Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1571 ถามทุกท่านว่ามีหัวอริยะเท่าไหร่
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1571 ถามทุกท่านว่ามีหัวอริยะเท่าไหร่
โลกมารโลหิต
หอชัยชนะ ห้องโถงชั้นเก้า
‘แม้หลินสวินจะมีชื่อเสียงดุดัน แต่สำหรับข้าก็เพียงแค่ตัวตลกคนหนึ่ง มีคุณสมบัติอะไรให้ข้าลงมือด้วยตัวเอง’
จดหมายจากผู้นำค่ายทัพดินแดนโบราณยอดหยินจู๋อิ้งคงที่เขียนขึ้นด้วยตัวเองปรากฏตรงหน้าเซวี่ยชิงอี
ตัวอักษรแต่ละตัวแข็งแกร่งงดงาม สั้นๆ ประโยคเดียวกลับมีความดูถูก หยิ่งยโสที่ชัดแจ้ง
ฟึ่บ!
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นสองมือเซวี่ยชิงอีขยำ บดขยี้จดหมายฉบับนี้จนแหลก สีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ ก่นด่าเสียงต่ำ “จู๋อิ้งคง สักวันเจ้าจะต้องเสียใจ!”
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่ง แล้วเปิดจดหมายฉบับที่สอง
‘ข้าผู้แซ่คุนกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการทะลวงขั้น โปรดอภัยที่ข้าไม่สามารถมุ่งหน้าไปโลกรกร้างโบราณด้วยตัวเอง หวังว่าพี่เซวี่ยจะเข้าใจ’
‘แต่สำหรับข้าผู้แซ่คุน หากหลินสวินนั่นกล้าขัดขวางการเคลื่อนไหวเข้าสู่แดนลับสนามแม่เหล็กของแปดดินแดน ก็เหมือนตั๊กแตนห้ามรถ ไม่รู้จักประเมินตัวเอง พี่เซวี่ยไม่ต้องใส่ใจ’
นี่คือจดหมายตอบกลับจากผู้นำค่ายทัพดินแดนโบราณขุมอุดร
แคว่ก!
จดหมายตอบกลับฉบับนี้ก็ถูกเซวี่ยชิงอีฉีกเช่นกัน สีหน้าของเขามืดทะมึนขึ้นมาแล้ว
พูดไปพูดมาก็เป็นคุนเซ่าอวี่นี่ไม่ใส่ใจหลินสวิน ไม่ยินยอมร่วมมือกับตนไปโจมตีสังหารหลินสวินด้วยกัน
‘เจี้ยนชิงเฉินปิดด่าน จู๋อิ้งคงมั่นใจอวดดี ไม่ยอมร่วมมือ คุนเซ่าอวี่ไม่เห็นหลินสวินในสายตา…’
เซวี่ยชิงอีขมวดคิ้วครุ่นคิด
ไม่นานมานี้เขาเขียนจดหมายด้วยตัวเอง หมายจะร่วมมือกับผู้นำดินแดนอื่นๆ ฉวยโอกาสที่แดนลับสนามแม่เหล็กมาเยือนครั้งนี้ ร่วมมือกันกำราบศัตรูใหญ่อย่างหลินสวิน
ยิ่งไปกว่านั้นในจดหมายเขายังวิเคราะห์เรื่องราวหลายอย่างของหลินสวินอย่างละเอียดถี่ถ้วนยิ่ง อธิบายเป็นพิเศษว่าเจ้าหมอนี่ไม่ธรรมดา หากไม่ฉวยโอกาสนี้ ต่อไปคงยากจะมีโอกาสสังหารเขา
และมีหลินสวินอยู่ หากปล่อยให้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเข้าไปช่วงชิงวาสนาบรรลุมกุฎอริยะในแดนลับสนามแม่เหล็ก ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณจะต้องมีมกุฎอริยะเพิ่มขึ้นกลุ่มหนึ่งแน่
นี่ไม่เป็นผลดีต่อแปดดินแดน
เดิมทีเซวี่ยชิงอีคิดว่า ขอเพียงแค่ผู้นำดินแดนอื่นๆ ไม่โง่ หลังจากเห็นจดหมายของตนจะต้องจริงจังกับเรื่องนี้แน่
ใครจะคิดว่าจดหมายตอบกลับของพวกเขากลับเป็นเช่นนี้!
