Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2980 ดื่มสุราหวนอดีต
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2980 ดื่มสุราหวนอดีต
ตอนที่ 2980 ดื่มสุราหวนอดีต
ในโถงประชุมของสำนักยุทธ์ก่อเกิด บรรยากาศกดดันอย่างที่สุด
จ้าวจิ่งเซวียนในชุดคลุมหยก เงาร่างเพรียวยาว ใบหน้างดงามนั่งอยู่บนที่นั่งประธานตรงกลางอย่างสง่า คิ้วราวกับสีหมึกขมวดเล็กน้อย
หลังจากย้ายมาอยู่ที่แดนลับดวงกมลแห่งนี้ ทุกเรื่องทั้งบนล่างของสำนักยุทธ์ก่อเกิดล้วนมีนางจัดการด้วยตัวเอง
“ฮูหยิน ไม่จำเป็นต้องร้อนรุ่มใจ แค่การต่อสู้ครั้งหนึ่ง พวกพวกเราไม่กลัวพวกเขาเจ็ดขุมอำนาจใหญ่หรอก”
หลินจงนั่งอยู่ข้างๆ สีหน้าสงบนิ่ง เอ่ยพูดเสียงเบา
“ไม่ผิด ตอนนี้ผู้อาวุโสจินตู๋อีไปท้าสู้แล้ว หากพวกเขาตอบรับคำท้า สถานการณ์ยากลำบากนี้ก็จะสามารถคลี่คลายได้” จ้าวไท่ไหลกล่าว
“ข้ากังวลว่าพวกเขาจะไม่ตอบรับ วาสนาในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่เกินไป แม้แต่ระดับอมตะก็คงบ้าคลั่ง”
จ้าวจิ่งเซวียนถอนหายใจเบาๆ
“ฮูหยิน จากที่ข้าดูสถานการณ์ยังไม่รุนแรงถึงขั้นนั้น แม้ถูกเจ็ดขุมอำนาจใหญ่บุกมาถึงที่ พวกพวกเราก็ใช่ว่าจะไม่มีทางหนีทีไล่ให้เลือก”
อาหูเอ่ยเสียงอ่อนโยน
“หากทิ้งที่นี่ไป ก็เท่ากับทิ้งสำนักอาจารย์ของท่านพี่ หากเขากลับมาอาจจะไม่โทษพวกพวกเรา แต่ในใจจะต้องทรมานมากแน่”
จ้าวจิ่งเซวียนว่าพลางกวาดมองทั่วโถง มองบรรดาบุคคลสำคัญของสำนักยุทธ์ก่อเกิดอย่างหลินจง อาหู หลินไหวหย่วน หลินเสวี่ยเฟิง ในใจยิ่งหนักอึ้ง
“อาหู คนทั้งบนล่างของตระกูลจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง”
นางถาม
คำถามนี้ สองวันมานี้จ้าวจิ่งเซวียนถามไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่อาหูกลับเข้าใจความรู้สึกของนางมาก พยักหน้าพูดพร้อมรอยยิ้ม “จัดแจงที่อยู่ให้ทุกคนตามคำสั่งของฮูหยินไว้แล้ว”
จ้าวจิ่งเซวียนใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ดี เช่นนั้นรอเหล่าจินกลับมาค่อยตัดสินใจ”
จู่ๆ นอกโถงก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นระลอกหนึ่ง ดูโกลาหลมาก
“ใครเอะอะโวยวายอยู่ข้างนอก”
จ้าวจิ่งเซวียนไม่พอใจนัก
“จิ่งเซวียน ข้าเอง”
เสียงหนึ่งดังจากนอกโถง
ทันใดนั้นทุกคนในโถงต่างอึ้งงัน เสียงนี้… คุ้นยิ่งนัก…
จ้าวจิ่งเซวียนลุกขึ้นทันที ใบหน้าหยกงามเผยแววยากจะเชื่อ นางจะลืมเสียงที่เฝ้าฝันคิดคำนึงถึงนั่นได้อย่างไร
เพียงแต่นี่ก็เหมือนความฝันจนนางไม่กล้าไปพิสูจน์
จากนั้นก็เห็นเงาร่างสูงสง่าเดินเข้ามาจากนอกโถง ตอนที่เขาก้าวเข้ามา ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างลุกขึ้น แต่ละคนสีหน้าเผยความดีใจและประหลาดใจ
หลินสวิน!
เขากลับมาแล้ว!
