Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 907
ตอนที่ 907 อานุภาพแห่งเทพมาร
ก่อนหน้านี้หลินสวินถูกขังอยู่ในกระบวนผนึกมรรคราชัน ผู้แข็งแกร่งทุกคนต่างคิดว่าหลินสวินจะต้องตายในที่สุด คำถามมีเพียงจะตายช้าหรือเร็ว
อย่างไรเสีย นั่นก็เป็นถึงกระบวนผนึกมรรคราชันที่ผู้กล้าแห่งยุคกลุ่มหนึ่งควบคุม น่าครั่นคร้ามจนสามารถทำให้ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งคนไหนก็สิ้นหวัง
ในสถานการณ์เช่นนี้ ใครจะคาดคิดได้ว่าการณ์กลับพลิกผัน
ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ กระบวนผนึกมรรคราชันยังโคจรอยู่ เห็นชัดๆ ว่าไม่ได้ถูกทำลาย แต่หลินสวินกลับเดินออกมาอย่างปลอดภัยดี!
กะทันหันเกินไปแล้ว ไม่ทันได้ตั้งตัว ใครก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ทันที
กระทั่งซาหลิวฉานถูกสังหารด้วยหมัดเดียว ผู้แข็งแกร่งที่ตกอยู่ในภวังค์เหม่อลอยในที่นั้นจึงได้สติขึ้นทันใด
โลหิตสาดกระจาย!
ซาหลิวฉานเป็นถึงบุคคลแห่งยุคผู้หนึ่ง กลับรับหมัดเดียวของหลินสวินไว้ไม่ได้ ถูกสังหารครึกโครมคาที่ ภาพนองเลือดนั้นทำให้ทุกคนในที่นั้นตื่นตะลึง ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์
ไม่อาจโต้เถียงได้ว่า เทพมารหลินไม่ได้ถูกกระบวนผนึกมรรคราชันสังหาร แต่เดินออกมาทั้งที่มีชีวิตอยู่อย่างไม่มีใครรู้ตัว!
“เจ้า… ช่างกล้านัก!”
จงหลีอู๋จี้เข้าผสมโรงอย่างโกรธระคนตระหนก ขณะเดียวกันในใจก็ตื่นตะลึง กระบวนผนึกมรรคราชันยังทำอะไรเทพมารหลินไม่ได้ นี่จะเล่นงานอย่างไรได้อีก
“ช่างกล้าหรือ เจ้าพูดจาไม่ใช้สมองหรือไง” ยามหลินสวินเอ่ยวาจาก็พุ่งเข้ามาแล้ว ในใจเขาแค้นนัก ไฟแค้นสุมเต็มอก ไม่อาจอดกลั้นได้แล้ว
ตั้งแต่ตอนหอวสันตสารท เจ้าหมอนี่ก็โวยวายจะตัดหัวตนเป็นคนแรกเมื่อมาถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณ และตอนนี้พวกเขายังร่วมมือกันวางกับดัก หมายจะใช้กระบวนผนึกมรรคราชันฆ่าตนอีก ไม่อาจอดทนได้แล้วจริงๆ
ตูม!
หลินสวินฝ่าเข้ามา ท่าทางดุจเทพมาร โอหังถึงที่สุด พาให้ทุกคนตกตะลึง
“หึ!” จงหลีอู๋จี้นัยน์ตาเหี้ยมเกรียม คว้าอาวุธไม้ตายของตนออกมาอย่างไม่ลังเล
ชิ้ง!
วิญญาณดำประทานมารโฉบออกมา รวดเร็วน่าอัศจรรย์ราวสายฟ้า เคลื่อนไหวว่องไวอย่างประหลาด มีพลังทะลุทะลวงที่ยากจินตนาการ
สวบ!
แทบจะในขณะเดียวกัน คมดาบขาวเจิดจ้าราวหิมะก็พุ่งออกมาจากร่างหลินสวิน เขาป้องกันการโจมตีนี้ไว้ก่อนแล้ว จะไม่ถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนคราวก่อนอีก
เคร้ง!
สมบัติทั้งสองปะทะกัน ไม่เหมือนสมบัติสองชิ้นกำลังแลกดาบกัน แต่เหมือนยอดฝีมือผู้โดดเด่นในโลกสองคนกำลังประชันฝีมือ รัศมีเทพน่าหวาดหวั่นปะทุออก สะท้านหูจนแทบหูหนวก
ชั่วพริบตาจงหลีอู๋จี้ก็สั่นสะท้านไปทั้งกาย ถูกสะเทือนบาดเจ็บอย่างที่สุด แทบกระอักเลือดออกมา ที่ทำให้เขาทั้งตระหนกทั้งโกรธที่สุดก็คือ วิญญาณดำประทานมารกลับเกิดช่องว่าง เกือบถูกฟันจนหัก ส่งเสียงโหยหวนไม่หยุด
สิ่งนี้เป็นถึงอาวุธบรรพบุรุษชิ้นหนึ่งของตระกูลจงหลี แม้ไม่ใช่ยอดศาสตรามรรคราชัน ทว่ามีอานุภาพเทียบได้กับยอดศาสตรามรรคราชันมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ เพียงการแลกดาบครั้งแรกกลับได้รับความเสียหายรุนแรง!
“หนี!”
จงหลีอู๋จี้หันกายจะหนี การควบคุมกระบวนผนึกมรรคราชันก่อนหน้านี้ทำให้เขาใช้พลังกายไปมากอยู่ก่อนแล้ว และตอนนี้ขนาดอาวุธไม้ตายยังเสียหาย เขาจะมีความกล้าไปประชันฝีมือกับหลินสวินอีกได้อย่างไร
เพียงแต่เขาช้าไปก้าวหนึ่งเสียแล้ว ตั้งแต่เรียกดาบหักออกมา หลินสวินก็พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ชิงโอกาสชี้เป็นชี้ตายเอาไว้ แล้วตกฝ่ามือลงไป
ในฝ่ามือ ประทับปี้อั้นควบรวมถึงที่สุด เปล่งแสงส่องประกาย
ปึง!
ในชั่วพริบตาที่จงหลีอู๋จี้เริ่มหันกาย แผ่นหลังก็ถูกประทับปี้อั้นกระแทกเข้าอย่างจัง ทันใดนั้นเสียงกระดูกระเบิดแหลกระลอกหนึ่งก็ดังขึ้น ทั้งตัวเขาถูกตบกระเด็น กระอักเลือดคำโต ภาพตรงหน้ามืดสนิท ระหว่างที่เจ็บปวดอย่างรุนแรงก็แทบจะสลบไป
ในเวลาที่อันตรายถึงที่สุดเช่นนี้ เขาสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง เกิดเสียงดังวู้ม ร่มสำริดที่โอบล้อมไปด้วยแสงสีดำคันหนึ่งกางออก มีคุณประโยชน์บดบังฟ้าดิน ค้ำจุนจักรวาล
นี่ก็เป็นอาวุธไม้ตายของจงหลีอู๋จี้เช่นกัน ร่มจักรวาล พลังป้องกันน่าตระหนกหาใดเทียบ อีกทั้งบนร่มยังมีลายมรรคพิสดารปกคลุม สามารถสะท้อนการโจมตีทั้งหมดกลับไปให้คู่ต่อสู้
“หลินสวิน เจ้าจะฆ่าให้เหี้ยนจริงๆ หรือ ไม่กลัวว่ายามเดินออกจากเขาพยับครามจะต้องเจอการเอาคืนเต็มกำลังจากตระกูลจงหลีของข้าหรือ” จงหลีอู๋จี้สีหน้าคล้ำเขียว เริ่มข่มขู่ แท้จริงในใจเขากระวนกระวายอย่างยิ่ง
เขาไม่อาจคาดคิดได้จริงๆ ว่าเหตุใดเทพมารหลินผู้นี้ถึงน่ากลัวปานนี้ ขนาดกระบวนผนึกมรรคราชันยังฆ่าไม่ตาย ทั้งพลังต่อสู้ก็น่าสะพรึงราวเย้ยฟ้า
ดวงตาทั้งสองของหลินสวินเย็นชา ไฟโทสะในใจเดือดพล่าน เห็นได้ชัดว่าทุกย่างก้าวของอีกฝ่ายต้องการส่งเขาไปตาย ก่อนหน้านี้หมายจะฆ่าเขา แต่สุดท้ายกลับมาเล่นบทผู้เสียหาย ทั้งยังกล้าข่มขู่อย่างหยิ่งผยอง เขาทนไม่ไหวจริงๆ
ฟุ่บ!
ดาบหักขาวเจิดจ้าทอพุ่งวาบดุจภาพฝัน เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ร่มจักรวาลคันนั้นก็ถูกฟันขาดเป็นรอยแยกรอยหนึ่ง
จงหลีอู๋จี้หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ตื่นตระหนกจนวิญญาณแทบหลุดลอย นั่นเป็นสมบัติอะไรกัน เหตุใดถึงวิปริตและร้ายกาจปานนี้ได้
ในช่วงอันตรายอย่างที่สุดนี้ ชิงเหลียนเอ๋อร์ก็เข้ามาช่วยได้ทันเวลา โบกดาบศึกสีเขียวรูปร่างเหมือนจะงอยปากนก คมดาบยาวแคบตัดขวางห้วงอากาศเข้ามา
ตึง!
หลินสวินไม่หลบสักนิด เหวี่ยงหมัดหนึ่งออกไป เพียงแค่พลังหมัดที่เปล่งประกายโชติช่วงนั่นก็สลายการโจมตีนี้ได้แล้ว ส่วนตัวชิงเหลียนเอ๋อร์ก็กระเด็นถอยหลังออกไปอย่างสูญเสียการควบคุม ราวถูกพายุกระแทกเข้ากับตัวอย่างรุนแรง ปากร้องเสียงแหลมออกมา
และตอนนี้ หลินสวินก็ตามติดไม่ลดละ พุ่งตัวลงมายังจงหลีอู๋จี้!
เขาชิงชังเจ้าคนหน้าเนื้อใจเสือผู้นี้ที่สุด ถึงขั้นที่เขายังสงสัยว่าความคิดที่จะใช้การวางค่ายกลครั้งนี้มาล่อให้เขาติดกับ ก็เป็นฝีมือของจงหลีอู๋จี้เช่นกัน
……
“จะเข้าไปไหม” เหลยเชียนจวินเริ่มร้อนใจ เขาดูออกแล้วว่าดาบหักที่หลินสวินครอบครองเล่มนั้นไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เป็นถึงศาสตราจิตชิ้นหนึ่ง!
นี่เป็นสมบัติชั้นยอดที่หลอมขึ้นจากเจตวัตถุที่แท้จริง หายากไม่มีสิ่งใดเทียบ อานุภาพน่ากลัวกว่ายอดศาสตรามรรคราชันเสียอีก ศาสตราจิตทรงพลังบางชิ้นถึงกับมีพลานุภาพที่ไม่ด้อยไปกว่าสมบัติอริยะ!
“รออีกหน่อย” มู่เจี้ยนถิงกลับสังเกตว่าออกจะไม่ชอบมาพากล ขนาดกระบวนผนึกมรรคราชันยังขังหลินสวินไว้ไม่ได้ นี่ทำให้ใจเขาสั่นสะท้าน รู้สึกหวั่นกลัวหาใดเทียบ
เขาสงสัยว่าแม้ตนใช้ไพ่ตายบางชิ้น ก็เป็นไปได้สูงว่าอาจจะไม่สามารถทำอะไรหลินสวินได้อีก
……
ศึกนองเลือดดำเนินไปในที่นั้น หลังจากหลินสวินเดินออกมาจากกระบวนผนึกมรรคราชันก็สำแดงอานุภาพยิ่งใหญ่ ในระหว่างที่ทุกคนไม่ทันระวังตัวก็สังหารซาหลิวฉานในหมัดเดียว
และตอนนี้ เขายังจู่โจมจงหลีอู๋จี้และชิงเหลียนเอ๋อร์จนพ่ายแพ้หมดรูป ท่าทางผงาดผยองเช่นนั้น ทำให้เหล่าผู้กล้าที่ดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ ล้วนหวาดผวา จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เปรี๊ยะ!
บนร่มจักรวาลถูกดาบหักผ่าขาดออกเป็นรอยแยกรอยหนึ่ง ส่งเสียงฉีกขาดออกมา เห็นได้ชัดว่าสมบัติโบราณที่ลี้ลับหาใดเทียบชิ้นนี้กำลังจะถูกทำลาย
แต่จงหลีอู๋จี้ไม่มีแก่ใจมาเจ็บปวดใจ เขารับรู้ได้ถึงอันตรายถึงชีวิต หลบหนีเต็มกำลัง ตื่นตกใจเหมือนสุนัขเสียบ้าน
เขามีฐานะเป็นผู้กล้าแห่งยุค ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ไม่เคยหมดท่าขนาดนี้มาก่อน อับอายและตื่นกลัวอย่างยากจะเอ่ย พาให้ทั้งตัวเขามีเค้าลางกำลังจะพังทลาย
ชิงเหลียนเอ๋อร์ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน กระบวนผนึกมรรคราชันเป็นถึงไพ่ตายของนาง เป็นสิ่งที่นางพึ่งพิงอย่างที่สุดในการช่วงชิงศุภโชคครั้งนี้ แต่กลับไม่สามารถสังหารหลินสวินได้ นี่สร้างความกระทบกระเทือนหนักหน่วงหาใดเทียบแก่นาง
กระทั่งตอนนี้นางคิดจะหนีไปหลายครั้ง หลบคมดาบไปก่อน ค่อยเลือกหาโอกาสสู้อีกครั้ง แต่กลับทำไม่ได้อยู่ตลอด เพราะเพียงนางทำท่าจะหนี ก็จะถูกหลินสวินสกัดกั้นอย่างแข็งกร้าว!
นี่ทำให้นางได้แต่ต้องเลือกเอาชีวิตเข้าแลกเท่านั้น
ตูม!
เพียงครู่เดียวร่มจักรวาลก็ถูกดาบหักฟันเละ ระเบิดแหลกโครมคราม สมบัติโบราณที่ลี้ลับหาใดเทียบก็ถูกทำลายลงเช่นนี้
“พี่มู่ ถ้าตอนนี้พวกเจ้าไม่ลงมือ จะรอถึงตอนไหน”
จงหลีอู๋จี้ตะโกนด้วยความตื่นกลัว เขาแทบพังทลาย กำลังจะรับไม่ไหวแล้ว จึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับมู่เจี้ยนถิงและเหลยเชียนจวิน
แต่ที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือ เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของตน ทั้งสองกลับสีหน้านิ่งเฉยไม่แยแส!
“พวกเจ้า…”
จงหลีอู๋จี้เดือดดาลหาใดเทียบ เพียงแต่ไม่ทันพูดจบเสียงกร๊อบก็ดังขึ้น คอของเขาถูกบิดหักทั้งอย่างนั้น ก่อนตายยังตาเบิกกว้างด้วยความโกรธ เผยให้เห็นความไม่ยินยอมและโกรธแค้นไม่มีสิ้นสุด
บุคคลแห่งยุคอีกคนหนึ่งถูกฆ่า!
เหล่าผู้กล้าดวงตาแข็งทื่อเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจงหลีอู๋จี้หรือซาหลิวฉาน เบื้องหลังพวกเขาต่างมีขุมอำนาจใหญ่เก่าแก่ที่อำนาจคับฟ้ากลุ่มหนึ่งหนุนอยู่ เทพมารหลินบอกว่าจะฆ่าก็ฆ่าทิ้งได้เช่นนี้เลยหรือ เขาไม่กังวลสักนิดหรือ
นี่ทำให้ทุกคนไม่อาจคาดคิด
“…” ชิงเหลียนเอ๋อร์หวีดร้อง หวาดกลัวโดยสมบูรณ์แล้ว รู้สึกพรั่นพรึงยิ่ง ก่อนหน้านี้นางเห็นหลินสวินเป็นเป้าที่สามารถรังแกได้มาโดยตลอด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่าง ไม่มีที่พึ่งพิงเช่นนี้คนหนึ่ง เมื่อลงมือแล้วจะบ้าคลั่งร้ายกาจและเด็ดดขาดเช่นนี้
“ถึงตาเจ้าแล้ว!”
หลินสวินทอดสายตาไป ดวงตาสีดำเย็นชาราวเหวลึก ทำให้ชิงเหลียนเอ๋อร์หนาวยะเยือกไปทั้งตัวประหนึ่งตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง ใบหน้างามซีดเผือด
นี่เป็นคนเช่นไรกัน
ไม่!
เขาก็คือเทพมารตนหนึ่ง!
แม้แต่คนหยิ่งทระนงอย่างชิงเหลียนเอ๋อร์ ตอนนี้ก็รู้สึกหมดหวังแล้ว ออกจะเสียใจที่ไปล่วงเกินเทพมารสะท้านโลกา ไม่มีความหวั่นกลัวผู้หนึ่งอย่างหลินสวิน
“แม่นางเหลียนเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว มีพวกเราอยู่ จะยอมให้เทพมารหลินเหิมเกริมได้หรือ!”
ก็ในตอนนี้เอง มู่เจี้ยนถิงที่อยู่ไกลออกไปลงมือแล้ว ส่งเสียงคำรามยาว โจมตีเข้าไปในสมรภูมิ กระบี่โบราณลายสนส่องแสง เจตกระบี่เจิดจรัสแผ่พุ่งไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
ตูม!
แทบจะในขณะเดียวกัน เหลยเชียนจวินถือกระบองยาวอสนีออกโจมตีจากอีกด้านหนึ่ง พลานุภาพหาใดเทียม
“ไสหัวไป พวกเจ้านับเป็นตัวอะไร ก็แค่คนที่เคยแพ้ให้ข้าเท่านั้น ข้าอยากฆ่าใคร พวกเจ้าขวางได้หรือ?!” หลินสวินตะคอก รอบกายส่องแสงเจิดจ้า ยกหมัดพุ่งสังหาร
เขาแค้นจนกัดฟันกรอด เขาทบทวนกับตัวเองว่าไม่ได้มีความแค้นกับอีกฝ่าย ผลลัพธ์กลับเป็นถูกอีกฝ่ายซุ่มโจมตีเกือบเสียท่า สุดท้ายยังถูกอีกฝ่ายหลอกล่อเข้าไปในกับดักที่ตั้งใจวางไว้ หากไม่ใช่ว่าเขาเชี่ยวชาญศาสตร์สลักรอยวิญญาณ คราวนี้ต้องถูกสังหารในกระบวนผนึกมรรคราชันนั้นแน่
เจ้าสองคนนี้ ตอนนี้ยังลุกขึ้นมาออกหน้าแทนชิงเหลียนเอ๋อร์อีก ช่างได้คืบจะเอาศอก ตายไปก็ไม่มีอะไรให้เสียดาย!
สวบ!
ดาบหักเคลื่อนไปในอากาศ โจมตีไปที่มู่เจี้ยนถิง ขณะเดียวกันรอบกายเขาก็ปรากฏเงาชือน้ำแข็งขาวโพลนตัวหนึ่ง พุ่งไปที่เหลยเชียนจวิน
ส่วนตัวเขาเองกลับพุ่งโจมตีไปที่ชิงเหลียนเอ๋อร์
ตัวคนเดียว ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายออกตัวโจมตีบุคคลแห่งยุคสามคน หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ย่อมก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่
มองไปทั้งแดนฐิติประจิม กระทั่งมองไปทั่วดินแดนรกร้างโบราณ ใครจะกล้าหยิ่งผยองเช่นนี้ ใครจะแข็งกร้าวเช่นนี้
ตูม!
ฟ้าโคลงดินเคลื่อน ห้วงอากาศระเบิดออก ระยะห่างพันจั้งเท่านั้น หลินสวินพุ่งตรงเข้ามาประชิดเบื้องหน้าชิงเหลียนเอ๋อร์แล้ว
มู่เจี้ยนถิงสีหน้าคล้ำเขียว ตะคอกว่า “เจ้ากล้าหรือ!”
เขากับเหลยเชียนจวินจู่โจมเข้ามา
ในขณะเดียวกันชิงเหลียนเอ๋อร์ก็หันกายหนี เจตจำนงต่อสู้ของนางพังทลายโดยสิ้นเชิง ท่าทางหลินสวินราวไร้ศัตรู มีบรรยากาศกลืนกินแปดทิศ พาให้นางไม่กล้าหวังว่าพวกมู่เจี้ยนถิงจะสามารถช่วยเหลือตนออกจากอันตรายครั้งนี้ได้
น่าเสียดาย แม้นางจะหนีอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังช้าไปเล็กน้อย ถูกหลินสวินใช้พลังหมัดสะเทือนสวรรค์ถล่มลงบนร่าง ร่างงามผอมเพรียวสะโอดสะองระเบิดแหลกในชั่วพริบตา เลือดเนื้อปลิวว่อน
แทบจะในเวลาเดียวกัน มู่เจี้ยนถิงกับเหลยเชียนจวินก็โจมตีออกมา แต่กลับเห็นว่าเงามายาสัตว์เทพฟู่ซี่ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหลังหลินสวิน การโจมตีของทั้งสองถูกขวางกั้นไว้ทั้งหมด
โครม!
บริเวณนี้เกิดการกระแทกน่าหวาดหวั่นขึ้น รัศมีเทพโกลาหลไปทั่วสี่ทิศ ส่วนเหล่าผู้กล้าที่อยู่ไกลออกไปก็เหม่อลอยเช่นนั้น สั่นสะท้านจนไร้วาจาจะเอื้อนเอ่ยอยู่ก่อนแล้ว
อย่างไรเรียกอานุภาพแห่งเทพมาร
หลินสวินในตอนนี้อธิบายอานุภาพเช่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว!