้นวิญญาณ เป็นยอดสมบัติจิตวิญญาณที่อหังการถึงขีดสุดชิ้นหนึ่ง
คงเจวี๋ยดวงตาดุจสายฟ้า ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
แต่กลับมีโลกสามสิบสามชั้นปรากฏขึ้นจากตัวเขา มีอาณาจักรโบราณมากมายกำลังเคลื่อนคล้อย สิงมีชีวิตมากมายกำลังบูชาสักการะ ทั้งยังมีเทพพระก้มหัวนอบน้อม สวดมนต์ท่องคัมภีร์
กลิ่นอายอมตะอันสูงส่งแผ่กระจายออกมาจากร่างคงเจวี๋ย ตัวเขาราวกับเป็นเจ้าแห่งสวรรค์สามสิบสามชั้น ยืนตระหง่านเหนือโลกหล้า!
ปัง!
เขายื่นมือขึ้นดีด ซัดแส้คร่าวิญญาณที่มาจ่อหัวเข้ามาให้กระเด็นออกไป
ขณะเดียวกันเมื่อเขาโบกมือ โลกน่านฟ้าแห่งหนึ่งก็รวมตัวขึ้นแล้วแปรเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่ปรากฏบนมือเขา จากนั้นจึงกวาดออกไปเบาๆ
เคร้ง!
ตงหวงคงร้องเสียงอู้อี้ ถอยหลังโซเซ ระฆังตงหวงที่เขาเรียกออกมาถูกปราณกระบี่น่ากลัวกวาดกระเด็นออกไป เสียงครวญดังก้องจักรวาล
วู้มๆๆ…
ลมกรรโชกพิสดารพัดโฉบ นัยเร้นลับกฎเกณฑ์อมตะวายุ อสนี ปฐพีและอัคคีอุบัติขึ้น คราวนี้เป็นชื่อชางหุนลงมือ โบกพัดใบกล้วยสี่วิญญาณเบาๆ ฟ้าดินแห่งนี้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยลมกรรโชกถาโถมน่ากลัว อาละวาดแผ่กระจาย
ฟึ่บ!
คงเจวี๋ยยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เพียงสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
ปราณกระบี่เป็นสายๆ พวยพุ่ง ประหนึ่งรุ้งเทพระเบียบสายแล้วสายเล่าบดขยี้ลมกรรโชกเต็มฟ้านั้น กฎเกณฑ์อมตะอย่างวายุ อสนี ปฐพีและอัคคีต่างพังทลายกลายเป็นละอองแสงปลิวว่อน
ชื่อชางหุนสะท้าน กระตุ้นพัดใบกล้วยสี่วิญญาณพลางกางปีกสีเงินบังฟ้า กระพือโจมตีใส่ปราณกระบี่ที่พุ่งมานั้น
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ผลคือชั่วพริบตานั้น ปีกสีเงินราวกับเมฆปรกฟ้าที่อยู่บนหลังชื่อชางหุนคู่นั้นถึงกับถูกปราณกระบี่ฟันสะบั้น เลือดกระเซ็นไปในห้วงอากาศ
ภาพนี้เขย่าขวัญทุกคน!
หลิงเสวียนจื่อสบตากับหลินสวิน ต่างสูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้
ชั่วพริบตา อาจารย์อาคงเจวี๋ยเพียงคนเดียวเท่านั้นก็ทำลายกระบวนท่าไม้ตายของเหล่าระดับอมตะ ระหว่างที่ลงมืออย่างผ่อนคลายราบเรียบก็เผยความสง่างามอันสูงส่งของระดับนี้ออกมาจนหมด!
นี่ก็คือคงเจวี๋ย เพิ่งฟื้นคืนสติก็สำแดงอานุภาพไร้เทียมทานออกมา
แม้เสื้อผ้าของเขาจะยังซอมซ่อ ผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าเกรอะกรัง แต่เขายืนอยู่ตรงนั้นก็เป็นดั่งจอมราชันเหนือหัว อานุภาพข่มเวิ้งฟ้า ไอเซียนเป็นริ้วๆ อบอวล ข้างกายเขายังมีสวรรค์สามสิบสามชั้นผุดขึ้นมา!
