Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2962 คนเดียวก็เพียงพอ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2962 คนเดียวก็เพียงพอ
ตอนที่ 2962 คนเดียวก็เพียงพอ
หลินสวิน!
บริเวณเขาเทพจันทร์กระจ่าง บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดขึ้นมาทันที มีเพียงเสียงราบเรียบของหลินสวินดังก้องอยู่กลางฟ้าดิน
ทุกคนต่างตาเบิกโพลง คล้ายอยากมองรูปลักษณ์ของชายที่ราวกับตำนานคนนี้ให้ชัด
อันที่จริงพวกเขาทุกคนล้วนเจอหลินสวินเป็นครั้งแรก เมื่อก่อนเพียงแค่เคยได้ยินเรื่องน่าตกตะลึงเกี่ยวกับเขาเท่านั้น
“เมื่อครู่นี้ข้า… ข้าบอกว่าเขาเป็นพวกขี้ขลาดต่อหน้าเจ้าตัว…”
เด็กสาวอึ้งงันไปแล้ว
ปู่ของนางก็ตกใจจนเหงื่อชุ่มเช่นกัน ปิดปากนาง “นางหนู ขืนยังพูดต่อจะเป็นภัยแล้ว”
ครืน!
ห่างออกไป ในเขาเทพจันทร์กระจ่างพลันปรากฏคลื่นมหามรรคน่ากลัวระลอกหนึ่ง มีพลังผนึกนับไม่ถ้วนพลุ่งพล่าน ประกายศักดิ์สิทธิ์พุ่งทะลวงเก้าชั้นฟ้า และมีพลังระเบียบกระจายอบอวล บังฟ้าคลุมตะวัน
ราวกับว่าสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่หลับใหลมานานปีตัวหนึ่งฟื้นตื่นขึ้นมา
“หลินสวิน ข้ารอเจ้ามาหลายวันแล้ว ในที่สุดเจ้าก็มาเสียที!”
เสียงน่าเกรงขามก้องฟ้า จากนั้นเงาร่างของตงหวงจิ่วหุ่ยก็ทะยานออกจากเขาเทพจันทร์กระจ่าง ยืนนิ่งบนชั้นเมฆ
ข้างกายเขามีกลิ่นอายน่ากลัวมากมายพวยพุ่ง จากนั้นก็เห็นสัตว์ประหลาดเฒ่าขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ปรากฏตัวคนแล้วคนเล่า
มีถึงสิบกว่าคน!
แสงศักดิ์สิทธิ์สีต่างๆ เปล่งประกายบนร่างกายพวกเขาเป็นระลอก บ้างเป็นไอกระบี่หนาแน่น บ้างเป็นเปลวเพลิงพุ่งทะลวงฟ้า บ้างราวกับภูตผี… ต่างควบคุมดูแลในทิศทางหนึ่ง พวกเขาราวกับสุริยันดวงโตบนฟ้า ในร่างทุกคนล้วนสาดประกายไร้จำกัด อานุภาพราวกับคลื่น พุ่งไปทั่วทิศเป็นระลอก สะเทือนฟ้าดิน
ในพื้นที่เล็กๆ แห่งหนึ่ง รวมตงหวงจิ่วหุ่ยไปด้วยมีขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์สิบเก้าคนรวมตัวกัน!
นั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด
ตูม โครม!
แม้สัตว์ประหลาดเฒ่าทุกคนล้วนเก็บอานุภาพบนตัว แต่พลังอันไร้รูปที่พรั่งพรูออกมายังคงทำให้ภูผาระเบิด ห้วงอากาศถล่ม
ตัวพวกเขาก็คือกายที่แปลงมาจากกฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์อมตะนับไม่ถ้วนกลบท่วมฟ้าดิน ทำให้พื้นที่ทั้งแถบบิดเบี้ยว ห้วงอากาศถูกทำลายแหวกอออกเป็นสายๆ พัดพาลมพายุไร้สิ้นสุด
“นั่นเป็นขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ของสิบยักษ์ใหญ่อมตะ!”
