Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1143 สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ตกใจสุดขีด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1143 สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ตกใจสุดขีด
เสียงร้องโหยหวนของซางหลันพาให้ทุกคนต่างสะดุ้งตื่นจากความตกใจกลัว
“จะให้โอกาสเขาอีกไม่ได้แล้ว!”
ท่ามกลางหมอกสีดำพวยพุ่ง เงาร่างสายหนึ่งพุ่งเข้ามา มือกระชับเคียวสีเลือดเล่มหนึ่งกรีดวาดเบาๆ หนึ่งครา ฉีกทึ้งห้วงอากาศ คมกริบเฉียบขาดอย่างที่สุด
พื้นที่บริเวณนี้ล้วนถูกหมอกดำปกคลุม เจือกลิ่นอายแห่งความตายและเน่าเปื่อย
ครานี้เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สีผิวขาวซีด ใบหน้าอิดโรย เป็นอัจฉริยะจากสำนักโลหิตเก้าบาดาลคนหนึ่ง
“ฆ่า!”
คนอื่นต่างตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของปัญหา ล้วนโหมโจมตีโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด
อีกทั้งยังได้รับแรงกระตุ้นจากการตายของหลิงหวา พวกเขาแทบจะสำแดงวิชาทั้งหมด เผยไม้ตายออกมา มองหลินสวินเป็นศัตรูตัวฉกาจ
ทันใดนั้นภายในตำหนักพราวแสงพร่าตา ผู้แข็งแกร่งแต่ละคนล้วนเหมือนกับภูเขาเทพ เปล่งอานุภาพน่าสะพรึง ต่างฝ่ายต่างขับเน้น พาให้ทุกอณูของพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยละอองแสงและเสียงมรรค
การเข่นฆ่าก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาเข้าใจโดยสิ้นเชิงว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินกร้าวแกร่งมากเพียงใด เหนือการคาดเดาของพวกเขาลิบลับ
โดยเฉพาะการตายของหลิงหวายิ่งพาให้พวกเขาสัมผัสถึงอันตราย รับรู้ถึงภัยคุกคามร้ายแรง
เดิมทีพวกเขาต่างมั่นใจไร้เกรงกลัว นึกว่าหลินสวินหัวเดียวกระเทียมลีบ ต่อให้แข็งแกร่งสักแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา ต้องสามารถสังหารได้ง่ายดายเป็นแน่แท้
แต่ยามนี้พลังต่อสู้น่าสะพรึงที่หลินสวินสำแดงออกมาทั้งหมดกลับทำให้สถานการณ์ร้ายแรงขึ้นทันใด
ทั้งหมดนี้ล้วนไม่ส่งผลต่อหลินสวินแม้แต่น้อย หลังจากใช้กระบวนเฉือนนภาสงัดสังหารหลิงหวาแล้ว เขายังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด สยบการซุ่มโจมตีของซางหลันที่อยู่ด้านหลังก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นเงาร่างก็โฉบพุ่งออกมา
สิ่งที่ออกมาพร้อมกับเขายังมีดาบหักด้วย
ฉึบ!
แสงเย็นเยียบสายหนึ่งปรากฏขึ้นทันที
เป้าหมายคือ… อูหลิงเฟย!
“โอหัง!”
อูหลิงเฟยสีหน้าอึมครึมปีกกระพือตบ เสียงตูมดังขึ้นหนึ่งครา เปลวเพลิงวิเศษสีทองนับไม่ถ้วนไหลเวียน ถึงกับวิวัฒน์เป็น ‘กระบี่เพลิง’ เล่มหนึ่ง
กระบี่วิเศษที่สร้างขึ้นจากการหลอมรวมของเพลิงสมาธิสุริยัน!
ปัง!
เพียงแต่หลังจากการปะทะอันน่าตระหนก ที่ตรงนั้นละอองแสงสาดกระเซ็น ขนปีกร่วงโรย ซ้ำยังอาบเลือดอีกด้วย
พอมองไปยังอูหลิงเฟยอีกครั้ง ปีกซ้ายของเขาถูกเฉือนเป็นรอยเลือดแคบยาวสายหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้เขาตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็นไปทั้งตัว เมื่อครู่หากไม่ใช่เพราะเบี่ยงหลบทันท่วงที คงเกือบซ้ำรอยหลิงหวาแล้ว!
จุดนี้พิสูจน์ได้อย่างไม่ต้องสงสัยแล้วว่า ต่อให้สู้กันตัวต่อตัวก็เป็นไปได้สูงว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินสวิน!
“หลีกทางให้ข้า!”
บุรุษประหลาดที่กลางหว่างคิ้วมีดวงตาแนวตั้งดวงหนึ่งร้องตะโกน ดวงตาแนวตั้งเบิกโพลงทันที กลายเป็นลำแสงงดงามแถบหนึ่ง เหมือนกับละอองแสงเซียนลอยล่องดั่งภาพฝันมายา
นี่คือ ‘เนตรแห่งหอยกาบเทพ’ !
มรดกสายเลือดสูงสุดอย่างหนึ่งของเผ่าหอยกาบมายา เป็นวิชามายาที่น่ากลัวอย่างที่สุดวิชาหนึ่ง พุ่งเป้าไปยังจิตวิญญาณของผู้ฝึกปราณ เมื่อสำแดงวิชานี้ ก็เหมือนกับสร้างเขตแดนความฝันอย่างหนึ่ง เพียงพอจะกักขังจิตวิญญาณของคู่ต่อสู้ไว้ในนั้นจนสูญเสียความเป็นตัวเองไป
น่าเสียดาย การโจมตีนี้อาจจะสามารถสะเทือนบุคคลขอบเขตมกุฎคนอื่นๆ แต่กลับไม่มีผลต่อหลินสวินสักนิด
“เฉือน!” ในห้วงนิมิตหลินสวิน เสี่ยวอิ๋นเตรียมต่อสู้ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อเห็นเช่นนี้สองมือก็คว้าหมับ กระบี่แห่งจิตวิญญาณสายหนึ่งฟันฉับออกมา
ฉัวะ!
ไกลออกไปดวงตาแนวตั้งกลางคิ้วของบุรุษประหลาดปรากฏรอยเลือดสายหนึ่ง จากนั้นก็แตกระเบิดสาดโลหิตสีแดงฉานออกมา
“อ๊าก…”
เขาร้องโหยหวน ถูกโจมตีเข้ากลางดวงตา ไหนเลยจะคาดคิดว่าเพิ่งโจมตีครั้งเดียวเท่านั้น ไม่เพียงไม่เป็นผล ตรงกันข้ามพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองยังถูกทำลายอีกด้วย ทำเอาจิตวิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัส!
พรึ่บ!
เขาเพิ่งตั้งท่าจะเผ่นหนี ประกายคมกริบเจิดจ้าสายหนึ่งพลันปรากฏ ฟันตัดบั้นเอวของเขาจนฝนเลือดสาดกระจาย
คู่ต่อสู้คนที่สอง ตาย!
ถึงแม้คนอื่นๆ ล้วนเข้าช่วยเหลือ แต่ก็จนด้วยเกล้า
อานุภาพดาบหักของหลินสวินแตกต่างจากที่ผ่านอย่างสิ้นเชิง คละคลุ้งด้วยพลังมรรคดับดารากลืนกิน ทำให้ศักยภาพพุ่งทะยานไปสู่จุดที่ไม่เคยมีมาก่อนในชั่วพริบตา!
ทุกคนพากันอึ้งค้างไปครู่หนึ่ง พริบตาเดียวก็ตายแล้ว?
“หั่นแหลกไปเลย! พี่ใหญ่!” อาหลู่ตะโกนลั่นมาแต่ไกล ฮึกเหิมไร้ใดเปรียบ
“หึ! ตอนนี้เจ้าคงเข้าใจแล้วสินะว่าทำไมอัจฉริยะฟ้าประทานเป็นหนึ่งไม่มีสองอย่างข้าถึงได้เห็นเขาเป็นพี่น้อง คำเดียวเท่านั้น อหังการ!” เจ้าคางคกทำหน้าตาได้ใจ เพียงแต่พอพูดประโยคนี้ออกมาก็กระเทือนอาการบาดเจ็บ พาให้เขาไออย่างเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่สองคำต่างหาก!” อาหลู่ร้องแก้
“นี่แม่งเวลาไหนแล้ว ยังมัวสนใจรายละเอียดยิบย่อยพวกนี้อีก” เจ้าคางคกพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ขณะพูดคุยการต่อสู้ในที่นั้นระเบิดปะทุตลอดเวลา ทั้งยังดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
“ทุกท่าน ถ้าพวกเจ้ายังเก็บงำอยู่อีก พวกเราจะตกอยู่ในอันตรายกันหมด!” อูหลิงเฟยสีหน้าคล้ำเขียว แหกปากเดือดดาลไม่หยุด ไม่มีบุคลิกงามสง่าและวางตัวสบายๆ เหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
“เหตุใดพลังมหามรรคที่เขากับอวิ๋นชิ่งไป๋ครอบครองถึงได้คล้ายกันเช่นนี้!”
มีคนเอ่ยร้องเสียสั่น นี่เป็นชายหนุ่มรูปร่างบึกบึน เวลานี้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก มีอาการไม่ยากจะเชื่อ
คนผู้นี้ก็คือสือเจินทงสัตว์ประหลาดยุคโบราณแห่งเผ่าสิงห์ค่อม!
เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งปรากฏตัวสู่โลก เคยกำราบบุคคลทรงอิทธิพลแห่งยุคสิบกว่าคนภายในเวลาสามวัน สั่นสะเทือนใต้หล้า
เพียงแต่เขากลับพ่ายแพ้ด้วยสามกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋!
ยิ่งกว่านั้นเขามั่นใจมากว่าหากอวิ๋นชิ่งไป๋อยากฆ่าเขา แค่กระบี่เดียวก็เพียงพอแล้ว
และเป็นเพราะการแพ้อนาถครั้งนี้ ทำให้เขาตระหนักได้ถึงความน่าสะพรึงของอวิ๋นชิ่งไป๋
เพียงแต่เขากลับคิดไม่ถึงว่ากลิ่นอายมหามรรคของเทพมารหลินที่อยู่ตรงหน้า จะถึงขั้นคล้ายคลึงกับอวิ๋นชิ่งไป๋เช่นนี้!
อีกทั้งยังน่าสะพรึงปานนี้ด้วย!
พริบตานี้จิตต่อสู้ของสือเจินทงล้วนกำลังสั่นไหว อยากจะเผ่นหนีนัก
“ฆ่า!”
เพียงแต่คนอื่นๆ ล้วนไม่เคยประจักษ์ความน่ากลัวของอวิ๋นชิ่งไป๋มาก่อน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจความรู้สึกของสือเจินทงในเวลานี้
พวกเขาพากันโจมตีเข้าสังหารโดยไม่สนใจสิ่งใด
ในฐานะบุคคลแนวหน้าแห่งยอดมกุฎ พวกเขาแต่ละคนล้วนมีความภูมิและรากฐานที่กินกันไม่ลง หลายสิบคนจัดการกับเทพมารหลินคนเดียวก็เสียหน้ามากพออยู่แล้ว และยามนี้ยิ่งไร้ปัญญาต่อต้านอีก จุดนี้พาให้พวกเขาต่างเดือดดาล รู้สึกขายหน้านัก
การต่อสู้มหามรรค ที่แข่งขันกันก็คืออันดับสูงต่ำ!
ใครก็ไม่อาจยอมรับว่าตนอ่อนแอ
ครั้งนี้หากไม่อาจฆ่าหลินสวินให้ตายได้ ลำพังแค่ความพ่ายแพ้นี้ก็เป็นมลทินที่ไม่อาจลบล้าง ไม่เป็นผลดีต่อการฝึกปราณในภายหน้าแล้ว
“ตายซะเถอะ!”
ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งกลายร่างเป็นกระทิงสีเขียวตัวหนึ่ง เท้ามีขนาดใหญ่เท่ากับภูเขาลูกย่อมๆ สี่กีบย่ำอากาศ ส่งเสียงคำรามลั่นออกมา
“อุตตราไร้รูปอัตตา สรรพสิ่งไม่อาจข้ามผ่าน…”
เสียงมรรคคลุมเคลืออันไพศาลกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดเปล่งออกมาจากริมฝีปากของเขา ดั่งฝนฟ้าคะนองเก้าสวรรค์ก้องกระหึ่ม ทั้งยังเหมือนเสียงท่องธรรมของเทพมารบรรพกาล
นี่คือวิชามรรคพรสวรรค์ของมัน หนึ่งคำรามตัดขาดภูผาธารา ฉีกทึ้งจักรวาล!
หลินสวินถูกล้อมโจมตี ไม่สามารถแยกร่างได้ จวนจะถูกเสียงคำรามโหมโจมตีอยู่รอมร่อ ก็เห็นริมฝีปากเขาส่งเสียงร้องหนึ่งออกมา…
ม่านน้ำตกคลื่นเสียงสีทองอร่ามสายหนึ่งพุ่งออกมา กลายเป็นสัตว์เทพผูเหลา ราวกับย่ำแหวกฟ้าดารามาเยือน แหงนหน้าร้องคำรามอย่างถือดี
โครมครืน
นี่คือเสียงคำรามผูเหลา เป็นมรรคแห่งเสียงสังหารชั้นยอด
และยามนี้ถูกหลินสวินสำแดงโดยใช้มรรคดับดารากลืนกิน อานุภาพที่ปรากฏต่างจากที่ผ่านมาลิบลับ บริเวณที่คลื่นเสียงนั้นแผ่ไป ทั้งอากาศ การไหลเวียน….
ทุกอย่างล้วนปรากฏร่องรอยของการทำลายล้างครั้งใหญ่!
มองด้วยตาเปล่าจะเห็นว่าเสียงคำรามของกระทิงสีเขียวก็เหมือนกับยักษ์เล็กเจอยักษ์ใหญ่ ถูกบดขยี้กระจุยกระจาย พังทลายดับสิ้น
ตูม!
ตอนที่กระทิงสีเขียวเบี่ยงตัวหลบก็ไม่ทันการแล้ว ถูกเสียงคำรามผูเหลาซัดสะเทือนจนเลือดไหลเจ็ดทวารก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นร่างราวกับภูเขาก็เหมือนถูกพายุหอบม้วน ปลิวกระเด็นออกไปเสียงดังปึง
มันกระดูกแตกเส้นเลือดขาด จิตวิญญาณและดวงจิตล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส น้ำลายสีขาวฟูมปากและหมดสติทันที
หนึ่งคำราม ทำลายศัตรู!
ฉึบ!
เพียงแต่ไม่รอให้หลินสวินจัดการต่อ ทันใดนั้นใต้เท้าเขาห้วงอากาศระเบิดกระจุย ปรากฏดอกอสูรมารสีดำดอกหนึ่ง กลีบดอกผลิบานราวกับถังเลือดใบใหญ่ก็ไม่ปาน
แม้ว่าหลินสวินจะเบี่ยงหลบได้โดยไม่มีอันตราย แต่กลับถูกการบุกโจมตีหลายสายที่พุ่งเข้ามากดดัน ซัดสะเทือนจนร่างซวนเซ ทั้งยังถูกคมกระบี่สายหนึ่งถากผ่านแก้มไปอีกด้วย
รอยเลือดเป็นทางปรากฏขึ้น
ไกลออกไปชายหนุ่มชุดคลุมเงินแอบร้องเสียดายคราหนึ่ง
ภาพเฉียดอันตรายไร้ใดเปรียบนี้เล่นเอาเจ้าคางคกกับอาหลู่ใจสั่นระรัว รู้สึกเกร็งขึ้นมา
“ไม่เลวยิ่ง นับว่าประเมินศักยภาพของพวกเจ้าต่ำไปเสียแล้ว!”
ถึงจะแค่บาดเจ็บภายนอก กลับทำให้สีหน้าหลินสวินยิ่งเย็นเยียบมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกล้อมโจมตีจนป่านนี้ เดิมทีเขามีโอกาสที่จะลงมือสังหารอีกฝ่ายอยู่หลายหน
แต่ล้วนถูกขัดขวาง ไม่อาจสำเร็จดั่งใจ
และยามนี้ยิ่งเกือบได้รับบาดเจ็บสาหัสเข้าไปอีก ทำเอาไอสังหารในใจหลินสวินยิ่งลุกโหมมากขึ้นเรื่อยๆ
ชิ้ง!
ดาบหักส่องแสง ผิวนอกปรากฏลวดลายมรรคอันเร้นลับและแปลกประหลาด เปล่งประกายจนเหมือนภาพมายา พุ่งสังหารไปทางชายหนุ่มชุดเงินคนนั้น
“รีบขวางเขาเร็วเข้า!” ทุกคนต่างโหมโจมตี ดำเนินการกำราบ
อย่างไรก็ตามอานุภาพของหลินสวินในเวลานี้โหมกระพือยิ่งนัก ระเบิดปะทุอย่างคลุ้มคลั่งสิ้นเชิง เหมือนเทพมารที่เหยียบย่ำภูเขาศพทะเลเลือดออกมา
รอบตัวเขารายล้อมด้วยอักษรเคราะห์ บังเกิดอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุด ซัดสยบการโจมตีทั้งปวง
“เฉือน!”
