Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2711 ซ้ำเติม
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2711 ซ้ำเติม
ตอนที่ 2711 ซ้ำเติม
ด้วยมรรควิถีของเฉาจ้งหลิน แม้ภายใต้สถานการณ์ที่ตั้งตัวไม่ทันเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่กระทั่งการตอบสนองยังทำไม่ทัน
ความจริงเขาคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าอยู่ในเรือนสมบัติแห่งนี้ หลินสวินดันกล้าลงมือโดยตรง
เริ่มแรกสุดสายตาเขาลนลานและเดือดดาล แต่ก็กลับคืนสู่ความสงบนิ่งในทันที หัวเราะหยันกล่าว “ศิษย์น้องหลินสวิน คนที่ลงมือในเรือนสมบัติสวรรค์ อิงตามกฎต้องปรับเบี้ยรายเดือนสามปี โบยสามสิบครั้ง ขังใน ‘คุกสำนึกผิด’ หนึ่งปี!”
เขาถูกหลินสวินกระชากคอเสื้อ ยามนี้กลับเผยความเวทนาและเย้ยหยัน
เบี้ยรายเดือนสามปี อิงตามจำนวนแกนเทพอมตะที่ศิษย์สืบทอดแท้จริงจะได้รับทุกเดือน รวมกันก็สามหมื่นหกพันชั่ง!
และที่ว่า ‘โบยสามสิบครั้ง’ ก็ไม่ใช่ง่ายดายเพียงนั้น ถึงตอนนั้นศิษย์คุมกฎของหอแรกนภาจะใช้ ‘ไม้เท้าเทพอาญา’ ลงโทษต่อหน้าธารกำนัล
ภายใต้การตีหนึ่งครั้งของไม้เท้าเทพอาญา ไม่ว่าเจ้าจะมีมรรควิถีและพลังปราณอะไร ก็ต้องรับความเจ็บปวดที่ลึกถึงกระดูก โบยสามสิบครั้งก็เหมือนตายทั้งเป็น
เทียบกับความเจ็บปวดของเนื้อหนัง จุดสำคัญคือตอนรับโทษจะอยู่ในสายตาของผู้สืบทอดเก้ายอดเขาใหญ่ทุกคน กระทบเกียรติศักดิ์ศรีอย่างรุนแรงที่สุด
สำหรับคุกสำนึกผิด ถูกเรียกอีกชื่อว่าสถานที่ที่เทพผีรังเกียจ ถูกขังอยู่ในนั้นก็เหมือนร่วงหล่นสู่ความมืด ไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายมหามรรคได้แม้แต่เสี้ยว
ต่อให้จิตมรรคมั่นคงเพียงใด ถูกขังอยู่ในคุกสำนึกผิดหนึ่งปีก็จะถูกทรมานจนไม่เป็นผู้เป็นคน!
ภายในเรือนสมบัติสวรรค์ คนไม่น้อยสังเกตเห็นการกระทำของหลินสวิน และมองเห็นเฉาจ้งหลินที่ถูกเขาจับไว้ ต่างแตกตื่นขึ้นมาระลอกหนึ่งอย่างอดไม่ได้
“ถึงกับลงมือแล้วหรือ”
“หลินสวินนี่ไม่มีความอดทนเกินไปหรือไม่ ต้อให้โมโหก็สามารถไปสู้ที่ ‘สนามรบสวรรค์พิพาท’ ได้”
“อย่างไรก็เป็นคนใหม่ เพิ่งจะเข้าสำนักคงไม่รู้ว่าโทษที่จะต้องรับเพราะการฝ่าฝืนกฎรุนแรงเพียงใด”
…เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น มีคนถอนหายใจเบาๆ มีคนเวทนา และมีคนสะใจ
และนี่ยิ่งเพิ่มพูนความโอหังของเฉาจ้งหลิน เขายิ้มพูดเบิกบาน “ศิษย์น้อง เจ้าจบสิ้นแล้ว”
“เจ้าทำผิดกฎก่อน คนที่จะโดนลงโทษก็คือเจ้าต่างหาก”
ว่าพลางหลินสวินก็ตบฝ่ามือบนหน้าเฉาจ้งหลิน ตบจนหัวสมองของเขาดังหึ่งๆ หน้ามืดตาลาย แก้มบวมเป่งขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เขายังยิ้มเบิกบาน ตอนนี้กลับจมูกปากหลั่งเลือด เผ้าผมยุ่งเหยิง พูดอย่างเดือดดาล “เจ้ายังกล้าทำร้ายคน ลงโทษอีกเท่าตัว!”
