Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1549 ทรายทองผลึกอากาศ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1549 ทรายทองผลึกอากาศ
คิดอยากให้คนธรรมดาทั่วไปยกย่องว่าเป็นผู้นำ ง่ายดายยิ่ง เพียงแค่หยิบยื่นผลประโยชน์ให้อีกฝ่าย สนองความต้องการของเขา และมีวิธีบังคับควบคุมชุดหนึ่งก็พอแล้ว
คิดอยากให้เหล่าผู้ฝึกปราณยกย่องเป็นผู้นำ นี่กลับยาก ก็เปรียบเหมือนปกครองสำนักแห่งหนึ่ง หากหมายจะรวมผู้แข็งแกร่งทั้งหมดเป็นปึกแผ่น ย่อมต้องมีพลัง สติปัญญา และความน่าเกรงขาม
และหากอยากให้มกุฎอริยะอย่างเซ่าเฮ่า รวมถึงรั่วอู่ต่างเต็มใจทำงานร่วมกับเขา ยกย่องเขาเป็นผู้นำ…
ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์ชัดๆ!
ถึงอย่างไรในดินแดนรกร้างโบราณ อริยะล้วนเรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ฝ่ายหนึ่ง ยืนตระหง่านอยู่เหนือโลก
ส่วนมกุฎอริยะยิ่งต่างกันไปอีก อย่างน้อยในกาลเวลาตั้งแต่ยุคบรรพกาลจวบจนปัจจุบัน ภายในดินแดนรกร้างโบราณก็ไม่เคยปรากฏมกุฎอริยะมาก่อน
และในช่วงเวลาที่สมรภูมิเก้าดินแดนเปิดออก ถึงทำให้เซ่าเฮ่าและรั่วอู่ต่างพากันเหยียบย่างระดับมกุฎอริยะ กลายเป็นบุคคลมหัศจรรย์ที่โดดเด่นสะดุดตายิ่งกว่าอริยะแท้ทั่วไป
ส่วนหลินสวิน เห็นได้ชัดว่าแต่ไหนแต่ไรไม่เคยพยายามเพื่อสิ่งนี้มาก่อน แต่กลับทำเรื่องที่ยากยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้นฟ้าได้สำเร็จโดยไม่รู้ตัว!
อย่างเช่นตอนนี้ เซ่าเฮ่า รั่วอู่ต่างก็ทำตามคำสั่งของเขาอยู่ในที
นี่ทำให้รั่วอู่ไม่อยากยอมรับยังไม่ได้
…
เวลาผันผ่าน หนึ่งเดือนเคลื่อนคล้อยไปอย่างรวดเร็ว
ในหนึ่งเดือนนี้เซ่าเฮ่านำทัพผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณทั้งกลุ่มห้อตะบึงตามพื้นที่ต่างๆ โลกรกร้างโบราณ พัดกระพือพายุนองเลือดฉากแล้วฉากเล่า
ขุมอำนาจศัตรูแปดดินแดนที่ท่องทั่วโลกรกร้างโบราณไม่รู้เท่าไหร่ถูกกวาดล้างหมดเกลี้ยง
มีมกุฎอริยะอย่างเซ่าเฮ่าคอบควบคุมดูแล การเข่นฆ่าตลอดทางนี้ล้วนโจมตีไม่มีพ่าย ไม่มีศึกไหนไม่ชนะ!
และจากจุดนี้ ศพและเลือดของศัตรูที่ใช้เป็นวัสดุสร้างเมืองกองแล้วกองเล่าจึงถูกลำเลียงเข้ามาในค่ายประจำการชั่วคราว
ซากศพถูกกองเป็นภูเขาเล็กกองแล้วกองเล่า
เลือดถูกเทลงในบ่อน้ำที่ถูกขุดเจาะไว้เป็นอย่างดีบ่อแล้วบ่อเล่า
ในค่ายชั่วคราวขนาดใหญ่ ปรากฏภาพนองเลือดจำพวก ‘ภูเขาศพบ่อเลือด’ เพิ่มขึ้นมาในชั่วขณะ
เพราะนองเลือดเกินไป ฟากฟ้าเหนือภูเขาศพบ่อเลือดถึงขั้นปรากฏลักษณ์ประหลาดเกรี้ยวกราดมากมาย ดุจดั่งพายุอสนี เสียงเทพผีโหยหวนลากยาวไม่หยุด
ควรรู้ว่าในหมู่ศัตรูที่ถูกล้างบางเหล่านี้ แทบจะเป็นราชันระดับอมตะเคราะห์ทั้งสิ้น ส่วนหนึ่งในนั้นยิ่งมีพวกระดับอริยะแท้ด้วย
แม้จะถูกสังหาร ในเลือดและซากศพของพวกเขาก็ยังหลงเหลือความแค้นและความอาฆาตอยู่ และตอนนี้ถูกกองสะสมเข้าด้วยกัน จะเกิดลักษณ์ประหลาดน่าสะพรึงชวนผวาบ้างก็ไม่แปลก
เพื่อสิ่งนี้ หลินสวินวางผนึกควบคุมเป็นการเฉพาะ ทำการกดกำราบ หาไม่ความน่าเวทนาอาฆาตที่เลือดและซากศพซึ่งกองรวมกันอยู่ในจุดเดียวเหล่านี้แผ่ออกมา อาจถึงขั้นอาจกระทบต่อสภาพจิตใจคนเลยก็ได้!
