Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2773 ดาบกาลเวลา มาเยือนโลกอีกครั้ง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2773 ดาบกาลเวลา มาเยือนโลกอีกครั้ง
ตอนที่ 2773 ดาบกาลเวลา มาเยือนโลกอีกครั้ง
ละอองแสงที่สะดุดตากำลังสาดกระเซ็น เงาร่างของหลินสวินยืนอยู่กลางอากาศราวกับเซียน
ทุกสายตาเต็มไปด้วยความตะลึง
อวี่เฟิงจื่อ ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาที่สุดแห่งลัทธิฌาน โลกบงกชผลาญใจที่ผสานพรสวรรค์ มรรควิถี และกฎเกณฑ์ของเขาถูกทำลายแล้ว!
นี่สร้างแรงสะเทือนรุนแรงให้กับผู้คน
เหล่าคนใหญ่คนโตที่ก่อนหน้านี้ยังรอคอยให้มรรควิถีของหลินสวินถูกตัดระดับอย่างตื่นเต้น รู้สึกเพียงว่าตรงหน้าอกอัดอั้น ใบหน้าแก่ชราเต็มไปด้วยความอึมครึม
โลกบงกชผลาญใจจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดก็ถูกหลินสวินทำลายแล้ว!
เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงต่างโล่งอก จากนั้นสบตากันแล้วอดยิ้มไม่ได้
ความสามารถของหลินสวินทำให้พวกเขาตกตะลึงมาก
“ยอมแพ้หรือ”
บนลานมรรคเปิดสวรรค์ สายตาของหลินสวินมองไปยังอวี่เฟิงจื่อ
ก่อนหน้านี้ถูกขังในโลกบงกชผลาญใจ ผ่านการโจมตีสี่สิบเก้าครั้ง ทำให้หลินสวินเองก็เข้าใจถึงความสำเร็จที่แท้จริงบนมหามรรคของอวี่เฟิงจื่อ
แม้แต่เขาก็จำต้องยอมรับ ว่าอวี่เฟิงจื่อเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง แข็งแกร่งกว่าพวกสิงจวิ้น จิงฉิงเจี่ยช่วงใหญ่
ที่น่าเสียดายคืออวี่เฟิงจื่อมาเจอตน
ไอสังหารยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกบงกชผลาญใจ ความจริงเกี่ยวข้องกับสภาวะจิต และสิ่งที่หลินสวินไม่กลัวที่สุดคือการประชันบนสภาวะจิต
อวี่เฟิงจื่อเงียบไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงถอนหายใจยาว “ข้าเข้าใจแล้ว การเปลี่ยนแปลงแห่งมหามรรคไม่ใช่สวรรค์กำหนด ข้าในสมัยก่อนภาคภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุดต่อการอนุมานวิชาทั้งหมดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน หยั่งรู้นัยเร้นลับรอดพ้นเพียงหนึ่ง คิดเองเออเองว่านี่คือมรรคแห่งยอดที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ตอนนี้ดูท่า ยอดอมตะจะไม่เคยเป็นเช่นนี้”
“ไร้การกำหนด ไร้กฎเกณฑ์ ไร้จำกัด…”
พร้อมกับเสียงพึมพำราวกับทอดถอนใจดังมา ความงุนงง ไม่จำยอม เศร้าโศกในดวงตาของอวี่เฟิงจื่อล้วนหายไป
แววตาเขากระจ่างใส สงบนิ่ง ปรากฏพลังขับเคลื่อนที่ลึกลับไม่อาจคาดเดาทั่วร่าง ราวกับทำลายโซ่ตรวนและพันธการบางอย่างได้แล้ว เปล่งท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นยิ่งยวดออกมาทั้งตัว
จอมมุนีชื่อเย่ตาเป็นประกาย ปรบมือชื่นชม “กระจ่างแจ้งปัญญา อิสระไร้พันผูก เยี่ยมยอด!”