ในอาณาเขตรอบๆ มีเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวดังมา
ผู้คนแตกตื่น สีหน้าตกใจ ใครก็คิดไม่ถึงว่าตระกูลตงหวงจะถึงรวมตัวเฒ่าดึกดำบรรพ์ของยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ มาเสริมทัพ
แล้วดูฝั่งหลินสวิน… กลับมีเพียงแค่เขาคนเดียว!
สองฝั่งเปรียบเทียบกัน ไม่ว่าใครก็อดปาดเหงื่อแทนหลินสวินไม่ได้
“เจ้าก็คือหลินสวินหรือ”
หวังเต้าชวนในชุดโบราณสวมเกี้ยวสูงพูดเรียบๆ
กลางฟ้าดินอานุภาพพลุ่งพล่าน กฎเกณฑ์ไหลเคลื่อน เพลิงเทพ แสงมรรค เปลวมารเป็นสายๆ อัดแน่นฟ้าดิน ทำให้ห้วงอากาศบิดเบี้ยว
เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านี้พบเจอหลินสวินเป็นครั้งแรกเช่นกัน เห็นเขายืนอยู่กลางอากาศเพียงลำพังก็อดประหลาดใจไม่ได้
“ถึงตอนนี้แล้วเหตุใดคนของลัทธิแรกกำเนิดยังไม่เผยร่องรอย หลบๆ ซ่อนๆ เช่นนี้ไม่คิดว่าเป็นการหยามเกียรติหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดของพวกเจ้าหรือ”
มีสัตว์ประหลาดเฒ่าพูดอย่างเย็นเยียบ
“รู้ว่าพวกเจ้ากังวลอะไร วางใจเถอะ คนที่มาน่านฟ้าที่แปดครั้งนี้มีเพียงข้าคนเดียว”
ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึกนิ่งสงบ
เขาเอามือไพล่หลัง ยืนนิ่งอยู่กลางฟ้าดิน แม้เผชิญหน้ากับคลื่นอานุภาพล้นฟ้าที่แผ่จากเขาเทพจันทร์กระจ่าง แต่กระทั่งผมเส้นเดียวก็ยังไม่ขยับ
ใบหน้าของเขาหล่อเหลา บุคลิกนิ่งสงบละโลกีย์ ทำให้ยากจะจินตนาการว่านี่คือบุคคลระดับตำนานที่ตอนนี้ชื่อเสียงสะเทือนทั่วหล้า ราวกับสุริยันกลางฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
“แค่เจ้าคนเดียวหรือ”
พวกตงหวงจิ่วหุ่ยนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย เหมือนคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะตรงไปตรงมาขนาดนี้
“คนเดียวก็เพียงพอแล้ว”
หลินสวินพูดเรียบๆ
“เหอะๆ สมกับเป็นรองหัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิด ปากดีจริงๆ!”