ในเวลาเหล่านี้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณแต่ละคนดุจดั่งหาเสาหลักพบ ไม่สิ้นหวังและลนลานเหมือนก่อนหน้านี้อีก แต่ละคนล้วนฮึกเหิม เต็มไปด้วยปณิธานต่อสู้โหมกระพือ
บ้างพากเพียรเคี่ยวกรำแข่งกับเวลา
บ้างช่วยเสาะหาทรัพยากรฝึกปราณตามสถานที่ต่างๆ ในโลกรกร้างโบราณ
สมรภูมิเก้าดินแดนไพศาลไร้ขอบเขต มีแดนลับมากมายอยู่ในนั้น แดนลับบางแห่งเปี่ยมด้วยภัยอันตราย แต่ก็มีบางแห่งเต็มไปด้วยวาสนาที่ยากจะจินตนาการ
ในวาสนาเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นสมบัติอย่างวัตถุดิบเทพ โอสถสมบัติ สมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากจากโลกภายนอก ความล้ำค่าของสมบัติบางอย่าง แม้แต่อริยะก็ยังน้ำลายไหลไม่หยุด
กล่าวง่ายๆ คือ ในระยะนี้ทั่วทั้งค่ายชั่วคราว ทุกวันล้วนปรากฏภาพ ‘เพลิงระอุเสียดฟ้า พลังงานเต็มเปี่ยม’
รั่วอู่เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา ในใจก็ตื่นเต้นไม่หยุด
ก่อนหน้านี้นางถึงขั้นไม่กล้าคิด
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ล้วนเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดือนกว่าสั้นๆ นี้!
ไกลออกไปเซ่าเฮ่านำทัพผู้แข็งแกร่งทั้งกลุ่มมุ่งหน้าย้อนกลับค่าย สีหน้าแต่ละคนล้วนเจือแววภาคภูมิ
เห็นได้ชัดว่าผลเก็บเกี่ยวในวันนี้ไม่เลวอย่างยิ่ง
รั่วอู่อดมองไปไกลอีกไม่ได้ ที่แห่งนั้นหลินสวินยังเหมือนเดิมทุกประการ พิจารณาและอนุมานด้วยสีหน้าจดจ่อเปี่ยมสมาธิ ลืมเลือนตัวตนอย่างสิ้นเชิง
หว่างคิ้วของนางเจือแววสับสน พึมพำในใจ ‘ไม่ต้องรหกระเหินอีก และไม่ต้องหนีตายอุตลุดอีกต่อไปแล้ว… ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ได้ นั่นจะดีแค่ไหนกันนะ…’
หลังจากนั้นรั่วอู่ก็นิ่งเงียบไป
นี่คือสมรภูมิเก้าดินแดน ความสงบเงียบชั่วคราวอย่างไรก็ต้องถูกทำลายลง การเข่นฆ่าทารุณนองเลือด จึงจะเป็นสถานการณ์ปกติของสมรภูมิเก้าดินแดน!
…
“สำเร็จแล้ว!”
