Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2895 การแต่งตั้ง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2895 การแต่งตั้ง
ตอนที่ 2895 การแต่งตั้ง
หยวนซีหลิวเป็นขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์
แต่กลับถูกหลินสวินกำราบในชั่วพริบตา!
เดิมทีนี่ก็ทำให้หยวนฉางเทียนรู้สึกท่าไม่ดี ตอนนี้หลินสวินยังพูดว่าจะเลื่อนตำแหน่งเขาเป็นรองหัวหน้าหออีก จะไม่ให้เขาเข้าใจว่านี่เป็นแผนร้ายได้อย่างไร
หยวนฉางเทียนสูดหายใจลึก โค้งคำนับกล่าว “พี่หลิน ข้าคนแซ่หยวนยอมจำนนแล้ว ไม่คิดเป็นศัตรูกับเจ้าอีก ทั้งไม่คิดไปชิงตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์นั่นด้วย ยอมปล่อยไปเพียงเท่านี้ได้หรือไม่”
ท่าทางนอบน้อมและจริงใจเป็นอย่างยิ่ง
หลินสวินถอนใจยาวกล่าว “พี่หยวน ตอนนี้เจ้าเป็นรองหัวหน้าหอแล้ว ยังมีอนาคตอันดีงามนัก ทำไมจะจากไปเช่นนี้เล่า ต่อให้ข้ารับปาก ทั้งสำนักคงไม่ยินยอม พี่หยวนวางใจเถอะ ข้าคนแซ่หลินรับรองว่าจะไม่ทำให้ชีวิตของพี่หยวนเกิดข้อผิดพลาดแม้เศษเสี้ยว”
หยวนฉางเทียนตัวแข็งทื่อ เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก สีหน้าปรวนแปรไม่หยุดกล่าวว่า “ช่างเถิด ข้าจะไปพร้อมพี่หลิน”
หลินสวินชูนิ้วโป้งเอ่ยชม “ฉลาด”
วันนั้นในขณะที่ที่ทั้งลัทธิแรกกำเนิดยังไม่สังเกตเห็น หยวนฉางเทียนกับหยวนซีหลิวถูกกำราบแล้ว
วันนั้นเองการเคลื่อนไหวชำระล้างอันรุนแรงเปิดฉากขึ้น
…
ยอดเขาที่สาม
หนานป๋อหงกำลังจิบชา
“ผู้นำยอดเขา รองหัวหน้าหอเสวียนเชิญท่านไปเรือนมรรคกลางทันที”
ศิษย์คนหนึ่งมาเรียกตัว
หนานป๋อหงอึ้งงัน ขมวดคิ้วกล่าว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ศิษย์ไม่ทราบขอรับ”
หนานป๋อหงใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนลุกขึ้นกล่าว “ช่างเถอะ ข้าไปดูสักหน่อย”
ผ่านไปหนึ่งเค่อ
หนานป๋อหงมาถึงเรือนมรรคกลาง หลังจากก้าวเข้าไปจึงพบว่าในโถงใหญ่มีคนนั่งอยู่มากมายแล้ว
มีผู้อาวุโสหอแรกพิสุทธิ์ตงหวงชิง ผู้อาวุโสหอแรกมายาจงหลีจั้นอวิ๋น ผู้นำยอดเขาที่สี่มู่อวิ๋นเจิง…
มีกันถึงสามสิบห้าคน!
ภายในนั้นเป็นผู้นำยอดเขาสองคน ผู้อาวุโสสามหอสิบเอ็ดคน ผู้ดูแลสามหอยี่สิบสองคน
รวมเขาหนานป๋อหงแล้วเป็นสามสิบหกคน
เมื่อเห็นภาพนี้หนานป๋อหงใจหล่นวูบ สังเกตเห็นความผิดปกติ
เพราะทุกคนที่ถูกเรียกตัวมาเรือนมรรคกลางนี้ล้วนมาจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะทั้งสิ้น!
