Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1532 เลือดสะพัดตลอดทาง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1532 เลือดสะพัดตลอดทาง
เพิ่งจะออกจากป่าหลอมจิต พวกหลินสวินก็เจอกับผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตกลุ่มหนึ่ง
เห็นท่าทางดุดันพลุ่งพล่านของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าหลังจากได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือก็รีบมุ่งหน้ามาช่วยที่ป่าหลอมจิต
ไม่จำเป็นต้องให้หลินสวินลงมือด้วยซ้ำ รั่วอู่ เสี่ยวอิ๋น ผีเสื้อมารแยกฟ้าลงมือพร้อมกัน เพียงพริบตาเดียวก็กำจัดอีกฝ่ายจนสิ้นซากแล้ว
ทั้งหมดเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น!
แต่พอพวกหลินสวินมุ่งหน้าต่อ ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตที่เจอก็มากขึ้นเรื่อยๆ เป็นกลุ่มเป็นก้อน ตะบึงมาจากสี่ด้านแปดทิศ
หากเดินทางด้วยความเร็วเต็มที่ แน่นอนว่าไม่มีคนสามารถขวางพวกหลินสวินได้
แต่หลินสวินไม่
ครั้งนี้ในเมื่อเขาตัดสินใจว่าจะสังหารระหว่างทางไปเมืองอารักษ์มรรค แน่นอนว่าศัตรูที่ปรากฏตัวยิ่งมากยิ่งดี
ชั่วขณะเดียวบนหนทางที่หลินสวินมุ่งหน้า ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าถูกกวาดล้าง ทุกครั้งจะต้องมีศัตรูตั้งแต่หลายสิบถึงร้อยคนถูกสังหาร
ทว่าน้อยมากจึงจะมีโอกาสให้หลินสวินลงมือ เพราะในบรรดาศัตรูเหล่านี้ ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เพียงแค่ระดับอริยะแท้ทั่วไปเท่านั้น
ในสายตาของมกุฎอริยะอย่างรั่วอู่ แน่นอนว่าไม่ควรค่าให้พูดถึง
เช่นนี้หลินสวินจึงกลับกลายเป็นคนว่าง
ถึงขั้นมีเวลาว่างตรวจดูป้ายคำสั่งเซียนเหินและป้ายคำสั่งรกร้างโบราณของตน ใคร่ครวญว่าการฝึกปราณหลังจากนี้ควรจะเสาะแสวงอย่างไร
ด้วยวิธีนี้ พวกหลินสวินก็ได้เริ่มต้นเส้นทางนองเลือด มุ่งหน้าสู่ทิศเหนือตลอดทาง
การเข่นฆ่าระดับนี้แน่นอนว่าปิดไม่อยู่ ไม่นานภายใต้การกระจายข่าวกันเองของผู้แข็งแกร่งเผ่าผึ้งมารลายดำ เรื่องราวเกี่ยวกับการที่พวกหลินสวินบุกสังหารพลางมุ่งหน้ามาทางเหนือตลอดทางก็แพร่สะพัดออกไป
เดิมทียังมีผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตมากมายไม่เข้าใจสถานการณ์ พุ่งเข้าหาพวกหลินสวินด้วยอานุภาพดุดัน
แต่พอข่าวกระจายออกไป ได้รู้จำนวนผู้แข็งแกร่งที่สิ้นชีพในมือพวกหลินสวิน ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตหลายคนก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
มีมกุฎอริยะนำทาง ระหว่างทางล้วนราบรื่นราวกับไร้เทียมทาน ใครจะกล้าพุ่งไปรนหาที่ตาย
มีผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตสังเวยชีวิตหลายสิบกลุ่มตามๆ กัน รวมกันแล้วมากถึงหลายพันคน ในนั้นไม่ขาดบุคคลระดับอริยะ!
ตัวเลขผู้ตายที่นองเลือดนี้เริ่มแพร่สะพัดออกไปตามข่าวด้วย ทำให้เกิดความหวั่นหวาดและแตกตื่นไม่รู้เท่าไหร่
“นี่เป็นถึงอาณาเขตของพวกเรา สุนัขชายหญิงคู่นั้นกลับเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ที่นี่ ไม่เห็นดินแดนโบราณมารโลหิตอยู่ในสายตาหรือ”
“แพะสองขาดินแดนรกร้างโบราณกล้ารังแกมาถึงหัวพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
มีคนเดือดดาล
“เร็ว! ขอความช่วยเหลือจากเมืองอารักษ์มรรค หากไม่มีมกุฎอริยะลงมือ พวกเราต้านทานอีกฝ่ายไม่ได้แน่!”
และมีคนร้อนรนราวกับเพลิงผลาญ ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
“นี่พวกเขาจะมุ่งหน้าไปเมืองอารักษ์มรรคหรือ ทำเช่นนี้ไม่กลัวตายหรือไร”
และมีคนประหลาดใจไม่อาจสงบได้ สังเกตเห็นทิศทางที่พวกหลินสวินมุ่งหน้าไป ถึงกับตรงไปยังเมืองอารักษ์มรรคที่อยู่ทางเหนือ
ในคลื่นลมนองเลือดที่เกิดขึ้นนี้ พวกหลินสวินเดินหน้าตลอดทางโดยไม่หยุดสักนิด
เวลาหนึ่งเค่อเท่านั้นก็บุกสังหารมาหนึ่งหมื่นลี้แล้ว!
……
ในหุบเขาแห่งหนึ่ง
“ดูจากสถานการณ์ครั้งนี้ ดินแดนรกร้างโบราณถือว่ามีคนร้ายกาจโผล่มาสองสามคนแล้ว”
ชายที่หนวดเคราและเส้นผมเป็นสีขาวเงิน รูปร่างสูงโปร่ง บนแขนประทับสัญลักษณ์แดงเพลิงคนหนึ่งกล่าว รอบตัวเขามีคลื่นระดับอริยะสีทองอ่อนวนเวียนอยู่รางๆ
เหยียนสิงเหวิน อริยะเผ่าจงอางแดงแห่งดินแดนโบราณหม่อนบูรพา
ข้างๆ เหยียนสิงเหวินยังมีผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณหม่อนบูรพาอีกสิบกว่าคน
ดินแดนโบราณหม่อนบูรพาเป็นหนึ่งในแปดดินแดน ก่อนที่จะกวาดล้างดินแดนรกร้างโบราณจนหมดสิ้น ระหว่างผู้แข็งแกร่งอีกแปดดินแดนไม่มีทางต่อสู้กันเอง
นี่เป็นกฎที่ได้รับการยอมรับมาช้านาน
ที่พวกเหยียนสิงเหวินปรากฏตัวในโลกมารโลหิตก็เหมือนกับพวกหลินสวิน คือถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่ตอนเข้าสู่สมรภูมิเก้าดินแดน
“ชายหญิงที่นามว่าหลินสวินและรั่วอู่ถือว่าร้ายกาจมากจริงๆ บุกสังหารมาตลอดทาง ชนะทุกการต่อสู้ คราวนี้โลกมารโลหิตเสียหายหนักอยู่บ้างแล้ว”
มีคนยิ้มเยาะ
“ไม่ พวกเจ้าไม่เข้าใจ ความเสียหายเหล่านี้ไม่ถึงกับหนัก ถึงขั้นแม้แต่ขนของดินแดนโบราณมารโลหิตยังไม่เสียหาย”
เหยียนสิงเหวินพูดอย่างเรียบเฉย “พวกเจ้าต้องจำไว้ว่า ผู้ที่กำหนดสถานการณ์การต่อสู้เก้าดินแดนไม่เคยเป็นพวกตัวเล็กๆ เหล่านั้น แต่เป็นมกุฎอริยะ!”
ทันใดนั้นเขาพลันเบี่ยงประเด็น สรุปออกมา “ส่วนหลินสิวและรั่วอู่… ครั้งนี้จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย น่าเสียดายแทนดินแดนรกร้างโบราณ อุตส่าห์ปรากฏบุคคลที่เรียกได้ว่าน่าทึ่ง แต่กลับเหมือนดางหางที่จะหล่นร่วงในโลกมารโลหิต”
ได้ยินเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณหม่อนบูรพาเหล่านั้นต่างยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
ดินแดนรกร้างโบราณหรือ
การต่อสู้ที่แท้จริงของสมรภูมิเก้าดินแดน ไม่เคยมีส่วนของดินแดนรกร้างโบราณมาแต่ไหนแต่ไร!
“นินทาคนลับหลัง ไม่กลัวถูกแก้แค้นหรือ”
ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งปรากฏกลางอากาศ สวมชุดสีขาวพระจันทร์ สีหน้านิ่งสงบราวกับผืนน้ำ เป็นหลินสวินนั่นเอง
เหยียนสิงเหวินตกใจกลัว พูดด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยพลัน “สหาย พวกเรามาจากดินแดนโบราณหม่อนบูรพา ไม่ใช่พวกเดียวกับดินแดนโบราณมารโลหิต”
เพียงแค่มองมา หลินสวินก็ให้ความรู้สึกกดดันที่น่ากลัวอย่างที่สุดกับเขา ทำให้แม้แต่จิตใจของเขายังรู้สึกไปเองว่ากำลังพังทลาย จึงลดท่าทีลงอย่างไม่ลังเล
ยิ่งไปกว่านั้นในใจเขาก็คาดการณ์ได้คร่าวๆ แล้วว่า คนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าจะต้องเป็นหลินสวิน บุคคลขอบเขตมกุฎแห่งดินแดนรกร้างโบราณอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่คนอื่นๆ ไม่ได้ตามีแววขนาดนั้น เห็นหลินสวินท่าทีผิดปกติก็พลันมีคนขมวดคิ้ว พูดด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร “เมื่อครู่นี้เจ้าแอบฟังพวกเราคุยกันหรือ”
เหยียนสิงเหวินแอบอุทานว่าแย่แล้ว
แต่ตอนที่เขาหมายจะขวางก็ไม่ทันแล้ว
ปัง!
คนที่พูดตายคาที่โดยตรง ร่างกายทรุดลงกับพื้น ก่อนตายยังเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำว่าหลินสวินลงมืออย่างไร
“เจ้ากล้าลงมือหรือ”
คนอื่นๆ เดือดดาลยกใหญ่
เหยียนสิงเหวินเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจในใจ รู้ว่าไม่สามารถอธิบายได้แล้ว จึงชิงเปิดการโจมตีทันที
ตูม!
แขนขวาของเขาสะบัดออก เปลวเพลิงที่น่ากลัวพวยพุ่งออกมา ปกฟ้าคลุมดิน
แต่พอมาถึงตรงหน้าหลินสวินก็ทรุดตัวและดับสลายไปทันที
“เจ้าถึงกับบรรลุมกุฎอริยะแล้ว!?”
คราวนี้ในที่สุดเหยียนสิงเหวินก็ตระหนักได้ถึงปัญหา ที่แท้ไม่เพียงแค่รั่วอู่นั่น แม้แต่หลินสวินก็บรรลุมกุฎอริยะแล้ว!
“ดินแดนโบราณหม่อนบูรพาแล้วอย่างไร พวกเจ้าก็เหมือนพวกดินแดนโบราณมารโลหิตที่สู้เดรัจฉานยังไม่ได้ ล้วนอยู่ในกลุ่มศัตรูที่ต้องฆ่า”
พูดจบหลินสวินก็หมุนตัวจากไป
และด้านหลังเขา ร่างของเหยียนสิงเหวินระเบิดแหลกก่อนเป็นคนแรก ถูกแสงมรรคน่าสะพรึงดับทำลาย จากนั้นเหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณหม่อนบูรพาต่างนอนตายคาที่ทีละคน
ไม่มีใครเหลือรอด!
ผู้แข็งแกร่งที่มาจากดินแดนอื่นเหมือนกับกลุ่มเหยียนสิงเหวิน ระหว่างทางหลินสวินก็เจอมาไม่น้อย ล้วนถูกสังหารอย่างไม่มีข้อยกเว้น
อย่างดินแดนโบราณต้าหลัว ดินแดนโบราณขุมอุดร ดินแดนโบราณยอดหยิน ดินแดนโบราณอสูรดาว ดินแดนโบราณจิ่วหลีและ ดินแดนโบราณเพลิงสวรรค์เป็นต้น
ดูความครื้นเครงก็ไม่ได้
สำหรับหลินสวิน เขาเป็นตัวแทนของดินแดนรกร้างโบราณ ผู้แข็งแกร่งอื่นๆ อีกแปดดินแดนล้วนเป็นศัตรู!
เมื่อก่อนผู้แข็งแกร่งอื่นๆ อีกแปดดินแดนปฏิบัติกับผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณอย่างไร ตอนนี้หลินสวินก็จะเอาคืนทั้งหมด!
……
สำหรับหลินสวิน การฆ่าพวกเหยียนสิงเหวินก็แค่เรื่องเล็กที่แทรกเข้ามาระหว่างทางเท่านั้น
ไม่นานเขาก็ไปรวมตัวกับรั่วอู่และเดินทางต่อ
ระหว่างทางนี้พวกเขาไม่มีความคิดจะปกปิดใดๆ สังหารไปโดยตรง ทำให้เกิดพายุนองเลือดตลอดทาง
ตอนนี้ในภูเขาหิมะที่เรียงรายเป็นคลื่นห่างจากเมืองอารักษ์มรรคพันลี้
มกุฎอริยะสามคนซึ่งรับคำสั่งจากเมืองอารักษ์มรรคได้รออยู่ที่นี่แล้ว
“ได้ยินว่ามกุฎอริยะเจ็ดคนอย่างพวกเล่อเซวี่ยซิวยังไม่สามารถสังหารผู้หญิงที่ชื่อรั่วอู่นั่นได้ เห็นได้ว่าผู้หญิงคนนี้ดูถูกไม่ได้”
หญิงชราที่ร่างกายเป็นสีทองอร่าม ปกคลุมด้วยเกล็ดสีทองแน่นขนัดเอ่ยปากเสียงแหลม
เสอปี้อวิ๋น มกุฎอริยะเผ่างูมารทองคำ
“จะร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่ควรโง่ถึงขนาดวิ่งมารนหาที่ตาย พูดได้เพียงว่าผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเลียนอย่างพฤติกรรมแมงเม่าบินเข้ากองไฟ”
ข้างๆ ชายชุดคลุมเทาที่รูปร่างผอมตอบดูสง่าพูด ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำวาบประกายแปลกประหลาด
เล่อเทียนเหิง!
มกุฎอริยะเผ่าเหยี่ยวมารเหิน อาของเล่อเซวี่ยซิว บุคคลขอบเขตมกุฎในยุคหลังคนหนึ่งที่อยู่ในระดับอริยะแท้
นอกจากนี้ยังมีชายที่สวมชุดหนังสัตว์ กล้ามเนื้อแน่นราวกับก้อนหิน หนวดผมรุงรังคนหนึ่ง นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่พูดไม่จา
เฮ่อชิงเหยียน บุคคลขอบเขตมกุฎเผ่ากระเรียนมังกรปีกทอง พี่ชายแท้ๆ ของเฮ่อชิงไหว
หลังจากรู้ข่าวการตายของเฮ่อชิงไหว เขาก็เลือกที่ออกมาลงมือในทันที!
“เจ้าว่าพวกเล่อเซวี่ยซิวร่วงหล่นอย่างไรกันแน่ จะถูกรั่วอู่นั่นฆ่าตายหรือไม่”
เสอปี้อวิ๋นอดถามไม่ได้
“เหลวไหล! ส่วนลึกของป่าหลอมจิตเต็มไปด้วยสิ่งประหลาดและอันตราย เมื่อก่อนก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดเรื่องที่อริยะร่วงหล่น ยิ่งไปกว่านี้ แค่รั่วอู่นั่นคนเดียว จะเป็นคู่ต่อสู้ของมกุฎอริยะเจ็ดคนได้อย่างไร”
“อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้รั่วอู่นี่เกือบถูกฆ่าตายแล้ว!”
เล่อเทียนเหิงสีหน้ามืดมทะมึน การตายของเล่อเซวี่ยซิวทำให้เขาปวดใจอย่างที่สุด
ตอนที่พูดคุยกันก็มีข่าวแพร่มาจากไกลๆ เป็นระยะ
“แย่แล้ว หลินสวินและรั่วอู่นั่นปรากฏตัวใน ‘พื้นที่ภูเขาหมาป่าเลือด’ แล้ว อริยะสิบเก้าคนที่ประจำการอยู่ที่นั่นถูกฆ่าทั้งหมด!”
“ศัตรูปรากฏตัวในระยะสามพันลี้แล้ว!”
“ศัตรูกำลังเข้าใกล้ทางนี้…”
ไม่นานพอข่าวกระจายมาถึง เล่อเทียนเหิงและเสอปี้อวิ๋นต่างหยุดสนทนา เคลื่อนสายตามองไปไกลๆ พร้อมกัน ส่วนลึกของหัวใจมีไอสังหารที่ควบคุมไม่อยู่พลุ่งพล่าน
กลางฟ้าดินลมหิมะที่เดิมทีปกคลุมอยู่ทั่วถูกไอสังหารน่ากลัวนั่นซัดกระจาย ในห้วงอากาศเต็มไปด้วยเสียงลมคร่ำครวญ สยดสยองน่ากลัวราวกับผีสางร่ำไห้
“มาแล้ว!”
ทันใดนั้นในดวงตาแดงก่ำของเล่อเทียนเหิงวาบประกายเย็นเยียบ จิตรับรู้แผ่ออกปานจะปกคลุมฟ้าดิน
“แมงเม่าบินเข้ากองไฟ ก็เหมือนเล่นกับไฟและถูกแผดเผาไปเอง ข้าจำต้องพูดอีกสักประโยค ผู้หญิงคนนี้… โง่จริงๆ”
เสอปี้อวิ๋นพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เฮ่อชิงเหยียนที่เดิมนั่งขัดสมาธิอยู่ก็ลุกขึ้นจากพื้นอย่างไร้สุ้มเสียง
ร่างกายดุจหินผาของเขาสูงหลายจั้ง เหมือนขุนเขาที่ผงาดขึ้นจากพื้น ให้ความรู้สึกกดกันไร้สิ้นสุด
สายตาของเขามองไปไกลๆ เต็มไปด้วยความเฉยชา
“ข้าจะฆ่านาง!”
ริมฝีปากของเฮ่อชิงเหยียนพ่นสี่คำนี้ออกมา ทุกคำล้วนเต็มไปด้วยไอสังหารอัดแน่น
“นี่แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราสามคนลงมือพร้อมกัน ผู้หญิงโง่คนนั้นจะมีโอกาสรอดได้อย่างไร”
เสอปี้อวิ๋นพูดเนิบช้า
ตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่ทั้งสามคนคุยกันก็คือจะสังหารรั่วอู่อย่างไร ไม่เคยนึกถึงหลินสวินที่อยู่ข้างๆ รั่วอู่เลย
เพราะจนถึงตอนนี้ พวกเขายังไม่รู้เรื่องที่หลินสวินบรรลุมกุฎอริยะ
กลับเป็นรั่วอู่ที่ถูกจัดเป็นบุคคลสำคัญของข่าว!
แม้แต่เสี่ยวอิ๋น ผีเสื้อมารแยกฟ้า ยังถูกมองว่าสำคัญมากกว่าหลินสวิน
บวกกับตลอดทางนี้หลินสวินได้ลงมือน้อยครั้งมาก ในข่าวกระจายออกไปจึงแทบไม่ค่อยพูดถึงเขา ใครจะกล้าเชื่อว่าหลินสวินที่ไม่ได้ไปช่วงชิงวาสนาที่แดนลับนรกโลกันตร์ กลับสามารถบรรลุมกุฎอริยะได้เช่นกัน
………