นี่ทำให้เซวี่ยชิงอีเองยังอัดอั้น
หากหลินสวินนั่นเล่นงานง่ายขนาดนี้ จะบุกสังหารจนโลกมารโลหิตวุ่นวายโกลาหลด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร จะสามารถวางกับดักสังหารทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดนเพียงลำพังได้อย่างไร
แต่ไม่ว่าจะเป็นจู๋อิ้งคงหรือคุนเซ่าอวี่ กลับปฏิเสธการร่วมมือโจมตีสังหารหลินสวินในโอกาสอันหายากนี้ นี่… ต้องโง่เขลาเพียงใด
เซวี่ยชิงอีก็รู้ดีว่าพวกจู๋อิ้งคงไม่ได้โง่ ตรงกันข้าม แต่ละคนฉลาดล้ำยิ่งกว่าอีกคน ไม่เช่นนั้นไม่มีทางกลายเป็นผู้นำของค่ายทัพหนึ่งได้
เพียงแต่กับเรื่องของหลินสวิน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้จริงจัง!
“นายน้อย ชืออู๋ซู่แห่งดินแดนโบราณจิ่วหลีตอบจดหมายกลับมาแล้ว”
ชายชราคนหนึ่งเข้าโถงมาอย่างเร่งรีบ สองมือประคองจดหมายฉบับหนึ่งเหนือหัว
เซวี่ยชิงอีเปิดดูแล้วเบิกตาโพลง โกรธจนแทบกระอักเลือดออกมา
ก็เห็นในจดหมายเขียนว่า ‘เซวี่ยชิงอีเจ้าน่าขำเกินไปแล้ว เล่นงานหลินสวินคนเดียวเท่านั้น เจ้ายังจะให้พวกข้าร่วมมือกัน ไม่กลัวขายหน้าหรือ หรือเพราะเรื่องที่หลินสวินก่อกวนโลกมารโลหิตครั้งก่อนทำให้เจ้าตกใจจนเสียขวัญแล้ว’
ระหว่างบรรทัดแฝงความดูถูกและเย้ยหยัน ทำให้เซวี่ยชิงอีโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจะไปสู้กับชืออู๋ซู่เสียเดี๋ยวนี้
ปฏิเสธการร่วมมือก็ช่างเถอะ เหตุใดต้องเย้ยหยันกันอีก
คิดว่าเขาเซวี่ยชิงอีเป็นพวกยอมคนหรือ
จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งเซวี่ยชิงอีจึงคุมเพลิงโกรธในใจไว้ได้ และตอนนี้จึงสังเกตเห็นว่าชายชราที่อยู่ข้างๆ เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไป
“ทำไมหรือ มีอะไรก็พูดมาตรงๆ” เซวี่ยชิงอีขมวดคิ้วพูด
“นายน้อย เลี่ยเฉียนแห่งดินแดนโบราณเพลิงสวรรค์ฝากคนมาแจ้งคำพูด”
ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความลังเล
เซวี่ยชิงอีสีหน้าอึมครึม “เจ้าหมอนั่นแม้แต่จดหมายยังคร้านจะเขียนหรือ เจ้าว่ามา คำพูดที่เขาฝากมาคืออะไร”
ชายชรากัดฟันพูด “ไม่ว่าง”
เซวี่ยชิงอีอึ้ง แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เอ่ยว่า “ไม่ว่าง? แค่สองคำนี้หรือ”
ในปากชายชราขมฝาด พยักหน้าอย่างยากลำบาก
เซวี่ยชิงอีรู้สึกเพียงว่าเลือดขึ้นหน้า สีหน้ามืดทะมึน โกรธจนปอดแทบระเบิด
ไม่ว่าง!
