Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1524 หาญกล้า!
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1524 หาญกล้า!
กระบวนผนึกนี้มีชื่อว่า ‘คุกโซ่หกประสาน’ เมื่ออยู่ในนั้น พื้นที่แปดทิศหกทางล้วนประหนึ่งถูกปิดผนึก กลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามแห่งหนึ่ง
แม้จะเป็นอริยะก็ยังยากจะหนีจุดจบที่ถูกจองจำพ้น
ฉะนั้นยามหลินสวินเพิ่งเอ่ยคำพูดอำมหิตก็ถูกกักขังภายในพริบตา พวกเล่อเซวี่ยซิวถึงได้รู้สึกว่าน่าขันถึงเพียงนี้
เสี่ยวอิ๋นเองก็กำลังหัวเราะ เพียงแต่หัวเราะที่มกุฎอริยะพวกนั้นเบาปัญญา!
กระบวนผนึกแค่นี้ก็สามารถกักขังนายท่านไว้ได้หรือ นั่นต่างหากที่เรียกว่าเรื่องน่าขัน ในดินแดนรกร้างโบราณ ใครไม่รู้บ้างว่านายท่านเป็นถึงนักสลักลายมรรคที่มีฝีมือเปลี่ยนของเน่าให้กลายเป็นของวิเศษได้
ดังคาด ครู่ต่อมาภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน หลินสวินย่างเท้า ลอยล่องแผ่วเบาก็เดินออกจากคุกโซ่หกประสานนั่นได้แล้ว
“นี่…”
รอยยิ้มของพวกเล่อเซวี่ยซิวแข็งทื่อ นี่เป็นไปได้อย่างไร
หากหลินสวินเลือกทลายกระบวนผนึก พวกเขาก็คงไม่ถึงขนาดสะดุ้งเฮือกเช่นนี้
ที่สำคัญคือ ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินล้วนเสมือนไม่รู้สึกรู้สา มองกระบวนค่ายกลคุกโซ่หกประสานราวกับไร้ตัวตน เดินออกมาอย่างสง่าผ่าเผยทั้งอย่างนั้น!
เขาทำได้อย่างไร
พวกเล่อเซวี่ยซิวตกใจไม่หยุด ต่างสงสัยว่ากระบวนผนึกเกิดช่องโหว่ใช่หรือไม่…
“เหตุใดไม่หัวเราะแล้ว”
นัยน์ตาดำของหลินสวินดั่งอสนี กวาดมองพวกเล่อเซวี่ยซิว เจือแววถากถาง
“เฮอะ!”
ถูเยี่ยนเหวินจากเผ่ามารปีกโลหิต ใบหน้าหวานละมุนดุจหญิงสาวหัวเราะเยาะหยัน “แม้จะออกจากกระบวนค่ายกลใหญ่ได้แล้วอย่างไร ต่างอะไรจากการมาตายเปล่า เจ้าโง่!”
ขณะพูดร่างของเขาขยายออกทันควัน
ตูม!
แสงเลือดบาดตาสายหนึ่งล้นทะลักออกจากร่างเขา ส่ายไหวพุ่งทะยานขึ้นสู่เก้าชั้นฟ้า ซัดสะเทือนชั้นเมฆรอบทิศให้แหลกละเอียด
ก็เห็นแสงมรรคสีเลือดที่ใหญ่หนาดุจโซ่ตรวจสายแล้วสายเล่าไหลเวียนบนตัวถูเยี่ยนเหวิน ดุจดั่งเจียวหลงสีเลือดวาววับหลายตัวเคลื่อนไหวอยู่รอบกายเขาอย่างไรอย่างนั้น อานุภาพระดับนั้นเพียงพอจะทำให้ฟ้าดินสนั่นหวั่นไหว เทพผีถอยหนีกระเจิง
ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตละแวกใกล้เคียงต่างหวาดเสียว พากันถอยหนี นี่ก็คือพลังของมกุฎอริยะ! สูงสง่าน่าเกรงขามเกินไปแล้ว!
“ฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดเชือดวัว เห็นได้ชัดว่าถูเยี่ยนเหวินใจร้อนเกินไป ห่วงว่าจะถูกพวกเราชิงตัดหน้าฆ่าเจ้าเด็กนี่เสียก่อน เอาเถิด พวกเราก็ให้เขาสมปรารถนา”
เล่อเซวี่ยซิวหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกจับตับมาเหล่านั้นจำตัวตนของหลินสวินได้นานแล้ว เดิมทีในใจยังเหลือความหวังอยู่เสี้ยวหนึ่ง แต่เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ก็พลันสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง
อานุภาพมกุฎอริยะระดับนี้น่าสะพรึงไร้สิ้นสุดชัดๆ ทำเอาพวกเขาล้วนรู้สึกหายใจไม่ออกคล้ายสิ้นหวัง
หลินสวินจะเอาอะไรมาสู้กับอีกฝ่าย
“เจ้าตัวจ้อย คนที่สามารถทำให้ข้าอยากบุกฆ่าจนใจจะขาดเช่นนี้ได้มีไม่กี่คนหรอก เจ้าโชคดียิ่ง แต่ก็โชคไม่เข้าข้างยิ่งเช่นกัน เพราะอีกเดี๋ยวเจ้าก็จะถูกข้าสังหารแล้ว”
ในน้ำเสียงนุ่มละมุนแผ่วเบา ถูเยี่ยนเหวินย่างเท้าเนิบนาบ ยื่นมือออกไปลวกๆ แหวกอากาศคว้าไปทางหลินสวิน
เวลานี้มีเพียงพวกเสี่ยวอิ๋น รั่วอู่ที่สงบนิ่งที่สุด ถึงขั้นเผยแววเวทนาออกมา เจ้าโง่นี่คิดว่าหลินสวินยังไม่บรรลุอริยะหรือ
ตูม!
มือใหญ่สีเลือดที่ควบรวมขึ้นจากวิชาอริยมรรคข้างหนึ่งปั่นป่วนห้วงอากาศ แฝงอานุภาพที่ครอบคลุมฟ้าดินบีบเข้ามา
และเวลานี้ หลินสวินลงมือแล้ว
การเคลื่อนไหวของเขาก็เรียบง่ายเช่นกัน หมัดเดียวผ่านอากาศเท่านั้น ปรากฏประทับหมัดสีเขียวแวววาวโปร่งแสง เรียบง่ายแข็งแน่น อัศจรรย์ดั่งสวรรค์สร้าง
ถึงแม้จะเรียบง่ายไม่หวือหวา แต่หนึ่งหมัดซัดออกไป ฝ่ามือใหญ่สีเลือดที่ปะทะเข้ามากลับระเบิดกระจุยเหมือนกระจกแก้วที่แตกหักง่าย
ท่ามกลางละอองแสงสาดกระเซ็น ประกายหมัดโฉบแหวกอากาศ ฉีกทึ้งออกเป็นรอยแยกตรงแน่วสายหนึ่ง เสียงครวญเล็กแหลมสะเทือนโสตจวนหูจะหนวกทำให้ฟ้าดินยังเปลี่ยนสี
หืม?
ถูเยี่ยนเหวินแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
แทบจะเป็นไปตามสัญชาตญาณ เขาลงมือโจมตีอีกครั้ง นิ้วมือทำมุทระแล้วตบออกไปอย่างจัง
ตูม!
ท่ามกลางเสียงกระแทกสะเทือนฟ้าดิน ร่างถูเยี่ยนเหวินถอยออกไปเต็มแรง แทบอยากกระอักเลือดออกมา สีหน้าเปลี่ยนไปชั่วพริบตา คล้ายไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าบรรลุอริยะแล้ว!?”
“เจ้าเพิ่งรู้หรือ”
ยามที่เสียงดังก้อง
เงาร่างของหลินสวินหายลับกลางอากาศ ไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าถูเยี่ยนเหวิน หนึ่งฝ่ามือฟันลงไป
ประทับปี้อั้น!
เพียงแต่ประทับปี้อั้นในยามนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าคว่ำดินนานแล้ว แห่ห้อมด้วยพลังยิ่งใหญ่อริยมรรคที่เจิดจรัสน่าสะพรึง แสงมรรคสาดกระเซ็น
ตอนที่เสียงของหลินสวินสิ้นสุด
ตูม!
ภายใต้สภาพไม่ทันตั้งตัว ถูเยี่ยนเหวินถูกซัดลอยออกไปอย่างจัง จมูกปากกบเลือด ใบหน้ายังถูกกระแทกจนยุบ ส่งเสียงโหยหวนออกมา
ประโยคเดียวดังขึ้นและหยุดลง เพิ่งจะแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
มกุฎอริยะถูเยี่ยนเหวิน ถูกซัดกระเด็น!