เพียะ!
หลินสวินตบอีกครา ตบจนเฉาจ้งหลินฟันหลุด หัวบวมเป็นหัวหมู ปากส่งเสียงโหยหวน
นี่ทำให้ทุกคนในเรือนมองหน้ากัน หลายคนสูดหายใจด้วยความตกใจ นี่หลินสวินคิดจะทำให้สถานการณ์แย่ลงหรือ
“ถ้าเป็นเพราะเฉาจ้งหลินเป็นฝ่ายทำผิดกฎก่อน อิงตามกฎของสำนัก หลินสวินทำเช่นนี้จะไม่ถูกลงโทษ”
มีคนวิเคราะห์
“ใครจะยืนยันได้ว่าเฉาจ้งหลินทำผิดกฎ ยิ่งกว่านั้นเท่าที่ข้ารู้ คนใหญ่คนโตหลายคนล้วนไม่สนใจ เฉาจ้งหลินกล้าหาเรื่องหลินสวินเช่นนี้เกรงว่าต้องเตรียมการไว้ก่อนแล้ว”
มีคนสายตาวูบไหว
“เจ้าจะทำอะไร”
ตอนนี้เองหลินสวินหิ้วตัวเฉาจ้งหลินเดินออกนอกเรือนสมบัติสวรรค์ไป นี่ทำให้เขาลนลานระลอกหนึ่ง ตะโกนเสียงดัง “ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกคนในนี้ โปรดจับตัวเจ้าสารเลวไร้คุณธรรมคนนี้!”
“หลินสวิน เจ้าทำผิดกฎแล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือ ปล่อยศิษย์พี่เฉาจ้งหลินเดี๋ยวนี้!”
มีคนตวาด พลันเดินมาขวางหน้าหลินสวิน เป็นชายชุดเงินที่เงาร่างสูงใหญ่ บุคลิกลักษณะองอาจห้าวหาญคนหนึ่ง
หลินสวินเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คนผู้นี้ใช้ผลประโยชน์ของตำแหน่งกลั่นแกล้งและขัดขวางไม่ให้ข้ารับเบี้ยประจำเดือน เป็นการฝ่าฝืนกฎข้อที่สิบเก้าของสำนักแล้ว ตอนนี้ข้าจะพาเขาไปตัดสินโทษที่หอแรกนภา ใครกล้าขวาง คนผู้นั้นก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเขา อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
คำพูดดังก้องเรือนสมบัติสวรรค์ ทำเอาทุกคนอึ้งงัน
เฉาจ้งหลินพูดอย่างเดือดดาล “เหลวไหล! ใครเป็นพยานให้เจ้าได้ว่าข้ากลั่นแกล้งเจ้า ข้าฝ่าฝืนกฎตรงไหน!”
หลินสวินตบอีกครั้ง “ถูกหรือผิดเจ้ารู้อยู่แก่ใจ ในเมื่อยอมเป็นเครื่องมือผู้อื่นก็ควรจะรู้ตัว”
ทุกคนล้วนประหลาดใจ
หลินสวินแข็งกร้าวเกินไปแล้ว!
กฎเป็นสิ่งตายตัว แต่คนมีชีวิต หากเฉาจ้งหลินมีคนอยู่เบื้องหลังจริงๆ จะมีโอกาสให้เจ้าเถียงได้อย่างไร
“ถอยไป!”
