Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1118 รังเกียจที่คู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไป
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1118 รังเกียจที่คู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไป
อาภรณ์สีเลือด ผมสีทอง นัยน์ตามรกต!
กอปรกับผิวสีขาวซีดอย่างประหลาดนั้น ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้แผ่กลิ่นอายพิสดารและน่าหวาดผวา
เขาแข็งแกร่งนัก!
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้บรรยากาศฟ้าดินบริเวณนี้ถูกกดอัด เมฆลมปั่นป่วน ประหนึ่งมังกรใหญ่ออกมาจากหุบเหว สะท้านสะเทือนโลก
ผู้ฝึกปราณในงานชุมนุมไม่น้อยต่างรู้สึกหายใจลำบาก ในใจตกตะลึงอย่างเลี่ยงไม่ได้ สีหน้าที่มองไปยังชายหนุ่มชุดสีเลือดผู้นั้นต่างเปลี่ยนไปแล้ว
‘นี่ก็คือจินเซี่ยวหมิง สัตว์ประหลาดยุคโบราณจากเผ่างูราชันทองคำ ตั้งแต่ปรากฏตัวอย่างโดดเด่น ได้กำราบบุคคลขอบเขตมกุฎยุคปัจจุบันไปแล้วสิบกว่าคน ไม่มีสถิติแพ้เลย’
ฉีชงโต้วสีหน้าคร่ำเคร่ง รีบสื่อจิตบอกให้หลินสวินรู้ถึงตื้นลึกหนาบางของคนผู้นี้
หลินสวินพยักหน้า สีหน้าสงบนิ่ง เขาสังเกตเห็นเช่นกันว่าอานุภาพของจินเซี่ยวหมิงไม่ธรรมดายิ่งนัก มีลักษณะของยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎอันเป็นเอกลักษณ์
……
การปรากฏตัวของจินเซี่ยวหมิงทำให้บรรยากาศในที่นั้นกดดันและตึงเครียด เงียบสงัดไปหมด
ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างหวั่นกลัวหาใดเทียบ
ควรรู้ว่าพลรบชุดแดงแปดคนนั้น แต่ละคนต่างแกร่งกล้าอย่างที่สุด สามารถกำราบบุคคลขอบเขตมกุฎที่อยู่ในกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ได้ ทรงพลังกว่าผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ในงานนี้
แต่ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ กลับถูกจินเซี่ยวหมิงฆ่าทิ้งได้ง่ายๆ มองพวกเขาเป็นพวกเลี้ยงเสียข้าวสุก!
วิธีการที่นองเลือดและอำมหิตนี้ สั่นสะท้านจิตใจคนเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“ในที่สุดก็มีคู่ต่อสู้น่าสนใจโผล่มาสักคนเสียที”
อาหลู่ดวงตาเปล่งประกาย จิตต่อสู้อันโชติช่วงพลุ่งพล่านขึ้นในใจ
“เจ้าหมอนี่เป็นของข้า เจ้าอย่ามาแย่งข้า!”
เจ้าคางคกร้องเสียงดัง สีหน้าฮึกเหิม
“หึ! ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำ”
เห็นเช่นนี้จินเซี่ยวหมิงก็ส่งเสียงหึหยัน สีหน้าเฉยชาเหี้ยมเกรียม “พวกเจ้าสองคนไม่ต้องโวยวาย ข้าจะส่งพวกเจ้าไปตายทีละคน”
จากนั้นเขาก็ทอดสายตาไปมองหลินสวินแล้วพูดว่า “เจ้าก็คือเทพมารหลินหรือ”
วาจากังวานเจือไอสังหาร
ทุกคนล้วนใจสั่น เพียงได้ยินเสียงก็ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความกดดันและไอสังหารไร้สิ่งใดเทียบเทียมได้!
“ใช่แล้ว” หลินสวินพยักหน้า
จินเซี่ยวหมิงชี้ไปที่เจ้าคางคกกับอาหลู่แล้วถามอีกว่า “พวกนี้เป็นพลรบของเจ้าหรือ”
ทันใดนั้นเจ้าคางคกกับอาหลู่ก็ไม่พอใจแล้ว ร้องว่า “เจ้าพูดบ้าอะไรกัน พวกเราเป็นพี่น้องกัน!”