“เขาคล้านทำลายอุปสรรคในใจได้ในยามนี้!”
เหล่าคนใหญ่คนโตบนแท่นพิธี รวมถึงเฒ่าชราลัทธิแรกกำเนิดต่างไหวหวั่นในชั่วขณะนี้ สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายบนร่างอวี่เฟิงจื่อ
นี่ทำให้พวกเขาหวั่นไหว
ความสามารถในการหยั่งรู้น่ากลัวมาก!
ถูกหลินสวินโจมตีมหามรรคที่แข็งแกร่งที่สุด แต่กลับไม่สามารถทำให้สภาวะจิตเกิดปัญหา กลับใช้ศึกนี้ในการหยั่งรู้
ใครจะไม่ตะลึงได้
ยามมองดูอวี่เฟิงจื่ออีกครา สีหน้าของผู้คนต่างแฝงความตกใจ ไม่เสียทีที่เป็นหัวหน้าผู้พิทักษ์ลัทธิขั้นอายุขัยเทียมฟ้าแห่งลัทธิฌาน!
หลินสวินเลิกคิ้วกล่าว “น่าสนใจ”
อวี่เฟิงจื่อพนมมือ ริมฝีปากเผยรอยยิ้มบางๆ ราวกับมุนินทร์ที่ยิ้มตรัสรู้และบรรลุเห็นแก่นธรรม กล่าวว่า “ขอบคุณพี่หลินมากที่ช่วยข้าทำลายขีดจำกัดของตน หยั่งถึงความเร้นลับแห่งยอดแข็งแกร่งที่แท้จริง”
หลินสวินยิ้ม “เช่นนั้นเจ้าจะขอบคุณข้าอย่างไร”
“ย่อมต้องต่อสู้ต่อ ตัดสินสูงต่ำ”
อวี่เฟิงจื่อสีหน้าสงบนิ่ง
ทั่วลานเงียบกริบ
คนของลัทธิแรกกำเนิดหลายคนเดือดดาลเล็กน้อย เจ้าหมอนี่ไม่รู้จักควรไม่ควรเกินไปแล้ว แพ้แล้วชัดๆ ทั้งยังหยั่งรู้ในการต่อสู้ที่พ่ายแพ้ หากจะขอบคุณจริงๆ ก็ควรจากไปตอนนี้ถึงจะถูก
แต่เขากลับยังจะตัดสินสูงต่ำ!
หรือเขาคิดว่าพลังหลังจากหยั่งรู้สามารถกดข่มหลินสวินได้
ส่วนเหล่าคนใหญ่คนโตบนแท่นพิธีอย่างชื่อเย่ล้วนอดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ เรื่องเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น แม้แต่พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะพลิกผัน
พวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงต่างอดขมวดคิ้วไม่ได้ อวี่เฟิงจื่อนี่รับมือยากจริงๆ!
กลับเห็นหลินสวินหุบยิ้มบนใบหน้า กล่าวว่า “โลกบงกชผลาญใจของเจ้าก่อนหน้านี้มีอภินิหารที่สามารถตัดมรรควิธี แม้มหัศจรรย์อย่างที่สุด กลับทำอะไรข้าไม่ได้ ตอนนี้เจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า”
“แน่นอนว่ายังคงเป็นโลกบงกชผลาญใจ”
อวี่เฟิงจื่อพูดเสียงเบา “เพียงแต่แตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสมบูรณ์ ขอสหายยุทธ์หลินโปรดระวัง หากยืนหยัดไม่ไหวขอให้เอ่ยยอมแพ้โดยเร็วเป็นพอ”
อวี่เฟิงจื่อในตอนนี้ถึงกับดูมั่นใจอย่างที่สุด การหยั่งรู้ในครั้งนี้คล้ายทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดต่างไม่ชอบใจ
คนใหญ่คนโตอย่างพวกชื่อเย่ล้วนเผยสีหน้าชื่นชม สำหรับพวกเขา นี่เป็นเรื่องดีที่เหนือความคาดหมาย
กลับเห็นหลินสวินเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “ดื้อดึงไม่ยอมรับ ยามควรหยุดไม่หยุด อวี่เฟิงจื่อ การหยั่งรู้ครั้งนี้อาจจะเป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับเจ้า ข้าสามารถให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ยอมแพ้ตอนนี้ยังทัน”
“หึ!”
