Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1172 สัมผัสถึงจุดเปลี่ยน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1172 สัมผัสถึงจุดเปลี่ยน
ถูกโจมตีอย่างหนักยังคิดหลบหนีได้ทันที การตอบสนองที่ฉับไวเช่นนี้ทำให้ผู้ฝึกปราณไม่น้อยต่างรู้สึกตกตะลึง
โก่วเหยียนตงแข็งแกร่งจริงโดยไม่ต้องสงสัย!
แต่ที่น่าเสียดายคือ คนที่เขาเจอคราวนี้คือหลินสวิน
“กระบวนท่าที่สาม!”
ขณะที่เขากำลังหลบหนีดาบหักก็ผ่าเฉือนลงมาอีกครั้ง วูบไหวไม่แน่นอน ราวมายาไม่เที่ยงแท้ ประหนึ่งตัวแปรมหามรรคมาเยือน
กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้!
ไม่มีใครสามารถจับร่องรอยของกระบวนเฉือนนี้ได้
หนึ่งเพราะเร็วเกินไป สองเป็นเพราะปริศนาที่แฝงอยู่ในกระบวนเฉือนนี้เร้นลับและอัศจรรย์เกินไป ทั้งซ่อนเร้นและลึกลับราวปริศนามหามรรค ยากเกินบรรยาย!
ผลุบ!
ศีรษะมนุษย์ร่วงลงสู่พื้น
จากนั้นโลหิตแดงสดสาดกระจาย
ท้ายที่สุดศพไร้หัวของโก่วเหยียนตงก็ล้มลงกับพื้นดังสนั่น
กลางฟ้าดินเงียบกริบไร้สุ้มเสียง
ในความเงียบสงัดมีบรรยากาศสะท้านใจคนกำลังอบอวล
ยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎยุคปัจจุบันที่มีชื่อเสียงมานานซึ่งมีจำนวนแค่นับนิ้วได้คนหนึ่ง ตายลงเช่นนี้หรือ
สีหน้าผู้ชมในที่นั้นมึนงง จิตใจถูกฉากนองเลือดนี้ทำเอาหวั่นหวาด
ที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่าคือ ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่เห็นว่ากระบวนท่าที่สามนี้ฟาดผ่าลงมาอย่างไร!
ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่างพวกชายชุดเงินเห็นดังนี้ก็ต่างเบิกตากว้าง จิตใจกระตุกวูบหนักหน่วง รู้สึกมึนงงทันที
อีกแค่ก้าวเดียวโก่วเหยียนตงก็จะกลายเป็นระดับมกุฎราชันได้สำเร็จ! เป็นบุคคลแห่งยุคที่ถูกคนในเผ่าชื่นชม!
แต่ยังไม่ทันได้เข้าสู่แดนเก้าบนก็ถูกสังหารแล้ว…
ในที่ลับ สัตว์ประหลาดยุคโบราณและบุคคลขอบเขตมกุฎของขุมอำนาจบางส่วนเห็นดังนี้ก็ต่างตกใจจนขนพองสยองเกล้า ขนลุกไปทั้งตัว!
นี่เป็นกระบวนเฉือนอะไรกัน
แม้แต่พวกเขายังรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามถึงชีวิตราวกับจะหายใจไม่ออก ไม่จำเป็นต้องสงสัย ต่อให้เปลี่ยนเป็นคนอื่นมาเผชิญหน้ากระบวนเฉือนนี้ก็คงต้านทานไม่อยู่!
“ไม่…!” ครู่ใหญ่พวกชายชุดเงินถึงตื่นจากความตระหนก ส่งเสียงหวีดร้องและคำรามอย่างตระหนกขุ่นเคือง
บรรยากาศเงียบสงัดถูกทำลาย
ทุกคนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ประหนึ่งฝันร้ายไม่ใช่ความจริง
และทำให้พวกเขาตระหนักถึงความน่ากลัวของหลินสวินยิ่งกว่าเดิม!
เวลานี้ยามพวกเขามองไปยังพวกชายชุดเงินอีกครั้ง ในแววตาไม่ใช่แค่สงสาร ยังมีความเห็นใจอยู่ด้วย
กรรมใดใครก่อกรรมนั้นตามสนอง เหตุใดก่อนหน้านี้ต้องหาเรื่องใส่ตัว
พวกชายชุดเงินดวงตาปูดโปนแทบถลน ตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก เลือกที่จะหนีอย่างไม่เหนือความคาดหมาย
แต่เมื่อดาบหักวูบไหวส่องประกาย ร่างพวกเขาก็ร่วงหล่นศพแล้วศพเล่าพร้อมเสียงตึงๆ ไม่ขาดหู
ล้วนถูกฆ่าตายหมด!
เลือดนองแผ่นดิน!
พร้อมกันนี้เงาร่างหลินสวินเดินออกมาจากตำหนักแล้วยกมือโบก ดาบหักพลันเปลี่ยนเป็นรุ้งเทพสายหนึ่งและหายไปกลางหว่างคิ้วเขาทันที
“ทุกท่าน วันหน้าหากมีพวกโง่ไม่เปิดหูเปิดตาเช่นนี้บุกมา ขออย่าได้เกลี้ยกล่อมนัก ข้าอยากรู้ว่ายังมีใครอยากออกมาจัดการข้าหลินสวินจนทนไม่ไหวบ้าง”
นัยน์ตาดำของหลินสวินกวาดมองโดยรอบ ประสานมือกล่าว
ในใจทุกคนสั่นสะท้าน เทพมารหลินนี่ยังฆ่าไม่สมใจอยากรึ
ขณะคิดเช่นนี้การกระทำพวกเขากลับไม่ได้ช้า พากันพยักหน้าบ้างตบอกรับคำบ้าง
เห็นดังนี้หลินสวินประสานมืออีกครั้ง เก็บศพพวกโก่วเหยียนตงอย่างแคล่วคล่องแล้วหันหลังเดินเข้าไปในตำหนัก
ไม่นานนักกลิ่นเนื้อย่างอันเป็นเอกลักษณ์ยวนใจพลันลอยออกมาจากตำหนัก ทำเอาผู้คนน้ำลายหก
‘เทพมารหลินนี่… ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้จริงๆ!’
ผู้ฝึกปราณไม่น้อยสูดหายใจเย็น
โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตหลากเผ่าจำพวกอสูรวิญญาณปักษาเทพบางส่วนยิ่งขนลุกในใจ หากล่วงเกินเทพมารหลินนี่ ไม่เพียงแต่ต้องตายอย่างอนาถ ยังอาจถูกกินด้วย!
ในตำหนักหลินสวินย่างขาหมาดำเหลืองอร่ามอาบมัน พลางใคร่ครวญสามกระบวนเฉือนก่อนหน้านี้ไปด้วย
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ส่ายหัว
บางทีโก่วเหยียนตงอาจเป็นยอดบุคคลในหมู่ยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎยุคปัจจุบัน แต่สำหรับหลินสวินแล้วไม่มีภัยคุกคาม
การต่อสู้กับเขาก็ไม่มีอะไรน่ากล่าวถึง
ก่อนหน้านี้หากต้องการสังหารคนผู้นี้ แค่กระบวนเฉือนเดียวก็พอแล้ว!
…
น้ำ ไฟ ไร้มรณะ เจินหลง ดับดารากลืนกิน
มหามรรคทั้งห้าล้วนบรรลุถึงระดับแก่นมรรคแล้ว เป็นจุดสูงสุดที่ปราณห้าระดับใหญ่สามารถหยั่งถึง
ระดับ ‘ระเบียบมรรค’ ที่สูงยิ่งกว่า มีเพียงก้าวสู่ระดับราชันถึงจะมีพลังควบคุมได้
ระเบียบมรรค กฎเกณฑ์แห่งมหามรรค
เมื่อบรรลุสู่ระดับราชัน สิ่งที่ต้องหยั่งรู้ก็คือกฎเกณฑ์มรรคราชัน ด้วยเกี่ยวข้องกับการแสวงหนทางแห่งมรรคาอมตะ หรือที่เรียกว่ากฎเกณฑ์อมตะ!
เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินต้องพิจารณาในปัจจุบัน
ในวันเวลาต่อมา หลินสวินเริ่มสงบจิตพิจารณากระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้
กระบวนเฉือนนี้เร้นลับและลึกซึ้งเหลือประมาณ เกี่ยวข้องกับตัวแปรมหามรรค อย่าเห็นว่าเป็นเพียงกระบวนเฉือนหนึ่ง ภายในกลับซ่อนความลับนับหมื่นพัน อาศัยความรู้ของหลินสวินเสริมด้วยพลังแห่งมรรคพ้องดั่งใจ ยังยากจะเข้าใจความลับของมันอย่างลึกซึ้ง
ทุกครั้งที่หยั่งรู้จะทำให้เขาได้รับประโยชน์อย่างมาก
นี่ทำให้หลินสวินอดใคร่ครวญไม่ได้ หากสามารถเข้าใจกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ได้อย่างลึกซึ้ง เข้าใจปริศนาของหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้าได้อย่างปรุโปร่งทั้งหมด อานุภาพของมรดกวิชานี้คงถูกสำแดงออกมาได้อย่างแท้จริง
ขณะที่หลินสวินมุ่งมั่นปิดด่านฝึกตน โลกภายนอกสถานการณ์ก็แปรปรวนไปพร้อมกัน
ยิ่งใกล้เวลาเปิดช่องทางแดนเก้าบน การแข่งขันในหอมกุฎก็ดุเดือดและเหี้ยมโหดยิ่งกว่าเดิม
ทุกวันจะมีคนดันตนขึ้นสู่หนึ่งพันอันดับแรก
และมีผู้แข็งแกร่งที่เดิมอยู่ในหนึ่งพันอันดับแรกถูกเบียดตกลงมาเช่นกัน
ภายใต้การคัดออกที่ไม่ว่างเว้นนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดท้ายสามารถดันตนขึ้นสู่หนึ่งพันอันดับแรก จะต้องเป็นผู้กร้าวแกร่งในเหล่ามือฉมัง เป็นผู้แข็งแกร่งในหมู่ผู้แข็งแกร่ง!
แต่ไม่ว่าลำดับจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ตำแหน่งสิบอันดับแรกก็ถูกสั่นคลอนได้น้อยนัก และหลินสวินที่ก้าวมาอยู่อันดับหนึ่งก็ไม่เคยถูกสั่นคลอน
นี่ทำให้ผู้คนอัศจรรย์ใจ ตระหนักถึงความน่ากลัวของหลินสวินยิ่งกว่าเดิม
การแข่งขันของหอมกุฎไม่ได้มีแค่แดนเผาเซียน แต่กำลังเปิดฉากอยู่ทั่วสามพันแดนราวไฟลุกโหม
“คาดเดาได้เลยว่า สุดท้ายจะมีคนแค่สองประเภทที่สามารถมุ่งหน้าไปยังแดนเก้าบนได้”
“ประเภทแรกคือผู้บรรลุระดับราชัน ประเภทที่สองก็คือบุคคลขอบเขตมกุฎที่ดันตนขึ้นสู่หนึ่งพันอันดับแรกของบันไดสวรรค์มหามรรคได้!”
“และการแข่งขันในแดนเก้าบน จะต้องเป็นการช่วงชิงความเป็นใหญ่ของบุคคลขอบเขตมกุฎทั้งสามพันแดน ใครสามารถก้าวสู่ระดับมกุฎราชันได้ก็จะได้เปรียบ!”
“ในทางกลับกันบุคคลขอบเขตมกุฎที่ไม่อาจก้าวสู่ระดับมกุฎราชัน ทั้งยังติดอยู่ในระดับกระบวนแปรจุติ จะต้องเจอวิกฤติอย่างไม่เคยมีมาก่อน!”
ผู้ฝึกปราณมากมายคาดการณ์ออกมาเป็นเอกฉันท์
“สำหรับเทพมารหลิน สถานการณ์ไม่อาจมองในแง่ดี!”
มีคนค้นพบอย่างน่าตกใจ สำหรับคนรุ่นเดียวกันในแดนเผาเซียนเทพมารหลินอาจเรียกได้ว่าไร้คู่ต่อกร แต่ทันทีที่ไปยังแดนเก้าบน สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนเป็นอันตราย!
อย่างพวกผู้สืบทอดขุมอำนาจสำนักต่างๆ ข้างกายยังมีศิษย์ร่วมสำนักที่เพิ่งบรรลุเป็นราชันปกป้อง ไม่ถึงขั้นประสบภัยคุกคามมากนัก
แต่เทพมารหลินที่โดดเดี่ยวตัวคนเดียว ไม่เพียงแต่ไม่มีการคุ้มครองแบบเดียวกัน กลับสร้างศัตรูเป็นเบือเสียด้วยซ้ำ เมื่อไปถึงแดนเก้าบนสถานการณ์ของเขาจะต้องล่อแหลมอันตรายกว่าคนอื่นแน่!
“วางใจเถอะ คนอย่างเทพมารหลินคงไม่มีทางถูกฆ่าง่ายๆ คิดดูสิ หลายปีมานี้อันตรายที่เขาเจอถือว่าน้อยรึ แต่ทุกครั้งก็ยังถูกเขาพลิกร้ายกลายเป็นดีได้ไม่ใช่หรือ”
และมีคนเชื่อมั่นในตัวหลินสวิน
“ผงาดขึ้นมาจากประสบการณ์ยากลำบากนองเลือด เปลี่ยนแปลงผ่านบททดสอบเป็นตาย นี่อาจเป็นหนทางที่เทพมารหลินต้องก้าวเดิน และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาทรงพลังอย่างต่อเนื่อง!”
มีคนใคร่ครวญ
…
ตั้งแต่พวกโก่วเหยียนตงถูกสังหาร ในช่วงเวลาต่อมาก็มีขุมอำนาจต่างถิ่นมากมายข้ามแดนมา หมายสังหารหลินสวิน
แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวต่างๆ ของหลินสวินแล้ว ผู้แข็งแกร่งที่มาด้วยท่าทีเหิมเกริมพวกนี้ท้ายที่สุดก็ม้วนหางจากไป
ในขุมอำนาจเหล่านี้ส่วนใหญ่มีความแค้นเก่ากับหลินสวินมาก่อน
ตัวอย่างเช่นแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ สำนักยุทธ์สมุทรคราม แดนพิสุทธิ์อมตะ เผ่าหงส์เขียว เผ่าฉลามสมุทรเป็นต้น
พวกเขาต่างได้ยินข่าวว่าหลินสวินปรากฏตัวที่แดนเผาเซียน จึงรีบระดมกำลังมาคิดหาโอกาสกำจัดหลินสวิน
เพียงแต่เมื่อมาถึงแดนเผาเซียน ได้รับรู้การกระทำต่างๆ ของหลินสวินในช่วงเกือบหนึ่งปีมานี้ พวกเขาถึงตระหนักได้ทันทีว่าไม่เหมาะ ไม่อาจไม่ล่าถอย
ไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกจากในหมู่คนรุ่นเดียวกันหลินสวินนั้นไร้คู่ต่อกรแล้ว ไม่ว่าใครล้วนไม่อยากเลือกสู้ตายในเวลานี้
ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกันแล้ว การคว้าโอกาสบรรลุระดับราชันก็สำคัญกว่า!
หากเสี่ยงตายสู้กับหลินสวินจนเกิดเหตุไม่คาดฝัน สูญเสียโอกาสกลายเป็นราชัน เช่นนั้นจะกลายเป็นโชคร้ายครั้งใหญ่แทน
ควรตัดสินใจอย่างไร ขอแค่ไม่โง่ใครก็แยกแยะออก
“ข่าวใหญ่ สัตว์ประหลาดยุคโบราณเผ่าเจียวขาวไป๋หลงถิง ชักนำให้เกิดเคราะห์ราชันไร้เทียมทานที่แดนมายาเขียว ก้าวสู่ระดับมกุฎราชันอย่างราบรื่น!”
วันนี้หลินสวินตื่นขึ้นจากการปิดด่านฝึกตน ก็ได้ยินข่าวใหญ่ที่กำลังแพร่สะพัดบนท้องถนนในเมืองอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความอึกทึกครึกโครม คิดไม่ใส่ใจล้วนยากนัก
‘ไป๋หลงถิง ที่แท้ก็เป็นเขา…’
หลินสวินนึกขึ้นมาได้ ตอนนั้นที่งานชุมนุมพันกระแส หมีเหิงเจินเคยรับคำท้าของคนผู้นี้
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่มาจากเผ่าเจียวขาวผู้นี้ จะก้าวสู่ระดับมกุฎราชันในสามพันแดนได้!
‘เป็นคนที่สิบสามแล้วสินะ’
หลินสวินใคร่ครวญเงียบๆ ช่วงนี้ข่าวเกี่ยวกับบุคคลขอบเขตมกุฎบรรลุระดับราชันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เริ่มตั้งแต่ชื่อหลิงเซียวที่เหยียบย่างบนขอบเขตมกุฎระดับราชันได้เป็นคนแรก จนถึงไป๋หลงถิงในตอนนี้ ในสามพันแดนได้ถือกำเนิดระดับมกุฎราชันแล้วสิบสามคน
นี่คือส่วนที่รับรู้ได้ ส่วนในที่ลับจะมีคนก้าวสู่ระดับนี้แล้วหรือไม่ ใครก็พูดลำบาก!
ข่าวพวกนี้แน่นอนว่าไม่ส่งผลต่อหลินสวิน เพียงแต่ที่ทำให้เขาเกินคาดหมายคือ ในสิบสามคนที่กลายเป็นระดับมกุฎราชันนี้ แทบทั้งหมดล้วนเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณ!
นี่ก็คือรากฐานพลัง!
ทำให้หลินสวินไม่อาจไม่ยอมรับ คนในปัจจุบันเทียบกับสัตว์ประหลาดยุคโบราณพวกนี้แล้ว อย่างอื่นไม่มีอะไรบกพร่อง ขาดแต่เพียงรากฐานพลังอย่างเดียว!
ด้วยสัตว์ประหลาดยุคโบราณพวกนี้ส่วนมากเคยเข้าสู่แดนมกุฎในสมัยบรรพกาลมาก่อน เคยท่องไปในสามพันแดน กระทั่งเคยเข้าสู่แดนเก้าบน
ความเข้าใจและความรู้ที่มีต่อแดนมกุฎ ไม่ใช่สิ่งที่คนในปัจจุบันสามารถเทียบได้อย่างสิ้นเชิง
ก็เหมือนเจ้าคางคก เพิ่งเข้าสู่แดนมกุฎไม่ทันไรก็ยึดกุมศุภโชคใหญ่ในหุบเขาผลาญสวรรค์ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสาะหาและสำรวจอย่างลำบากเหมือนผู้ฝึกปราณคนอื่นเลยสักนิด
นี่เหมือนฟ้าประทานให้เป็นฝ่ายได้เปรียบ!
แค่คิดก็รู้ ว่าสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนอื่นที่เหมือนเจ้าคางคกก็ต้องเป็นเช่นนี้แน่
‘ไม่ต้องรีบร้อน มรรคาของข้าไม่เกี่ยวกับศุภโชคและวาสนา ขาดแต่เพียงโอกาสเดียว ทั้งยังใกล้มาถึงแล้ว…’
หลินสวินพึมพำในใจ
ช่วงนี้ยามปิดด่านฝึกตน เขามักมีสังหรณ์เด่นชัดเหมือนฉุกคิดขึ้นมาได้ รู้สึกได้ถึงจุดเปลี่ยนในการบรรลุราชันของตน ว่าใกล้มาถึงแล้ว!
นี่เป็นความรู้สึกที่อัศจรรย์ยิ่งอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นจากจิตใจ เลิศล้ำเกินบรรยาย
…………………….