หลินสวินมองชายชุดเงินที่ขวางอยู่ตรงหน้า สายตาเย็นเยียบ ทำให้ในใจอีกฝ่ายหวาดหวั่น รู้สึกถึงแรงกดดันที่ปะทะเข้ามา
เขาถอยไปอยู่ข้างๆ ตามจิตใต้สำนึก
ขณะที่หลินสวินกำลังจะพาเฉาจ้งหลินไปจากเรือนสมบัติสวรรค์นั่นเอง
“กำเริบ!”
เสียงแก่ชราที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมดังขึ้น “คนใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่สำนัก กลับกล้าก่อเหตุในอาณาเขตของหอแรกมายาตามอำเภอใจเช่นนี้ อวดดีเกินไปแล้ว”
จากนั้นชายชราที่ไว้เคราแพะ สวมชุดม่วงก็ปรากฏตัวกลางอากาศ กลิ่นอายอมตะน่ากลัวแผ่ออกจากร่างของเขา
“ผู้ดูแลซวีเหวิน!”
ทั้งเรือนเงียบกริบ ใครๆ ล้วนจำฐานะของชายชราได้ เป็นซวีเหวิน หนึ่งในผู้ดูแลหอแรกมายา ระดับอมตะที่แข็งแกร่งยิ่งคนหนึ่ง
เพิ่งปรากฏตัวสายตาของซวีเหวินก็จับจ้องหลินสวิน กล่าวโทษว่า “ยังไม่ปล่อยมืออีก”
กลับเห็นหลินสวินสีหน้าราบเรียบ กล่าวว่า “ก่อนจะตัดสินผิดถูกได้อย่างชัดเจน ผู้อาวุโสก็ให้ข้าปล่อยคนผู้นี้ไป นี่จะรีบไปหน่อยหรือไม่”
ซวีเหวินสีหน้าอึมครึม “สารเลว! เจ้าก่อเหตุในเรือนสมบัติสวรรค์ ทุกคนล้วนเห็นชัด เจ้ายังมีอะไรจะเถียงอีก ในเมื่อเจ้าดื้อดึง ข้าจะพาเจ้าไปหอแรกนภา!”
ตูม!
ขระกล่าวเขาก็ลงมือโดยตรงแล้ว ฝ่ามือหนึ่งคว้าไปทางหลินสวิน กฎเกณฑ์อมตะที่พลุ่งพล่านก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ กดข่มจนคนหายใจไม่ออก
ใครๆ ต่างมองออกว่าหากให้ซวีเหวินพาตัวหลินสวินไป อีกฝ่ายต้องไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้แน่!
สิ่งที่ทำให้คนใจสะท้านที่สุดคือ ซวีเหวินถึงกับคร้านจะถกเถียง ลงมือโดยตรง เห็นชัดว่าไม่คิดจะให้โอกาสหลินสวินดิ้นรนและโต้ตอบ
กลับเห็นหลินสวินนิ่งไม่ขยับ เพียงจับเฉาจ้งหลินที่อยู่ในมือมาขวางตรงหน้า
ทันใดนั้นมือใหญ่ของซวีเหวินหยุดชะงักกลางอากาศ เพราะหากตบลงไป ยังไม่ต้องพูดถึงว่าไม่สามารถจับตัวหลินสวินได้ คนที่จะทรมานก่อนคือเฉาจ้งหลินอย่างแน่นอน
“สารเลว! เจ้าถึงกับกล้าเอาชีวิตของศิษย์พี่ร่วมสำนักมาข่มขู่ ไม่อาจอภัยจริงๆ!”
ซวีเหวินสีหน้าอึมครึมน่ากลัว อานุภาพยิ่งน่าหวาดหวั่น
กลับเห็นหลินสวินไม่ถอยสักนิด หัวเราะเย็นชาเอ่ยว่า “เฒ่าชราคนนี้ ข้าเป็นศิษย์สืบทอดแท้จริงของยอดเขาที่เก้า เจ้ากลับด่าว่าสารเลวไม่ขาดปาก ใครให้ความมั่นใจเจ้าเย้ยหยันข้าเช่นนี้”
หลายคนสูดหายใจสะท้าน หลายปีมานี้ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นว่ามีคนกล้าทำตัวแข็งกร้าวกับผู้ดูแลของหอแรกมายา!
นี่เหลือเชื่อเกินไป
อันที่จริงในสถานการณ์ทั่วไป ภายในลัทธิแรกกำเนิดย่อมไม่มีทางเกิดข้อพิพาทและความขัดแย้งเช่นนี้
ว่ากันถึงที่สุด คลื่นลมครั้งนี้เป็นการพุ่งเป้าไปที่หลินสวิน
ซวีเหวินโกรธจัดจนหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ เจ้าลงมือทำร้ายคน ไม่รู้จักสำนึกแล้วยังปากดีเถียงข้าไม่หยุด ที่นี่คือลัทธิแรกกำเนิด ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมากำเริบเสิบสาน!”
ขณะกล่าวอานุภาพทั่วร่างเขาแผ่กระจาย กดข่มมาทางหลินสวินราวกับภูเขาถล่มมหาสมุทรซัดสาด หมายใช้พลังของระดับอมตะกำราบหลินสวินอย่างสิ้นเชิง
แต่ใครจะคิดว่าหลินสวินเอาเฉาจ้งหลินมาขวางไว้ตรงหน้าอีกครั้งเพื่อเป็นเกราะป้องกัน
ภาพนี้ทำให้ซวีเหวินโกรธจนใบหน้าดำคล้ำ เคยเห็นคนที่ไร้ยางอาย แต่ไม่เคยเห็นคนที่ไร้ยางอายขนาดนี้!
แต่ก็จนปัญญา เขาจำต้องหยุดอีกครั้งเพราะห่วงหน้าพะวงหลัง
“ที่เจ้าพูดไม่ผิด ที่นี่คือลัทธิแรกกำเนิด ต่อให้เป็นคนเก่าคนแก่ก็จะฝ่าฝืนกฎตามอำเภอใจไม่ได้” หลินสวินพูดเรียบๆ
“หลินสวิน ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นเสียงที่เคร่งขรึมเย็นชาดังขึ้นนอกเรือน
จากนั้นเงาร่างที่คุ้นเคยก็เดินเข้ามา
เจิ้งเฉียน ผู้อาวุโสยอดเขาที่เก้า!
หลินสวินนัยน์ตาหดรัด กล่าวว่า “ผู้อาวุโสเจิ้ง ท่านมาได้จังหวะพอดี ก่อนหน้านี้ศิษย์มารับเบี้ยประจำเดือน กลับถูกคนต่ำช้าผู้นี้กลั่นแกล้งและวางแผนร้าย…”
ไม่รอพูดจบเจิ้งเฉียนก็ตัดบทอย่างเหลืออด กล่าวอย่างเดือดดาล “ข้าบอกให้เจ้าปล่อย!”
ในใจหลินสวินจมดิ่ง ความอบอุ่นในดวงตาค่อยๆ เลือนหาย เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบและเฉยชา กล่าวว่า “เห็นศิษย์ของยอดเขาตนถูกรังแกเช่นนี้ ท่านเจิ้งเฉียนในฐานะผู้อาวุโสไม่ช่วยก็ช่างเถอะ แต่กลับช่วยคนอื่นรังแกคนของตนเช่นนี้… ท่าทีแย่เกินไปหน่อยหรือไม่”
ในงานเลี้ยงเมื่อสามวันก่อน เจิ้งเฉียนก็แสดงออกว่าต่อต้านและปฏิเสธหลินสวินแล้ว คำพูดไม่เกรงใจสักนิด
ตอนนั้นแม้หลินสวินจะไม่ชอบใจแต่ก็ไม่คิดจะถือสาอีกฝ่าย
แต่ตอนนี้ ดูท่าว่าเจิ้งเฉียนคนนี้จะได้เข้าสู่รายชื่อ ‘ศัตรู’ แล้ว!
