Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1109 ข่าวลือของแดนมกุฎ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1109 ข่าวลือของแดนมกุฎ
ทันใดนั้นกระบี่วิญญาณถูกประกายดาราปกคลุม ตัวกระบี่ถูกกัดกร่อน จากนั้นสลายไป
ตอนนั้นเองประกายดาราสายหนึ่งแปรเป็นดาบยาวโฉบออกมา ราวกับดาบตัดวิถีสวรรค์ เฉือนร่างของชายชราอย่างง่ายดาย
ฟุ่บ!
ร่างกายของเขาระเบิดกระจุยกะทันหัน
ทว่าพลังจิตของเขากลับชิงออกจากร่างไปก้าวหนึ่ง หนีเคราะห์ได้สำเร็จ เพียงชั่วพริบตาก็หายไปไร้ร่องรอยแล้ว
ในห้วงอากาศยังคงก้องไปด้วยเสียงคำรามสั่นสะเทือนอย่างที่สุดของเขา
ทุกคนในลานเห็นภาพนี้ต่างผมตั้ง ตกใจอย่างที่สุด ชายชราที่แข็งแกร่งไร้ที่เปรียบคนหนึ่ง ถูกทำลายกายหยาบไปอย่างง่ายดายเช่นนี้!
ถึงขั้นที่หากไม่ใช่เพราะหนีได้ทันเวลา มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะตายอย่างแท้จริง!
หลายคนเห็นหลินสวินใช้พลังต้องห้ามของทะเลหมากดาราเป็นครั้งแรก ฉะนั้นความตะลึงที่เกิดขึ้น แค่คิดก็รู้ว่ายิ่งใหญ่แค่ไหน
จากนั้นในลานต่างเดือดพล่านขึ้นมา สายตาที่มองหลินสวินล้วนเปลี่ยนไป
นี่คือเทพมารคนหนึ่ง!
แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างฉู่จงเทียนยังพ่ายแพ้ในมือเขา แทบจะสิ้นชีพ
อีกทั้งเมื่อเผชิญหน้ากับการเหยียดหยันดูถูกของระดับราชันคนหนึ่ง เขากลับไม่กลัวเลยสักนิด ยิ่งโต้ตอบด้วยวิธีอันแข็งกร้าว โจมตีจนพลังจิตของอีกฝ่ายต้องหนีออกจากร่าง!
ทุกคนในลานต่างอุทานด้วยความตกใจ แม้จะหายเงียบไปหนึ่งเดือน แต่เทพมารหลินก็ยังเป็นเทพมารหลินคนเดิมที่แข็งแกร่ง ผงาดผยอง และไม่มีใครเทียบคนเดิม!
“พี่ใหญ่ รู้แบบนี้พี่ก็ควรฆ่าเดรัจฉานเฒ่าสองคนนั้นก่อนตั้งแต่แรก จากนั้นค่อยจัดการฉู่จงเทียน เช่นนี้ย่อมสามารถกำจัดทิ้งในทีเดียวได้อย่างแน่นอน ชนะอย่างขาดลอย”
อาหลู่แบกกระบองเหล็กยักษ์ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
กำจัดทิ้งในทีเดียวหรือ
หลินสวินมุมปากกระตุกทีหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่ใจดำกว่าตนเสียอีก
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องพวกนี้ เจ้ามาทำไม” หลินสวินถาม
“พี่ใหญ่เจอปัญหา ในฐานะน้องชายจะไม่มาช่วยได้อย่างไร” อาหลู่สีหน้าจริงจัง
หลินสวินถอนหายใจ “อาหลู่ เจ้าหยุดเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ได้แล้ว”
เจ้าหมอนี่รูปลักษณ์ดูแก่ ความหยาบกระด้างเต็มใบหน้า ใครจะจินตนาการได้ว่านี่เป็นชายหนุ่มที่อายุเพียงสิบเก้าปีคนหนึ่ง
หากใครเห็นเขาเรียกตนว่าพี่ใหญ่ ย่อมเข้าใจผิดว่าตนอายุมากกว่าเขาแน่
“ไม่ได้ ท่านก็คือพี่ชายของข้า อีกอย่างเจ้าเฒ่าสารเลวบอกแล้วว่า ต่อไปให้ข้าติดตามท่าน บอกว่าถ้าเป็นเช่นนี้ หลังจากมหายุคมาเยือนเราพี่น้องร่วมมือกัน ก็สามารถกวาดล้างผู้กล้าทั่วหล้า เรียกได้ว่าเป็นราชันเหนือหัว ผ่อนคลายเป็นอิสระ”
อาหลู่เสียงดังมาก น้ำเสียงทรงพลัง
หลินสวินเสมองทุกคนที่อยู่ห่างออกไปแวบหนึ่ง รีบเรียกอาหลู่ไว้แล้วเดินเข้าไปในส่วนลึกของทะเลหมากดารา
เจ้าหมอนี่ปากไม่มีหูรูด คำพูดที่เห็นได้ชัดว่าเกินจริงหลายอย่าง หากเผยแพร่ออกไปก็ไม่รู้ว่าจะถูกเอาไปพูดถึงอย่างไรต่อ
การต่อสู้ครั้งนี้ก็เผยแพร่ออกไปอย่างไม่เหนือความคาดหมายของหลินสวิน ดุเดือดรุนแรง แพร่ไปทั่วทุกสำนักใหญ่ พลันดึงดูดความสนใจจากสายตาไม่รู้เท่าไหร่
ความแข็งแกร่งของฉู่จงเทียนเป็นที่รู้กันทั่วหล้า แต่ก็ยังคงแพ้ เกือบถูกเทพมารหลินฆ่า นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก
หลายสำนักต่างเริ่มประเมินพลังต่อสู้ของหลินสวินใหม่ คิดว่าเขาคงมีพลังต่อสู้ระดับยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎ ถึงขั้นที่อาจแข็งแกร่งกว่า!
พอถึงตอนหลัง ยังมีบุคคลล้ำเลิศโดดเด่นจำนวนไม่น้อยปรากฏตัวออกมา หมายจะไปยังทะเลหมากดารากำราบหลินสวิน ใช้เรื่องนี้ยืนยันความแข็งแกร่งของตน
แต่ไม่นานข่าวพวกนี้ก็ถูกปกปิดไปอย่างรวดเร็ว เพราะด้วยมหายุคกำลังจะมาเยือน ดินแดนรกร้างโบราณมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นทุกวัน
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่าชื่อหลิงเซียว มาจากเผ่าโบราณสักแห่งหนึ่ง เก็บตัวเงียบมานานหมื่นปี ตอนนี้ปรากฏตัวอาละวาดบนโลก เปิดฉากเข่นฆ่าระห่ำ
ครั้งแรก ผู้สืบทอดสี่คนของสำนักโบราณแห่งหนึ่งร่วมมือกันโจมตี สุดท้ายถูกชื่อหลิงเซียวระเบิดแหลกระหว่างที่ขยับตัว
จากนั้นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเผ่างูปาเสอถูกชื่อหลิงเซียวสยบ ถลกหนังเลาะเส้นเอ็น จากไปอย่างเกรียงไกร
ต่อมาก็มีบุคคลชั้นยอดอีกหลายคนถูกโจมตีสังหารติดต่อกัน!
นี่ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนมากมาย เพราะเป็นการกระทำของคนเพียงคนเดียว ชื่อหลิงเซียวราวกับเทพสังหาร อาละวาดในแดนชัยบูรพา ตลอดทางสังหารบุคคลที่สะดุดตาไม่รู้เท่าไหร่
“ในที่สุดวิชาหกนรกดับโลกาก็ถูกหลอมสำเร็จออกมาแล้ว วิชานี้ทำลายฟ้าสลายดิน ราวกับนรกหลอมจักรวาล มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์สังหารเทพ! คิดไม่ถึงว่าหลังผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุดแล้วจะปรากฏในโลกอีกครั้ง!”
ทันทีที่ข่าวนี้แพร่ออกไปก็ฮือฮาไปทั่วหล้า
สัตว์ประหลาดโบราณที่ถูกสะกดมาหมื่นปี ตอนนี้เดินออกจากความเงียบงัน แน่นอนว่ามาเพื่อโอกาสกลายเป็นราชันในมหายุค
อีกทั้งเขายังดุร้ายไร้การควบคุม ประกาศกร้าวไปทั่วอย่างอวดดียิ่งว่า “หรือในบรรดาคนรุ่นเดียวกันในยุคปัจจุบัน ไม่มีใครสามารถสู้ได้”
นี่ทำให้เกิดระลอกคลื่นทั่วฟ้า
มีสัตว์ประหลาดเฒ่าสำนักโบราณปรากฏตัว หมายจะลงมือสังหารชื่อหลิงเซียวเงียบๆ แต่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จ กลับยังถูกโจมตีกลับ!
เหตุผลก็อยู่ที่ว่า บนตัวชื่อหลิงเซียวมีสมบัติอริยะอานุภาพสะเทือนฟ้า!
“มหายุคยังไม่มาเยือนด้วยซ้ำก็เข่นฆ่ากันแล้ว อวดดีเกินไปแล้ว”
ในแคว้นเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยหมอกควันแห่งหนึ่ง สาวสวยชุดขาวคนหนึ่งเดินอยู่บนถนน บริสุทธิ์ไร้มลทิน
รอบตัวนางมีประกายหิมะน้ำแข็งหมุนวน ใบหน้างดงามไร้ที่ติแต่เย็นชา ราวกับภูเขาน้ำแข็งอันเย่อหยิ่ง ทำให้ผู้คนรู้สึกละอายไม่อาจเทียบ
“ธิดาเทพหลิ่นเสวี่ยปรากฏตัวแล้ว!”
วันนี้ในแคว้นนี้มีข่าวแพร่ออกมา สะเทือนทั่วหล้า
ธิดาเทพหลิ่นเสวี่ยเป็นถึงสาวงามที่เมื่อสามพันปีก่อนเคยเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่ง ทำให้ผู้กล้านับไม่ถ้วนต้องค้อมตัวให้
ตั้งแต่ที่นางฝึกปราณ ทุกก้าวล้วนเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ราวกับเทพธิดา มีรากฐานที่เพียงพอจะทำให้ผู้กล้าจำนวนนับไม่ถ้วนชื่นชม
“ข้ามาเพื่อมหายุค ไม่อยากสร้างศัตรู และไม่กลัวศัตรู”
นี่คือคำพูดของธิดาเทพหลิ่นเสวี่ย เรียบเฉยและเงียบสงบ แต่กลับเผยความมั่นใจไร้เทียมทาน บุคลิกตะลึงโลก
นอกจากนี้ยังมีข่าวของสัตว์ประหลาดและอัจฉริยะบางส่วนค่อยๆ เผยแพร่ออกมา
บุคคลที่น่าทึ่งกว่าชื่อหลิงเซียวและธิดาเทพหลิ่นเสวี่ยก็ไม่น้อย!
