Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1142 บั่นหัวอย่างน่าเหลือเชื่อ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1142 บั่นหัวอย่างน่าเหลือเชื่อ
ตูม!
ชั่วพริบตาเงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินประดุจแปรเปลี่ยนเป็นเหวลึก พลังกลืนกินที่คลุมเครือไร้ใดเปรียบพวยพุ่งออกมา ท่ามกลางความพร่าเลือน มีดวงดาวนับไม่ถ้วนดับทำลายอยู่รอบกายเขา
มรรคดับดารากลืนกิน!
นับตั้งแต่ครอบครองมรรคนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินสำแดงพลังมรรคนี้ออกมาตั้งแต่เริ่มเปิดศึก หนำซ้ำยังไม่มีการยั้งแรงแต่อย่างใด
ประการแรกเพราะครั้งนี้อีกฝ่ายมีกันหลายสิบคน ไม่ขาดบุคลกร้าวแกร่งอย่างเช่นสัตว์ประหลาดยุคโบราณ
ประการที่สอง การสิ่งที่อาหลู่และเจ้าคางคกพบเจอ ทำให้หลินสวินระเบิดโทสะโดยสิ้นเชิง ไอสังหารและความเคียดแค้นที่สั่งสมอยู่ในใจเหมือนดั่งภูเขาไฟปะทุ หากไม่ระบายออกมาจะกลายเป็นย้อนทำร้ายตัวเอง!
ฆ่า!
เขาพุ่งรุกขึ้นหน้า ราวกับเทพมารออกศึก
“ตัวคนเดียวเพ้อฝันจะเป็นศัตรูกับพวกข้าหรือ ไม่รู้จักรักตัวกลัวตาย!”
เลี่ยอวิ๋นไห่คำรามลั่น ก่อนหน้านี้เขาถูกหลินสวินซัดพ่ายในการโจมตีเดียว แม้แต่ทวนศึกยังถูกหลินสวินฉกฉวยไป สิ่งนี้ทำให้เขาสีหน้าอึมครึม โกรธแค้นไม่สิ้น
สวบ!
เงาร่างเขาดั่งอสนี นัยน์ตาม่วงดุจสายฟ้า ร่างราวกับกลายเป็นจันทร์วิเศษสีม่วงดวงหนึ่ง พุ่งเข้าใส่หลินสวินอย่างรวดเร็ว
นี่คือมรดกวิชาลับขั้นสูงสุดของลัทธิบูชาจันทร์ น่าสะพรึงผิดธรรมดา ช่วยเสริมพลังแห่งดวงอาทิตย์ สามารถบดขยี้อีกฝ่ายได้โดยตรง
คนอื่นๆ ก็งัดพลังอย่างแท้จริงออกมาเช่นกัน ไม่กล้าชะล่าใจ คิดรวมพลังโหมสังหารหลินสวิน
ฉัวะ!
เหนือความคาดหมาย ที่ชิงตัดหน้าโจมตีใส่หลินสวินก่อนเป็นปราณกระบี่สายหนึ่ง แสงศักดิ์สิทธิ์สีเงินยวงพวยพุ่ง
เป็นชายหนุ่มที่สะพายกระบี่วิญญาณ ทั่วร่างรายล้อมด้วยแสงเงินลงมือ
นัยน์ตาหลินสวินวาบประกายสายฟ้า ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งเคลื่อนไหว เคลื่อนที่ว่องไว ถึงกับใช้พลังหมัดซัดขยี้กระบี่วิญญาณสีเงินยวงเล่มนั้นตรงๆ
ปึง!
ปราณกระบี่น่าสะพรึงดุกร้าวแตกเป็นเสี่ยงๆ พลังหมัดนั้นไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้
คนอื่นๆ หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย นี่ต้องผงาดผยองเพียงใด ถึงกล้าต้านทานกระบี่วิญญาณด้วยหมัดเปล่า ทุกท่วงท่าอิริยาบถให้ความรู้สึกเกรียงไกรไร้เทียมทานนัก!
เคร้ง!
กระบี่ร้องครวญบาดหู คมกระบี่ของชายหนุ่มชุดสีเงินคนนั้นพร่าวพราว ระเบิดเจตกระบี่อันแข็งแกร่งออกมา หมายจะตัดแขนขวาหลินสวินทิ้งในคราวเดียว
ใครเลยจะคิด การโจมตีครั้งนี้กลับถูกกลืนกินมอดดับราวกับวัวโคลนจมทะเล อย่าว่าแต่ตัดแขนหลินสวินทิ้งเลย แม้แต่พลังหมัดก็ยังต้านทานไม่อยู่
ตูม!
