Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3113 ศัตรูมาอย่างเหนือคาด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3113 ศัตรูมาอย่างเหนือคาด
ตอนที่ 3113 ศัตรูมาอย่างเหนือคาด
ลานประลองแพ้ชนะ
ตูม! ตูม! ตูม!
แสงมรรคระเบิดสะเทือน พลังกฎระเบียบแผ่กว้างโหมกระหน่ำราวพลิกแม่น้ำคว่ำสมุทร
หลินสวินและชิงเฟยหงต่อสู้มาหลายพันกระบวนท่านแล้ว ดุเดือดยิ่งยวด สู้จนฟ้ามืดดินหม่น ตะวันจันทราอับแสง
และเป็นอย่างที่ฟู่หนานหลีว่า การต่อสู้นี้ทำให้หลินสวินรู้สึกสะใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!
คู่ต่อสู้ก่อนหน้านี้แม้จะสร้างแรงกดดันยิ่งใหญ่ให้เขา ถึงขั้นทำให้เขาบาดเจ็บร้ายแรง แต่สุดท้ายก็ไม่มีความรู้สึกเร่งเร้าหนาวสะท้าน คู่คี่สูสีเช่นนี้
แต่ตอนนี้ต่างออกไป ชิงเฟยหงแข็งแกร่งมาก พลังกฎระเบียบที่ครอบครองก็น่าสะพรึงยิ่ง ประสบการณ์ต่อสู้ยิ่งเปี่ยมล้นไร้ใดเปรียบ
นี่เป็นคู่ต่อสู้ชั้นเลิศคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ฆ่า!”
สู้จนถึงตอนหลัง ทั้งตัวหลินสวินล้วนจมดิ่งในสนามรบอย่างเบิกบานสะใจ ลืมเลือนฟ้าดิน สลัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งปวง ในใจมีเพียงเพลิงต่อสู้ที่เดือดพล่านลุกโชน
การโจมตีของเขายิ่งทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ กายมรรคทั้งห้าและร่างต้นโจมตีรุนแรง ความสามารถที่สำแดงออกมาก็ยิ่งดุกร้าวน่าสะพรึงขึ้นเรื่อยๆ
ชิงเฟยหงค่อยๆ สังเกตเห็นความไม่เข้าที
เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อย พลังต่อสู้ของหลินสวินกลับเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อย
ยิ่งสู้ยิ่งหาญ ยิ่งสู้ยิ่งแกร่ง!
‘เจ้าหมอนี่คงไม่ได้เห็นข้าเป็นหินลับมีดกระมัง’
ชิงเฟยหงขมวดคิ้ว หากปล่อยให้หลินสวินเปลี่ยนแปลงและพัฒนาต่อเนื่องในการต่อสู้ได้สำเร็จ เป็นไปได้สูงยิ่งว่าอาจทำลายสถานการณ์การต่อสู้ในปัจจุบันลง!
คิดถึงตรงนี้ชิงเฟยหงไม่มัวชักช้าอีก สูดหายใจลึกคราหนึ่ง “ช่างเถอะ ให้เจ้าได้เห็นพลังที่แท้จริงของข้าแล้วกัน!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงบัดนี้
และความหมายในคำพูดนี้ทำให้ทั่วลานล้วนตกใจ
ต่อสู้จนถึงตอนนี้ ชิงเฟยหงยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดหรือ
แม้แต่อิงเทียนเซิงบนด่านนภาสี่ลักษณ์ยังอดเผยแววแปลกไปไม่ได้ เขาเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าชิงเฟยหงถึงกับยังมีพลังที่ซ่อนอยู่!
“เจ้าหมอนี่เก็บงำเร้นลึกยิ่งจริงๆ” ริมฝีปากฉิวเฟิ่งฉือผุดรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง นี่ย่อมเป็นเรื่องดีแน่นอน
ตูม!
