Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 992 คลื่นลมไม่เป็นใจ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 992 คลื่นลมไม่เป็นใจ
ตอนที่ 992 คลื่นลมไม่เป็นใจ
นี่คือสาวงามในชุดคลุมนกกระเรียน ผมงามเกล้าขึ้น นางพูดอย่างรวดเร็ว “ช่วงนี้มีข่าวเผยแพร่ออกมา ว่าอสูรเฒ่าแรดดำที่อีกไม่นานจะเข้าสู่สำนักของเราถูกคนรุ่นเยาว์นามว่าหลินสวินฆ่า หลังจากทางสำนักรู้ข่าวนี้ ก็ได้ออกคำสั่งจับเด็กหนุ่มนี่!”
ทันใดนั้นบรรยากาศทั้งที่นั้นพลันเปลี่ยนไป
อสูรเฒ่าแรดดำเป็นถึงราชันผู้หนึ่ง กลับถูกคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งฆ่างั้นหรือ
ข่าวนี้น่าตะลึงเกินไปแล้ว!
“ว่ากันว่าเขาใช้กระบวนผนึกมรรคราชันที่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรกทำร้ายอสูรเฒ่าแรดดำ ความจริงศักยภาพไม่ได้แข็งแกร่งเพียงนั้น” สาวงามอธิบาย
บรรยากาศที่ตึงเครียดในตอนแรกผ่อนคลายลงไม่น้อย ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เหล่านี้แอบโล่งอกไม่มากก็น้อย
สีหน้าของฉู่เป่ยไห่แฝงความเย็นเยียบ เดิมทีเขาเพียงแค่สนใจเจ้าคนที่ปลอมตัวเป็นผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์เท่านั้น
ใครจะคิดว่า กลับเป็นการเปิดโปงเด็กหนุ่มนามว่าหลินสวินโดยไม่ได้ตั้งใจ!
เขาเคยขัดแย้งกับพวกหนานกงหั่วตั้งแต่อยู่ในโลกชั้นล่างแล้ว
จากนั้นก็แย่งหินผนึกมรรคที่เดิมทีควรเป็นของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไป
แม้แต่การพนันเมื่อครู่นี้ ยังทำให้พวกหนานกงสุ่ยเสียแกนวิญญาณไปมหาศาล
นี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่พอรู้ว่าอสูรเฒ่าแรดดำเองก็ถูกหลินสวินฆ่า และเจ้าหมอนี่ได้ถูกสำนักของพวกเขาประกาศจับแล้ว นี่ทำให้ฉู่เป่ยไห่ทนไม่ได้จริงๆ
“ศิษย์พี่ฉู่อย่าเสียเวลาอีกเลย ต้องรีบเคลื่อนไหวเดี๋ยวนี้!” หนานกงหั่วโวย
“หินผนึกมรรคยังอยู่ในมือเขา ต้องชิงกลับมา หินนั่นมีเลือดอริยะหลงเหลืออยู่ ที่มาไม่ธรรมดา มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะซ่อนมรดกรอยสลักวิญญาณเอาไว้!” ชายชราชุดคลุมดำนั่งไม่ติดแล้ว
เขานามว่าเซวียจิ้ง เป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณผู้หนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แน่นอนว่าย่อมรู้มูลค่าของหินผนึกมรรคชิ้นนั้นดี
พูดไปแล้วในใจเขาเองก็เสียใจอย่างมาก ครั้งแรกที่เห็นหินนั่น เขายังมองผิดคิดว่าเป็นเพียงของธรรมดา หลังจากออกมาแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่า หินธรรมดาก้อนนี้มีที่มาที่ไม่ธรรมดาอย่างมาก
แต่ตอนที่เขาให้ชายหนุ่มชุดคลุมม่วงไปซื้อ กลับช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว
“การตายของอสูรเฒ่าแรดดำต้องมีคำอธิบาย นี่เป็นการตัดสินใจของสำนัก พวกเราจะเพิกเฉยไม่ได้” สาวงามเองก็ส่งเสียง
“ก็ดี เขาคงยังไม่รู้ตัวว่าฐานะรั่วไหลแล้ว คงยังหนีไปได้ไม่ไกล ศิษย์น้องกู้อวิ๋นถิง การเคลื่อนไหวครั้งนี้ให้เจ้าเป็นคนจัดการ”
ฉู่เป่ยไห่ใคร่ครวญคร่าวๆ แล้วตัดสินใจ
“ข้าหรือ” กู้อวิ๋นถิงอึ้ง
“เจ้ากับเขามาจากที่เดียวกัน รู้จักนิสัยของเขาที่สุด มีเจ้าออกเคลื่อนไหวข้าเองก็วางใจ” ฉู่เป่ยไห่พูด
“แต่…”
กู้อวิ๋นถิงลังเลเล็กน้อย
พูดตามตรงก็เพราะเขากับหลินสวินมาจากที่เดียวกัน ตอนที่รู้ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้คือการไปสังหารหลินสวิน เขาจึงตัดสินใจไม่ได้ไปชั่วขณะ