เมื่อเทียบกันแล้ว ข่าวที่หลินสวินกำราบฉู่จงเทียนก็เป็นเพียงแค่ข่าวหนึ่งในบรรดาข่าวมากมายเท่านั้น ไม่สามารถโดดเด่นที่สุดในสายตาของผู้คนได้
……
เหล่านี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน
หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้ต้องช่วยกู้อวิ๋นถิง เขาเองก็คร้านจะไปสู้กับฉู่จงเทียน
บนเกาะสันโดษในทะเลหมากดารา
หลินสวินเตรียมเนื้อย่างและเหล้าชั้นดีกำลังต้อนรับอาหลู่และกู้อวิ๋นถิง
“เจ้าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกหรือ”
เดิมทีหลินสวินอยากรู้ข่าวจากปากอาหลู่ ไม่คิดว่าเจ้าหมอนี่กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“สนใจพวกสัตว์ประหลาดโบราณ อัจฉริยะ ธิดาเทพ ปีศาจพวกนั้นไปทำไม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าสักนิด คุ้มที่ข้าจะไปใส่ใจหรือ หากกล้าล่วงเกินข้า ฟาดด้วยกระบองให้ตายก็จบมิใช่หรือ”
อาหลู่พูดอย่างไม่ชัดเจน เขากำลังแทะเนื้อหมาดำ กินจนปากมันเยิ้มมีความสุขอย่างมาก ราวกับเหล้าชั้นดีและเนื้อย่างในมือสำคัญกว่าเหล่าผู้กล้าอัจฉริยะที่ปรากฏตัวบนโลก
‘ไม่สนอะไรเลยจริงๆ’ หลินสวินแอบพึมพำในใจประโยคหนึ่ง
เขาเข้าใจแล้วว่าครั้งนี้อาหลู่มาหาตนโดยเฉพาะจริงๆ และยังคิดจะอยู่ต่อไม่ไปไหน บอกว่าจะพุ่งชนมหายุคและช่วงชิงศุภโชคไปพร้อมกับเขา
หลินสวินเองก็ดีใจมาก คิดว่านี่เป็นความเชื่อใจและชื่นชมอย่างหนึ่งของอาหลู่ที่มีต่อตน
ใครจะคิดว่าเหตุผลที่แท้จริงกลับเป็นเพราะว่า อาจารย์ของอาหลู่ ซึ่งก็คือเฒ่าสารเลวนั่นพูดว่า เทพมารหลินนี่ดูก็รู้ว่าเป็นบุคคลที่ดุร้ายอันตราย เพียงแค่ระวังตัวไว้ไม่ถูกเขาเอาเปรียบ ก็มั่นใจได้ว่าจะไม่เสียเปรียบในมหายุค
บอกว่าดุร้ายและอันตรายก็ช่างเถอะ ยังจะระแวงไม่ให้ถูกตนเอาเปรียบ….
นี่ทำให้หลินสวินไม่อาจไม่ยอมรับว่า นี่ช่างเป็นเจ้าเฒ่าสารเลวจริงๆ!
“ข้าพอจะได้ยินเรื่องหนึ่ง ตอนนี้มหายุคใกล้เข้ามาทุกที พวกขอบเขตมกุฎของสำนักโบราณเหล่านั้น ล้วนเข้าไปเตรียมความพร้อมในที่ที่มีชื่อว่า ‘แดนมกุฎ’”
จู่ๆ กู้อวิ๋นถิงก็พูดขึ้น คิดว่าข่าวนี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อหลินสวิน
ตามคาด หลินสวินพลันถูกดึงดูด ถามถึงเรื่องนี้
“ได้ยินว่าหลังจากมหายุคมาเยือน ดินแดนรกร้างโบราณจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ปรากฏเขตแดนโบราณลึกลับแห่งหนึ่ง เข้าไปภายในก็จะสามารถช่วงชิงศุภโชคสำหรับการบรรลุระดับมกุฎราชันได้”
“เขตแดนแห่งนี้จึงถูกเรียกว่าแดนมกุฎ”
“สมัยโบราณ แดนมกุฎนี้ก็เคยปรากฏตัวบนโลกมาก่อน ดึงดูดผู้กล้าและอัจฉริยะไม่รู้เท่าไหร่เข้าไปช่วงชิงมหามรรค”
พูดถึงตรงนี้กู้อวิ๋นถิงเสริมขึ้นอีกประโยคหนึ่ง “จริงสิ กระดานทองคำผู้กล้าก็จะปรากฏที่แดนมกุฎ”
“ที่นั่นใครก็สามารถเข้าไปได้หรือ”
หลินสวินอดถามไม่ได้ นี่สำคัญมาก
กู้อวิ๋นถิงพูด “ต่ำกว่าระดับราชันล้วนมีโอกาสเข้าไป”
หลินสวินลอบโล่งอก แบบนี้ย่อมดีที่สุด หากไม่มีการจำกัดเช่นนี้ สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันและอริยะก็คงอดเข้าไปสำรวจไม่ได้
เพียงแต่ตอนที่หลินสวินอยากทำความเข้าใจสถานการณ์ของแดนมกุฎอย่างละเอียด กู้อวิ๋นถิงกลับส่ายหน้าบอกไม่รู้ เพราะเขาเองก็แค่ได้ยินมา ไม่เคยมีโอกาสทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ หลินสวินก็สามารถคาดการณ์ออกมาได้ว่า ในมหายุค สำหรับผู้กล้าทุกคนที่อยากบรรลุขอบเขตมกุฎระดับราชัน เป้าหมายจะต้องเป็นแดนมกุฎอย่างแน่นอน!