ตอนนี้สายตาของหลินสวินกวาดมองในโถง อารมณ์ที่กระสับกระส่ายในใจเหมือนปะทุออกมาเช่นกัน เผยรอยยิ้มจากใจจริง “ข้ากลับมาแล้ว”
“ท่านพี่!” จ้าวจิ่งเซวียนพูดเสียงสั่น “เป็นเจ้าจริงหรือ”
นางก่อนหน้านี้แม้ยามเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายหาใดเปรียบก็ยังคงสงบนิ่ง แต่ตอนนี้กลับเหมือนเสียการควบคุม ในดวงตางดงามคลอไปด้วยน้ำตา
นั่นคือน้ำตาแห่งความตื่นเต้นดีใจ
หลินสวินเดินตรงเข้าไปกอดจ้าวจิ่งเซวียนแน่น สูดดมความหอมจากร่างกายอันคุ้นเคยของนาง หลินสวินรู้สึกเพียงว่าทั้งตัวสงบ มั่นคง และอิ่มเอม
“จิ่งเซวียน หลายปีนี้ลำบากเจ้าแล้ว” เขาพูดเสียงเบา
จ้าวจิ่งเซวียนซบศีรษะบนไหล่หลินสวิน พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่ลำบากสักนิด ขอเพียงเจ้าปลอดภัย ข้า… ข้าก็วางใจมากแล้ว”
คนอื่นๆ ในโถงเห็นเช่นนี้ต่างจากไปก่อนอย่างรู้กาลเทศะ
ในโถงเหลือเพียงสามีภรรยาที่หวนกลับมาเจอกันหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน
……
วันนั้นข่าวที่หลินสวินกลับมากระจายไปทั่วทั้งแดนลับดวงกมล ทั้งบนล่างสำนักยุทธ์ก่อเกิดฮือฮา คนตระกูลหลินทุกคนโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นดีใจ
โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าเจ็ดขุมอำนาจใหญ่ที่เฝ้าอยู่นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ถูกกำราบแล้ว ทั้งแดนลับดวงกมลเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเบิกบาน
หลายปีมานี้พวกเขาเฝ้าพิทักษ์อยู่ที่นี่มาโดยตลอด ถูกขุมอำนาจจากภายนอกมากมายจับจ้อง บุกรุกมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง หากไม่ใช่เพราะมีแดนลับดวงกมลปกป้องคุ้มครองคงไม่สามารถยืนหยัดได้ถึงตอนนี้
อย่างวันนี้ ยิ่งเป็นช่วงเวลาตัดสินเป็นตาย
เพียงแต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่อยู่ไกลถึงโลกยอดนิรันดร์จะกลับมาในวันนี้ กวาดล้างเจ็ดขุมอำนาจใหญ่จนย่อยยับ สลายเคราะห์แห่งการทำลายล้างชั้นยอดครั้งนี้อย่างสิ้นเชิง!
นอกโถงประชุมมีเงาร่างมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนกำลังรอคอย
เงาร่างเหล่านี้มีคนตระกูลหลินอย่างเช่นหลินไหวหย่วน หลินเสวี่ยเฟิง
และมีศิษย์และผู้สืบทอดที่สำนักยุทธ์ก่อเกิดรับมาในหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงสหายที่หลินสวินสานสัมพันธ์ไว้ในอดีต
อย่างเช่นอวี๋เป่ยโต้ว นักสลักวิญญาณในภาคีนักสลักวิญญาณของจักรวรรดิจื่อเย่า เหล่าอาจารย์สำนักศึกษามฤคมรกต สองพ่อลูกกู่เยี่ยนผิง กู่เหลียงแห่งโถงทองคำ สองพ่อลูกสืออวี่ สือหลินหลางแห่งอัครการค้า
ตอนนั้นยามหลินสวินสร้างสำนักยุทธ์ก่อเกิด ได้ตั้งชื่อตามความหมายว่า ‘เริ่มศักราชใหม่ สรรพสิ่งกำเนิดใหม่’ และรับทุกคนในตระกูลหลินรวมถึงสหายเหล่านั้นมาอยู่ที่นี่ทั้งหมด
ร้อยกว่าปีผ่านไป สำนักยุทธ์ก่อเกิดมีคนหน้าใหม่เพิ่มมามากมาย ที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ตอนนี้ก็หลายพันคนแล้ว
ตอนนี้พวกเขาต่างรออยู่หน้าโถงประชุม อารมณ์สั่นไหว
พวกสหายที่สนิทกับหลินสวินไม่ได้เจอหลินสวินมานานมากแล้ว ทันทีที่รู้ว่าเขากลับมาก็รีบมาที่นี่ทันที
เหล่าคนใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้าร่วมสำนักยุทธ์ก่อเกิด ส่วนใหญ่ล้วนไม่เคยเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของหลินสวิน กลับเคยได้ยินตำนานมากมายที่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน ตอนนี้ต่างตื่นเต้นจนตาเป็นประกาย สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ราวกับสาวกที่กำลังรอคอยผู้นำ
พวกเจ้าคางคก อาหลู่ อาหู เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียนต่างอยู่ที่นี่ เห็นภาพตรงหน้าในใจต่างทอดถอนใจไม่หยุด
ย้อนคิดถึงตอนนั้น พวกเขาผจญใต้หล้ากับหลินสวิน เคยคิดเสียที่ไหนว่าจะมีภาพอย่างในวันนี้
เวลาผ่านไปทีละนิด
ไม่นานภายใต้สายตาของทุกคน เงาร่างชายหญิงคู่หนึ่งเดินออกจากโถงประชุม
ผู้ชายสวมชุดสีขาวพระจันทร์ หล่อเหลาโดดเด่น
ผู้หญิงสวมชุดหยก งดงามสะสวย
เป็นหลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียน
ยามพวกเขาปรากฏตัว ในที่นั้นเกิดเสียงปานเขาถล่มสมุทรคำราม
“คารวะบรรพจารย์!”