คำสั้นๆ สองคำนี้ ความดูถูกและเย้ยหยันที่เผยออกมาไม่มีปกปิดสักนิด
“ดี ดี ดี ด้วยคำพูดประโยคนี้ของเลี่ยเฉียน ต่อไปหากค่ายทัพดินแดนโบราณเพลิงสวรรค์ประสบภัย อย่าคิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากข้าแม้แต่น้อย!”
เซวี่ยชิงอีโมโหจนตบโต๊ะลุกขึ้น โกรธจัดจนผมตั้งชัน
เจี้ยนชิงเฉินปิดด่าน คุนเซ่าอวี่ จู๋อิ้งคง ชืออู๋ซู่ เลี่ยเฉียนปฏิเสธอย่างต่อเนื่อง นี่ทำให้เซวี่ยชิงอีรู้สึกเดือดดาล ด้วยเหมือนถูกมองว่า ‘ตนไม่คู่ควรให้ร่วมมือด้วย’
“การพ่ายแพ้อย่างราบคาบของทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดนในคราวก่อน ยังไม่สามารถทำให้พวกเขาจำเป็นบทเรียนหรือ”
“ล้วนคิดว่าข้าเซวี่ยชิงอีใจเสาะเกินไป ขวัญเสียจากการกระทำของหลินสวิน แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าคู่ต่อสู้ที่สามารถทำให้ข้าเซวี่ยชิงอีให้ความสำคัญเช่นนี้ จะเป็นคนที่ไม่มีความสำคัญได้อย่างไรหรือ”
“โง่! พวกคนโง่ที่มองตนเองสูงส่ง หยิ่งยโส! ”
ในห้องโถง เสียงคำรามของเซวี่ยชิงอีดังก้อง เขาไม่สามารถควบคุมเพลิงโกรธในใจได้แล้วจริงๆ
แดนลับสนามแม่เหล็กมาเยือน หลินสวินจะต้องมุ่งหน้าไปอย่างแน่นอน และเพื่อปกป้องผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณในการคว้าโอกาสการบรรลุมกุฎอริยะ เขาไม่มีทางหลบหนีไม่ปรากฏตัว
นี่เป็นโอกาสหายากในการโจมตีสังหารหลินสวินอย่างไม่ต้องสงสัย!
แต่ตอนนี้เซวี่ยชิงอีกลับรู้สึกเศร้ามาก
โอกาสทองเช่นนี้หากพลาดไป เช่นนั้นในอนาคตอยากจะสังหารหลินสวินอีก ต้องยากยิ่งกว่ายากอย่างแน่นอน
เป้าหมาย ‘ตัดรกร้างโบราณก่อน’ ที่อยากจะทำให้สำเร็จ ก็จะพบกับอุปสรรคใหญ่
เพราะถึงตอนนั้นค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณที่อ่อนแอไร้ที่เปรียบ จะต้องมีมกุฎอริยะเพิ่มมากลุ่มใหญ่!
“น่าเสียดาย พวกเขาไม่เข้าใจสถานการณ์ ก็จริง พวกเขาไม่เคยเจอการโจมตีนองเลือดที่ถูกคนบุกมาสังหารถึงหน้าเมืองอารักษ์มรรค ย่อมไม่มีทางรู้ว่าหลินสวินนั่นเป็นศัตรูที่จัดการและรับมือยากเพียงใด”
ครู่ใหญ่เซวี่ยชิงอีส่งเสียงถอนหายใจยาวคราหนึ่ง
ในวันนั้นเดียวกันนั้น สุดท้ายเซวี่ยชิงอีก็ได้รับข่าวดีสองข่าว ข่าวหนึ่งคือสือพั่วไห่ผู้นำดินแดนโบราณอสูรดาว ตอบรับว่าจะมุ่งหน้าไปตอนที่แดนลับสนามแม่เหล็กมาเยือน
อีกข่าวคือฮว่าหงเซียวผู้นำดินแดนโบราณหม่อนบูรพาก็ตอบรับการเชื้อเชิญให้ร่วมมือกับเซวี่ยชิงอี
นี่ทำให้ในใจเซวี่ยชิงอีสงบลงไม่น้อย
ในการคาดเดาตอนแรกของเขา ก็ไม่ได้คิดว่าผู้นำแปดดินแดนทุกคนจะตอบรับ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายมีเพียงผู้นำของสองดินแดนเท่านั้นที่ตอบรับเรื่องนี้
“เจ้าสารเลวพวกนี้ปฏิเสธการร่วมมือ ก็เท่ากับรอโอกาสช่วงชิงผลประโยชน์เมื่อคนอื่นพลาดพลั้ง ในขณะที่คนที่สู้สุดชีวิตคือข้าเซวี่ยชิงอี น่าชิงชังจริงๆ!”