จินเซี่ยวหมิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ไม่ต่างอะไร อย่างไรก็ต้องตาย เพียงแต่พวกเจ้าสองคนยังไม่มีคุณสมบัติมากพอจะประลองกับข้า”
พูดถึงตรงนี้นัยน์ตามรกตของเขาก็มองไปที่หลินสวินอีกครั้ง เอ่ยว่า “ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ยอมรับข้าเป็นนาย ขอเพียงซื่อสัตย์จงรักภักดี ข้าอาจจะพิจารณาพาเจ้าไปชิงศุภโชคใหญ่ที่แดนมกุฎด้วยกัน”
เมื่อพูดเช่นนี้ออกมา บรรยากาศทั้งงานก็ยิ่งกดดันและเงียบเชียบ
ทุกคนสูดหายใจเย็นเยียบ แม้จินเซี่ยวหมิงมาคนเดียว แต่กลับเมินเหล่าผู้กล้า ขนาดเจ้าคางคกกับอาหลู่ยังไม่อยู่ในสายตา
หนำซ้ำ เขายังพูดตรงๆ ว่าต้องการรับเทพมารหลินเป็นข้ารับใช้!
ระห่ำเกินไปแล้ว!
เช่นเดียวกัน นี่เป็นการเหยียดหยามเทพมารหลินอย่างไม่ปิดบังโดยไร้ข้อกังขา
ควรรู้ว่าเทพมารหลินเป็นผู้ที่ได้อันดับหนึ่งของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ยุคปัจจุบัน เป็นผู้มีอิทธิพลในขอบเขตมกุฎซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั้งใต้หล้า ถ้าเขากลายเป็นข้ารับใช้ เมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไปผู้คนในใต้หล้าจะมองอย่างไร
แต่จินเซี่ยวหมิงพูดอย่างสมเหตุสมผลนัก นี่ไม่ใช่แค่จองหองธรรมดาๆ แล้ว!
เจ้าคางคกกับอาหลู่ก็ตาเบิกกว้าง เหมือนไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง เคยเห็นคนบ้าระห่ำมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นคนบ้าระห่ำได้ขนาดนี้!
ใครมอบความกล้าให้เจ้านี่กัน
คิดจริงหรือว่าเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใดแล้ว
“ให้ตายสิ ข้าเพิ่งเคยเห็นคนบ้าระห่ำกว่าข้าเป็นครั้งแรก!” เจ้าคางคกสีหน้าเหยเก คิดว่าเจ้าหมอนี่ข่มความโดดเด่นของตน นี่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์ถึงที่สุด
“ไม่ใช่โอหัง แต่ไม่มีใครสั่งสอน” อาหลู่พูดเสียงอู้อี้ “พี่ใหญ่ ข้าจะช่วยให้ไอ้ตาเขียวผมทองนี่สำนึกผิดกับท่านเอง!”
“ทำเช่นนี้ได้ที่ไหน”
ยามหลินสวินพูดก็ทะยานเข้าไปอย่างรวดเร็ว ขวางหน้าอาหลู่แล้ว เขาพูดว่า “ให้ข้าไปสู้เถอะ”
ท่าทีกำเริบเสิบสานของจินเซี่ยวหมิงทำให้หลินสวินทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ เขาอยากลองดูว่าสัตว์ประหลาดยุคโบราณนี้มีดีอะไรกันแน่ เหตุใดถึงอวดดีได้ขนาดนี้!