ต่อมาชายหนุ่มชุดเงินก็ถูกซัดกระเด็น เงาร่างซวนเซถอยกรูด สีหน้าเดี๋ยวคล้ำเขียวเดี๋ยวซีดขาว
และเกือบจะในเวลาเดียวกัน เลี่ยอวิ๋นไห่ก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง
แต่ไม่รอให้เข้าใกล้ รอบกายหลินสวินปรากฎตัวอักษร ‘เคราะห์’ สีทองอร่ามเก้าตัว ประดุจหลอมสร้างขึ้นด้วยเหล็กเทพ ร่วมกันสำแดงนัยเร้นลับผนึกป้าเซี่ย
ทันใดนั้นเลี่ยอวิ๋นไห่ที่ประดุจอาทิตย์สีม่วงดวงใหญ่ก็เหมือนจมสู่ตาข่ายมหามรรค เงาร่างปรากฏชะงักงัน
ปึง!
เสียงกระหึ่มก้องหนึ่งครา เลี่ยอวิ๋นไห่ถูกพลังหมัดหลินสวินกวาดซัด เงาร่างลอยคว้างอีกครั้ง กระแทกเข้าใส่เสาทองแดงต้นหนึ่งอย่างจัง กระดูกอกแตกหักดังกร๊อบแกร๊บ
“แข็งแกร่งนัก!”
คนอื่นๆ หน้าเปลี่ยนสีอีกครา สีหน้าเคร่งขรึม
เพียงพริบตาเท่านั้นผู้แข็งแกร่งสองคนก็ถูกกำราบ สิ่งนี้พาให้พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อ
ควรรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มชุดเงินคนนั้นหรือว่าเลี่ยอวิ๋นไห่ ก็ล้วนเป็นบุคคลที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตมกุฎทั้งสิ้น!
“ทุกท่านวันนี้หากไม่ฆ่าอสูรชั่วตัวนี้ทิ้ง วันหน้าต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่ตำใจแน่!”
อูหลิงเฟยตะโกนลั่น พลันลงมือสุดแรง ด้านหลังปรากฏปีกสีทองอร่ามคู่หนึ่งทันที เปลวไฟไหลเวียนราวกับกระแสน้ำ แผดเผาห้วงอากาศ
เกือบจะในเวลาเดียวกันเสียงร้องตะโกนดังขึ้น คนอื่นๆ ล้วนเคลื่อนไหวสุดกำลัง บุกโจมตีจากทุกทิศทาง ไม่กล้าเลินเล่อ ต่างตระหนักได้ว่าคำพูดของอูหลิงเฟยหาใช่โป้ปด
ความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเทพมารหลินนี่ มีเค้าลางว่าจะเป็นท่วงท่าอันแข็งแกร่งที่สุดของราชันแห่งขอบเขตมกุฎแล้ว บุคลิกไร้เทียมทานในหมู่คนรุ่นเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้พวกเขาต่างใจสั่น!
ถึงตอนนี้ขอเพียงหลินสวินลงมือ สำหรับบุคคลขอบเขตมกุฎทั่วไปต้องสิ้นชีพแน่นอน และมีแต่พวกเขาเหล่านี้ร่วมมือกันเท่านั้นจึงจะสามารถต้านทานไหว
หากสู้เดี่ยวคนเดียว ใครก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้!
โครม!
ภายในตำหนักกว้างใหญ่การต่อสู้ดุเดือดปะทุ ชั่วขณะนั้นสมบัติทอแสงดุจดั่งดาวตกโปรยปราย วิชามรรคเดือดพล่านส่งเสียงกึกก้องไม่ขาดสาย
คลื่นการต่อสู้อันน่าสะพรึงประหนึ่งมรสุมเก้าชั้นฟ้า บดขยี้ห้วงอากาศ หอบม้วนทุกทิศทาง
หากเกิดขึ้นที่โลกภายนอก การทำล้ายล้างที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นไม่อาจจินตนาการได้อย่างแน่นอน
……
ในการต่อสู้ หลินสวินรับรู้ถึงแรงกดดันอันหาที่เปรียบไม่ได้ แต่กลับไม่หวาดหวั่น
ตรงกันข้ามยิ่งต่อสู้ยิ่งกล้าหาญ เขาก็เหมือนเหวลึกแห่งหนึ่ง หวดโจมตีทั่วลาน มีอานุภาพกลืนกินจักรวาลภูผาธารา ดับทำลายดาราวัฏจักร!