เห็นหลินสวินพุ่งมาแล้ว สีหน้าชายหนุ่มชุดเงินเปลี่ยนสีไปยกใหญ่ กระบี่วิเศษในมือส่องสว่างไร้ใดเปรียบ ฟันฉับลงไปอย่างเดือดดาล
น่าเสียดายหลินสวินรวดเร็วอย่างที่สุด ดาบหักยิ่งน่าสะพรึง สำแดงกระบวนเฉือนเกิดดับทำลายเพลงกระบี่ของอีกฝ่ายจนสิ้นซากในพริบตา ประกายคมกวาดผ่านเกิดเสียงดังฉึบหนึ่งครา แทงทะลุหน้าอกของเขา
ชายหนุ่มชุดเงินส่งเสียร้องโหยหวนไร้ใดเปรียบ คลอนฟ้าสะเทือนดิน จากนั้นร่างก็ทรุดลงพื้นทั้งอย่างนั้น ตายอนาถคาที่
เสวียนจิงและผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ อีกหลายคนจากเผ่าโบราณแสงทมิฬดำเนินการซุ่มโจมตี หวังฉวยโอกาสนี้กำราบหลินสวิน
ใครเลยจะคิด ทั่วร่างหลินสวินเปล่งแสง พลังของมรรคดับดารากลืนกินถูกกระตุ้นเร้าถึงขีดสุด สำแดงฤทธิ์ราวกับเหวลึกที่กลืนกินแปดทิศไม่เหลือหลอ
การโจมตีทั้งหมดล้วนดับสิ้นลงทั้งอย่างนี้ ขับเน้นจนหลินสวินราวกับไม่อาจโค่นล้มได้!
ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ!
อาศัยโอกาสนี้ดาบหักเคลื่อนโคจรฉับไว สังหารคู่ต่อสู้สามคน หากไม่ใช่เพราะเสวียนจิงเบี่ยงหลบอย่างรวดเร็วก็คงประสบเคราะห์ไปแล้ว
ภาพนี้สะเทือนจิตใจทุกคนอย่างที่สุด เพียงชั่วขณะเท่านั้นชายหนุ่มชุดเงินถูกฆ่าก่อนเป็นคนแรก จากนั้นหลายคนที่ซุ่มโจมตีหลินสวิน นอกจากขโมยไก่ไม่ได้ยังเสียข้าวสารไปอีกกำมือ ถูกสังหารตายคาที่!
ทั้งหมดนี้เร็วเกินไปแล้ว ก็เห็นหยาดโลหิตแดงฉานร้อนระอุพวยพุ่ง พาให้ตำหนักแห่งนี้คละคลุ้งด้วยบรรยากาศคาวเลือดเข้มข้น
“อวิ๋นชิ่งไป๋! ขะ เขาน่ากลัวเหมือนอวิ๋นชิ่งไป๋!”
และยามนี้สือเจินทงก็ส่งเสียงร้องตกใจออกมาคราหนึ่งอย่างกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป หมุนตัวเผ่นหนีอุตลุด!
หลินสวินระเบิดอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ออกมา ทำเอาจิตมารในใจสือเจินทงแพร่ขยาย นึกถึงภาพต่างๆ ยามถูกอวิ๋นชิ่งไป๋กำราบ จิตต่อสู้ที่สั่นคลอนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพังทลายอย่างสิ้นเชิง
เขาหหนีแล้ว ไม่รักษาหน้าใดๆ แล้ว
“ทุเรศ!”
“ขายขี้หน้า!”
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นเห็นเช่นนี้ต่างทั้งตกใจทั้งเดือดดาล
พูดตามตรงตอนที่เห็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณอย่างสือเจินทงถึงกับผวาจนหนีเตลิด หลินสวินเองก็อดแปลกใจน้อยๆ ไม่ได้
เพียงแต่เมื่อได้ยินคำพูดของสือเจินทงที่เอาเขาไปเปรียบเทียบกับอวิ๋นชิ่งไป๋แล้ว กลับทำให้หลินสวินผุดความรู้สึกต่อต้านอย่างบอกไม่ถูกแวบหนึ่ง
ยังไม่พูดถึงระดับสูงต่ำของพลังต่อสู้ อวิ๋นชิ่งไป๋ก็เป็นแค่โจรต่ำช้าคนหนึ่งเท่านั้น มีคุณสมบัติอะไรมาเทียบกับตน
และเวลานี้เอง หลินสวินฉุกคิดได้ว่าพวกอูหลิงเฟยและผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ อีกหลายคนจะฉวยโอกาสนี้ โจนไปทางเจ้าคางคกกับอาหลู่!
“รนหาที่ตาย!”
นัยน์ตาดำของหลินสวินสาดแสงศักดิ์สิทธิ์ชวนสยองออกมา
……………….