Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2915 ล้างแค้น
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2915 ล้างแค้น
ตอนที่ 2915 ล้างแค้น
เห็นหลินสวินพูดถึงขนาดนี้ พวกเสวียนเฟยหลิงต่างมองหน้ากัน ลังเลอยู่นานถึงค่อยตอบรับไป
หลินสวินยิ้มออกมาทนที
ไม่ใช่ว่าเขาเลือดร้อนจะออกไปข้างนอกให้ได้
อันที่จริงหลังจากเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงหลายปีนี้แล้วก็ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า หากหลบอยู่ในลัทธิแรกกำเนิดตลอด ในหลายปีนี้ก็อาจจะอยู่อย่างสงบสุขได้
ทว่าเมื่อเวลาการแจ้งมรรคของโหยวเป่ยไห่มาถึง ลัทธิแรกกำเนิดต้องเจอกับภัยพิบัติที่ไม่อาจคาดคิดเป็นแน่!
ถึงตอนนั้นอาจจะสลายเคราะห์ไปได้ แต่สำนักก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลเช่นกัน
นี่ย่อมเป็นเรื่องที่หลินสวินไม่อยากเห็น
เขาไม่อยากให้ลัทธิแรกกำเนิดต้องลำบาก ทั้งไม่อยากให้คนที่คุ้นเคยกันในลัทธิแรกกำเนิดบาดเจ็บแต่อย่างใด
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจออกไปสักรอบ
ใช้พลังของตัวเองคนเดียวไปก่อกวนสถานการณ์ในใต้หล้าพวกนั้น!
“เจ้าคิดจะไปเมื่อไร” เสวียนเฟยหลิงถาม
“วันนี้” หลินสวินตอบโดยไม่ต้องคิด
เวลาไม่คอยท่า ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ไม่ต้องรั้งรออีกต่อไป
“อยากพาคนอื่นไปด้วยหรือไม่” เสวียนเฟยหลิงถามอีกครั้ง
เขาเป็นห่วงหลินสวินอย่างเห็นได้ชัด
หลินสวินส่ายศีรษะ ยิ้มกล่าว “ผู้อาวุโสทุกคนโปรดวางใจ ข้าไม่ไปสู้กับศัตรูแบบโง่ๆ หรอก”
พวกเสวียนเฟยหลิงต่างข่มความกังวลในใจแล้วพยักหน้าน้อยๆ
ต่อให้รู้ดีว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินในตอนนี้สามารถแผลงฤทธิ์ได้ทั่วหล้า แต่พวกเขาก็ยังอดกังวลไม่ได้
นี่ก็มองออกว่าพวกเขามองหลินสวินเป็นคนของตัวเองนานแล้ว เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของหลินสวินอย่างยิ่งจึงกระทำการเช่นนี้อย่างช่วยไม่ได้
ก็เหมือนในสายตาพ่อแม่ ไม่ว่าลูกจะอายุเท่าไร ประสบความสำเร็จแค่ไหน ก็ยังเป็น ‘เด็ก’ ที่พวกเขาต้องคอยห่วงอยู่ดี
…
วันนั้นหลินสวินออกจากลัทธิแรกกำเนิดไปอย่างเงียบๆ
นอกแดนแรกเริ่ม เหนือทะเลหมื่นดารา
หลินสวินมือไพล่หลังเดินเบิบๆ ไปข้างหน้า ทุกย่างก้าวดั่งดาราเคลื่อนคล้อย หายลับไปหลายพันลี้ในพริบตา
ในจิตรับรู้อันกว้างใหญ่ของเขาสังเกตเห็นกลิ่นอายของผู้ฝึกปราณมากมายตลอดทาง ดูเหมือนธรรมดาอย่างมาก ทว่าหลินสวินกลับรู้ดีว่าในบรรดาผู้ฝึกปราณนี้ต้องมีหูตาของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลเป็นแน่
หลินสวินไม่ได้สนใจพวกตัวเล็กๆ นี่
เขามีแผนอื่นอยู่ในใจ
หนึ่งวันให้หลัง
น่านฟ้าที่เจ็ด
เขตแดนดาราใจกลาง แคว้นเทพแนวดารา
หลินสวินเดินทอดน่องเข้าพื้นที่อุดมสมบูรณ์และรุ่งเรืองนี้ หลังผ่านสถานที่ต่างๆ หลายพันลี้ ก็มาถึงเมืองแห่งหนึ่งที่ชื่อว่าสามธารา
เข้าฤดูหนาวพอดี หิมะฟุ้งตลบ ปกคลุมทุกอย่างเป็นสีขาวโพลน
หลินสวินนั่งลงในหอสุราแห่งหนึ่งในเมืองสามธารา นักเล่าเรื่องคนหนึ่งกำลังเล่าเหตุการณ์ในใต้หล้าอย่างออกรส ดึงดูดความสนใจของลูกค้า
“ลือกันว่าหลินสวินเป็นพวกแข็งแกร่งน่าทึ่งคนหนึ่ง ตั้งแต่เข้าสู่โลกยอดนิรันดร์ถึงตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งที่ตายภายใต้เงื้อมมือเขาเยอะราวหมู่ดาว นับไม่หวาดไม่ไหว…”
พูดถึงตรงนี้นักเล่าเรื่องก็ยิ้มมีเลศนัยกล่าวว่า “ไม่ปิดบังทุกท่าน นายเหนือหัวของแคว้นเทพแนวดาราของพวกเราตอนนี้ก็คือเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหง และมีความแค้นลึกซึ้งกับหลินสวินนี่อยู่เช่นกัน”
“ว่ากันว่าในปีที่หลินสวินต่อสู้เพื่อข้ามแดนใหญ่พันศึก ผู้แข็งแกร่งตระกูลหงก็ขัดแย้งกับหลินสวินแล้ว จนกระทั่งตอนที่หลินสวินปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หก ตระกูลหงถึงกับส่งคนใหญ่คนโตไปตระกูลลั่ว หมายจะฆ่าหลนสวินโดยเร็ว แต่ใครจะคิดว่ากลับตกม้าตายเหมือนเดิม…”
มีคนอดเอ่ยถามไม่ได้ทันที “คนตระกูลหงตกม้าตายอย่างไรหรือ”
นักเล่าเรื่องกระแอมคราหนึ่งกล่าวว่า “ทุกท่าน อย่างไรที่นี่ก็เป็นเขตอิทธิพลของตระกูลหง ผู้น้อยมีหรือจะกล้าแสดงความคิดเห็นเรื่องพวกนี้ได้”
“ขี้ขลาด!”
“เหอะๆๆ เฒ่าชราอย่างเจ้านับว่าฉลาด รู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด” เสียงหัวเราะดังขึ้นในที่นั้นระลอกหนึ่ง
นักเล่าเรื่องไม่ได้รู้สึกขายหน้า เพียงยิ้มน้อยๆ
เพียงแต่ขณะที่เขากำลังจะพูดต่อ จู่ๆ เสียงเย็นเยียบสายหนึ่งก็ดังขึ้น “พวกเจ้า จับนักเล่าเรื่องงี่เง่านี่ให้ข้า” ในที่นั้นเงียบกริบทันที ทุกคนล้วนมองไปทางผู้พูด
นี่เป็นเด็กหนุ่มสวมชุดคลุมนกกระเรียนสีดำคนหนึ่ง แววตาเจือความจองหองและเย็นชา
พริบตาเดียวผู้ติดตามสองคนที่อยู่ข้างเขาก็พุ่งออกไปจับตัวนักเล่าเรื่องแล้วพามาข้างกายเด็กหนุ่มชุดคลุมกระเรียนทันที
ปึง!
นักเล่าเรื่องถูกบังคับให้คุกเข่าตรงนั้นทันที สมองเขาอึ้งงัน กล่าวเสียงสั่น “คุณชาย หากข้าน้อยล่วงเกินที่ใดต้องขออภัยท่านด้วย ขอคุณชายโปรดใจกว้างยกโทษให้ข้าน้อยสักครั้ง”
เด็กหนุ่มชุดคลุมกระเรียนกล่าวเรียบๆ “เพิ่งจะขอความเมตตาตอนนี้หรือ สายไปแล้ว แต่ว่าคุณชายอย่างข้าก็ไม่ได้คิดเล็ดคิดน้อยกับคนต่ำต้อยอย่างเจ้า แค่จะดึงลิ้นออกแล้วปล่อยเจ้าไป”
ดึงลิ้นออก
ลูกค้าที่นั่งอยู่ต่างหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด นักเล่าเรื่องอาศัยลิ้นเลี้ยงชีพ ถ้าถูกตัดไปมีหรือจะยังอยู่ในเมืองได้
“คุณชายท่านนี้ ท่านไม่สบอารมณ์เช่นนี้เพราะเหตุใดหรือ”
มีคนอดถามไม่ได้
ผู้ติดตามคนหนึ่งที่อยู่ข้างเด็กหนุ่มชุดคลุมกระเรียนกล่าวเยียบเย็น “คุณชายของข้าแซ่หง”
ประโยคเดียวทำเอาทุกคนในนั้นหน้าเปลี่ยนสี เงียบกริบปานจักจั่นหน้าหนาว
ส่วนนักเล่าเรื่องก็ตกตะลึงทันที ตระหนักได้ว่าครั้งนี้ปากตัวเองพาซวยแล้ว เขาโขกศีรษะอย่างแรง กล่าวอย่างหวาดกลัว “ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ขอคุณชายโปรดระงับโทสะ คุณชายโปรดยกโทษด้วย!”
สีหน้าเด็กหนุ่มชุดคลุมกระเรียนเฉยเมย “ทำผิดแล้วก็ต้องรับโทษ ชื่อเสียงตระกูลหงของข้า ไม่อาจให้คนต่ำต้อยอย่างเจ้ามาพูดดูหมิ่นได้ง่ายๆ ลงมือ ดึงลิ้นของเขาออกมาซะ ”
“ขอรับ”
ผู้ติดตามคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างลงมือทันที
นักเล่าเรื่องตกใจจนหน้าซีดขาว ทรุดลงไปตรงนั้น
ก็เป็นในตอนนี้ที่เสียงราบเรียบเสียงหนึ่งดังขึ้น “วางโตยิ่งนัก เรื่องที่ตระกูลหงของพวกเจ้าทำไว้ในอดีต จะไม่ให้คนอื่นวิจารณ์เลยหรือ”
ขวับ!
สายตาทั้งหมดมองไปยังทิศทางที่เสียงดังมา ก็เห็นชายรูปร่างผอมคนหนึ่งกำลังนั่งรินเหล้าดื่นกินอยู่ริมหน้าต่างตามลำพัง
“เหอะ วันนี้แปลกเสียจริง ในเขตอิทธิพลตระกูลหงของข้า ถึงกับยังมีคนไม่กลัวตายกระโดดออกมาให้ท้ายนักเล่าเรื่องห่วยๆ คนหนึ่ง”
สายตาเด็กหนุ่มชุดกระเรียนเย็นเยียบ “ว่ามาเถิด เจ้าเป็นใคร ทั้งเป็นใครให้ความกล้ากับเจ้าถึงได้มาเป็นศัตรูกับตระกูลหงของข้า”
ชายร่างผอมยกจอกดื่มรวดเดียว หยัดตัวยืนขึ้นพลางยิ้ม “เป็นศัตรูกับตระกูลหงของเจ้าแล้วจะทำไม ข้าไม่อ้อมค้อมแล้วกัน หลังจากวันนี้ไป แคว้นเทพแนวดารานี่จะไม่มีที่ให้ตระกูลหงหยัดยืนอีก”
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
เด็กหนุ่มชุดกระเรียนหน้าเปลี่ยนสีทันที
ชายร่างผอมยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “เจ้าไม่เชื่อหรือ เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปดูด้วยตาตัวเองพร้อมกันเป็นอย่างไร”
พูดพลางเขาก็ยื่นคว้าผ่านห้วงอากาศ
เด็กหนุ่มชุดคลุมกระเรียนประหนึ่งลูกไก่ถูกหิ้วอยู่ในมือชายร่างผอมทันที สองตาเหลือกขึ้น กระตุกไปทั่วร่างแล้วสลบไป
ผู้ติดตามสองคนเข้าไปช่วยทันที ทว่าร่างยังไม่ทันขยับก็กลายเป็นขี้เถ้าปลิวว่อนเงียบๆ ราวกับใบไม้แห้งร่วงโรยที่ถูกเผาผลาญชั่วพริบตา
ภาพนี้น่ากลัวจนทุกคนล้วนตกตะลึง!
และเมื่อการตอบสนองของพวกเขากลับมา ชายร่างผอมก็พาเด็กหนุ่มชุดกระเรียนอันตรธานหายไปแล้ว
ทุกคนมองหน้ากันไปมา จากนั้นบรรยากาศที่กดดันเงียบสงัดก็คล้ายหม้อระเบิดออก เดือดพล่านเป็นที่สุด
“คนผู้นั้นเป็นใคร ถึงกับกล้าลงมือกับลูกหลานตระกูลหง”
“เขายังบอกว่าวันนี้เผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหงจะหายไปจากแคว้นเทพแนวดารา!”
“คำพูดเช่นนี้แค่ฟังก็พอ ปีนั้นตระกูลหงย้ายถิ่นฐานจากน่านฟ้าที่หกมาน่านฟ้าที่เจ็ด ถึงจะตั้งรกรากที่นี่มาร้อยกว่าปีเท่านั้น แต่รากฐานระดับนั้นผู้ฝึกปราณคนใดจะสั่นคลอนได้ตามใจชอบเล่า”
“เอ่ยคำพูดอย่างไม่เกรงใจ ต่อให้เจ้านั่นใจกล้าสุดขั้วแต่ก็แค่พวกขี้คุย ครั้งนี้ล่วงเกินลูกหลานตระกูลหงเข้าแล้ว จะรอดไปจากแคว้นเทพแนวดาราหรือไม่ยังเป็นปัญหา”
ผู้คนวิจารณ์ไม่หยุด
มีเพียงนักเล่าเรื่องเท่านั้นทรุดนั่งลงบนพื้น ความคิดเลื่อนลอย
เขามักรู้สึกว่าเรื่องไม่น่าง่ายดายเช่นนี้
ดังคาด ในวันนั้นก็มีข่าวสะท้านฟ้ากระจายไปทั่วแคว้นเทพแนวดารา
ประตูเขาของเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหงพังทลาย อาณาเขตที่ตั้งถูกเหยียบราบ คนใหญ่คนโตทั้งหมดล้วนสิ้นชีพ!
พลังระเบียบของตระกูลถูกกวาดไปทั้งหมด!
ทันทีที่ข่าวกระจายออกไป พวกคนที่เคยเห็นชายร่างผอมในหอสุรานั้นก็อดอึ้งไปไม่ได้ มือเท้าหนาวเย็น ถึงกับเป็นไปแล้วจริงๆ!
นักเล่าเรื่องซึ่งออกจากเมืองสามธาราไปแล้ว เมื่อได้รู้เรื่องนี้ก็อดหัวเราะลั่นอย่างตื่นเต้นไม่ได้ “ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร… ข้าน้อยรู้ว่าคนที่กล้าทำเช่นนี้ บนโลกนี้มีเพียงคนอย่างผู้อาวุโสคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าตอนนั้นท่านจะช่วยข้าน้อยด้วยเหตุผลใด บุญคุณครั้งนี้ข้าน้อยจะไม่ลืมชั่วชีวิต!”
เขาคุกเข่าลงบนถนนที่หิมะหนาปกคลุม คำนับสามครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง
…
ข่าวที่เผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหงย่อยยับกระจายในน่านฟ้าที่เจ็ดด้วยความเร็วอันน่าตกใจ นำมาซึ่งคลื่นลมมากมาย
พวกเผ่าจักรพรรดิอมตะที่อยู่ใต้อาณัติพันธมิตรสงครามสิบตระกูลมานานแล้วล้วนแตกตื่น
พวกเขาทั้งหมดเกิดลางสังหรณ์หนึ่ง…
การล่มสลายของเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหง เป็นไปได้อย่างยิ่งว่ามาจากฝีมือของหลินสวิน!
เพราะแค่ตั้งใจสืบดูก็รู้ว่าตระกูลหงกับหลินสวินบาดหมางกันมานานมากแล้ว
“หรือว่าหลินสวินออกจากลัทธิแรกกำเนิด และมาเดินอยู่ในน่านฟ้านี้อย่างนั้นหรือ”
“เร็วเข้า ส่งข่าวไปให้พันธมิตรสงครามสิบตระกูล!”
…เผ่าจักรพรรดิอมตะทุกตระกูลในน่านฟ้าที่เจ็ดวิ่งวุ่นอลหม่าน ระส่ำระสายไม่หยุด
ไม่มีใครกล้าประมาท
ประมาณห้าสิบห้าปีก่อน หลินสวินเคยปรากฏตัวในน่านฟ้าที่เจ็ด พริบตาเดียวก็กวาดล้างสี่ตระกูลตงหวงรวมถึงเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลจวง เรื่องนี้เคยทำให้เผ่าจักรพรรดิอมตะอื่นๆ ในน่านฟ้าที่เจ็ดหวาดกลัวและยากจะสงบใจ
และตอนนี้ ถ้าการล่มสลายของเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหงเกี่ยวข้องกับหลินสวิน ความหมายนั้นก็ต่างออกไปแล้ว
ถึงอย่างไรทั่วหล้าในตอนนี้ใครบ้างไม่รู้ว่าเป็นเพราะหลินสวิน พันธมิตรสงครามสิบตระกูลกับลัทธิแรกกำเนิดจึงแตกหักกันไปแล้ว
และเผ่าจักรพรรดิอมตะในน่านฟ้าที่เจ็ดทั้งหมดก็สวามิภักดิ์กับพันธมิตรสงครามสิบตระกูลแล้ว
หากหลินสวินมีใจคิดแก้แค้น…
เช่นนั้นทั้งหมดก็เป็นหายนะที่ไม่อาจคาดเดาต่อเผ่าจักรพรรดิอมตะทุกตระกูลในน่านฟ้าที่เจ็ด!
พันธมิตรสงครามสิบตระกูลตอบสนองรวดเร็วมาก ทันทีที่ได้รับข่าวก็ส่งกำลังคนเข้าตรวจสอบน่านฟ้าที่เจ็ด
ทว่าเมื่อเวลาเคลื่อนคล้อย กลับไม่พบร่องรอยใดที่เกี่ยวกับหลินสวินแม้แต่น้อย
นี่ทำให้เผ่าจักรพรรดิอมตะในน่านฟ้าที่เจ็ดทุกแห่งอดสงสัยไม่ได้ หรือฆาตกรที่เหยียบตระกูลหงจะไม่ใช่หลินสวิน
แต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ยังทำเอาน่านฟ้าที่เจ็ดไม่สงบ เผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายล้วนระส่ำระสาย!
…
คนที่เหยียบเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหงย่อมเป็นหลินสวิน
เพียงแต่ในวันนั้นเขาออกจากน่านฟ้าที่เจ็ด ตัดสินใจมุ่งหน้าไปน่านฟ้าที่หก
เพราะเมื่อเทียบกับน่านฟ้าที่เจ็ดแล้ว ในน่านฟ้าที่หกยังมีคนที่เขาเป็นห่วงอยู่มากมาย
อย่างเช่นตระกูลลั่ว
แน่นอนว่าในน่านฟ้าที่หกเองก็มีความแค้นที่หลินสวินยังไม่ได้ชำระมาตลอดอยู่มากเช่นกัน
เขาไม่อาจลืมว่าตั้งแต่ยามที่อยู่แดนใหญ่พันศึกจนเข้าสู่น่านฟ้าที่หกของโลกยอดนิรันดร์ ศัตรูเหล่านั้นขัดขวางและไล่ล่าเขาอย่างไร
ครั้งนี้ถึงคราวต้องสะสางให้สิ้นซากแล้ว!
——