บรรดาศิษย์ของสำนักยุทธ์ก่อเกิดล้วนโค้งคำนับ เสียงก้องฟ้า
“คารวะผู้นำตระกูล!”
คนตระกูลหลินทุกคนต่างคำนับด้วยความเคารพ
ส่วนสหายเก่าอย่างพวกสืออวี่ กู่เยี่ยนผิงยิ้มประสานหมัดจากระยะไกล
หลินสวินยืนอยู่บนบันไดสูง สายตากวาดมองไปทั่ว มองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านั้นแล้วในใจไม่อาจสงบได้
ยังคงจำได้ว่ายามยังเยาว์เขาเหมือนหัวเดียวกระเทียบลีบ ท่องทะยานไปทั่วเพียงลำพังตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านเฟยอวิ๋น ตนในตอนนั้นเคยคิดเสียที่ไหนว่าจะมีวันนี้
หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มพูดว่า “วันนี้ข้าคนแซ่หลินกลับมา เห็นว่าทุกคนปลอดภัยก็ดีใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ เรื่องอื่นข้าคนแซ่หลินขอไม่เอ่ยมากความ ไม่สู้ทุกคนอยู่ต่อ พวกเรามาดื่มให้สะใจสักหน่อยเป็นอย่างไร”
“ดี!”
เสียงโห่ร้องดังขึ้นในที่นั้น ดังไปทั่วฟ้าดิน
จ้าวจิ่งเซวียนมองใบหน้าด้านข้างของหลินสวินเงียบๆ ในแววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและภูมิใจ
นี่ คือผู้ชายของนาง!
ไกลออกไปจินเทียนเสวียนเยวี่ยมองดูจ้าวจิ่งเซวียนที่ยืนเคียงคู่หลินสวิน ในดวงตามีความอิจฉาที่ยากจะสังเกตเห็นเสี้ยวหนึ่ง
นางอดมองข้างกายอีกครั้งไม่ได้ ซย่าจื้อกำลังแทะเมล็ดแตงประหนึ่งรอบด้านไร้คน ยังคงเงียบสงบเหมือนเดิม ราวกับไม่สนใจทุกสิ่งรอบข้าง
ไม่นานงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นหน้าโถงประชุม โต๊ะยาวแน่นขนัดปูไปไกล เหล้าชั้นดี อาหารชั้นเลิศถูกส่งมาอย่างต่อเนื่อง
บรรยากาศรื่นรมย์กลมเกลียว สีหน้าของทุกคนล้วนเผยความสุข
หลินสวินถือไหเหล้า เริ่มคารวะสุราคนแล้วคนเหล่า
“ผู้นำตระกูล นี่คือเหลนของข้า” หลินเสวี่ยเฟิงจูงเด็กคนหนึ่งมาแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เขาเป็นญาติผู้พี่ของหลินสวิน แต่ตอนนี้มีเหลนแล้ว
หลินสวินชนจอกกับเขาพร้อมรอยยิ้ม
“พี่หลิน กลับมาก็ดีแล้ว!”