ทุกครั้งที่เซวี่ยชิงนึกขึ้นได้ว่า สำหรับเรื่องของหลินสวิน ท้ายที่สุดก็ยังต้องให้เขาจัดการด้วยตัวเอง ในใจก็อัดอั้นขึ้นมาระลอกหนึ่ง
แต่เขาปฏิเสธไม่ได้แล้ว
ครั้งนี้ขืนยังไม่ลงมือ ต่อไปหากเขาอยากล้างแค้นให้ดินแดนโบราณมารโลหิต คงจะหาโอกาสดีๆ เช่นนี้ยากมากแน่
ส่วนการเข้าร่วมของสือพั่วไห่และฮว่าหงเซียว ถือว่าเพิ่มความมั่นใจให้เซวี่ยชิงอีไม่น้อย
“ครั้งนี้แม้พวกนั้นไม่ลงมือ แต่ในค่ายทัพของพวกเขาจะต้องส่งมกุฎอริยะขบวนใหญ่ออกมาแน่ เช่นนี้ก็ง่ายแล้ว ถึงตอนนั้นขอเพียงแค่หลินสวินปรากฏตัว จะต้องเป็นเป้าหมายที่ทุกคนโจมตี ถูกล้อมจู่โจมจากรอบด้านอย่างแน่นอน”
เซวี่ยชิงอีสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่งจนนิ่งสงบอย่างสิ้นเชิง จึงเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ถึงตอนนั้นข้า สือพั่วไห่ ฮว่าหงเซียวค่อยออกโจมตีพร้อมกัน การฆ่าหลินสวินให้ตายก็เป็นเรื่องง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!”
……
พร้อมๆ กับเวลาที่แดนลับสนามแม่เหล็กจะมาเยือนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ในโลกรกร้างโบราณสามารถเห็นเงาร่างของศัตรูแปดดินแดนได้แทบทุกที่ พวกเขาเคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน กำลังพลเต็มเปี่ยม ต่างกำลังรอคอย
ด้วยความที่กำลังคนมาก พลังยิ่งใหญ่ แม้รู้ดีว่าในเมืองอารักษ์มรรคของโลกรกร้างโบราณมีหลินสวินคุมอยู่ พวกเขาก็ไม่กลัว
ถึงขั้นที่ว่าหากไม่ใช่เพราะต้องช่วงชิงวาสนาในแดนลับสนามแม่เหล็ก พวกเขาล้วนอยากไปลองท้าทายเมืองอารักษ์มรรคแห่งโลกรกร้างโบราณสักหน่อย ว่าจะสามารถสกัดการจู่โจมของพวกเขาได้หรือไม่!