ในวันนี้หลินสวินตื่นจากการอนุมาน พ่นลมหายใจหนักหน่วงออกมาเฮือกหนึ่ง นัยน์ตาดำทอประกาย ทั้งตัวล้วนผ่อนคลายขึ้นมา
ในใจของเขา ได้อนุมานกระบวนค่ายกลอริยะพิทักษ์เมืองที่ซับซ้อน ไพศาล เร้นลับหาใดเปรียบเป็นรูปร่างสมบูรณ์แล้ว
กระบวนค่ายกลนี้ ใช้ ‘ค่ายกลวัฏจักรดารา’ เป็นรากฐาน ทั้งถูกหลินสวินแบ่งจัดวางออกเป็นสี่ค่ายกลสังหารหลักอย่าง ‘ยอดนภา’ ‘แดนพิฆาต’ ‘ทลายเทพ’ ‘ดับวิญญาณ’
ค่ายกลสังหารหลักแต่ละแห่งล้วนปกคลุมด้วยกระบวนสลักลายมรรคมากมาย แต่ละกระบวนสลักประทับพลังลายมรรคนับหมื่น!
เหมือนอย่าง ‘ค่ายกลสังหารยอดนภา’ ที่อานุภาพแข็งแกร่งที่สุด ใช้หกสิบสี่กระบวนสลักลายมรรค และแปดล้านสี่แสนลายมรรควาดออกมา ทันทีที่โคจร ต่อให้เป็นอริยะแท้มุ่งหน้ามาก็จะต้องถูกสังหารทิ้งง่ายๆ!
นอกจากสี่ค่ายกลสังหารหลักแล้ว ยังมีค่ายกลป้องกันอีกแปดแห่งทำการต้านทาน
ค่ายกลป้องกันแปดแห่งนี้จะถูกวางคลุมอยู่ที่คูเมืองแปดฝั่งกำแพงเมืองสี่ทิศ เบื้องบนเชื่อมสวรรค์ เบื้องล่างจรดดิน
การอนุมานและใคร่ครวญไม่หลับไม่นอนที่กินเวลาเกือบสองเดือน ในที่สุดรายละเอียดทุกอณูของกระบวนค่ายกลนี้ก็ประกอบกันอย่างสมบูรณ์แบบเสียที ทำให้เวลานี้หลินสวินมีความรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือทน
ไม่มีใครรู้แน่ชัด ว่าจิตใจและเลือดเนื้อที่เขาทุ่มเทเพื่อสิ่งนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน!
นี่ยังดีที่เขาเคยได้รับนัยเร้นลับมรดกสมบูรณ์ของ ‘ค่ายกลวัฏจักรดารา’ ไม่เช่นนั้นหากอยากตรึกตรองถึงผนึกต้องห้ามอริยะขนาดใหญ่ที่ทั้งโจมตีและป้องกันได้เช่นนี้ เวลาสองเดือนสั้นๆ ไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน
ย้อนคิดถึงปีนั้นที่ริมฝั่งทะเลหมากดารา หลินสวินเพียงแค่หยิบยืมพลังของ ‘ค่ายกลวัฏจักรดารา’ ก็สังหารเหล่าราชัน ฆ่าจนเลือดไหลพันลี้ ฟ้าดินมืดมัว
ต่อให้เป็นอริยะมารุกราน ล้วนเพราะกริ่งเกรงพลังของ ‘ค่ายกลวัฏจักรดารา’ ไม่กล้าล้วงล้ำแม้แต่ก้าวเดียว!
และค่ายกลที่หลินสวินอนุมานในตอนนี้ ก็ถือกำเนิดจากค่ายกลวัฏจักรดารา ซ้ำยังร้ายกาจกว่าต้นแบบ ทุ่มเทด้วยนัยเร้นลับลายมรรคที่เขาเรียนรู้มาทั้งชีวิต
กล่าวอย่างไม่เกินจริงได้ว่า กระบวนค่ายกลนี้เป็นกระบวนค่ายกลต้องห้ามที่เข้าใจยากที่สุดในการสรรค์สร้างบนวิถีสลักลายมรรค และแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ที่หลินสวินฝึกปราณมาจนถึงตอนนี้!
กระบวนค่ายกลนี้ถูกหลินสวินตั้งชื่อว่า ‘สี่ยอดแปดพิทักษ์’!