ในลานประลองแพ้ชนะ กลิ่นอายของชิงเฟยหงเปลี่ยนไป บนร่างสูงโปร่งของเขาปรากฏแผนภาพอสนีเป็นภาพๆ ออกมา ทั้งหมดล้วนแปลงมาจากพลังกฎระเบียบ
และอานุภาพของเขาก็ระเบิดปะทุขึ้นอีกช่วงใหญ่!
นี่ทำให้ในที่นี้เกิดเสียงร้องตกใจระลอกหนึ่ง พวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีล้วนหน้าเปลี่ยนสีตามๆ กัน ในใจบีบเกร็ง ชิงเฟยหงสมควรตายคนนี้ซ่อนคมเก่งเกินไปแล้ว!
ตูม!
ชิงเฟยหงที่อานุภาพเปลี่ยนกะทันหันกวาดทวนออกไปโดยแรง ก็เห็นแผนภาพลับอสนีที่ปรากฏรอบตัวเขากลายเป็นละอองแสงน่าสะพรึง หอบม้วนออกไปพร้อมกับทวนนี้
อานุภาพการโจมตีของร่างต้นและกายมรรคทั้งห้าของหลินสวินถูกสกัดทันที จากนั้นล้วนถูกซัดจนซวนเซถอยออกไป
“ฆ่า!”
เมื่อโจมตี ชิงเฟยหงตวัดทวนโดยไม่ลังเล พริบตาเดียวก็จ้วงแทงนับพันครั้ง ในลานประลองแพ้ชนะแห่งนั้นเต็มไปด้วยเงาทวนอสนีน่าพรั่นพรึง
หลินสวินและกายมรรคทั้งห้าของเขาพลันตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที ห่างชั้นกันลิบ
สภาพสูสีก่อนหน้านี้ถูกทำลายลงเพราะเหตุนี้!
นี่ทำให้ทั่วลานสะท้านสะเทือน ชิงเฟยหงพลิกสถานการณ์ในคราวเดียว อานุภาพที่สำแดงออกมาแข็งแกร่งจนทำให้คนใจสะท้าน
“ในโลกบัวชะตาแห่งนี้ เจ้าเฒ่าชิงเฟยหงคนนี้ต้องเป็นคนที่ซ่อนคมลึกที่สุดอย่างแน่นอน ด้วยพลังที่เขาเผยออกมาตอนนี้ล้วนสามามรถเทียบขั้นไร้ขอบเขตปลอยยอดได้!”
มีคนสีหน้าเคร่งขรึม
หากข่าวนี้กระจายออกไปต้องเรียกคลื่นลมขึ้นเป็นแน่
ถึงอย่างไรอิงเทียนเซิงก็แข็งแกร่งมากพอแล้ว และในฝั่งของเขายังมีพวกซ่อนคมในฝักอย่างชิงเฟยหงอีก
นี่หากเป็นยามชิงแท่นมรรคบัวชะตาย่อมสามารถโจมตีจนคู่ต่อสู้รับมือไม่ทัน!
“เยี่ยม!”
หว่างคิ้วพวกอิงเทียนเซิงล้วนผุดรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง
ไม่กี่วันก่อนการตายของกู่เชาจือและจอมมารหูยงเดิมก็สร้างแรงโจมตีสาหัสแก่พวกเขา
และการแพ้อนาถของนิ่งปู้ชวีเมื่อครู่ยิ่งทำให้ในใจพวกเขามีแต่พยับหมอก
แต่ตอนนี้เมื่อชิงเฟยหงเป็นฝ่ายได้เปรียบ หมอกมัวในใจพวกเขาก็หายไปหมดเกลี้ยง!
ตูม โครม!