มีคนหัวเราะเยาะ
หากแค่หลินสวินคนเดียวจริงๆ ต่อให้มียอดอมตะแล้วอย่างไร สำหรับพวกเขาแล้วก็ไม่ได้มีการคุกคามมากขนาดนั้นจริงๆ
เฒ่าดึกดำบรรพ์หลายคนต่างวางใจ ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม 艾琳小說
สิ่งที่พวกเขาหวาดเกรงที่สุดคือกำลังพลของลัทธิแรกกำเนิด ตอนนี้หลินสวินมาคนเดียว ทำให้สภาวะจิตของพวกเขาเปลี่ยนไป
“เจ้ากล้ามากจริงๆ พวกเรายักษ์ใหญ่อมตะมารวมตัวกันที่นี่ เจ้ากลับกล้ามาคนเดียว ไม่รู้ว่ามั่นใจจนเย่อหยิ่งหรือมีที่พึ่งจริงๆ คิดว่าจะสามารถทำให้พวกข้าที่ร่วมมือกันพ่ายแพ้ได้หรือ”
สายตาของหวังเต้าชวนเผยแววนึกสนุก มองหลินสวินพลางเอ่ยด้วยเสียงเบิกบาน
สายตาของเฒ่าดึกดำบรรพ์คนอื่นๆ ที่มองไปยังหลินสวินก็แฝงท่าทีจับจ้องมองเหยื่อ ยิ่งมีไอสังหารเย็นเยียบที่กดไม่อยู่รางๆ
หัวเดียวกระเทียมลีบ กลับกล้ามาท้าทาย นี่ต่างอะไรกับมดเขย่าต้นไม้ใหญ่
“ตอนนั้นพันธมิตรสงครามสิบตระกูลรวมตัวขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ห้าสิบคน กลับพ่ายแพ้ทั้งขบวนในน่านฟ้าที่หก ตอนนี้แค่เฒ่าชราอย่างพวกเจ้า… ไม่รู้สึกน่าอนาถหรือ”
หลินสวินน้ำเสียงราบเรียบ ความหมายในคำพูดเห็นชัดว่าไม่เห็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่รวมตัวกันไกลออกไปในสายตา
“หึ”
“หยิ่งผยอง!”
ชั่วขณะนั้นเองมีเฒ่าดึกดำบรรพ์ไม่รู้เท่าไรเดือดดาล อานุภาพก็ไม่เก็บงำอีกต่อไป แผ่ขยายออกมา
ตูม โครม!
พื้นที่บริเวณรอบๆ มียอดเขาไม่รู้เท่าไรระเบิด พื้นดินถล่มทลาย ผู้ฝึกปราณมากมายที่อยู่ใกล้ต่างถูกซัดจนกระอักเลือด บาดเจ็บสาหัส
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นจากทั่วทิศในทันที ผู้ฝึกปราณที่กระจายตัวชมการต่อสู้อยู่รอบๆ ล้วนหนีด้วยความลนลานอย่างไม่มีข้อยกเว้น หนีไปไกลยิ่ง
มีเพียงหลินสวินที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ
บุคลิกของเขายังคงนิ่งสงบ เผชิญกับอานุภาพน่ากลัวของเฒ่าดึกดำบรรพ์มากมาย แต่เขากลับเหมือนก้อนหินที่ไม่ขยับมาหมื่นปี ไม่ว่าระลอกคลื่นจะซัดอย่างไรก็ยังคงไม่ขยับ
“หลินสวิน หากเจ้ายอมให้จับแต่โดยดี ส่งระเบียบระดับเทพของเจ้ามา พวกเราจะไว้ชีวิตเจ้า ไม่เช่นนั้นวันนี้จุดจบของเจ้าเกรงว่าคงกายสิ้นมรรคสลาย จิตวิญญาณแตกซ่าน!”
ผู้อาวุโสตระกูลจิงคนหนึ่งพูด ทั้งร่างเขาปกคลุมด้วยเงาดำดูเลือนราง นามว่าจิงซานหู มีชื่อเสียงดุดันล้นฟ้าในน่านฟ้าที่แปด
“อยากได้หรือ ก็มาแย่งสิ”
หลินสวินยิ้ม ถึงตอนนี้เขาจะดูไม่ออกได้อย่างไร ว่ากองกำลังชั้นยอดที่สุดของสิบยักษ์ใหญ่อมตะรวมตัวอยู่ในเขาเทพจันทร์กระจ่างแห่งนี้แทบจะทั้งหมด
นี่ก็หมายความว่าพวกเผ่าเทพนิรันดร์แห่งน่านฟ้าที่เก้าคงจะไม่สนใจสุนัขเฝ้าประตูพวกนี้แล้ว ไม่เช่นนั้นตระกูลตงหวงจะขอความช่วยเหลือจากยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ ได้อย่างไร