ได้ยินคำพูดนี้คนใหญ่คนโตไม่รู้เท่าไหร่แค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ คิดว่าเป็นไปได้สูงมากว่าหลินสวินจะร้อนใจ เจตนาพูดข่มให้ผู้อื่นตกใจ ดูน่าขัดนัก
โดยเฉพาะจอมมุนีชื่อเย่ที่ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม
แม้ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร แต่ท่าทีไม่เห็นด้วยนั่นกลับทำให้ทุกคนต่างตระหนักได้ว่าเขาดูถูกหลินสวินยิ่ง!
อวี่เฟิงจื่อไม่ได้เถียง เอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “สหายยุทธ์หลินโปรดชี้แนะ”
วู้ม!
เขาพนมมือ บงกชงดงามหลากสีสันทรงกลมมนควบรวมออกมาอีกครั้ง กลิ่นอายที่มหัศจรรย์คลุมเครือคละคลุ้ง
โลกบงกชผลาญใจ!
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์บริบูรณ์ที่ไร้มลทินเพิ่มเข้ามา
“เจ้าคิดว่าโลกบงกชผลาญใจเล็กๆ นี่ยังจะสามารถขังข้าได้หรือ ช่างเถอะ ก็ให้เจ้าได้เห็นฝีมือของข้าสักหน่อยแล้วกัน”
ส่วนลึกในดวงตาดำลุ่มลึกของหลินสวินวาบประกายเย็นเยียบ
เขายื่นมือรวบนิ้ว
ละอองแสงกาลเวลาที่งดงามดั่งมายาควบรวมที่ปลายนิ้วเขาเงียบๆ กลายเป็นประกายคมโปร่งแสงวับวาว พริบไหวกลืนกิน
เมื่อฟันออกไปในอากาศเบาๆ
ฉัวะ!
ดาบคมสายหนึ่งพาดผ่านฟ้า มิติเวลาราวกับถูกตัดขาด ม้วนตัวอย่างบ้าคลั่ง ทิวทัศน์ทั้งหมดปรากฏความเสื่อมถอยและทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว
ทุกคนรู้สึกเพียงแสบตา
แม้แต่คนใหญ่คนโตเหล่านั้นก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เหมือนเป็นชั่วพริบตา และเหมือนผ่านไปไม่รู้กี่ปี
กฎเกณฑ์กาลเวลาที่กระจายอยู่กลางฟ้าดินปั่นป่วนไร้ระเบียบ อลหม่านอย่างสิ้นเชิง
เมื่อการเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดผิดปกติทั้งหมดนี้หายไป
บนลานมรรคเปิดสวรรค์
หลินสวินยืนอยู่ที่เดิม บงกชที่งดงามหลากสีดอกนั้นเบ่งบาน อวี่เฟิงจื่อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยังอยู่ในท่าพนมมือ
ราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ล้วนเป็นภาพมายา
ผู้คนนอกลานมรรคหลายคนมึนงง ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับอมตะขั้นดับเทพ สีหน้ายังประหลาดใจไม่อาจสงบได้ พวกเขาคล้ายเดาอะไรออกรางๆ
ส่วนพวกจอมมุนีชื่อเย่แห่งลัทธิฌาน ราชครูดินสยงถูแห่งลัทธิพ่อมด จอมวิญญาณชิงอวิ๋นแห่งลัทธิวิญญาณ รวมถึงพวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิแรกกำเนิด ตอนนี้ต่างตกใจ
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป ไม่สามารถสงบได้อย่างสิ้นเชิง
ในบรรยากาศที่เงียบสงัดทั้งแถบ หลินสวินเอ่ยยปากเรียบๆ “ข้าบอกแล้ว สำหรับเจ้า นี่เป็นหายนะครั้งใหญ่”
เสียงที่แผ่วเบาเพิ่งจบลง
ปัง!