“เฮ้อ พวกเจ้าอย่าแย่งกันเลย ให้ข้าไปเถอะ ต่อกรกับคนพรรค์นี้ ข้าถนัดที่สุด” เจ้าคางคกพูดพลางจะกระโจนออกไป
สุดท้ายกลับถูกหลินสวินจับไว้แล้วต่อว่า “เจ้าอยู่นิ่งๆ ทำตัวดีๆ ให้ข้า”
“เจ้าก็ให้ข้าลงมือสิ!” อาหลู่ร้องเสียงดัง สีหน้าฮึกเหิม
หลินสวินยื่นมือไปคว้าแขนเสื้อของอาหลู่ไว้แล้วพูดว่า “เจ้าก็หลบไป กว่าจะจับสัตว์ประหลาดยุคโบราณได้สักคน ต้องให้ข้าศึกษาก่อนเสียหน่อย”
พวกเขาสามคนโต้เถียงกันจนผู้ฝึกปราณผู้อื่นล้วนอึ้งงัน ในสมองงุนงง นะนี่… นี่มองจินเซี่ยวหมิงเป็น ‘คนเนื้อหอม’ ที่ต้องแย่งชิงกันแล้วหรือ
จินเซี่ยวหมิงสีหน้าเรียบเฉย เพียงแต่ใครก็ดูออกว่าไอสังหารที่หว่างคิ้วของเขายิ่งเข้มข้นขึ้นแล้ว ดวงตาประหนึ่งเปลวเพลิงสีเขียวแผดเผาอยู่
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอีกฝ่ายถึงกับกล้าปฏิบัติกับตนเช่นนี้ ถึงขั้นไม่สนใจเขาเลย!
ตั้งแต่ปรากฏตัวมา เขาแผลงฤทธิ์ทั่วโลกหล้า ใครเล่าจะกล้าดูเบาเขา
แม้แต่บุคคลขอบเขตมกุฎยุคปัจจุบันที่เขากำราบไปก็ไม่มีสักคนที่รับได้เกินสิบกระบวนท่า!
“ไม่ต้องแย่งกันแล้ว วันนี้พวกเจ้าต้องตายทุกคน!”
จินเซี่ยวหมิงแผดเสียงดังราวสายฟ้า ยื่นแขนคว้าออกไป รอยแยกในห้วงอากาศน่าครั่นคร้ามรอยหนึ่งปรากฏขึ้น แผ่ขยายไปหาหลินสวินอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
เขาหมายจะสังหารหลินสวิน มอบบทเรียนนองเลือดครั้งหนึ่งแก่ทุกคน!
ตึง!
ในขณะเดียวกันเขาก็ก้าวไปเบื้องหน้าประหนึ่งย่อผืนดินให้เล็กลงเพียงชุ่น นิ้วมือทั้งห้าตวัดออกไปราวกระบี่ หมายจะแทงศีรษะหลินสวินให้ทะลุ
ทุกคนร้องตื่นตระหนก รวดเร็วเกินไปแล้ว!
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นห้วงอากาศตรงนั้นก็ถูกแสงสีเขียวโชติช่วงปกคลุม เสียงมรรคสะเทือนเลือนลั่น เขาวิญญาณพันกระแสทั้งลูกสั่นไหวอย่างรุนแรง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจินเซี่ยวหมิงน่ากลัวมาก
ทันทีที่ลงมือก็เผยพลังต่อสู้ที่แกร่งกล้ายิ่งกว่าพลรบสีเลือดเหล่านั้นมาก
เห็นเช่นนี้หลินสวินไม่ถอยกลับรุก ประกายเยียบเย็นวูบผ่านในดวงตาดำ มือกำหมัดขึ้นไปรับการโจมตี
นี่ทำให้เจ้าคางคกกับอาหลู่โมโหจนกระทืบเท้า แต่ก็ไม่ต้องการใช้คนมากรังแกคนน้อย จึงทำได้เพียงหลบไป ให้หลินสวินกับจินเซี่ยวหมิงประจัญบานกัน
ตูม!
หมัดและฝ่ามือตัดสลับกัน แสงเทพระเบิดออก คลื่นพลังน่ากลัวแผ่กระจาย ทำให้ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้เคียงบางคนจิตใจสะท้านไหวจนแทบกระอักเลือด ล้วนตกตะลึงพากันถอยหนีไม่หยุด
“พลังถือว่าไม่เลว” จินเซี่ยวหมิงนัยน์ตาหดรัด เผยแววประหลาด ยังมีความเร้าใจอยู่ด้วย รู้ว่าได้เจอคู่ต่อสู้ที่อึดพอจะสู้ได้คนหนึ่ง
“น่าเสียดาย เจ้ายังอ่อนแอเกินไป” หลินสวินตอบกลับ ดวงตาล้ำลึกสงบนิ่งราวหุบเหว เพียงแค่การโจมตีเดียวก็ทำให้เขารู้ว่านี่เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
“ฮ่าๆ เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าพูดเช่นนี้กับข้า! ก่อนฆ่าเจ้าตาย ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ใคร่ครวญเรื่องเป็นข้ารับใช้อีกครั้งหนึ่ง!”