‘ต่อไปก็ต้องคิดถึงวัตถุดิบเทพที่จำเป็นต่อการหลอมจานกระบวน ธงกระบวนและการวางกระบวนค่ายกลแล้ว…’
หลินสวินใคร่ครวญ
คุณลักษณะของจวนกระบวน ธงกระบวนของค่ายกลใหญ่ระดับนี้ อย่างน้อยก็ต้องการระดับสมบัติอริยะ ไม่เช่นนั้นย่อมไม่สามารถควบคุมพลังของกระบวนค่ายกลใหญ่ได้อย่างสิ้นเชิง
แต่ว่าสิ่งที่หลินสวินไม่ขาดแคลนมากที่สุดในตอนนี้ก็คือสมบัติอริยะ ลำพังแค่สมบัติอริยะที่รวบรวมมาได้ทั้งหมดจากการสังหารมกุฎอริยะทั้งกลุ่มก่อนหน้านี้ ก็มีมากถึงหลายสิบชิ้นแล้ว
สมบัติอริยะบางส่วนในนั้นสามารถนำมาหลอมใหม่ได้ สลักลายมรรคไว้บนนั้นและใช้เป็นจวนกระบวนกับธงกระบวน
มีเพียงวัสดุของวางกระบวนค่ายกลที่ค่อนข้างรับมือยาก ไม่เพียงต้องการจำนวนมาก ซ้ำยังต้องมีคุณภาพสุดยอดถึงที่สุดอีกด้วย
“พี่หลิน”
เซ่าเฮ่าเดินมาจากไกลๆ เอ่ยถามว่า “กระบวนค่ายกลลายมรรคอนุมานเป็นอย่างไรแล้ว”
“ขาดแค่วัสดุวางกระบวน” หลินสวินกล่าวเรียบๆ
เซ่าเฮ่ายิ้มขึ้นมาโดยพลัน ท่าทางเหมือนรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้แต่แรก กล่าวว่า “ข้ามาหาเจ้าเพราะเรื่องนี้พอดี เจ้าตามข้ามา”
กล่าวพลางเขาเดินนำไปก่อน เหาะเหินไปยังที่ไกลๆ
หลินสวินฉงนใจ ถึงแม้ในใจจะสงสัยแต่ก็ยังตามไป
หนึ่งเค่อต่อมา
ภายใต้การเคลื่อนย้ายเต็มกำลัง ทั้งคู่มาหยุดอยู่เบื้องหน้าหุบเขาขนาดใหญ่ที่เวิ้งว้างเหลือคณาแถบหนึ่ง
“ที่แห่งนี้มีแดนลับแห่งหนึ่ง เชื่อว่าจะต้องแก้ไขปัญหาของเจ้าได้แน่”
กล่าวพลางเงาร่างเซ่าเฮ่าโฉบเข้าสู่กลางหุบเขา และถึงกับอันตรธานหายไปในอากาศโดยพลัน
หลินสวินอึ้งไป ในใจก็อดตั้งตาคอยน้อยๆ ไม่ได้ รีบตามเข้าไป
วู้ม!
กลางหุบเขาปกคลุมด้วยระลอกคลื่นพลังกฎระเบียบที่เร้นลับชั้นหนึ่ง ทันทีที่เฉียดใกล้ หลินสวินก็มีความรู้สึกดั่งจันทร์หมุนดาราเคลื่อน ห้วงอากาศพลิกตลบทันที
เมื่อการมองเห็นเบื้องหน้ากลับสู่สภาพปกติ นัยน์ตาหลินสวินถูกลำแสงสีทองที่แผ่ครอบฟ้าดินแถบหนึ่งสาดส่องจนลืมตาไม่ขึ้น
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย จิตรับรู้แผ่กว้าง ก่อนจะนิ่งงันในทันใด
กลางฟ้าดินแถบนี้ เม็ดทรายสีทองลอยล่องทั่วฟ้า ดุจดั่งดวงดาราสีทอง ประดับประดาอยู่ในห้วงอากาศแน่นขนัด แวววาวโปร่งใส ส่องสว่างเจิดจ้า เปล่งประกายแสบตาอย่างที่สุด
เมื่อมองโดยละเอียด ทรายแต่ละเม็ดนั้นล้วนกลมเกลี้ยงดั่งไข่มุก ขนาดเท่าผลซิ่ง ประกายศักดิ์สิทธิ์สีทองไหลเวียนอยู่ในนั้น ให้กลิ่นอายอริยเทพลอยปะทะเข้ามา
ทรายทองผลึกอากาศ!