สิ่งนี้พาให้ผู้คนใจไหวสั่น
ตัวคนเดียวเผชิญหน้ากับบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นยักษ์ใหญ่ในหมู่คนรุ่นเดียวกันหลายสิบคน แถมในนั้นไม่ขาดปีศาจและสัตว์ประหลาด ไม่ว่าผลแพ้ชนะเป็นอย่างไรล้วนเพียงพอจะสะท้านโลก หากแพร่งพรายออกไปคงทำให้ใต้หล้าสั่นสะเทือน
“ฆ่า!”
ชายหนุ่มในชุดเกราะสีเขียวพุ่งออกมา โบกคันฉ่องสำริดคู่หนึ่ง
เพียงแต่ไม่รอให้เข้าใกล้ ก็ถูกอักษรเคราะห์ตัวหนึ่งปกคลุม กระจกสำริดคู่นั้นคร่ำครวญ แม้แต่ร่างกายของชายหนุ่มเกราะเขียวก็ถูกกดข่มจนกระดูส่งเสียงระเบิดแตก เกือบทรุดคว่ำลงกับพื้น
หลินสวินกำลังจะฆ่าเขาด้วยการโจมตีเดียว ทะเลเพลิงสีทองอร่ามแถบหนึ่งก็แผ่ออกมา ปกฟ้าคลุมดิน ทุกที่ที่กวาดผ่านห้วงอากาศล้วนมอดไหม้
เพลิงสมาธิสุริยัน!
วิชาลับพรสวรรค์ที่เผ่าอีกาทองครอบครอง เล่ากันว่าเพลิงวิเศษระดับนี้ แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันเมื่อโดนเข้าไปเพียงเสี้ยวเดียววิญญาณ็จะมอดไหม้ทันทีกลายเป็นเถ้าถ่าน อหังการและร้ายกาจอย่างที่สุด
ไกลออกไปอาหลู่และเจ้าคางคกหน้าเป็นสีทันที การโจมตีนี้ปุบปับเกินไป อีกทั้งหลินสวินยังอยู่ท่ามกลางวงล้อมอีก จะต้านไหวหรือ
นัยน์ตาดำหลินสวินหรี่ลงน้อยๆ แต่ไม่ได้ตื่นตระหนก รอบตัวโคจรพลังมรรคดับดารากลืนกิน ทำให้ห้วงอากาศบิดเบี้ยวราวกับหลุมดำฟ้าดารา
ตูม โครมๆ!
ภายใต้สายตาจับจ้องรอคอยของทุกคน เพลิงสมาธิสุริยันทั่วฟ้าแผ่ครอบหลินสวิน พื้นที่ที่เขาอยู่ล้วนถูกปกคลุมมิด
เพียงแต่ยังไม่รอให้ทุกคนได้ดีใจ ก็เห็นเพลิงสมาธิสุริยันที่เผด็จการไร้ใดเปรียบนั้นถูกพลังรอบตัวหลินสวินกลืนกินดับมอด ราวกับสรรพสิ่งหวนคืนสู่ถิ่นเดิม ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว
นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน
คนไม่น้อยเบิกตากว้าง
ความน่ากลัวของเพลิงสมาธิสุริยันนั้นใต้หล้าต่างรู้ดี แต่ยามนี้ยังไม่ทันสำแดงเดชก็มลายหายไปแล้ว!
ปึง!
และพร้อมกันนั้นหลินสวินพุ่งพรวดออกไป อักษรเคราะห์สายหนึ่งกลายเป็นประทับปี้อั้น ส่งเสียงกึกก้องพุ่งเข้าใส่อูหลิงเฟยที่อยู่ไกลออกไป
“รีบลงมือเร็ว!” อูหลิงเฟยตะคอกดังลั่น กระพือปีกสีทองคู่นั้นเบี่ยงหลบ ภายในใจเขาสะท้านสะเทือน แต่ไหนแต่ไรไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
ขอเพียงใช้เพลิงสมาธิสุริยัน ไม่ว่าคู่ต่อสู่หน้าไหนก็ล้วนต้องหลีกหลบ ไม่กล้าฝืนต้าน แต่วันนี้กลับถูกคนสลายได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้!
นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ ไล่ตามติดๆ ไม่ยอมปล่อย หมายจะกำจัดอูหลิงเฟยก่อน หายนะในครั้งนี้ก็มีคนผู้นี้เป็นคนริเริ่ม ทำให้หลินสวินแค้นเข้ากระดูก
เพียงแต่เพิ่งตามไปครึ่งทางการบุกโจมตีของคนอื่นๆ ก็โถมเข้ามา บีบให้หลินสวินต้องรามือการไล่ล่าสังหารอูหลิงเฟย
“หลินสวิน ต่อให้เจ้าแข็งแกร่งแล้วอย่างไร ภายใต้การปิดล้อมเช่นนี้ แม้สู้สุดตัวก็ต้องเอาเจ้าให้ตายให้จงได้!” เทพธิดาหลิงหวาหัวเราะเยาะอยู่ไกลๆ
ขอเพียงบุคคลขอบเขตมกุฎหลายสิบคนร่วมแรงร่วมใจกัน ย่อมไม่เปิดโอกาสให้หลินสวินได้ฝ่าทะลวงใดๆ!
“งั้นหรือ”
นัยน์ตาดำของหลินสวินยิ่งเยียบเย็นขึ้นเรื่อยๆ ทั่วร่างเขาทอประกายราวกับเตาเผาสวรรค์อันลุกโหม ซัดการโจมตีที่อยู่เบื้องหน้าทั้งหมดอย่างรุนแรง จากนั้นก็ตวัดหมัดหนึ่งไปทางเทพธิดาหลิงหวา
ตูม!
หมัดนี้สะเทือนฟ้าดิน รายล้อมด้วยพลังแห่งดับดารากลืนกิน ทุกที่ที่กวาดผ่านห้วงอากาศประหนึ่งถูกกลืนกิน ฉีกแหวกออกเป็นช่องว่างอันน่าสะพรึง
และในสายตาของเทพธิดาหลิงหวา หมัดนี้ก็เหมือนเปิดประตูสู่ขุมนรกเหวลึก หมายจะกลืนกินร่างกาย วิญญาณ และดวงจิตของนางเข้าไปจนหมด!
แย่แล้ว!
ดวงหน้างามของนางเปลี่ยนสีทันที กระตุ้นพลังทั้งหมดออกมาเต็มแรง ใช้วิชาลับโดยไม่นึกเสียดาย พ่นเลือดสดออกมาคำหนึ่ง แผดเผาพลังต้นกำเนิดฝืนต้านสุดกำลัง
เสียงปะทะน่ากลัวดังก้องขึ้น ตรงนั้นราวกับมีเหวลึกโผล่ขึ้นมา มีอานุภาพกลืนกินทุกสิ่ง พาให้ผู้คนไม่น้อยล้วนหนังศีรษะชาวาบ
มองเห็นว่าเงาร่างของหลิงหวาจวนจะถูกกลืนเข้าไป แต่สุดท้ายพร้อมๆ กับเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งสายหนึ่ง ร่างของนางระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์น่าสะพรึงออกมาอย่างรุนแรง ถึงกับทลายการโจมตีครั้งนี้ได้อย่างหวุดหวิด หลบหนีเคราะห์นี้ไปด้วยอาการซวนเซ
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนไม่น้อยลอบถอนหายใจโล่งอก และมีคนตื่นตกใจ ถูกพลังน่าสะพรึงที่หมัดนี้ของหลินสวินสำแดงออกมาทำเอาตกใจ
น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
การเผชิญหน้ากับหมัดนี้ทำเอาผู้คนยากจะเกิดความคิดต่อต้าน
และเวลานี้หลิงหวาที่หนีรอดจากความตายคล้ายได้รับแรงกระตุ้นอย่างใหญ่หลวง ผมเผ้ายุ้งเหยิง แหกปากหัวเราะลั่น “หลินสวิน ข้าบอกแล้ว ต่อให้เจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถ…”
เสียงพูดหยุดไปกะทันหัน
เพราะจังหวะที่นางเอ่ยปาก ดาบหักขาวเจิดจ้าราวหิมะสายหนึ่งกวาดขวางออกมา บั่นฉับลงไปในห้วงอากาศ
การฟันหนนี้มีเพียงแค่คำเดียว…
เร็ว!