ทั่วลานสั่นสะท้าน ต่างปากอ้าตาค้างกันถ้วนหน้า
พวกเล่อเซวี่ยซิวยิ่งหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
ก่อนหน้านี้พวกเขายังไม่เห็นพ้องด้วย คิดว่าถูเยี่ยนเหวินใจร้อนลุกออกมาลงมือ ออกจะทำเรื่องใหญ่แต่ได้ผลเล็กน้อยไปหน่อย ดูเสียศักดิ์ศรี
ไหนเลยจะคาดคิด เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นถูเยี่ยนเหวินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส!
และเจ้าหนุ่มที่ถูกพวกเขามองเป็นมดปลวกคนนั้น ก็สำแดงอานุภาพน่าสะพรึงที่มีแต่มกุฎอริยะเท่านั้นจึงจะมีได้!
เขา…
ถึงกับบรรลุอริยะแล้ว!?
ความจริงข้อนี้ทำเอาพวกเล่อเซวี่ยซิวต่างไม่อาจยอมรับได้ เพราะพวกเขาฟันธงไปแต่แรกแล้วว่าหลินสวินที่ถูกจองจำอยู่ใต้หุบเหวลึก และพลาดโอกาสเข้าสู่แดนลับนรกโลกันตร์แล้ว ก็ต้องพลาดโอกาสบรรลุมกุฎอริยะด้วยอย่างแน่นอน!
แต่ใครจะกล้าเชื่อ เขาถึงกับบรรลุอริยะแล้ว ซ้ำยังครอบครองพลังแห่งมกุฎอีกด้วย!
การโจมตีครั้งนี้ทำให้พวกเล่อเซวี่ยซิวล้วนรู้สึกเหมือนถูกคนเอาท่อนไม้ฟาด นี่… เป็นไปได้อย่างไรกัน
และในบริเวณที่ห่างออกไป ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตซึ่งกำลังฮึกเหิมพวกนั้นต่างตะลึงอึ้งค้าง ส่วนใหญ่ก็ไม่อาจยอมรับภาพเช่นนี้ได้
ตูม!
พูดเหมือนช้าแต่กลับเร็วยิ่ง ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่ได้หยุดมือเลย หลังจากพิชิตถูเยี่ยนเหวินได้ เขาก็โจมตีออกไปอีกครั้ง
เขาในตอนนี้เพิ่งจะสำแดงความแข็งแกร่งแท้จริงของตนออกมา ร่างกายมีกลิ่นอายไพศาลไหลเวียน ผมสีดำทั่วศีรษะล้วนสาดแสงศักดิ์สิทธิ์ ดุจดั่งเดินออกมาจากสรวงสวรรค์
ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีอานุภาพกดข่มปิดครอบเวิ้งฟ้า อานุภาพผงาดกร้าว!
ฟุ่บ!
เขารวบนิ้วตวัดวาด ลำแสงสีทองที่บางเบาดุจเส้นใย เจิดจรัสดั่งควบหลอมสายหนึ่งปรากฏขึ้น
“ฟัน!”
นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็นลุ่มลึก ผ่าฟันลงไป ณ ที่นั้น
ถูเยี่ยนเหวินผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ร้องตวาดคราหนึ่ง พลังอริยะที่เหมือนเจียวหลงสีเลือดแวววาวรอบกายคำราม กลายเป็นประทับฝ่ามือหนึ่งที่มีรัศมีสิบจั้งเต็ม
ทว่าเพียงพริบตาก็ถูกลำแสงสีทองสายนั้นของหลินสวินฉีกทึ้ง ระเบิดกระจายกลางห้วงอากาศ แสงเลือดลุกโชนไหลพุ่งไปสี่ทิศแปดด้าน
พรูด!
บริเวณอกของถูเยี่ยนเหวินถูกแหวกออกเป็นรอยแผลโชกเลือดสายหนึ่ง ลึกจนเห็นกระดูก ขาดเพียงนิดเดียวก็จะถูกผ่าท้องเปิดอกแล้ว
เขาหน้าถอดสีทันควัน
“ไม้ซีกงัดไม้ซุง ทนการโจมตีเดียวยังไม่ได้”
หลินสวินกล่าวสบายๆ
บรรยากาศในลานเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดถึงขีดสุดแล้ว ไม่มีใครไม่ถูกอานุภาพที่หลินสวินสำแดงออกมาทำให้สั่นสะท้าน แม้จะเหยียบย่างระดับมกุฎอริยะ แต่ก็เพิ่งจะบรรลุอริยะเท่านั้น จะแข็แกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร
ต่อให้เป็นรั่วอู่ก็เพิ่งจะตระหนักได้ตอนนี้เองว่า การดวลแลกเปลี่ยนวิชาในหุบเหวลึกก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าหลินสวินยั้งมือไว้!
หาไม่เกรงว่าตนจะถูกสยบอยู่หมัดนานแล้ว…
เมื่อนึกถึงตรงนี้ในใจรั่วอู่ก็ทอดถอนใจคราหนึ่ง นางมีหรือจะไม่เข้าใจ หลินสวินทำเช่นนี้ก็เพื่อไว้หน้าตน
“โอหัง!”
ทันใดนั้นถูว่านคงที่หน้าผากกว้างหนวดเคราขึงขัง เงาร่างกำยำดุจภูเขาก็บุกโจมตี หมายจะหยุดหลินสวินโจมตีใส่ถูเยี่ยนเหวิน
ตูม!
แสงอสนีที่มองเห็นด้วยตาเปล่าสายแล้วสายเล่ามารวมตัวกันจากสี่ทิศแปดทาง ชักนำกระตุ้นพลังอสนีแห่งฟ้าดิน ห้วงอากาศละแวกใกล้เคียงล้วนพังครืน ถูกทะเลสายฟ้าท่วมท้นโดยมีถูว่านคงเป็นศูนย์กลาง
เขาซัดหนึ่งหมัดออกไป ดั่งเทพอสนีพิโรธ แสงสายฟ้าเจิดจ้าราวแม่น้ำกว้างใหญ่ทะลักเข้าสู่หนึ่งหมัดนี้ ฉีกแหวกห้วงอากาศ
หมัดของเขาเคลื่อนขวางเวิ้งฟ้า อานุภาพดุจแหวกนภา!
“หมัดเท้าประดับบุปผา น่ามองแต่ไม่ได้ความ”
หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง แสงเรืองศักดิ์สิทธิ์สีทองม้วนตลบ หักทำลายอย่างง่ายดาย บดขยี้พลังของหมัดนี้จนแตกกระจายกลางห้วงอากาศ
ส่วนถูว่านคงมาไวไปไวยิ่งกว่า เขารู้สึกเพียงเหมือนถูกพายุรุนแรงหอบม้วน ร่างก็ถูกซัดปลิวออกไปอย่างควบคุมไม่ได้
แค่สะบัดแขนเสื้อครั้งเดียวก็ซัดมกุฎอริยะคนหนึ่งให้ถอยออกไปได้!
พวกเล่อเซวี่ยซิวที่ได้เห็นภาพนี้กับตาล้วนหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ในที่สุดก็กล้ามั่นใจว่า หลินสวินไม่เพียงกลายเป็นมกุฎอริยะที่ฝีมือสมชื่อคนหนึ่งเท่านั้น
พลังต่อสู้ของเขาก็ยังแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อด้วย!
ควรรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นถูเยี่ยนเหวินหรือถูว่านคง ใครบ้างไม่ใช่สัตว์ประหลาดเฒ่าในระดับมกุฎอริยะ โชกโชนอยู่ในระดับนี้มานานปี
แต่ภายใต้น้ำมือของหลินสวิน กลับเหมือนมดเขย่าต้นไม้ ต้านการโจมตีเดียวไม่อยู่!
นี่เห็นได้ชัดว่าน่าสยองเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“ลงมือพร้อมกัน!”
พวกเล่อเซวี่ยซิวตระหนักถึงความไม่เข้าทีอย่างที่สุด
ก่อนหน้านี้พวกเขาข่มกลั้นความเดือดดาลเอาไว้ คิดว่าการที่ไม่สามารถฆ่าพวกหลินสวินได้จะทำให้พวกเขาเสียหน้า
แต่ตอนนี้ พวกเขามีหรือจะกล้าคิดเช่นนี้
ขอเพียงไม่ใช่คนโง่ล้วนรู้ว่า หลินสวินที่ถูกพวกเขามองเป็นมดปลวกที่จะฆ่าแกงอย่างไรก็ได้ ยามนี้ได้กลายเป็นคนระดับเดียวกับพวกเขาแล้ว หนำซ้ำพลังต่อสู้ยังน่ากลัวยิ่ง!