ในใจหลินสวินสะท้าน จำที่มาของวัตถุดิบเทพที่หาได้ยากระดับนี้ได้ สำหรับผู้บำเพ็ญธรรม ทรายทองผลึกอากาศเป็นสมบัติธรรมที่บริสุทธิ์ทนทานที่สุดในโลก เป็นสมบัติล้ำค่าที่ใช้สร้างแท่นบัวบริสุทธิ์
สำหรับผู้ฝึกกระบี่ ของสิ่งนี้เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ซึ่งสามารถหลอมสร้างกระบี่บินบริสุทธิ์ กระบี่บินเล่มหนึ่ง แค่ผสมทรายทองผลึกอากาศนิดหน่อยลงไป ปราณกระบี่อันแหลมคมก็จะพุ่งทะยานขึ้นสามเท่า!
และสำหรับอริยะบนโลกแล้ว ทรายทองผลึกอากาศก็คือวัตถุดิบเทพระดับโลกที่ใช้หลอมสมบัติอริยะอย่างหนึ่ง!
โดยทั่วไปแล้วทรายทองผลึกอากาศกำหนึ่ง ล้วนสามารถหลอมสมบัติอริยะที่ต้องการได้แล้ว
แต่ตอน สิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าหลินสวินเป็นทรายทองผลึกอากาศที่ปกคลุมทั่วฟ้าดิน ดุจดั่งธารดาราสีทอง ลอยล่องร่ายระบำอยู่กลางผืนฟ้า!
“เป็นอย่างไร”
เซ่าเฮ่ามาหยุดอยู่ข้างกายหลินสวิน เอ่ยปากระบายยิ้ม
หลินสวินพ่นลมหายใจยาวออกมา กล่าวว่า “พอแล้ว พอแล้วอย่างแน่นอน พี่เซ่าเฮ่า นี่เจ้ามอบเรื่องน่ายินดีชวนประหลาดใจที่แสนยิ่งใหญ่ให้ข้าแล้ว”
เซ่าเฮ่าระเบิดหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะเบิกบาน “ข้าเองก็รอคอยเช่นกัน ว่าเจ้าจะสามารถสร้างเรื่องน่ายินดีชวนประหลาดใจที่แสนยิ่งใหญ่ให้แก่ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณของพวกเรา”
…
ตอนที่หลินสวินกลับสู่ค่ายชั่วคราวก็เริ่มลงมือทันที
ครึ่งเดือนต่อมา
สมบัติอริยะที่ใช้เป็นจานกระบวนสิบหกชิ้น และสมบัติอริยะที่ใช้เป็นธงกระบวนยี่สิบสี่ชิ้นถูกหลินสวินหลอมสำเร็จอย่างราบรื่น
แค่การสลักลายมรรคลงบนสมบัติอริยะ ไม่ได้ยากเกินมือหลินสวินสักนิด
หนึ่งเดือนต่อมา
หลินสวินหลอมทรายทองผลึกอากาศกองแล้วกองเล่า รวมทั้งสิ้นราวๆ หนึ่งแสนชั่ง
แค่เพียงจัดวางกระบวน ‘สี่ยอดแปดพิทักษ์’ เท่านั้น วัสดุวางกระบวนเหล่านี้มีมากจนเหลือเฟือ
และเป็นวันนี้ที่เซ่าเฮ่าได้รับบาดเจ็บกลับมา ทำให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในค่ายโกลาหล แต่ละคนตกใจปนสงสัยไม่หยุด
บรรยากาศที่สงบเงียบแต่เดิมปกคลุมด้วยเมฆดำชั้นหนึ่ง
“พี่หลิน ศัตรูจากแปดดินแดนเดาได้แล้วว่าพวกเราหมายจะสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ ในช่วงเวลาต่อจากนี้เกรงว่าจะมีศัตรูร้ายกาจจำนวนมากมารุกรานเป็นแน่”
เซ่าเฮ่าเอ่ยปากเสียงเข้ม
วันนี้เขาออกไปเคลื่อนไหวข้างนอก และบังเอิญพบมกุฎอริยะจากแปดดินแดนสามคนแฝงตัวเข้ามาในโลกรกร้างโบราณ หลังผ่านการต่อสู้ดุเดือนฉากหนึ่ง ท้ายที่สุดก็ถูกเขาสังหารสองคน หนีรอดไปหนึ่งคน
เขาจึงบาดเจ็บเพราะเหตุนี้ ไม่ได้ร้ายแรง แต่ก็ไม่เบาเลย
เพียงแต่การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เซ่าเฮ่าตัดสินได้ทันที ว่าศัตรูจากแปดดินแดนต้องตระหนักได้ถึงแผนการสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ของพวกเขาแล้วอย่างแน่นอน!
——