บางทีอาจเหมือนอย่างที่เย่ฉุนจวินพูว่าไว้ เจิ้งเฉียนทำเช่นนี้ เป็นไปได้สูงมากว่าอยากใช้เขาสร้างความดีความชอบ เพื่อแลกกับตำแหน่งผู้ดูแลหอแรกนภา!
“เหลวไหล! ข้าปฏิบัติต่อทุกเรื่องอย่างเป็นกลาง ต่อหน้ากฎของสำนัก ไม่มีทางปกป้องคนที่ไม่รู้สำนึกและดื้อดึงอย่างเจ้า!”
เจิ้งเฉียนสีหน้าอึมครึม
บรรยากาศในเรือนสมบัติสวรรค์ยิ่งกดดันและตึงเครียด
ผู้สืบทอดมากมายที่อยู่บริเวณนั้นล้วนกำลังดูอยู่ ตระหนักได้ว่าสถานการณ์มีแนวโน้มแย่ลงเรื่อยๆ และฝั่งหลินสวินก็อันตรายขึ้นเรื่อยๆ!
“ทำตามกฎหรือ ได้ เช่นนั้นพวกเราไปหอแรกนภาด้วยกัน ให้ทั้งสำนักได้เห็นว่าพวกท่านทำตามกฎอย่างไร”
หลินสวินพูดอย่างเย็นเยียบ
เขาไม่กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ตรงข้ามเรื่องยิ่งใหญ่ยิ่งดี
ตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ลัทธิแรกกำเนิด เซียวเหวินหยวนก็พูดชัดแล้วว่าในลัทธิแรกกำเนิดมีศัตรูของเขามากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนมากสนับสนุนให้หลินสวินเข้าลัทธิแรกกำเนิด
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขากลับอยากดูสักหน่อยว่าหากทำให้เป็นเรื่องใหญ่แล้ว จะมีคนใหญ่คนโตซึ่งซ่อนอยู่เบื้องหลังกี่คนที่ออกหน้า!
เจิ้งเฉียนลังเลไปครู่หนึ่ง
ซวีเหวินกลับกล่าวอย่างเย็นชา “ทำไมจะไม่ได้ ไปหอแรกนภาตอนนี้เลย!”
เขาดูสงบนิ่งมาก
ท่าทีเช่นนี้ทำให้ทุกคนมองออกว่าต่อให้ครั้งนี้ไปหอแรกนภา สถานการณ์ก็ถูกกำหนดให้ไม่เอื้อต่อหลินสวินแล้ว…
ถึงขั้นสามารถพูดได้ว่า ภายในหอแรกนภาก็มีขุมอำนาจที่มองหลินสวินเป็นศัตรู!
“หลินสวิน ตอนนี้เจ้าพอใจหรือยัง เดิมทีเป็นเรื่องเล็ก กลับถูกเจ้าทำให้เป็นเช่นนี้ ข้าอยากดูนักว่าคราวนี้เจ้าจะจัดการอย่างไร”
เจิ้งเฉียนแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา แววตาเยียบเย็นมาก
“เหอะๆ ยอดเขาที่เก้ามีผู้อาวุโสอย่างท่าน จะไม่โชคดีได้อย่างไร”
รอยยิ้มของหลินสวินเย้ยหยัน
เมื่อเทียบกับศัตรู การซ้ำเติมของเจิ้งเฉียนที่เป็นผู้อาวุโสยอดเขาที่เก้าทำให้เขายิ่งเคียดแค้น
ว่าพลางหลินสวินก็ไม่มองเจิ้งเฉียนอีก พาตัวเฉาจ้งหลินเดินออกนอกเรือนสมบัติสวรรค์ไป
………………………….