และยักษ์ใหญ่อมตะเหล่านั้นจะมาช่วยทำไม
ว่ากันถึงที่สุด พวกเขากำลังเกาะกลุ่มกันด้วยกังวลว่าจะถูกโจมตีพังทลาย จึงจัดวางกระบวนเช่นนี้
“ฟ้าอยากให้ตาย ก็ต้องทำให้คลั่งก่อน หลินสวิน เจ้าไม่ควรมาน่านฟ้าที่แปดคนเดียว”
จิงซานหูถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง
เพิ่งจะสิ้นเสียง
จู่ๆ ฟ้าดินที่หลินสวินยืนอยู่พลันถูกเงาแถบหนึ่งปกคลุมอย่างไร้สุ้มเสียง ทำให้แสงทั้งหมดถูกบดบัง เหมือนรัตติกาลกลืนกินห้วงอากาศแถบนี้อย่างไรอย่างนั้น
ในเวลาเดียวกันเงาร่างมากมายปรากฏในฟ้าดิน ดำทะมึนปานภูตผี มีหลายสิบคนล้วนโจมตีเข้าใส่หลินสวินจากทิศทางที่แตกต่างกัน
ยามทุกคนปรากฏตัวล้วนไม่มีคลื่นกลิ่นอายใดๆ แม้แต่เสี้ยวเดียว
เงาร่างทุกสายเหมือนเงาแสงพริบไหว มาเยือนกะทันหัน เปิดฉากโจมตีอันน่ากลัวโดยพลัน!
ภาพนี้ทำให้ผู้ชมการต่อสู้ไกลออกไปตกใจจนเหงื่อท่วมตัว สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
กลับเห็นหลินสวินยืนนิ่งอยู่ในเงาดำ ไม่ขยับแม้สักนิด
แต่กลับมีปราณกระบี่กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าพลุ่งพล่านออกจากกฎเกณฑ์อมตะรอบตัว
พรูด! พรูด! พรูด! พรูด!
เสียงแตกระเบิดแน่นขนัดระลอกหนึ่งดังขึ้น ที่ตามมาติดๆ คือเงาร่างที่พริบไหวราวกับเงาแสงหลายสิบสายนั่นถูกปราณกระบี่บดขยี้แหลกละเอียดประหนึ่งกระดาษเปื่อย เลือดสดย้อมเต็มห้วงอากาศ
ตูม!
ท้ายที่สุดเงาดำที่ปกคลุมฟ้าดินก็ระเบิดออก สลายหายไปไม่เห็นร่องรอย
“พวกนี้คือพลังมือสังหารของแดนเร้นนภาที่ตระกูลจิงของพวกเจ้าควบคุมใช่หรือไม่ แค่ขั้นหลุดพ้นขั้นต้นกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ยังคิดจะลอบสังหารข้า น่าขำแค่ไหน”
หลินสวินพูดเรียบๆ
เขายังคงนิ่งสงบ ทั่วร่างกายไม่มีอานุภาพแม้แต่เสี้ยวเดียว แต่ยืนอยู่กลางอากาศทอดสายตามองไป กวาดมองเหล่าเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่อยู่ไกลๆ กลับประหนึ่งวิญญาณเทพดึกดำบรรพ์เผชิญหน้ากับคนทั่วไปอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีความกลัวแม้สักนิด กลิ่นอายกดข่มทั่วลาน ราวกับยอดราชันเก้าชั้นฟ้า!
ชั่วขณะนั้นฟ้าดินยังเงียบสงัดไปด้วย ทุกคนต่างเบิกตาโพลงอย่างยากจะเชื่อ
ชั่วพริบตาเหล่ามือสังหารขั้นหลุดพ้นแดนเร้นนภาที่เรียกได้ว่ามีฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดในโลก กลับถูกสังหารสิ้นเช่นนี้!
จิงซานหูเห็นดังนี้สีหน้าพลันคล้ำเขียว ในดวงตามีโทสะพวยพุ่ง
เดิมทีนี่เป็นการจู่โจมที่เขาเตรียมการมาอย่างพิถีพิถัน ที่รวบรวมมาล้วนเป็นพวกชั้นยอดที่สุดของแดนเร้นนภา แต่ตอนนี้กลับตายทั้งหมดแล้ว!