จินเซี่ยวหมิงหัวเราะร่า ผมทองทั้งศีรษะปลิวสยาย ก้าวย่างมาข้างหน้าพลางเปิดฉากสังหารเด็ดขาด
นี่เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ไอสังหารหนักแน่นผู้หนึ่ง ฝีมือก็แข็งกร้าวอหังการ
ตูม!
เป็นการโจมตีอีกครั้ง ทั้งสองแยกออกจากกัน แต่ห้วงอากาศบริเวณนี้กลับระเบิดแหลก ผืนพสุธาสั่นสะเทือนรุนแรง หินทรายปลิวว่อน
“หึ ถ้ากล้าก็เข้ามาสู้สักตั้งสิ!” ทันใดนั้นจินเซี่ยวหมิงโผขึ้นไปในห้วงอากาศไปอยู่ใต้เวิ้งฟ้า ก่อนหน้านี้อยู่ที่เขาวิญญาณพันกระแส ทำให้เขาสำแดงวิชาไม่ออก
“ทำไมจะไม่กล้า”
หลินสวินทะยานขึ้นไปในเวิ้งฟ้า เงาร่างราวเทพมารมาเยือนโลก สำแดงนัยเร้นลับแห่งเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ บดขยี้ชั้นเมฆบริเวณใกล้เคียง ห้วงอากาศระเบิดออก
ส่วนความสามารถของจินเซี่ยวหมิงก็ดุร้ายหาใดเทียบเช่นกัน ยามยกมือวาดเท้าแสงสีเขียวเทียมฟ้า เสียงมรรคดังลั่น สั่นสะเทือนจักรวาล
ชั่วพริบตาเหนือเวิ้งฟ้านั้นเต็มไปด้วยแสงเทพโชติช่วง ทำให้ห้วงอากาศบิดเบี้ยว ประหนึ่งเทพสององค์โรมรัน รูปการณ์น่าตื่นตะลึง
ไม่เพียงทุกคนบนเขาวิญญาณพันกระแสที่จับจ้องอยู่ ที่ตีนเขาเวลานี้ก็มีผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนตระหนกตกใจ พากันทอดสายตามองไปยังเวิ้งฟ้า
“น่าพรั่นพรึง!”
“เป็นเทพมารหลินจริงๆ ด้วย ผ่านไปสองเดือนในที่สุดเขาก็ปรากฏตัว!”
“คู่ต่อสู้ของเขาเป็นใครกัน ทำไมถึงน่ากลัวขนาดนี้”
“จินเซี่ยวหมิงจากเผ่างูราชันทองคำ!”
“อะไรนะ สัตว์ประหลาดยุคโบราณผู้หนึ่งหรือนี่”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ขาดสายอื้ออึงขึ้นโดยสมบูรณ์
เหนือเวิ้งฟ้าทั้งสองคนห้ำหั่นประจัญบานกันกลางอากาศ แสงประกายแผ่พุ่งประหนึ่งภูเขาไฟลูกแล้วลูกเล่าปะทุบนเวิ้งฟ้า ทัศนียภาพลุกโชนรุนแรงเช่นนั้นน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก
นอกจากนี้ยังมีแสงเทพหลากสีสาดกระเซ็นราวฝนดาวตก แผดเผาห้วงอากาศ ยิ่งใหญ่เกรียงไกรนัก
นี่เป็นการช่วงชิงความเป็นหนึ่งของยอดมกุฎ!
เป็นการประลองใหญ่แห่งยุคของบุคคลขอบเขตมกุฎในปัจจุบัน!
“ที่ผ่านมาสัตว์ประหลาดยุคโบราณกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวอย่างโดดเด่น ยากนักที่จะมีคนแพ้ กดข่มจนเหล่าผู้กล้ายุคปัจจุบันแทบเชิดหน้าขึ้นมาไม่ได้ คราวนี้เทพมารหลินจะสามารถทำลายทุกอย่างนี้ แล้วเอาชนะศึกนี้ได้หรือไม่”
“ข้าหวังให้เขาชนะ!”