ต่อให้ตีหัวจนแตกก็ยังคิดไม่ออกว่า เหตุใดหลินสวินจึงสามารถข้ามเคราะห์บรรลุอริยะในเหวลึกนั่นได้ แต่พวกเขาไม่อาจสนใจเรื่องพวกนั้นได้แล้ว
ตอนนี้พวกเขาจำต้องลงมือ โจมตีสังหารอีกฝ่ายเดี๋ยวนี้!
ตูม!
เงาร่างของเล่อเซวี่ยซิวพริบไหว แปลงศิลาสีเลือดที่เรียงซ้อนเป็นชั้นๆ ออกมา มีถึงหนึ่งร้อยแปดก้อน ต่างเชื่อมโยงกัน วิวัฒน์เป็นป่าศิลาสีเลือดที่แปลกพิสดารผืนหนึ่งแล้วเข่นฆ่าลงมา
“ทะยาน!”
เสอไท่สิงที่สวมชุดเขียวส่งเสียงคำรามยาว แขนเสื้อโบกสะบัด กระบี่สีชาดยาวสามฉื่อเล่มหนึ่งปรากฏ สะท้อนลำแสงคมกริบสะท้านโลก
กระบี่เล่มนี้ควบหลอมจากกฎเกณฑ์อริยมรรคอันพิสุทธิ์ผุดผ่องที่สุด ถึงขั้นสามารถมองเห็นว่าบนตัวกระบี่ประทับลายมรรคแน่นขนัด วิวัฒน์เป็นลักษณ์ประหลาดพิสดารหลายชั้น
สวบ!
กระบี่สีชาดบั่นเฉือนไปทางหลินสวินราวกับริ้วไหมที่เคลื่อนขวางอากาศ
และพวกเฟิงอวิ๋นเชวีย ชางสิงคุน เฮ่อชิงไหวสามคน บ้างก็เรียกสมบัติออกมา บ้างก็สำแดงวิชามรรค พุ่งโจมตีจากคนละทิศ
ชั่วขณะนั้นฟ้าดินหนาวเหน็บหดหู่ พื้นที่ในบริเวณพันลี้ล้วนถูกพลังอริยมรรคน่าสะพรึงท่วมท้น ทำให้ห้วงอากาศแหลกลาญ หินผาพังครืน ต้นไม้ใบหญ้ามอดไหม้ ผืนดินใหญ่แตกระแหง!
มกุฎอริยะทั้งกลุ่มลงมือ อานุภาพระดับนั้นดุจดั่งเคราะห์ใหญ่ฉากหนึ่งมาเยือนโลกชัดๆ!
แม้จะเป็นรั่วอู่และเสี่ยวอิ๋นที่เชื่อมั่นในหลินสวินเต็มเปี่ยมก็ยังอดประหม่าขึ้นมาไม่ได้
เพราะการบุกโจมตีทั้งหมดนี้ล้วนพุ่งไปทางหลินสวินคนเดียว!
ทว่าหลินสวินหน้าไม่เปลี่ยนสี เรียบนิ่งไร้ว้าวุ่น
เขายังคงสงบไม่ร้อนรน รอบกายเขาพร้อมๆ กับเสียงครวญกระบี่ดังชิ้งๆ ระลอกหนึ่ง ปราณกระบี่เจิดจ้าประหนึ่งกระแสน้ำหลากแถบหนึ่งพุ่งโฉบออกมา เบียดเสียดแน่นขนัด อานุภาพคมกริบ ประหนึ่งหมายจะแหวกผ่าจักรวาล เฉือนสุริยันจันทราดวงดาราร่วงโรย บรรจุพลังน่าสะพรึงหาใดเปรียบ
เป็นปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายที่ฟูมฟักอยู่ในจุดชีพจร!
กระทั่งพลังโจมตีทั้งหมดมาถึง ร่างกายหลินสวินขยายออกทันควัน นัยน์ตาดำสาดลำแสงเทพออกมา
“ทะลวง!”
พร้อมๆ กับที่ริมฝีปากของหลินสวินพูดหนึ่งคำออกมาเบาๆ ปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายที่สั่งสมไว้แต่แรก สาดแสงบาดตาออกมาในพริบตาเดียว ส่องสว่างฟ้าดิน พุ่งออกไปพร้อมกับเสียงครวญ
กระบี่ไท่เสวียนสามพันเคลื่อนขวางเวิ้งฟ้า หมายจะประชันประกายคมกับศัตรู ในวันนี้ที่บรรลุมกุฎอริยะ!
——