ถึงอย่างไรการพ่ายแพ้อย่างยับเยินของทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดนในครั้งก่อนก็ทำให้พวกเขาแต่ละดินแดนเสียหน้า แรงจู่โจมไม่ถึงกับสาหัส แต่ความสูญเสียนั้นนับว่าไม่น้อยแล้ว
นี่ทำให้ในใจผู้แข็งแกร่งแต่ละดินแดนต่างไฟสุมอก ตั้งแต่สมัยโบราณ ตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณล้วนรู้สึกสูงส่งกว่ามาโดยตลอด มองผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเป็นแพะสองขา ดูถูกและเหยียดหยามอย่างที่สุด
แต่ครั้งก่อนทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดนของพวกเขากลับพ่ายแพ้ในมือค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณที่พวกเขาดูถูกที่สุด ความอัดอั้นนี้ทรมานมากเกินไปแล้ว
ทว่าในช่วงที่ผ่านมา ผู้แข็งแกร่งค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณซ่อนตัวอยู่ในเมืองอารักษ์มรรคโดยตลอด ไม่เคยออกมา
แต่ไม่ว่าใครก็รับรู้ได้ว่า เมื่อเวลาที่แดนลับสนามแม่เหล็กจะปรากฏใกล้เข้ามาเรื่อยๆ บรรยากาศในโลกรกร้างโบราณก็ยิ่งสั่นไหวและกดดัน อึดอัดหนักหน่วงเหมือนฝนห่าใหญ่จะมาเยือน
วันนี้
เหนือห้วงอากาศโลกรกร้างโบราณ จู่ๆ เสียงระเบิดกึกก้องราวกับบางสิ่งทรุดทลายก็ดังขึ้น ทันใดนั้นรุ้งเทพมากมายมาเยือนจากฟากฟ้า แปรเป็นพลังกฎระเบียบมากมายสลับทับซ้อนกัน สาดละอองแสงที่งดงามหลากสี ทำให้ระหว่างฟ้าดินวันนี้เต็มไปด้วยพลังแห่งโลกศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่กระจายเป็นวงกว้าง
“แดนลับสนามแม่เหล็กจะมาเยือนแล้ว!”
ชั่วขณะนี้ผู้แข็งแกร่งแต่ละดินแดนกระจายอยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างกันของโลกรกร้างโบราณ ล้วนตกตะลึง เผยความกระตือรือร้นและตื่นเต้น
“เร็วเข้า ประตูแดนลับกำลังจะปรากฏในทิศตะวันออกสุด!”
“ที่นั่นคือทะเลผาดำ ออกเดินทาง!”
ชั่วขณะเดียวผู้แข็งแกร่งแต่ละดินแดนต่างเคลื่อนไหว มุ่งหน้าไปที่เดียวกัน
แดนลับสนามแม่เหล็ก ภายในสั่งสมวาสนาบรรลุมกุฎอริยะ ผู้แข็งแกร่งเก้าดินแดนใครบ้างจะไม่สนใจ ไม่ปรารถนาอย่างแรงกล้า
บนกำแพงเมืองอารักษ์มรรค หลินสวินเอามือไพล่หลัง ดวงตาดำขลับลึกล้ำ ทอดมองไปไกลๆ เสื้อผ้าโบกสะบัดจนเกิดเสียงอยู่กลางสายลม
ข้างหลังเขา ผู้แข็งแกร่งอย่างพวกเซ่าเฮ่าและรั่วอู่ก็อยู่ด้วย
และบุคคลที่มีคุณสมบัติบรรลุมกุฎอริยะอย่างพวกเสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียน เซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน หมีเหิงเจิน เยวี่ยเจี้ยนหมิง ล้วนถูกหลินสวินเก็บเข้าไปในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดแล้ว
“ทั้งสองท่าน ฝากดูแลสถานการณ์เมืองอารักษ์มรรคด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็อย่าออกจากเมืองโดยพลการ”
หลินสวินหมุนตัว พูดอย่างเคร่งขรึม
“พี่หลินวางใจเถอะ”
เซ่าเฮ่าและรั่วอู่พยักหน้าโดยพร้อมเพรียงกัน
สายตาของหลินสวินกวาดมองทุกคน สุดท้ายหยุดที่จ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ข้างๆ ในใจพลันเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ ยิ้มเอ่ย
“ถามทุกท่านว่ามีหัวอริยะเท่าไหร่ นี่เป็นโอกาสอันดี ขอทุกท่านดูฝีมือข้าผู้แซ่หลินว่าจะเป็นอย่างไร!”
เสียงที่ทรงพลังและห้าวหาญนี้นยังไม่ทันจบลง หลินสวินก็พาจ้าวจิ่งเซวียนก้าวย่างบนห้วงอากาศ ทะยานออกไป
——