ก่อนหน้านี้เขาเคยเกิดความขัดแย้งกับหลินสวินจริงๆ แต่นั่นมันเรื่องในอดีต ผ่านไปหลายปีแล้ว เขามองข้ามไปตั้งนานแล้ว
ให้เขาจัดกำลังคนไปเล่นงานหลินสวินตอนนี้ ก็ทำไม่ลงจริงๆ
ถึงอย่างไรอย่างน้อยพวกเขาล้วนมาจากโลกชั้นล่าง นี่เป็นความรู้สึกของการเป็น ‘คนบ้านเดียวกัน’ อย่างหนึ่ง
“ทำไม เจ้ามีคำถามหรือ” สายตาของฉู่เป่ยไห่มองกู้อวิ๋นถิงอย่างนิ่งสงบ สีหน้าที่ดูเหมือนเรียบเฉย กลับนำพาความกดดันให้กู้อวิ๋นถิงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ได้!” กู้อวิ๋นถิงฝืนใจตอบรับไว้
“ศิษย์น้องหนานกงหั่ว การเคลื่อนไหวครั้งนี้ให้เจ้าเสริมทัพช่วยศิษย์น้องกู้อวิ๋นถิง จำไว้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา ศักยภาพไม่สามารถดูแคลนได้ ห้ามประมาทเด็ดขาด หากจำเป็นก็สามารถเชิญให้ผู้อาวุโสระดับกึ่งราชันในสำนักลงมือได้เลย” ฉู่เป่ยไห่กำชับ
เขาดูคนแม่นมาโดยตลอด จากคำอธิบายเมื่อครู่นี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่า หลินสวินคนนี้จะต้องเป็นคนที่จัดการยากอย่างแน่นอน
หากเป็นผู้ฝึกปราณทั่วไป ไม่ถึงขั้นที่เขาจะกำชับอย่างจริงจังขนาดนี้
“ได้!” หนานกงหั่วตอบตกลงอย่างไม่ลังเล เขาอยากแก้แค้นเพื่อล้างความอับอายจนรอไม่ไหวแล้ว การถูกหลินสวินเตะจนก้นลายในตอนนั้น ทำให้หลังจากกลับสำนักเขาสู้หน้าใครไม่ได้เป็นเวลานาน
ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้เวลาแก้แค้นแล้ว!
แต่พอได้รู้การจัดการนี้ กู้อวิ๋นถิงพลันลอบถอนหายใจอีกครั้ง รู้ว่าที่ฉู่เป่ยไห่ทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามิได้เชื่อใจตนอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นจะให้หนานกงหั่วมาเสริมทัพตนเพื่ออะไร
แทนที่จะเรียกว่าเสริมทัพ ไม่สู้เรียกว่า ‘จับตาดู’!
“นอกจากนี้ ช่วยข้ารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนนี้ ข้าสนใจเขามาก หากการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของพวกเจ้าถูกขัดขวาง หลังจากจบการประเมินหิน ข้าจะไปหาเจ้าคนที่กล้าปลอมตัวเป็นผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์นี่ด้วยตัวเอง!”
ฉู่เป่ยไห่พูดถึงตรงนี้ อานุภาพน่ากลัวก็ปรากฏขึ้นทั่วร่างกาย ราวกับรุ้งศักดิ์สิทธิ์สีทองที่พุ่งทะลวงฟ้า สะเทือนลมเมฆแปดทิศ
……
พอออกจากงานประเมินหิน หลินสวินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ
ครั้งนี้เพื่อปกปิดฐานะไม่ให้พวกกู้อวิ๋นถิงและหนานกงหั่วจำได้ เขาจงใจปลอมตัวเป็นผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์
และมั่นใจว่าในการพนันก่อนหน้านี้ไม่ได้เผยพฤติกรรมที่ผิดแผกอะไร แต่จู่ๆ ฉู่เป่ยไห่กลับเชิญตน นี่ผิดปกติมาก
บนถนนผู้คนขวักไขว่คับคั่ง คึกคักเจริญรุ่งเรือง
หลินสวินคิดพลางมุ่งหน้าไปทางตะวันออกของเมือง
เขาได้สืบมาแล้ว สำนักกระบี่เทียมฟ้าตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของแดนชัยบูรพา ห่างจากแคว้นกู่ชางหลายสิบแคว้น ระยะทางไกลอย่างมาก
แม้ใช้ยานขนส่งอวกาศเคลื่อนไหวกลางอากาศ อย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน
สำหรับหลินสวินในตอนนี้เวลามีค่าอย่างมาก จะมาเสียเวลาระหว่างทางได้อย่างไร
สุดท้ายเขาตัดสินใจจ่ายเงินจำนวนมหาศาล เพื่อใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่อยู่ระหว่างพรมแดนแคว้นเดินทางไปยังสถานที่ตั้งของสำนักกระบี่เทียมฟ้า!