แข็งแกร่งมาก!
ผู้ชมการต่อสู้ไกลออกไปขนลุกซู่ หนังหัวชาวาบ
เห็นอานุภาพเทพของหลินสวินกับตา ถึงจะตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าพลังน่ากลัวนี้น่าทึ่งเพียงใด!
ชั่วขณะนี้ในใจเฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นต่างตึงเครียด
“เรียกกระบวนสังหารเก้ายอดออกมา!”
ตงหวงจิ่วหุ่ยตะโกน
ตูม!
ในเขาเทพจันทร์กระจ่าง เงาร่างนับร้อยพุ่งออกมาโดยพลัน ต่างควบคุมธงรบลายมรรคสำริด กลายเป็นกระบวนค่ายกลที่เหี้ยมโหดน่ากลัว
เหล่าผู้แข็งแกร่งนับร้อยคนนั้นล้วนเป็นขั้นหลุดพ้นขั้นต้นและขั้นกลางแทบจะทั้งหมด อานุภาพทั่วร่างปลดปล่อยออกมา ทันใดนั้นพลันเห็นกระบวนสังหารเก้าชั้นปรากฏกลางฟ้าดิน
กระบวนสังหารทุกชั้นล้วนเทียบได้กับโลกแห่งหนึ่ง บ้างเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโชน บ้างเย็นเยียบเสียดกระดูก บ้างปรากฏดาราไพศาล บ้างเป็นภาพปานภูเขาศพทะเลเลือดผุดขึ้นมาประหนึ่งแดนมาร…
ตอนที่กระบวนค่ายกลนี้ปรากฏกลางฟ้าดิน ไอสังหารน่ากลัวพุ่งทะลวงออกมาและแผ่ไปทั่วทิศ ห้วงอากาศและภูผาธารารอบๆ ล้วนถล่มทลาย ราวกับจมลงไปอย่างสิ้นเชิงอย่างไรอย่างนั้น!
นี่ยังไม่นับว่าจบสิ้น
ตอนที่กระบวนค่ายกลนี้เพิ่งควบรวมเสร็จ ก็มีเงาร่างที่ประกายแสงสะดุดตามากมายเคลื่อนออกมา พุ่งเข้าไปในกระบวนค่ายกล ล้วนเป็นขั้นหลุดพ้นของขุมอำนาจใหญ่ที่เป็นบริวารใต้อาณัติตระกูลตงหวง
เมื่อพวกเขาเข้าร่วม กลิ่นอายของกระบวนสังหารเก้ายอดที่เหี้ยมโหดน่ากลัวก็พุ่งสูงขึ้นไปอีก เหมือนจะกลืนกินฟ้าดินอย่างไรอย่างนั้น!
“ฆ่า!”
ในกระบวนค่ายกล เสียงตะโกนกึกก้องดังขึ้นพร้อมกัน ราวกับฟ้าร้องสะเทือนไปทั่วทิศ
ตูม!
กระบวนสังหารเก้ายอดโคจรถึงขีดสุด ราวกับแสงมรรคไพศาลพวยพุ่งขึ้นมา อานุภาพปกฟ้าคลุมดิน ปกคลุมไปทางหลินสวิน
เห็นเช่นนั้นหลินสวินกำหมัดดึงเข้าหาร่างตน ทั้งร่างโค้งเหมือนคันธนู
ดึงหมัดปานคันธนู!
ฟ้าดินคล้ายเงียบสงัดไปด้วย แม้แต่กฎเกณฑ์ยังเกาะตัวกันโดยมีตำแหน่งที่หลินสวินยืนเป็นศูนย์กลาง ห้วงอากาศสิบฝั่งล้วนทรุดทลายโดยพลัน เกิดเสียงระเบิดสะเทือนฟ้าดิน
จากนั้นหมัดที่ควบรวมออกมาถูกหลินสวินซัดออกไปกลางอากาศ
——