เมื่อมองคนที่ถูกเรียกตัวมาเหมือนตนอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนล้วนเผยแววอึมครึม
“ขอถามรองหัวหน้าหอเสวียนว่าเรียกข้ามาครานี้ด้วยเรื่องใด”
หนานป๋อหงเหลือบมองเสวียนเฟยหลิงที่นั่งบนตำแหน่งประธานกลางโถงใหญ่
สายตาของคนอื่นในโถงใหญ่ล้วนมองไปเช่นกัน
เสวียนเฟยหลิงกล่าวสีหน้าราบเรียบ “อย่าเพิ่งรีบร้อน รอคนมาครบแล้วค่อยเข้าเรื่อง”
ในใจหนานป๋อหงรู้สึกไม่เข้าทียิ่งกว่าเดิม กล่าวตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ข้ากำลังหลอมลูกกลอนโอสถ เกรงว่าจะล่าช้า ประเดี๋ยวค่อยมาฟังคำชี้แนะของรองหัวหน้าหอเสวียน”
เขาพูดพลางหันหลังจะจากไป
หน้าประตูทางเข้า เงาร่างของรองหัวหน้าหอสี่คนอย่างตู๋กูยง ฟางเต้าผิง อวี๋สิ่ง หยวนอู่เทียนปรากฏตัวพร้อมกัน ขวางทางข้างหน้าราวกับปราการหนึ่ง
หนานป๋อหงหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ กล่าวเดือดดาล “รองหัวหน้าหอทุกท่าน พวกท่านจะทำอะไร”
ฮูม!
เหล่าคนใหญ่คนโตในโถงใหญ่ที่ถูกเรียกตัวมาต่างลุกขึ้น ทั้งตระหนกและขุ่นเคือง มีหรือจะดูไม่ออกว่านี่คือกับดักอย่างหนึ่ง
แต่ต่อให้พวกเขาผ่าสมองออกมาก็คิดไม่ตกว่าเหตุใดพวกเสวียนเฟยหลิงถึงลงมือวันนี้ ไม่ห่วงว่าจะก่อให้เกิดความโกลาหลในสำนักหรือ
“ข้าบอกแล้วว่าทุกท่านอย่ารีบร้อน ประเดี๋ยวก็เข้าใจ”
เสวียนเฟยหลิงนั่งบนตำแหน่งประธานตรงกลาง สีหน้าเรียบเฉย
“ไม่ได้ พวกเราจะไปพบรองหัวหน้าหอฝู!”
หนานป๋อหงตะโกน
“ใช่ พวกเราจะไปพบรองหัวหน้าหอฝู!”
คนอื่นพากันโวยวายขึ้นมา
ฟางเต้าผิงยิ้มทันที แววตาพิกล “อยากเจอฝูเหวินหลีนั้นง่ายนิดเดียว วางใจเถอะ อีกเดี๋ยวก็จะส่งพวกเจ้าไปแล้ว”
เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกมา ทำให้พวกหนานป๋อหงขนพองสยองเกล้า คาดเดาอะไรได้แล้ว ร้องตกใจ “พวกเจ้า… คงไม่ได้ฆ่ารองหัวหน้าหอฝูแล้วกระมัง”
“ช่างเถอะ ในเมื่อพวกเขารีบร้อนเช่นนี้ก็บอกความจริงพวกเขากัน”
เสวียนเฟยหลิงลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม!
ประตูทางเข้าเรือนมรรคกลางปิดสนิททันที
พวกหนานป๋อหงหน้าเปลี่ยนสีโดยพร้อมเพรียง จบเห่แล้ว!