เร็วจนน่าเหลือเชื่อ ราวกับทำลายพันธนาการแห่งเวลาและความว่างเปล่า ประหนึ่งเคลื่อนย้ายผ่านอากาศ ตวัดผ่านไปในพริบตาอย่างไร้สุ้มเสียง
และตรงลำคอของหลิงหวา กลับมีรอยเลือดสีแดงฉานเพิ่มขึ้นสายหนึ่ง
เนื่องจากเร็วเกินไป ขณะที่รอยเลือดสายนั้นปรากฏ หลิงหวายังคงส่งเสียงหัวเราะเยาะ กำลังเอ่ยพูดอยู่ จนกระทั่งถึงคำว่า ‘ไม่สามารถ’ สามคำนี้ นางถึงเพิ่งจะรู้ตัว
จากนั้นนัยน์ตาเบิกกว้าง สองมือพลันยกจับลำคอ
เพียงแต่จังหวะที่ปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับลำคอ ศีรษะของนางก็ร่วงตุบทันควัน บริเวณลำคอโลหิตราวกับน้ำพุทะลัก สาดกระเซ็นกลางอากาศ
ภาพนี้พิสดารและน่าเหลือเชื่อเกินไป สัตว์ประหลาดยุคโบราณแห่งสำนักยุทธ์นครนิลคนหนึ่ง เพิ่งรอดจากเคราะห์สังหาร เดิมคิดว่าจะเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีได้แล้ว
ใครเลยจะคิด นางกลับถูกบั่นหัวเรียบร้อย!
ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งคนใดที่เห็นภาพนี้นัยน์ตาต่างหดรัดทันที ในใจสั่นสะท้านรุนแรง ทั่วร่างแข็งทื่อน้อยๆ
เทพธิดาหลิงหวา ความภาคภูมิใจของสำนักยุทธ์นครนิล บุคคลสะท้านโลกที่ปรากฏตัวหลังจากจำศีลเก็บตัวมาเนิ่นนาน ทว่ากลับถูกตัดหัวทั้งอย่างนี้โดยไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบโต้
ก่อนตายบนใบหน้าเหลือเพียงความสับสนและความหวาดกลัวที่ไม่อาจบรรยายได้อย่างหนึ่ง ดวงตาเบิกกว้าง ตายตาไม่หลับ!
คนอื่นๆ ล้วนหนังศีรษะมึนชา ยากจะรับไหวยิ่ง
การร่วมมือกันล้อมสังหารของบุคคลขอบเขตมกุฎหลายสิบคน เทพมารหลินกลับพลิกสถานการณ์เป็นฝ่ายบุก สังหารคนผู้หนึ่งอย่างรวดเร็วปุบปับ นี่น่ากลัวเพียงใดกันแน่
นั่นเป็นถึงสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนหนึ่ง เป็นคนที่ใกล้ผงาดขึ้นเป็นระดับมกุฎราชัน เป็นความภาคภูมิใจของสำนักโบราณแห่งหนึ่ง ถูกตั้งความหวังไว้สูงลิ่ว
ขอเพียงสูญเสียไป ไม่ใช่แค่เพียงคนผู้เดียวตายไปธรรมดาๆ เท่านั้น แต่จะสร้างผลกระทบหนักหน่วงไร้ใดเปรียบต่อขุมอำนาจใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังอีกด้วย
เดิมทีตอนที่หลินสวินต่อกรกับหลิงหวา ข้างหลังนางนั้น ซางหลันจากเผ่าวิญญาณสมุทรกำลังสำแดงวิชาลับ ปรากฏตัวขึ้นเงียบๆ เล็งขวานยักษ์ในมือใส่หลินสวิน
แต่ตอนที่ตั้งท่าจะฟันลงไปนั้น ได้เห็นภาพที่ศีรษะหลิงหวาร่วงหล่นก็ตกใจจนหัวใจไหวสะท้านทันที เกือบแหกปากร้องออกมา
ปึง!
และพร้อมกันนั้นเองข้างหลังหลินสวิน อักษรเคราะห์สายหนึ่งกลายร่างเป็นสัตว์เทพฟู่ชี่ ชนกระแทกเข้าไปอย่างจัง
ซางหลันราวกับถูกภูเขาเทพชน ร่างเหมือนกระสอบทรายที่ลอยขึ้น กระแทกเข้ากับผนังตำหนักที่อยู่ห่างออกไปโดยแรง
ตึง!
ผนังสั่นสะเทือนครู่หนึ่ง แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของพลังปะทะครั้งนี้ ซางหลันเลือดอาบร่าง ผิวกายทุกส่วนล้วนเจ็บปวดเหมือนเกิดการฉีกทึ้งก็ไม่ปาน ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป
——