ในลานประลองแพ้ชนะ อานุภาพชิงเฟยหงดุจเทพ ทุกครั้งที่ทวนยาวในมือพุ่งออกไปเป็นต้องซัดกฎระเบียบอสนีออกมาไม่รู้จบ ยิ่งใหญ่เกรียงไกร อหังการไร้ขอบเขต
และสถานการณ์ของหลินสวินยิ่งอันตรายขึ้นเรื่อยๆ
นี่ทำให้หัวใจของพวกสิงเจี้ยนสยาล้วนบีบรัด
ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนไม่เคยคิดถึงภาพนี้มาก่อน
“ยังดีที่นี่เป็นเพียงตัดสินแพ้ชนะ หากตัดสินเป็นตาย เช่นนั้นผลที่ตามมาก็ร้ายแรงแล้ว…”
เสียงสิงเจี้ยนสยาต่ำลึก
ยามนี้เวลานี้ เขาก็ได้แต่ปลอบใจทุกคนเช่นนี้แล้ว
“ตามความเห็นข้า พวกเราต้องเตรียมพร้อมแล้ว ทันทีที่หลินสวินพ่ายแพ้ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดเป็นแน่ เวลานี้หากมีใครถือโอกาสลงมือย่อมเป็นหายนะร้ายแรงสำหรับสหายน้อยหลิน”
ฟู่หนานหลีกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ประโยคนี้ทำให้นัยน์ตาจอมมรรคซานเฟิง เซียวเหอล้วนหรี่ลง
ต่อมาในที่นี้ก็มีคนร้องตกใจ “ทุกท่านดูสิ หลินสวินนั่นถึงกับตีตื้นขึ้นทีละน้อยแล้ว!!”
เสียงดังก้องทั่วลาน
ที่จริงไม่จำเป็นต้องร้องเตือนสักนิด ผู้คนที่จับจ้องการต่อสู้ล้วนสังเกตเห็นว่าหลินสวินที่ถูกกดข่มมาตลอดเริ่มหยัดยืนมั่นคงขึ้นอย่างช้าๆ แล้ว
เสมือนว่าปรับตัวเข้ากับพลังใหม่ที่ไม่ออมมือใดๆ ของชิงเฟยหงได้แล้ว
และนี่หมายความว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกันอย่างไม่ต้องสงสัย หาไม่ย่อมไม่มีทางมีโอกาสทำได้ถึงขั้นนี้
“นี่…”
“ช่างเป็นเจ้าหนุ่มวิปริตนัก!”
“มรรควิถีขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์แล้ว เหตุใดยังแข็งแกร่งขึ้นได้อีก”
“บอกแต่แรกแล้วว่าพลังต่อสู้ของเจ้าหมอนี่ไม่อาจใช้หลักการทั่วไปมาวัดได้”
ทั่วลานฮือฮา โกลาหลแตกตื่น เฒ่าชราที่ชมการต่อสู้เหล่านั้นล้วนอุทานตกใจไม่หยุด หว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววแปลกไป พวกเขามีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่กาลเวลา เคยเห็นศึกสะท้านยุคไม่รู้เท่าไร
แต่ไม่เคยเห็นการต่อสู้เหมือนเช่นยามนี้สักนิด
ขั้นสรรสร้างถึงขั้นต้านทานขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ชั้นปลายยอดอย่างชิงเฟยหงได้ ซ้ำยังค่อยๆ ตีตื้นขึ้นมาทีละน้อย ใครจะกล้าเชื่อ
ขณะเวลาเดียวกันรอยยิ้มที่ริมฝีปากพวกอิงเทียนเซิงหายไปแล้ว นัยน์ตาล้วนเจือแววตกใจสงสัย เดรัจฉานตัวจ้อยสมควรตายนี่ เหตุใดจึงเย้ยฟ้าเช่นนี้!?
นี่ทำให้พวกเขาล้วนรู้สึกไม่อาจยอมรับได้
และเมื่อเทียบกัน คนที่ตกใจที่สุดคงหนีไม่พ้นชิงเฟยหงที่กำลังโรมรันกับหลินสวิน
เดิมทีเขาคิดว่าสามารถจบการต่อสู้ครั้งนี้ได้ภายในครู่เดียว แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ
เพราะแม้ว่าสภาพหลินสวินจะสะบักสะบอมยิ่ง แต่ทุกครั้งล้วนยืนหยัดต่อได้ สลายพลังเขาไปได้ทั้งหมด
เมื่อเวลาผ่านไป หลินสวินถึงขั้นสามารถหยัดยืนมั่นคง เริ่มโจมตีกลับ!
และยามมองดูอานุภาพที่ปล่อยออกมาจากตัวหลินสวินอีกครา ถึงกับแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้หนึ่งช่วงใหญ่ นี่ทำให้ชิงเฟยหงยังตกใจ สีหน้าล้วนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างหาได้ยาก
“ฆ่า!”
เวลานี้พลังขับเคลื่อนทั่วร่างหลินสวินดุจดั่งเพลิงโหมเดือดปะทุ ในดวงตา ในใจ ในเจตจำนงเต็มไปด้วยจิตต่อสู้พลุ่งพล่าน
เขาถึงขั้นไม่ทันสังเกตว่าในการต่อสู้นี้มรรควิถีในตัวเขาเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยอย่างเงียบๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
เสมือนกำลังผ่านการเคี่ยวกรำที่หาได้ยากที่สุด พลังปราณ ร่างกาย สภาวะจิต วิญญาณ พลังมหามรรคของเขา… ล้วนผสานและทะยานสู่จุดสูงสุด
และนัยเร้นลับนิพพานก็คือหัวใจหลักที่หลอมรวมพลังทั้งหมดนี้!
กระทั่งในท้ายที่สุดแม้แต่นัยเร้นลับนิพพานยังเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างน่าเหลือเชื่อ
พลังมหามรรคทั่วร่างเขา อย่างกฎระเบียบกาลเวลา ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ กฎระเบียบศุภโชค เสมือกำลังถูกหลอมละลาย กลายเป็นส่วนหนึ่งของนัยเร้นลับนิพพานทีละน้อย…
ตูม โครม!
ในลานประลองแพ้ชนะการต่อสู้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นี่เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้สะท้านยุคที่หาได้ยากในหมื่นกาล มองไปทั่วทุกยุคสมัยก็ยังแทบหาไม่เจอ
ชิงเฟยหงกลับเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันใหญ่ยิ่ง!
สถานการณ์การต่อสู้ไม่เพียงถูกหลินสวินพลิกกลับ ความสูสียังใกล้ถูกหลินสวินทำลายลงเช่นกัน
นี่ทำให้ชิงเฟยหงยังอดเดือดดาลตกใจ เค้นพลังทั้งหมดออกมาต่อสู้ทันทีเสมือนถูกกระตุ้น
“ยังดี ยังดี…”
พวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีล้วนลอบถอนหายใจโล่งอก สภาพอารมณ์ก่อนหน้านี้ขึ้นๆ ลงๆ รุนแรงเกินไป ทำให้ยามอารมณ์สงบลงมาในเวลานี้พวกเขาถึงสังเกตเห็นว่ากลางฝ่ามือล้วนมีเหงื่อเปียกชุ่ม
ทว่าเวลานี้เอง…
“สิงเจี้ยนสยา พวกข้ามาเพื่อสังหารเจ้าหลินสวินนี่ หากพวกเจ้าอยากรอดชีวิตก็รีบไปซะตั้งแต่ตอนนี้ หาไม่อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ!”
เสียงดุจดั่งฟ้าคำรามสายหนึ่งดังก้องในฟ้าดินแถบนี้
ก็เห็นว่าไกลออกไปห้วงอากาศพลิกม้วน เผยเงาร่างที่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลุ่มหนึ่ง ผู้นำคือชายชราในชุดดำ
เท้าเขาเหยียบภาพตะวันจันทราภูผาธารา เหนือศีรษะมีฉัตรสีเขียวลอยอยู่ นัยน์ตารายล้อมด้วยประกายอสนี ยามหายใจชักนำเสียงหมื่นมรรคก้องกระหึ่ม
ทั้งตัวดุจดั่งจอมจักรพรรดินิรันดร์ไม่เสื่อมสลาย!
เจียงหมิงสุ่ย!
คนจากยุคทวยเทพที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพเจ็ดครั้ง ในโลกยุคสมัยทั้งหมดก็เรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่สะท้านโลก
และข้างหลังเขาคือเหล่าผู้ยิ่งใหญ่จากยุคทวยเทพ มีเฒ่าดึกดำบรรพ์จากตระกูลเกาหยาง และเฒ่าดึกดำบรรพ์จากตระกูลจี้ รวมสิบกว่าคน กำลังพลแข็งแกร่งนัก
เมื่อพวกเขาปรากฏตัว เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เดิมชมการต่อสู้มาตลอดเหล่านั้นแต่ละคนล้วนหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ ตระหนักได้ว่าตัวแปรโผล่มาแล้ว!
ส่วนบนด่านนภาสี่ลักษณ์พวกอิงเทียนเซิงอึ้งไปก่อน แต่หลังจากได้ยินเสียงของเจียงหมิงสุ่ย พวกเขาก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
ดังคาด หลังจากรู้ข่าวว่าพวกสิงเจี้ยนสยาปรากฏตัวที่นี่ คนที่มองพวกเขาเป็นศัตรูก็รีบรุดมาในทันที!
และความแข็งแกร่งในกำลังพลของพวกเจียงหมิงสุ่ยยิ่งทำให้ในใจพวกอิงเทียนเซิงยินดี
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกสิงเจี้ยนสยาอาจมีโอกาสหนีเอาชีวิตรอด แต่หลินสวินไม่ว่าจะแพ้หรือชนะในการต่อสู้นี้ ขอเพียงเขาออกจากลานประลองแพ้ชนะย่อมต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ตัวแปรนี้ทำให้หัวใจของพวกสิงเจี้ยนสยาจมสู่ก้นเหวเช่นกัน
พวกเขาและพวกเจียงหมิงสุ่ยไม่มีความแค้นต่อกัน อย่างมากแค่เคยประมือกันในการแก่งแย่งมหามรรคก่อนหน้านี้
แต่เห็นได้ชัดยิ่งว่าอีกฝ่ายพุ่งเป้าไปที่หลินสวิน!
นี่ทำให้พวกสิงเจี้ยนสยาล้วนคาดไม่ถึง
“ทำไม พวกเจ้าตั้งใจจะอยู่เฝ้าที่นี่หรือ”
พวกเจียงหมิงสุ่ยมากันแล้ว อานุภาพพลุ่งพล่าน หันปลายทวนไปยังพวกสิงเจี้ยนสยา
พวกเขาต่างรู้ดีว่าก่อนจะกำจัดหลินสวิน ต้องเตะหินขวางเท้าอย่างพวกสิงเจี้ยนสยาออกไปก่อน
“ถ้าสู้สุดชีวิตจริงอย่างมากวันนี้พวกข้าก็แค่ตาย ไม่แน่ว่ายังจะลากบางคนไปด้วย หากพวกเจ้าไม่สนเรื่องพวกนี้จะลองดูก็ได้!”
สิงเจี้ยนสยาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง กล่าวเน้นทีละคำ
เสียงหนักแน่นทรงพลังกังวาน
เมื่อหันมองพวกฟู่หนานหลี ซานเฟิง เซียวเหออีกครา แต่ละคนก็ท่าทีสงบเยือกเย็น เงาร่างดุจดั่งหินผา ไม่เคยเคลื่อนขยับสักเสี้ยว
ท่าทางเด็ดเดี่ยวเช่นนั้นทำเอาคนไม่น้อยในที่นี้ล้วนสะเทือนไหว
ใครก็ไม่คาดคิดว่าเฒ่าชราอย่างพวกสิงเจี้ยนสยาถึงกับยอมสู้จนตัวตายเพื่อหลินสวิน!