‘มาเยือนเมืองเพลิงมรกตครั้งนี้ ได้ผลเก็บเกี่ยวไม่น้อย…’
นึกถึงผลเก็บเกี่ยวบนตัว มุมปากของหลินสวินก็อดเผยรอยยิ้มไม่ได้
ก่อนอื่นคือเจอหินลึกลับก้อนหนึ่ง ที่มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะมีมรดกรอยสลักวิญญาณซ่อนอยู่จากแผงขายของ
จากนั้นก็ขายสมบัติในตัวที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ แลกเป็นแกนวิญญาณขั้นสูงหนึ่งแสนกว่าชิ้น
ในงานประเมินหินเมื่อครู่นี้ แม้จะออกมากลางคัน แต่หลังจากการพนันครั้งใหญ่ กลับทำให้เขาทำกำไรมาได้อีกประมาณสองแสนแปดหมื่นแกนวิญญาณขั้นสูงและหนังสือหนี้อีกหลายฉบับ
ที่น่าเสียดายคือ หนังสือหนี้เหล่านั้นคงใช้ไม่ได้แล้ว
นอกจากนี้ยังมีผลเก็บเกี่ยวที่ใหญ่กว่า นั่นก็คือดักแด้ของผีเสื้อมารแยกฟ้า!
คิดถึงตรงนี้ ในใจหลินสวินก็อดเวทนาหนานกงสุ่ยที่เกือบถูกตนยั่วโทสะจนคลั่งผู้นั้น คลื่นชีวิตของดักแด้นี่ไม่ได้หายไป แต่ถูกเขาใช้กลิ่นอายของหนอนกินเทพข่มให้ตกใจจนดักแด้นั่นเก็บคลื่นชีวิตไปเอง!
ที่น่าขันคือ ตอนนั้นหนานกงสุ่ยที่โกรธจนคลั่งกลับทิ้งสมบัตินี่ราวกับขยะ ทำให้เขาหลินสวินได้กำไรมาง่ายๆ
“ในเมื่อไม่มีใครสามารถประเมินหินประหลาดในงานประเมินหินได้ แล้วดึงดูดความสนใจของฉู่เป่ยไห่ได้อย่างไร ถึงขั้นไม่เสียดายยอมเดินทางมาด้วยตัวเอง”
“ปกติมาก ฉู่เป่ยไห่มีพรสวรรค์เนตรทองอัคคีแต่กำเนิด สามารถมองทะลุการอำพรางที่คนทั่วไปไม่สามารถมองทะลุได้ บางทีอาจจะมีความสามารถเพียงพอหยั่งถึงความลึกลับในหินประหลาดชิ้นนั้นได้”
ทันใดนั้นบทสนทนาของผู้ฝึกปราณสองคนบนถนนก็ดึงดูดความสนใจของหลินสวิน
เนตรทองอัคคี?
หลินสวินหัวใจสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในที่สุดก็ตระหนักได้แล้วว่าตรงไหนที่ผิดปกติ
ในงานประเมินหินก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าฉู่เป่ยไห่มองการอำพรางของตนออกแล้ว!
เช่นนี้ เพียงแค่ฉู่เป่ยไห่เปิดโปงรูปลักษณ์แท้จริงของตน พวกหนานกงหั่วและกู้อวิ๋นถิงก็จะรู้ฐานะของตนทันที!
‘ยุ่งแล้ว…’ หลินสวินลอบถอนหายใจ คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าตนจะถูกเปิดเผยฐานะที่แท้จริงเพราะฉู่เป่ยไห่
‘ต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!’
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ ตระหนักได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์
เขาไม่เพียงแค่มีความแค้นกับหนานกงหั่ว ยังเคยฆ่าอสูรเฒ่าแรดดำ ถ้าคนของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์รู้ว่าเขาหลินสวินอยู่ในเมือง จะต้องเกิดการตามล่าอย่างแน่นอน!
สวบ!
ร่างกายของเขาพริบไหว เร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปทางนอกเมือง