Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1443 เหวี่ยงคชามาร
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1443 เหวี่ยงคชามาร
ซ่าๆๆ!
ฝนเลือดเข้มข้นหลั่งริน แดงฉานบาดตา
หลินสวินในตอนนี้ก็เหมือนกับเทพมาร อาบชโลมเลือดสด แต่กลับไม่ถูกเลือดแปดเปื้อน ผมสีดำทั่วศีรษะของเขาพลิ้วไสว นัยน์ตาดำลุกโชนดั่งประกายสายฟ้า
คนทรงพลังอย่างปี้อวิ๋นเซิง เพิ่งจะปะทะกันในกระบวนท่าแรกเท่านั้นก็ถูกฉีกทึ้งทั้งเป็นเสียแล้ว ภาพเหตุการณ์นี้เห็นได้ชัดว่านองเลือดเกินไป และสะท้านสะเทือนจิตใจผู้คนเป็นพิเศษ
“อ๊าก…!” ปี้อวิ๋นเซิงร้องโหยหวน ร่างที่ถูกฉีกทึ้งพลันกลายเป็นมังกรเจียวกวางมรกตตัวหนึ่ง ครึ่งท่อนบนหนีอุตลุด เผ่นเอาตัวรอดออกไปได้
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังทำให้ผู้คนทั่วลานอึ้งค้างอยู่ดี
ชั่วอึดใจการต่อสู้ที่เพิ่งจะเริ่มขึ้นก็ตัดสินผู้แพ้ชนะแล้ว นี่กะทันหันเกินไป ทำให้ผู้คนยากจะทำใจเชื่อได้ลง
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ปี้อวิ๋นเซิงงัดพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาใช้แล้ว ยังถูกฉีกทึ้งร่างด้วยกระบวนท่าเดียวอีกได้อย่างไร” ผู้แข็งแกร่งฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่าเหล่านั้นต่างพากันสั่นสะเทือน
ก่อนหน้านี้พวกเขายังตะโกนลั่นคึกคะนอง เปี่ยมด้วยแววดูถูกเหยียดหยาม กระแทกแดกดันหลินสวิน
แต่ยามนี้ต่างเบิกตากว้าง ถูกทำให้สะทกสะท้าน
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่ปี้อวิ๋นเซิงเองก็ยังยากจะทำใจยอมรับ ยากจะเชื่อได้ เขารู้วว่าหลินสวินแข็งแกร่งยิ่ง ดังนั้นถึงได้โถมสุดกำลังตั้งแต่แรกเริ่ม คิดไปเองว่าจะบุกโจมตีหลินสวินแบบไม่ทันตั้งตัวได้ จากนั้นค่อยรุกสังหารเขาทีหลัง
แต่ผลลัพธ์กลับตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ช่างอนาถเกินไปแล้ว!
ส่วนฝั่งค่ายจักรวรรดิ เวลานี้เดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง อดกลั้นมาแสนนาน ในที่สุดก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่สะท้านสะเทือนใจผู้คนเช่นนี้ ทำให้พวกเขาต่างอดร้องตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาไม่ได้ ฮึกเหิมหาใดเปรียบ
ก่อนหน้านี้เป็นฮวาหลิวหงถูกคนสังหารอย่างโหดเหี้ยมก่อน จากนั้นซ่งอู๋เชวียก็เจ็บหนักจนหมดสติ ต่อมาก็เป็นพวกไฉเหวินซาน เหลียงเซ่า จ้าวจิ่งเฟิง ถูกหนิวทุนเทียนฆ่าตายทีละคนอีก ทำให้คนเศร้าโศกระคนเดือดดาลแทบจะคลั่ง ภายในใจอัดอั้นกดดันอย่างที่สุด
ตอนนี้หลินสวินลงสนาม ฉีกคู่ต่อสู้ทั้งเป็นเพียงชั่วอึดใจ ในที่สุดก็ทำให้พวกเขามองเห็นแสงปลายอุโมงค์!
“เจ้า… สมควรตาย!”
ปี้อวิ๋นเซิงบันดาลโทสะ แค้นจนแทบคลั่ง
เมื่อครู่เขาเกือบจะร่วงหล่น หากไม่ใช่เพราะร่างเดิมของเขาคือมังกรเจียวกวางมรกตที่ร่างขาดก็ยังไม่ตาย ลำพังแค่การโจมตีครั้งนั้นก็เพียงพอจะเอาชีวิตเขาได้แล้ว
ปี้อวิ๋นเซิงไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนจะเจอกับการเข่นฆ่าน่ากลัวเช่นนี้
ตูม!
ก็เห็นบนร่างที่ขาดสะบั้นของเขามีแสงเลือดซัดม้วน ก็ไม่รู้ว่าสำแดงวิชาลับระดับใดถึงกับคืนสภาพเดิมในชั่วอึดใจ หนำซ้ำนี่ยังไม่ใช่แค่วิธีการรักษาเท่านั้น แม้แต่ลมปราณของเขาก็ยังเดือดคลั่งกว่าเมื่อครู่อักโข
“วิชาต่อชะตากวางมรกต!” พวกต่างเผ่าไม่น้อยดวงตาทอประกายวาววับ นี่คืออภินิหารพรสวรรค์ของเผ่ากวางมรกต มหัศจรรย์หาใดเปรียบ
ฝ่ายค่ายจักรวรรดิคนมากมายต่างหัวใจบีบรัด เพิ่งเห็นแสงปลายอุโมงค์ไปไม่ทันไร เกรงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอีก ทำให้ชัยชนะที่ปรากฏอย่างยากลำบากพลิกผัน หากเป็นเช่นนี้ก็ทำให้ผู้คนคลุ้มคลั่งชัดๆ ไม่อาจทนต่อการโจมตีเช่นนี้ไหว
ขนาดหลินสวินเองก็ยังรู้สึกแปลกใจ แต่จากนั้นก็แค่นเสียงเย็น เริ่มบุกโจมตี
“อย่าเสียเวลาอีกเลย!”
ตูม!
เงาร่างของเขาดั่งภาพมายา พุ่งออกไปซัดหนึ่งหมัดที่แสนเรียบง่ายออกมา ไม่มีความอัศจรรย์ใดๆ ให้พูดถึง ตรงไปตรงมา เรียบง่าย เผด็จการ
ในความเป็นจริงนี่ต่างหากที่น่าสะพรึงที่สุด ไม่ว่าเจ้าจะมีวิชาลับนับพัน เคล็ดอัศจรรย์นับหมื่น หนึ่งหมัดจากข้ามาเยือน ทลายหมื่นวิชาด้วยอานุภาพแห่งตน!
ปี้อวิ๋นเซิงคำรามเดือด เขาถอยจนถอยไม่ได้แล้ว ได้แต่ถูกบีบให้ปะทะกับหลินสวิน เขาสะพัดดาบศึกเจิดจ้า ปราณดาบขาวเวิ้งว้างปกคลุมฟากฟ้า แกร่งกร้าวพร่าตา
วิชาระดับนี้เรียกได้ว่าน่าทึ่งพอตัวแล้ว แต่ย่อมเปลืองเปล่าอย่างแน่นอน
เคร้งๆ!
ในเสียงกระแทกสนั่นฟ้าดิน ดาบศึกสองเล่มของปี้อวิ๋นเซิงถูกซัดปลิวไปทั้งอย่างนั้น แขนสองข้างของเขาล้วนถูกหมัดเดียวต่อยสะบั้น เลือดเนื้อกระดูกแหลกเป็นจุณ
ภายใต้เสียงคำรามเจ็บปวด ใบหน้าปี้อวิ๋นเซิงบิดเบี้ยว ภายในใจเกิดความสะพรึง รู้สึกถึงความสิ้นหวัง เขายังไม่กล้าเชื่อว่าในระดับอมตะเคราะห์จะมีพลังน่าสะพรึงเช่นนี้ได้อย่างไร
หมัดนี้ของหลินสวินยังไม่สิ้นสุด กลิ่นอายมหามรรคคละคลุ้ง พลังหมัดไพศาลไร้สิ้นสุดประหนึ่งครอบฟ้าคลุมดิน กดทับโลกหล้า พลังสั่นคลอนจักรวาล
ปี้อวิ๋นเซิงตกใจร้องคำรามไม่หยุด แต่ถูกพลังหมัดน่าสะพรึงนั้นกดทับแผ่ครอบลงมา ทำให้เขายากจะขยับเขยื้อน ถูกกดข่มแน่นหนา ได้แต่มองดูพลังหมัดน่ากลัวสายนั้นจู่โจมลงมาเหมือนดาวตกตาปริบๆ
พรืด!
หมัดนี้แหวกร่างของเขาออก เลือดเนื้อเหมือนหิมะถล่มครืน สาดกระเซ็นกลางห้วงอากาศในฉับพลัน
ปี้อวิ๋นเซิงรักษาพลังจิตเอาไว้ หมายจะเผ่นหนี แต่ชั่วอึดใจก็ถูกพลังหมัดลุกโชนปกคลุม ตายคาที่โดยสิ้นเชิง
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งในสิบอันดับแรกกระดานต่อสู้หมื่นเผ่า ถูกสังหารทั้งอย่างนี้!
ตายแล้ว!
ในลานเงียบสงัด บรรดาผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่าต่างตกใจ ล้วนยากจะรับไหว แค่สองกระบวนท่าเท่านั้นก็สังหารปี้อวิ๋นเซิงได้
ฝ่ายค่ายจักรวรรดิเสียงโห่ร้องสนั่นฟ้าปะทุขึ้น ฝุ่นธุลีแผ่ฟุ้ง การต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาเป็นฝ่ายชนะ!
ซ้ำยังชนะอย่างสวยงามอีกด้วย!
ตามกฎหลินสวินสามารถเลือกลงจากสนามได้ แต่ยามนี้เงาร่างของเขาไม่ไหวติงสักนิด ราวกับก้อนหินแกร่งที่หยั่งรากกลางสนามประลอง
“ต่อสิ อย่าเสียเวลา” หลินสวินเอ่ยปาก เสียงราบเรียบเยียบเย็นดังก้องทั่วลาน
“โอหัง!”
พวกหนิวทุนเทียน ข่งซิ่ว เมิ่งเหลียนชิงต่างขมวดคิ้ว
“ไม่ยอมก็เข้ามา” คำพูดหลินสวินเรียบง่าย นัยน์ตาลุ่มลึกเย็นเยียบ
ก่อนหน้านี้พวกต่างเผ่ากำแหงเหิมเกริม ดูหมิ่นทุกคนในฝ่ายจักรวรรดิ ในน้ำคำเปี่ยมด้วยกลิ่นอายกระแทกแดกดันและเหยียดหยาม ซ้ำยังใช้วิธีโหดเหี้ยมอำมหิตหาใดเปรียบสังหารพวกฮวาหลิวหง จ้าวจิ่งเฟิง
เวลานี้มีแต่ใช้เลือดล้างเลือด ดุดันสยบดุดัน ถึงจะระบายความไม่ชอบธรรมที่อัดอั้นภายในใจหลินสวินมาเนิ่นนานได้
“เจ้ารอก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะฆ่าเจ้าเอง!”
คำพูดข่งซิ่วน่าเกรงขนาม ทั่วร่างไหลเวียนด้วยประกายสายฟ้าสีเงิน ไอสังหารท่วมท้น ประกาศศักดายิ่งใหญ่
หลินสวินเหลือบมองเขาปราดหนึ่งแล้วตวัดสายตากลับไป
หากไม่ติดที่กฎศึกถกมรรค เขาคงไม่พูดพล่ามมากความ และไม่มีทางเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดพล่ามด้วยเช่นกัน คงจะรี่เข้าไปเชือดอีกฝ่ายเสียตรงๆ!
“ข้าจะสู้กับเจ้า!”
ผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่าคนหนึ่งกระโจนออกมา เหยียบย่างบนสนามประลอง
ครานี้เป็นทายาทเผ่าคชามารคนหนึ่ง ร่างกายสูงใหญ่หลายจั้ง ผิวกายเหมือนดั่งหินผาไม่ปาน เจือแสงทองอร่าม แผ่คลื่นผันผวนชวนตกใจหาใดเปรียบ
เขามีนามว่าเซี่ยงหลงเจี่ย ราชันระดับอมตะเคราะห์ในสายหลอมกายคนหนึ่ง
“ตายซะ!”
ทันทีที่ลงสนามประลองเซี่ยงหลงเจี่ยก็คำรามออกมา เงาร่างมหึมาดั่งคชามารดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งเหยียบฟ้าแหวกปฐพี ไอสังหารพุ่งระฟ้า
แขนสองข้างทำมุทรา ประหนึ่งภูเขายักษ์นอกเวิ้งฟ้าฟันผ่าลงมา ท่วงท่าบารมีน่าสะพรึง
ตูม!
หลินสวินไม่ได้ถอยหลบแต่อย่างใด ตรงข้ามกลับเป็นฝ่ายพุ่งเข้าใส่ ยังคงบุกโจมตีด้วยท่วงท่าเรียบง่ายและเผด็จการอย่างที่สุด
เมื่อเทียบกับเซี่ยงหลงเจี่ย เงาร่างผอมบางของเขาดูเล็กจ้อยมากอย่างเห็นได้ชัด แต่ภายใต้การบุกโจมตีของเขา วิชาลับทั้งหมดที่เซี่ยงหลงเจี่ยมีล้วนถูกระเบิดเป็นจุณ
พลังหมัดน่าสะพรึงนั้นประหนึ่งทนทานไม่สั่นคลอน สังหารวิชาลับดับสิ้น!
“ผนึกสยบมาร พิฆาต!”
เซี่ยงหลงเจี่ยหน้าเปลี่ยนสี ใช้อภินิหารพรสวรรค์ออกมา เพียงชั่วขณะเท่านั้นทั้งตัวคนก็กลายร่างเป็นช้างยักษ์สูงร้อยจั้ง ร่างกายดั่งภูเขา ลำตัวดำเมื่อม ทั่วร่างหอบม้วนด้วยแสงดำบาดตา งวงช้างยังยาวหลายสิบจั้ง ประหนึ่งแส้หวดสวรรค์
ช้างยักษ์ร้องคำราม ซัดขยี้ห้วงอากาศ เมื่อย่างเหยียบหนึ่งก้าว งาดำสนิทคู่นั้นเหมือนง้าวใหญ่ เสียบจ้วงมาทางหลินสวินอย่างหนักหน่วง
ฝ่ายค่ายจักรวรรดิคนไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสี กลั้นหายใจ อภินิหารพรสวรรค์ของเผ่าคชามารไม่ธรรมดาอย่างที่สุด กลิ่นอายทำลายล้างระฟ้า
เหมือนอย่างผนึกสยบมาร หากโคจรในมือบุคคลระดับอริยะก็สามารถเหยียบทำลายโลกหล้าได้ ทำให้จักรวาลพลิกผัน จมภูผาธารา!
ตูม!
คชามารย่างเท้าออกมาทำให้ห้วงอากาศแถบนั้นถล่มทลาย พลังมรรคน่าสะพรึงแผ่ซ่าน บีบคั้นจนฟ้าดินยังโหยไห้
และงาคู่นั้นของคชามารก็เป็นดั่งทวนแห่งเทพเถื่อนที่ดำเมื่อม ชี้ตรงไปทางหลินสวิน
“ก็แค่เท่านี้!”
หลินสวินเคลื่อนร่างโดยพลัน สองมือยื่นออกมาราวกับประกายสายฟ้า แต่ละข้างต่างกำงาช้างไว้ จากนั้นร่างก็ออกแรงโดยพลัน
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
งาช้างแหลมคมชวนสยองนั้นทนทานปานใด แต่เวลานี้กลับถูกหลินสวินหักจนขาดสะบั้นในคราเดียวเหมือนหัวไชเท้ากรอบ
ทั่วลานร้องอุทาน
ภาพนี้เห็นได้ชัดว่ามีพลังสะท้านสะเทือนเกินไป
“ตาย!”
คชามารร้องทรมาน ส่งเสียงคำรามสะท้านฟ้าออกมา งวงช้างที่เหมือนแส้หวดสวรรค์สายนั้นหวดลงมาอย่างจัง ฟาดห้วงอากาศแหลกลาญ
กลับเห็นหลินสวินไม่เบี่ยงหลบ จู่ๆ ก็คว้าฝ่ามือผ่านอากาศ ฝ่ามือยักษ์สีเขียวสว่างสายหนึ่งกำงวงช้างนั่นเอาไว้แน่น
ตูม!
หลินสวินจับงวงของมันเหวี่ยงออกไปอย่างแรง ภายใต้สายตาจับจ้องตกตะลึงของทุกคน คชามารที่เงาร่างมหึมาสูงกว่าร้อยจั้งถูกเหวี่ยงและกระแทกลงกับพื้นอย่างจัง
พื้นดินสั่นสะเทือนภูเขาโยกโคลง ฝุ่นควันเศษหินลอยกระเด็นประหนึ่งแผ่นดินใหญ่ระเบิดสะเทือนรุนแรง ร่างกายมหึมาของคชามารถูกทุ่มจนเลือดเนื้อเปื้อนเกรอะ บนพื้นยังถูกกระแทกจนเกิดหลุมขนาดใหญ่
ตูม! ตูม! ตูม!
หลินสวินไม่หยุดการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด จับงวงช้างเอาไว้แล้วเหวี่ยงทุ่มไม่หยุด เหมือนตอกเสาเข็มไม่มีผิด
ทอดสายตาจากที่ไกลๆ ก็เหมือนมดตัวหนึ่งกำลังเหวี่ยงช้างยักษ์ทุ่มกระแทกอย่างเมามัน ก่อให้เกิดภาพที่น่าตกตะลึงอย่างที่สุด
แผ่นดินใหญ่สั่นสะเทือน หยาดเลือดสาดกระเซ็น เต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดทรมานของเซี่ยงหลงเจี่ย ทำให้ผู้คนหนาวสั่นทั้งร่าง ปากอ้าตาค้าง
จนต่อมาเลือดเนื้อของเซี่ยงหลงเจี่ยต่างแหลกลาญไม่เหลือชิ้นดี กระดูกล้วนแตกขาด ร่างกายมหึมาเหมือนกับดินถล่มกระเบื้องทลาย เลือดเนื้อปนมั่ว
ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งในจักรวรรดิก็ยังมองจนปากอ้าตาค้าง นี่เหมือนเจ้าเหนือโลกพลังอนันต์ องอาจสะท้านโลกา เหวี่ยงทุ่มคชามารตัวนั้นจนจะระเบิดเป็นจุณแล้ว…
สุดท้ายงวงช้างขาดสะบั้นเสียงดังฉัวะ จากนั้นเซี่ยงหลงเจี่ยก็คืนร่างมนุษย์ กระอักเลือดรุนแรง ร่างกายยับเยิน รูพรุนรูโบ๋เต็มไปหมด
“ข้ายอมแพ้!” เขาตะโกนลั่น
พรูด!
สิ่งที่ตอบเขาคือหมัดที่ไม่เกรงใจสักนิดของหลินสวิน กระแทกใส่ร่างกายของเขาจนระเบิดทั้งตัว ฝนเลือดสาดกระเซ็น
เซี่ยงหลงเจี่ยกลายเป็นราชันต่างเผ่าคนที่สองที่ตายด้วยน้ำมือหลินสวิน!
ในลานไร้สรรพเสียงไปนานแล้ว เงียบกริบหาใดเปรียบ
การต่อสู้ครั้งนี้หลินสวินยังคงแข็งแกร่ง อานุภาพเผด็จการ ภายใต้เงื้อมมือของเขา คนเก่งกล้าอย่างเซี่ยงหลงเจี่ยก็ยังเหมือนไก่อ่อน ถูกกระทำย่ำเหยียบตามใจชอบ ไม่มีแรงต้านทานขัดขืนใดๆ
นี่เห็นได้ชัดว่าน่าอนาถเกินไป ทำให้ฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่าต่างสะท้านในใจ สีหน้าแข็งทื่อ
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว และสะใจเหลือเกิน!”
ฝ่ายจักรวรรดิมีคนโห่ร้องอย่างฮึกเหิม
คนอื่นๆ ก็คึกคักหาใดเปรียบ
พลานุภาพไร้เทียมทานของหลินสวินทำให้พวกเขาต่างฮึกเหิม สั่นสะเทือน และตื่นเต้น
“ต่อไป”
หลินสวินดูสงบผ่อนคลาย นัยน์ดำลุ่มลึกเยียบเย็น กวาดสายตามองฝั่งพันธมิตรหมื่นเผ่า บุคลิกเหยียดหยันหาใดเปรียบนั้นทำเอาผู้แข็งแกร่งต่างเผ่าพวกนั้นสีหน้าไม่น่าดูขึ้นมา
“เจ้า…” ผู้แข็งแกร่งต่างเผ่ามากมายทั้งตกใจทั้งเดือดดาล
พวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง ข่งซิ่วต่างหนาวเยือกในใจ การเข่นฆ่าแค่สองหน ก็ทำให้พวกเขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของหลินสวินแล้ว
“ข้าบอกแล้ว ตอนที่ข้ามายืนอยู่ตรงนี้ พวกเจ้าก็หนีไม่รอดสักคน”
หลินสวินสีหน้าเลือดเย็น
พวกหนิวทุนเทียนต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม สำหรับพวกเขาแล้ว ความเลือดเย็นและเฉยเมยเช่นนี้เป็นความอัปยศและเป็นการยั่วโทสะอย่างหนึ่งจริงๆ
ทอดสายตามองไปในสมรภูมิกระหายเลือด ใครจะกล้าไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเช่นนี้บ้าง
……………………