…
ผ่านไปหนึ่งถ้วยชา
ประตูทางเข้าเรือนมรรคกลางเปิดออกช้าๆ
รองหัวหน้าหอสี่คนอย่างเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิง อวี๋สิ่งทยอยก้าวออกมา
“ทุกท่าน แยกกันเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร”
“ได้”
“จำไว้ว่าอย่าทำให้ผู้สืบทอดคนอื่นตกใจ เลี่ยงไม่ให้พวกเขาวิตกหวาดกลัวจนประหวั่นพรั่นพรึง”
“ไป”
เงาร่างของรองหัวหน้าหอสี่คนหายไปในพริบตา
แต่ในเรือนมรรคกลางด้านหลังพวกเขากลับว่างเปล่า
เหล่าคนใหญ่คนโตที่รับตำแหน่งในลัทธิแรกกำเนิดสามสิบหกคนอย่างพวกหนานป๋อหงล้วนถูกลบหายไปจากโลก ไม่เหลือร่องรอยใดแม้เพียงเสี้ยว!
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
คนในตระกูลสิบยักษ์ใหญ่อมตะที่กระจายอยู่ทั่วลัทธิแรกกำเนิดล้วนถูกจัดการราบคาบโดยไร้สุ้มเสียง
ภายในนั้นมีฉีชิงซือ ตงหวงเซ่าเหวิน มู่จุนอู๋ที่เข้ามาในลัทธิแรกกำเนิดพร้อมหลินสวินด้วย
ที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือ หลายปีมานี้คนที่เข้ามาในลัทธิแรกกำเนิดพร้อมหลินสวิน ปัจจุบันล้วนเติบโตขึ้นมาเช่นกัน อย่างต่ำก็เป็นศิษย์แกนหลักของเก้ายอดเขา
ส่วนพวกฉีชิงซือ ตงหวงเซ่าเหวิน มู่จุนอู๋นั้นยิ่งมาอยู่ในสามหอนานแล้ว
แต่เทียบกับหลินสวินที่เลื่อนขั้นติดต่อกันแล้ว สุดท้ายยังหม่นแสงกว่ามาก
พลบค่ำวันนั้น
บนลานกว้างมหึมาหน้าเรือนมรรคกลาง
ทุกคนทั้งบนล่างในลัทธิแรกกำเนิดล้วนถูกเรียกระดมพล
ผู้อาวุโส ผู้ดูแล รองผู้ดูแล และศิษย์ของสามหอ รวมถึงผู้นำยอดเขา ผู้อาวุโส ศิษย์แกนหลัก และศิษย์ของเก้ายอดเขามารวมตัวกัน
ถึงตอนนี้ทุกคนถึงเพิ่งพบว่าในที่นั้นมีคนน้อยลงไปมาก
“ดูเหมือนว่าขอแค่เป็นคนที่มาจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะ ไม่ว่าเป็นศิษย์หรือคนใหญ่คนโตพวกนั้นล้วนไม่ปรากฏตัวทั้งสิ้น…”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
“ดูท่าว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว”
ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์ ล้วนแปลกใจสงสัยไม่หยุดดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ผู้นำยอดเขาอย่างเยวี่ยอู๋โฉว ฉินอู๋อวี้ ชางฉงเสวี่ยคาดเดาอะไรได้รางๆ หว่างคิ้วยากปกปิดความตกตะลึงเช่นกัน
ไม่นานเงาร่างของรองหัวหน้าหอห้าคนอย่างเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิง หยวนอู่เทียน อวี๋สิ่งปรากฏตัวหน้าเรือนมรรคกลาง
สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกผิดคาดคือหลินสวินปรากฏตัวตามเงาร่างของรองหัวหน้าหอพวกนี้มาติดๆ
“การเรียกตัวทุกคนมาครั้งนี้ด้วยมีเรื่องใหญ่บางอย่างจะประกาศ”
ภายใต้แสงสายัณห์ เงาร่างเสวียนเฟยหลิงผงาดผยอง เอ่ยปากเสียงขรึม เสียงสะท้อนทั่วบริเวณ ทำให้บรรยากาศทั่วลานเงียบสงัดเคร่งขรึมทันที
“จากการหารือของข้ากับรองหัวหน้าหอคนอื่น ตั้งแต่วันนี้ไปจะเลือกผู้อาวุโสหยวนฉางเทียนเป็นรองหัวหน้าหอแรกนภา รับตำแหน่งแทนรองหัวหน้าหอฉีเซียวอวิ๋น”
เรื่องแรกที่เสวียนเฟยหลิงประกาศทำให้ทั่วลานต่างฮือฮา
“อะไรนะ”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้”
“หยวนฉางเทียนต่ำทรามไร้ยางอายเช่นนี้ มารับตำแหน่งรองหัวหน้าหอได้อย่างไร”
ทั่วลานส่งเสียงฮือฮา ศิษย์ไม่น้อยต่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม
“สำรวม!”
ฟางเต้าผิงตวาด เพียงสองคำก็ข่มเสียงทั่วลานได้หมด
“ทุกคนโปรดฟังข้าพูดให้จบ”
เสวียนเฟยหลิงกล่าว “เนื่องด้วยรองหัวหน้าหอหยวนฉางเทียนอยู่ระหว่างการทะลวงปราณพอดี ไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น ตอนนี้กำลังปิดด่าน ออกจากด่านเมื่อไรค่อยครองอำนาจรองหัวหน้าหอ”
ทุกคนต่างอึ้งงัน รู้สึกเหมือนว่าเรื่องนี้มีเลศนัยรางๆ
เสวียนเฟยหลิงกล่าวต่อ “เรื่องที่สองคือหลายปีมานี้ภายในสำนักของพวกเรามีบ่อเกิดหายนะแทรกซึมมากมาย กัดกร่อนความมั่นคงในลัทธิแรกกำเนิดของพวกเราเหมือนเนื้อร้าย แต่นับจากวันนี้ไปทุกคนไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเรื่องนี้รบกวนอีก เนื้อร้ายพวกนี้ล้วนถูกกำจัดสิ้นแล้ว ไม่มีทางปรากฏตัวอีก”
ทั่วลานปั่นป่วน ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะพวกนั้นจึงไม่ปรากฏตัว ที่แท้ก็ถูกกำจัดสิ้นไปแล้ว!
นี่ทำให้พวกเขาตกตะลึงหาใดเปรียบ
ด้วยรองหัวหน้าหอสี่คนอย่างฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน ทังชิวไม่ปรากฏตัวเช่นกัน สิ่งนี้สื่อความนัยโดยไม่ต้องสงสัย แม้แต่รองหัวหน้าหอสี่คนนี้ก็มีโอกาสสูงว่าถูกกำจัดด้วย โดนมองว่าเป็นเนื้อร้ายแล้ว!
นี่ทำให้ผู้คนรู้สึกผิดคาดเกินไป
มีคนตกตะลึง มีคนดีใจแทบคลั่ง ทั้งมีคนใจสั่นสะท้าน มากมายหลายแบบ
กระทั่งความปั่นป่วนในที่นั้นสงบลงช้าๆ เสวียนเฟยหลิงจึงกล่าว “แม้เนื้อร้ายถูกขุดรากถอนโคน แต่ตำแหน่งมากมายในสำนักกลับว่างเปล่า สถานการณ์ครั้งนี้ไม่เหมือนอดีต ต่อจากนี้รองหัวหน้าหอฟางเต้าผิงจะประกาศกลุ่มคนที่ถูกเลือกให้มารับตำแหน่งที่ว่างอยู่ชั่วคราว”
ทันใดนั้นฟางเต้าผิงก้าวออกมากล่าวเสียงดัง “ผู้นำยอดเขาที่สอง มีโม่หลันซานดำรงตำแหน่ง”
โม่หลันซานเผยสีหน้าตกตะลึง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงควบคุมความตื่นเต้นในใจแล้วประสานมือกล่าว “ข้าคนแซ่โม่จะไม่ทรยศต่อความคาดหวังของสำนัก!”
คนอื่นเห็นดังนี้แล้วอดรู้สึกคาดหวังไม่ได้ หลังกำจัดเหล่าเนื้อร้ายครั้งนี้ทำให้ตำแหน่งว่างไปมาก ทั้งไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีใครรับตำแหน่ง
ด้วยคนที่มีคุณสมบัติไปรับตำแหน่งเหล่านั้นในลัทธิแรกกำเนิดมีมากมาย
ตัวอย่างเช่นตำแหน่งผู้นำยอดเขา ในหมู่รองผู้ดูแลสามหอล้วนหาคนมารับตำแหน่งนี้ได้!
ก่อนหน้านี้สาเหตุที่ไม่ได้รับตำแหน่งก็แค่ไม่มีโอกาสเท่านั้น
“ผู้นำยอดเขาที่สาม มีฉวี่จิ้งฉือดำรงตำแหน่ง”
“ผู้นำยอดเขาที่สี่ มีเหลียงเซียวดำรงตำแหน่ง”
หลังจากนั้นฟางเต้าผิงประกาศชื่อผู้รับการแต่งตั้งคนแล้วคนเล่า ขอเพียงเป็นบุคคลที่อยู่ในรายชื่อ ไม่มีใครไม่เผยสีหน้าตื่นเต้น ปิติยินดีไม่หยุด
เหล่าคนที่ไม่ถูกเลือกก็ปราศจากคำจะพูด
เพราะเทียบกับเหล่าคนที่ถูกเลือกแล้ว พวกเขาด้อยกว่าอยู่บ้างจริงๆ ไม่ยอมรับคงไม่ได้
ไม่นานตำแหน่งผู้นำยอดเขากับผู้อาวุโสเก้ายอดเขาที่ว่างอยู่ก็ถูกเติมเต็มจนครบ
จากนั้นฟางเต้าผิงประกาศผู้ได้รับคัดเลือกและแต่งตั้งในตำแหน่งรองผู้ดูแล ผู้ดูแล ผู้อาวุโสของสามหอตามมาติดๆ
ระหว่างนี้หลินสวินสังเกตเห็นว่าหลิวอวิ๋นเฟิงกับเฟิงซีซีล้วนถูกเลือกเป็นรองผู้ดูแล เถาเหลิ่งก็ถูกเลือกเป็นผู้อาวุโส
ผู้นำยอดเขาที่เก้าฉินอู๋อวี้ถูกเลื่อนขั้นเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งในหอแรกมายาเช่นกัน ส่วนตำแหน่งผู้นำยอดเขานั้นก็ถูกคนอื่นเข้ามาแทน
ไม่ว่าอย่างไรเมื่อเห็นภาพนี้ ในใจหลินสวินก็ยินดีนัก
เมื่อตำแหน่งที่ต่ำกว่ารองหัวหน้าหอซึ่งว่างอยู่พวกนี้ถูกเติมเต็มจนครบ บรรยากาศในที่นั้นพลุ่งพล่านถึงขีดสุดแล้ว
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไหนเลยจะมีโอกาสคัดเลือกคนมากเช่นนี้
สิ่งที่ทำให้ผู้คนยินดียิ่งกว่าคือมีคนเลื่อนตำแหน่ง ตำแหน่งที่คนพวกนั้นเหลือไว้ก็มีคนเข้าไปแทน กระทั่งจำนวนคนที่เปลี่ยนตำแหน่งครั้งนี้เรียกได้ว่าชวนตะลึง!
“ตอนนี้ในบรรดารองหัวหน้าหอมีตำแหน่งว่างอยู่สามที่”
เวลานี้เสวียนเฟยหลิงเอ่ยปากแล้ว
ประโยคเดียวทำให้บรรยากาศพลุ่งพล่านทั่วลานเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดขึ้นมาทันที
ทุกคนต่างรู้ว่าฉากเด็ดที่แท้จริงมาแล้ว!
เหล่าคนใหญ่คนโตที่ปัญญาหลักแหลมบางส่วน ล้วนเคลื่อนสายตามองหลินสวินที่ยืนอยู่ข้างกายพวกเสวียนเฟยหลิงอย่างอดไม่ได้
…………………..