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนที่จับจ้อง บงกชหลากสีนั่นเหี่ยวเฉาในชั่วพริบตา ระเบิดออกกะทันหัน กลายเป็นฝุ่นผงลอยกระเซ็นทั่วฟ้า
หากบอกว่าภาพนี้ทำให้ผู้คนตกใจ
เช่นนั้นภาพหลังจากนี้ก็ทำให้พวกเขาใจสั่นและหวาดกลัว!
ก็เห็นว่าอวี่เฟิงจื่อในจีวรขาวดั่งหิมะที่ยืนพนมมืออยู่ตรงนั้น รูปร่างเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ราวกับเด็กลงไม่รู้กี่ปีในทันที
กลายเป็นเด็กหนุ่มที่ตัวเตี้ยผอมแห้ง เยาว์วัยไร้เดียงสา จีวรที่เดิมพอดีตัวก็เปลี่ยนเป็นใหญ่กว่า
ที่น่ากลัวที่สุดคือมรรควิถีทั้งชีวิตของเขาราวกับถูกฟันขาด จากระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าร่วงลงมาเป็นระดับจักรพรรดิในทันที จากนั้นจากระดับจักรพรรดิก็ร่วงไปยังระดับกึ่งจักรพรรดิ ระดับอริยะ ระดับอมตะเคราะห์…
จนกระทั่งถึงระดับมหาสมุทรวิญญาณของห้าระดับล่างถึงค่อยๆ หยุดลง!
นอกลานมรรคเงียบกริบไร้เสียง
ต่างตกใจกับภาพนี้ หลายคนอกสั่นขวัญหนี เบิกตาโพลง
การเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดนี้ราวกับเรื่องที่น่ากลัวที่สุดในโลก ทิ่มแทงจนทุกคนเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น
“ดาบ… กาล… เวลา!”
จอมมุนีชื่อเย่ลุกขึ้น สีหน้ามืดทะมึน เสียงเหมือนเบียดออกจากหน้าอกอย่างไรอย่างนั้น เจือความเดือดดาลที่ไม่สามารถควบคุมได้
“สวนกระแสกาลเวลา ตัดทอนมรรควิถี! อภินิหารพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์”
“สมควรตาย!”
“อภินิหารต้องห้ามนี้ปรากฏอีกครั้งแล้ว…”
ครั้นมองทางคนใหญ่คนโตในลัทธิพ่อมด สิบยักษ์ใหญ่อมตะเหล่านั้น สีหน้าต่างเย็นเยียบ อึมครึมจนน่ากลัว ในดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาล รวมถึงความหวาดเกรงที่ยากจะสังเกตเห็น!
เฒ่าชราอย่างพวกเขาย่อมรู้จักลั่วทงเทียนในตอนนั้นเป็นอย่างดี ที่กล้าท้าทายสิบยักษ์ใหญ่อมตะ ก็เพราะอภินิหารพรสวรรค์ที่เขาครอบครองเป็นเหมือนสิ่งต้องห้ามเกินไป
แต่ตอนนี้หลังจากผ่านไปในกาลเวลาไร้สิ้นสุด อภินิหาพรสวรรค์เช่นนี้ปรากฏในโลกอีกครั้ง ถูกผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างหลินสวินสำแดงออกมา
นี่จะไม่ให้พวกเขาโกรธได้อย่างไร
ตอนนี้เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น ชื่อเวินที่มองหลินสวินเป็นศัตรู ในใจล้วนปั่นป่วน เกิดความเดือดดาลและชิงชัง
เมื่อนานมาแล้วก่อนหน้านี้ ลั่วทงเทียนเคยใช้ดาบกาลเวลาทำให้คนใหญ่คนโตน่านฟ้าที่แปดไม่น้อยบาดเจ็บหนัก ตัดทอนมรรควิถีบนร่างพวกเขา ทำให้น่านฟ้าที่แปดเกิดเสียงตื่นตระหนกหวาดหวั่นขึ้นมากมาย
พวกเขาจะลืมได้อย่างไร
แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึง ว่าหลินสวินจะปลุกและสืบทอดอภินิหารต้องห้ามนี้ได้แล้ว!