สวรรค์แต่ละชั้นล้วนเป็นโลกใบหนึ่ง ภายในมีอาณาจักรโบราณมากมาย ที่นั่นมีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนกำลังหมอบคำนับให้เขา เสียงท่องคัมภีร์แว่วออกมา
เหตุการณ์เช่นนี้สามารถสะเทือนหมื่นกาลได้จริงๆ เป็นภาพอันอัศจรรย์และยิ่งใหญ่อย่างไม่อาจคาดคิดได้!
อีกด้านหนึ่งชื่อชางหุนหยุดร่างตนเอาไว้ได้ ปีกทั้งสองถูกฟันทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ดูยับเยินหาใดเทียบ ตอนนี้สีหน้าไม่สู้ดียิ่ง
พวกตงหวงคง มู่เจียงซานหน้าตาคล้ำเขียว แววตาเคร่งเครียด คงเจวี๋ยในตอนนี้น่ากลัวเหมือนในคำร่ำลือ ทำให้พวกเขารู้สึกรับมือยากเป็นที่สุด
“จะรออีกไม่ได้แล้ว” คงเจวี๋ยพูดกับตัวเอง ความขมขื่นที่ไม่อาจเก็บกลั้นไว้ฉายวาบในแววตาทันที
จากนั้นเขาก็ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง แกว่งหมัดออกโจมตี
ตูม!
โลกโบราณสามสิบสามชั้นเคลื่อนคล้อย แปรเปลี่ยนเป็นสรรพสิ่ง ธารดาราถาโถม หมัดนี้ของคงเจวี๋ยสะท้านชั่วกาล หลังจากชกออกมาถึงกับเกิดเสียงท่องคัมภีร์โบราณ
นี่ย่อมเป็นการโจมตีอันไร้เทียมทาน ไอเลือดทะลวงสุริยันจันทรา ฟ้าดินประหนึ่งกำลังกลับสู่วัฏจักร ตกอยู่ในภาพอันน่ากลัว
พรูด!
เลือดสดๆ สาดกระเซ็น
ผู้ประสบภัยเป็นคนแรกคือมู่เจียงซาน ยามเผชิญหน้ากับหมัดนี้เดิมทีเขาต้องการจะหลบอานุภาพของมัน แต่คิดไม่ถึงว่าพลังขับเคลื่อนทั้งร่างจะถูกผนึกไว้โดยสมบูรณ์ จะหนีก็หนีไม่ได้ ทำได้แต่ฝืนประจันหน้า ทว่าต่อให้ใช้พลังทั้งตัวก็ยังไม่อาจต้านการสังหารของหมัดนี้ได้ ร่างกายถูกซัดกระจุย
พลานุภาพเช่นนั้นประหนึ่งจอมราชันแกว่งหมัด ทะลวงผ่านไร้สิ่งกีดขวาง แฝงความเชื่อมั่นว่าตนไร้ศัตรูใดเทียบเทียม ซัดการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา
ทุกคนต่างอึ้งไป เพียงแค่หมัดเดียวก็ซัดร่างมู่เจียงซานผู้มีปราณขั้นดับเทพให้แหลกกระจุยได้ นี่จะอหังการปานไหนกัน
ตระการตาเหนือล้ำ!
สามารถทำให้ทั้งโลกตกตะลึง!
มู่เจียงซานซึ่งเหลือแต่พลังจิตที่พ้นเคราะห์มาได้ส่งเสียงตะโกนลั่น เผยความหวาดหวั่น ท่าทางเสียขวัญอย่างลึกซึ้ง
ระดับอมตะคนอื่นก็รู้สึกหนาววาบในใจ นี่… จะยังสู้อย่างไรอีก!
——