นี่ก็หมายความว่า ถึงตอนนั้นผู้กล้าทั่วฟ้าก็จะแย่งกันเข้าไป เปิดฉากต่อสู้ช่วงชิงมหามรรคอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
และจะต้องน่าเวทนามากอย่างแน่นอน!
ถึงอย่างไร ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถไปถึงขอบเขตมกุฎระดับราชันได้
‘คาดการณ์เช่นนี้ ถึงตอนนั้นอวิ๋นชิ่งไป๋เองก็คงเข้าไปที่นั่น…’
หลินสวินคิดในใจ
หลังจากอิ่มท้องอาหลู่หาที่นอนอย่างไม่เกรงใจสักนิด เหมือนว่าหลังจากมีพี่ใหญ่อย่างหลินสวิน ก็สามารถไม่ห่วงอะไรเลยได้ ดูเป็นกันเองมาก
ทีแรกหลินสวินคิดจะรั้งกู้อวิ๋นถิงเอาไว้ แต่อีกฝ่ายตัดสินใจจะจากไปสืบข่าวของมหายุค แม้เขาไม่ใช่บุคคลขอบเขตมกุฎ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะวางมือจากเป้าหมายนี้
นี่ทำให้ในใจหลินสวินเกิดความนับถือเสี้ยวหนึ่ง กู้อวิ๋นถิงมีจิตใจที่ยึดมั่นขนาดนี้ ขอเพียงแค่ฝึกปราณอย่างไม่ย่อท้อ ต่อไปจะต้องประสบความสำเร็จสูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
กู้อวิ๋นถิงจากไปแล้ว ส่วนหลินสวินกับอาหลู่อยู่บนเกาะสันโดษต่อ
หลังจากวันนี้ไป หลินสวินก็เข้าสู่การฝึกฝนอีกครั้ง บ้างก็หยั่งรู้พลังมหามรรค บ้างก็พัฒนาวิชามรรคมากมายที่ตนครอบครอง ไม่เคยปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์
บางทีเขายังศึกษาปริศนาใน ‘คัมภีร์มหาครรภ์จุติ’ เปรียบเทียบมรรคาของตน ลองทำความเข้าใจโดยการเปรียบเทียบ ใช้หนึ่งอนุมานสาม ทำให้หลินสวินเก็บเกี่ยวมาได้ไม่น้อยเลย
นี่เป็นถึงคัมภีร์ที่อริยสงฆ์ตู้จี้และนางพญาหงส์ทมิฬประพันธ์ขึ้นด้วยกัน ด้วยความยากลำบากผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุด
ภายในไม่เพียงรวมมรรคและวิชาของอารามกษิติครรภ์และเผ่าหงส์ ยังมีความเข้าใจและประสบการณ์ต่อมหามรรคของอริยะสองคน ล้ำค่าอย่างมาก มูลค่าสูงยิ่งกว่าคัมภีร์พิทักษ์สำนักของบางสำนักโบราณเสียอีก!
หลินสวินไม่ใช่ผู้บำเพ็ญธรรมและไม่ใช่ลูกหลานเผ่าหงส์ แต่กลับสามารถหยั่งรู้และฝึกฝนนัยเร้นลับมากมายในคัมภีร์นี้ได้ จากเรื่องนี้ก็สามารถดูออกว่าคัมภีร์นี้โดดเด่นและไม่ธรรมดาแค่ไหน
เวลาได้ผ่านไปครึ่งเดือนโดยไม่รู้ตัว
วันนี้หลินสวินที่กำลังหยั่งรู้นัยเร้นลับของกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ จู่ๆ ก็ตัวสั่น ลืมตาขึ้นมาโดยพลัน
——