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะดาบกาลเวลาของหลินสวิน ย้อนอายุและมรรควิถีของอวี่เฟิงจื่อกลับไปยังยามเป็นเด็กหนุ่มในคราเดียว มีเพียงความทรงจำและสติปัญญาที่ไม่เปลี่ยน
แต่ภาพนี้น่าอนาถเกินไป ทำให้ผู้คนขนลุกซู่!
ลองจินตนการดูว่าตัวตนระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่โดดเด่นที่สุดของลัทธิฌาน ศิษย์พุทธฟ้าประทานที่มีสิทธิ์สืบทอดตำแหน่ง ‘พุทธปัจจุบัน’ คนหนึ่ง กลับสูญเสียมรรควิถีทั้งหมดในชั่วพริบตา กลับสู่ยามเยาว์ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่เส้นทางฝึกปราณ นี่เป็นภาพที่น่ากลัวเพียงใด
ในใจพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงสะท้านไหวรุนแรงคราหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตระหนักได้ว่าการโจมตีนี้ของหลินสวินเท่ากับทำลายอวี่เฟิงจื่ออย่างสิ้นเชิง
และการสูญเสียศิษย์พุทธฟ้าประทานอย่างอวี่เฟิงจื่อ ผลกระทบยิ่งใหญ่ที่มีต่อลัทธิฌานย่อมไม่อาจประเมินได้อย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะทำให้พวกเขาแก้แค้นหลินสวินอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจทุกสิ่ง!
พวกเสวียนเฟยหลิงสบตากัน ต่างเริ่มระวังขึ้นมา จับตามองการเคลื่อนไหวของคนของลัทธิฌานอย่างจอมมุนีชื่อเย่โดยเฉพาะ
มองดูคนอื่นๆ ในที่นี้อีกครั้ง เหล่าคนใหญ่คนโตและผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิด ตอนนี้ต่างกระจ่างแล้วว่าคำว่า ‘หายนะครั้งใหญ่’ ที่หลินสวินพูดถึงคืออะไร ล้วนอดตะลึงจนคำพูดไม่ได้
ก่อนหน้านี้อวี่เฟิงจื่อใช้โลกบงกชผลาญใจโจมตี หมายจะตัดมรรควิถีของหลินสวิน
แต่ตอนนี้หลินสวินตาต่อตาฟันต่อฟัน ตัดมรรควิถีของอวี่เฟิงจื่อลงไปยังห้าระดับล่างในคราเดียว ย้อนกลับไปสู่วัยเด็กหนุ่ม!
สำหรับอวี่เฟิงจื่อ ไม่ใช่หายนะครั้งใหญ่แล้วจะเป็นอะไร
บนลานมรรคเปิดสวรรค์ อวี่เฟิงจื่อที่มาอยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มอยู่ในท่าพนมมือโดยตลอด เหมือนถูกกระทบกระเทือนจนไม่อาจรับรู้ เนิ่นนานก็ไม่ขยับ
ครู่ใหญ่เขาถึงเงยหน้าขึ้น สายตามองไปยังหลินสวิน ริมฝีปากขยับเหมือนจะพูดอะไร
แต่สุดท้ายเขาก็กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง พลันหน้าซีดเผือดเซล้มนั่งบนพื้น
ราวกับสูญเสียบุพการีอย่างไรอย่างนั้น!
——————————–