“แต่ว่า… พูดยากจริงๆ นะ”
การต่อสู้นี้ไม่นานก็ดึงดูดสายตานับหมื่น ต่างจับจ้องอย่างใกล้ชิด
โครม!
แสงเทพสายหนึ่งกระเซ็นลงมาที่พื้น เผาทำลายผืนดิน ทำให้พื้นที่ในรัศมีร้อยจั้งแปรสภาพเป็นเถ้าธุลี จินตนาการได้เลยว่าพลังที่สำแดงออกมาในการต่อสู้นี้จะน่ากลัวปานไหน
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าอายุเท่านี้จะเหยียบย่างมกุฎมรรคาในระดับบรรลุสูงสุดแล้ว ทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ”
เหนือเวิ้งฟ้า จินเซี่ยวหมิงออกจะอัศจรรย์ใจ ในใจหวาดหวั่น
“เรื่องที่เจ้าคิดไม่ถึงยังมีอีกเยอะ อย่าคิดว่าเก็บตัวเงียบมาช่วงเวลาหนึ่งก็ดูเบาผู้คนในใต้หล้าได้ วันนี้หากทำให้ข้าพอใจไม่ได้ก็รอถูกสังหารเถอะ!”
หลินสวินกลับไม่พอใจอยู่บ้าง กำลังนิ่วหน้า จินเซี่ยวหมิงผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนหนึ่งชัดๆ แต่หลังจากหยั่งเชิงกลับพบว่าไม่ได้น่ากลัวมากเหมือนที่ตนคาดไว้
“รนหาที่ตายหรือ ข้าจะสงเคราะห์ให้!”
ไอชั่วร้ายน่าตกตะลึงแผ่พุ่งออกมาจากตัวจินเซี่ยวหมิง โคจรมรรคและวิชาในตัว เงาร่างราวสายฟ้า กวาดล้างสิ้นซาก แข็งกร้าวถึงที่สุด
ความจริงแล้วในใจเขายังตกใจนัก
ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้ยินกิตติศัพท์และผลงานการต่อสู้ของหลินสวินมาก่อน เดิมคิดว่าเป็นเพียงคนหนุ่มที่ได้อันดับหนึ่งในกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ผู้หนึ่ง ยังไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎ ไม่ได้มีอำนาจคุกคามอะไรมากนัก
ใครจะคิดว่าพลังต่อสู้ที่หลินสวินระเบิดออกมากลับเหนือความคาดหมายของเขาไปโดยสิ้นเชิง!
โครม!
เหนือเวิ้งฟ้า สถานการณ์การต่อสู้ยิ่งน่าตกใจ ที่นั่นพายุสายฟ้าปั่นป่วน ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นถี่รัว เผยการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ดุเดือดหาใดเทียบ
แสงเทพและแสงมรรคไร้สิ้นสุดปะทะกันในนั้น พลังต่อสู้ที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานทุกขนานถูกสำแดงออกมา ทำให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนตะลึงพรึงเพริดเพราะพวกเขา
แม้แต่เหล่าผู้ฝึกปราณบนภูเขาล้วนอึ้งงันอยู่เช่นนั้น
พวกเขาก็ถือว่าเป็นผู้มีความสามารถโดดเด่นในหมู่คนรุ่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบกับสองคนที่ต่อสู้ดุเดือดเหนือเวิ้งฟ้า กลับต่างกันราวฟ้ากับเหว!
ปัง!
ไม่นานนักหลินสวินพลันปล่อยพลังหมัดออกไป แสงประกายโชติช่วง ชั่วพริบตาก็ซัดจินเซี่ยวหมิงที่พุ่งจู่โจมเข้ามาให้กระเด็นออกไป ร่างเขาโซซัดโซเซ เจ็บปวดจนแทบกระอักเลือด
ในขณะเดียวกันหลินสวินก็พูดอย่างไม่ชอบใจว่า “เจ้ามีความสามารถเท่านี้หรือ ยังเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณหรือไม่!?”
เมื่อได้ยินวาจานี้ทุกคนก็ตื่นตระหนกจนแทบกัดลิ้นตนเอง นี่เทพมารหลินกำลังแสดงความไม่พอใจ รังเกียจที่คู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไปหรือ
——