สืออวี่ยกจอกขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
สือหลินหลางที่อยู่ข้างๆ พูด “ท่านอาหลิน ข้ายังจำท่านได้ ท่านเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ไม่เปลี่ยนสักนิด”
หลินสวินกล่าวอย่างประหลาดใจ “ที่แท้ก็เป็นนางหนูคนนั้น”
สือหลินหลางในตอนนั้นเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง ตอนนี้โตเป็นสาวที่งดงามตระการตาแล้ว
สือหลินหลางกะพริบตาปริบๆ “ท่านอาหลิน ข้าอายุร้อยกว่าปีแล้ว ไม่เด็กแล้ว”
หลินสวินและสืออวี่ต่างอดหัวเราะฮ่าๆ ไม่ได้
จากนั้นหลินสวินก็ได้เจอสหายที่สนิทสนมกันตั้งแต่เด็กอย่างพวกอวี๋เป่ยโต้ว ฉู่เฟิง กู่เยี่ยนผิง กู่เหลียง ต่างคารวะเหล้าพูดคุย ทอดถอนใจไม่หยุด
ยามเจออาหู อีกฝ่ายเอ่ยพูดฉับไว “อาจารย์อาเล็ก จะรับข้ากลับไปพบอาจารย์เมื่อไหร่”
ไม่เจอกันหลายปี อาหูยังคงงดงามเหมือนเทพธิดาเจ้าเล่ห์ คิ้วตางามไร้ที่ติด บุคคลเลิศล้ำ ทุกอิริยบถเสน่ห์เปี่ยมล้น
“รอข้าจากไปครั้งนี้จะพาทุกคนไปด้วยกัน” หลินสวินยิ้มพูด
กระทั่งมาถึงตรงหน้าหลินจง หลินสวินจับไหล่ของหลินจงไว้แน่นแล้วเอ่ยว่า “ลุงจง ข้าพบท่านพ่อท่านแม่แล้ว ต่อไปพวกท่านจะได้พบกัน!”
หลังจากเขาเข้านครต้องห้ามครั้งแรกตอนอายุสิบสี่สิบห้า หลินจงก็ปรนนิบัติอยู่เคียงข้างเขามาโดยตลอด จงรักภักดี ติดตามทุกฝีก้าว ในใจหลินสวิน ลุงจงไม่ต่างอะไรกับพ่อของเขา
หลินจงตื่นเต้นจนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม กล่าวว่า “คุณชาย ข้ารอคอยวันนี้มานานแล้ว”
“บรรพจารย์ พวกเราคารวะท่าน!”
ตอนที่เงาร่างของหลินสวินมาถึงข้างกายผู้สืบทอดของสำนักยุทธ์ก่อเกิด ผู้สืบทอดเหล่านี้ต่างชูจอกเหล้าขึ้น แต่ละคนทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ ในสายตาเต็มไปด้วยความเคารพชื่นชมอย่างแรงกล้า
หลินสวินรับคารวะสุราจากพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
งานเลี้ยงครั้งนี้ดำเนินจนดึกดื่นจึงจบลง
วันแรกที่หลินสวินกลับมา แม้ทุกคนมีเรื่องราวมากมายอยากคุยกับเขา แต่ก็เลือกไม่ไปรบกวนอย่างรู้กาลเทศะ
มีเพียงซย่าจื้อที่เหมือนไม่รับรู้อะไร ติดตามอยู่ข้างกายหลินสวินมาโดยตลอด
จ้าวจิ่งเซวียนเข้าใจซย่าจื้อที่สุด จึงไม่ได้ประหลาดใจ เม้มปากยิ้มอยู่เคียงข้างนาง
ท้องฟ้ารัตติกาลดำดุจหมึก สายลมพัดโชย
หลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนและซย่าจื้อเดินไปยังซากคีรีดวงกมล
ก่อนหน้านี้จ้าวจิ่งเซวียนก็เคยบอกเขาแล้วว่า ตอนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงตะลึงโลกขึ้นในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เมื่อสิบปีที่แล้ว ในซากคีรีดวงกมลปรากฏสระบงกชลึกลับแห่งหนึ่ง ในสระมีพลังแดนบ่อเกิดแรกกำเนิดที่น่าตกใจอย่างมากพลุ่งพล่าน หากฝึกปราณในนั้นจะได้รับประโยชน์ที่ไม่อาจดาดเดา
หลินฝานบุตรชายของพวกเขาก็เริ่มปิดด่านในนั้นตั้งแต่นั้นมา จนตอนนี้ก็สิบปีแล้ว
และก่อนปิดด่าน หลินฝานก็เป็นบุคคลโดดเด่นที่ก้าวสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิด่านแปดแล้ว
ความสูงส่งของพรสวรรค์และความยอดเยี่ยมของฐานกระดูก ทอดสายตามองไปทั่วทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็เรียกได้ว่าเป็นตัวตนปานปีศาจไร้เทียมทานแล้ว ในระดับเดียวกันยิ่งถูกขนานนามว่า ‘โดดเด่นเหนือหล้า’!
——