Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1597 ถึงเวลากระบวนค่ายกลทลาย
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1597 ถึงเวลากระบวนค่ายกลทลาย
เคร้ง!
เสียงกึกก้องสะเทือนหูดังขึ้น พลังหมัดอันน่ากลัวปานผลักภูผาคว่ำสมุทรพุ่งเข้ามา ทำเอาง่ามนิ้วชืออู๋ซู่สะท้านไหว ทวนศึกกระดูกขาวปลิวหลุดมือไปในชั่วขณะ
และพลังหมัดที่ซัดสาดนั่นก็ทะลวงสังหารเข้ามา
เป็นพลังที่น่ากลัวมาก!
สีหน้าของชืออู๋ซู่เปลี่ยนไปอย่างยิ่ง บนหน้าอกพลันปรากฏสายฟ้าสีม่วงที่เจิดจ้าหาที่เปรียบไม่ได้ แปลงเป็นสัญลักษณ์มรรคอสนีศักดิ์สิทธิ์เร้นลับขวางอยู่ตรงหน้าหมัดของหลินสวิน
ตูม!
พลังหมัดและสัญลักษณ์อสนีปะทะกัน ชั่วขณะนี้ชืออู๋ซู่ถูกกระแทกจนปลิวออกไป จมูกปากหลั่งเลือด สายตาพร่ามัว
เขาอดตกใจไม่ได้
แต่หลินสวินฉวยโอกาสโจมตีเข้ามาอีกครั้ง พร้อมๆ กับกระบี่ครวญดั่งระลอกคลื่น กระแสธารที่แปลงมาจากปราณกระบี่ไท่เสวียนระลอกแล้วระลอกเล่าแผ่กว้างในอากาศ
ปราณกระบี่สว่างไสวท่วมท้นฟ้าดิน เบียดเต็มจักรวาล!
กระบี่สามสิบสามชั้น!
ชืออู๋ซู่แตกตื่นยกใหญ่ ชั่วขณะนี้ความรู้สึกหายใจไม่ออก สิ้นหวัง และไร้ที่พึ่งแผ่กระจายไปทั่วตัว พาให้เขาหวาดผวาอย่างสิ้นเชิง
เขาไม่ทันได้คิดมาก สู้สุดตัว โคจรวิชาปกป้องชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดของตน พริบตานั้นผิวหนังมนุษย์ที่ประทับรอยสักสีแดงเลือดแน่นขนัดปรากฏขึ้น
จักรพรรดิลอกคราบ!
ผิวหนังมนุษย์นี้ เป็นสิ่งที่เมธีคนหนึ่งของเผ่าจักรพรรดิตระกูลชือเหลือทิ้งไว้หลังจากแจ้งมรรคล้มเหลว ถูกเก็บไว้อย่างดี สลักสัญลักษณ์ลายมรรคลึกลับเอาไว้
ตัวมันเองก็เป็นสมบัติประหลาดที่เหลือเชื่อมากชิ้นหนึ่ง แข็งแกร่งยิ่งกว่าสมบัติอริยะเสียอีก มีกลิ่นอายมรรคจักรพรรดิเสี้ยวหนึ่ง น่าสะพรึงกลัวยิ่ง
สมบัติเช่นนี้แม้อยู่ในเผ่าจักรพรรดิตระกูลชือยังเรียกได้ว่าเป็นสมบัติพลิกฟ้า ไม่ใช่แค่จำนวนจำกัด สูญเสียไปชิ้นหนึ่งก็ลดน้อยลงชิ้นหนึ่ง
หากไม่ใช่เพราะชืออู๋ซู่เป็นบุคคลระดับผู้นำรุ่นเยาว์ของดินแดนโบราณจิ่วหลี ด้วยตำแหน่งและฐานะของเขาในเผ่าจักรพรรดิตระกูลชือ ไม่มีทางครอบครองสมบัติระดับนี้ได้แน่
ตูม!
จักรพรรดิลอกคราบส่งเสียง เกิดสัญลักษณ์น่ากลัวคล้ายมีเสียงแห่งมรรคจักรพรรดิดังขึ้นรางๆ ยิ่งใหญ่ไร้จำกัด สะท้านเก้าชั้นฟ้า
ตอนที่ปราณกระบี่แต่ละชั้นพุ่งมา พลันเกิดเสียงพุ่งชนที่ดุเดือดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
สกัดไว้ได้แล้ว!
ชั่วขณะนี้ชืออู๋ซู่รู้สึกรอดตายหวุดหวิด ตกใจขวัญหาย
เพียงแต่ยังไม่รอเขาโล่งอก กระแสปราณกระบี่รุนแรงที่ทับซ้อนกันนั้นก็โหมซัดเข้ามาประหนึ่งคลื่นกระหน่ำ อานุภาพสั่งสมเพิ่มขึ้นในทุกครั้งอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นจักรพรรดิลอกคราบเริ่มสั่นอย่างรุนแรง สัญลักษณ์ลายมรรคถูกกระแสปราณกระบี่ที่ดุร้ายอย่างที่สุดบดขยี้และระเบิดออกทุกกระเบียด
ทั้งหมดนี้แค่เพียงเวลาไม่นาน จักรพรรดิลอกคราบถูกฉีกทึ้งเป็นรอยแยกน่าตกใจภายใต้เสียงปะทะที่ทำเอาเทพผีสะท้านสะเทือน
ตูมโครม!
ครู่ต่อมาชืออู๋ซู่เพียงรู้สึกแสบตา ร่างกายถูกปราณกระบี่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตกลบมิด เลือดเนื้อเอ็นกระดูกราวกับถูกแล่เป็นชิ้นๆ และระเบิดออก
“ไม่…! นี่มันมรดกมรรคกระบี่อะไร เหตุใดจึงน่ากลัวเช่นนี้!”
ในกระแสปราณกระบี่ ชืออู๋ซู่ส่งเสียงโหยหวนน่าอนาถออกมา ปรากฏกลิ่นอายหวาดหวั่นไม่ยินยอมไปทั้งตัว
ทว่าทันใดนั้นปราณกระบี่สามสิบสามชั้นพลันถมทับ กลบตัวและเสียงของเขาไปโดยสมบูรณ์
มองลงมาจากบนฟ้า ปราณกระบี่ราวกับกระแสน้ำเชี่ยว ซัดใส่ห้วงอากาศจนทรุด ลบชืออู๋ซู่หายไปจากโลกอย่างสิ้นเชิง!
พูดแล้วเหมือนช้า แต่ความเป็นจริงตั้งแต่ตอนที่หลินสวินออกมาจากกระบวนค่ายกลใหญ่สยบฟ้ากำราบมหาสมุทร โจมตีทวนศึกกระดูกขาวด้วยหมัด กำราบจักรพรรดิลอกคราบด้วยปราณกระบี่ จนกระทั่งชืออู๋ซู่ประสบเคราะห์ ทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นในชั่วพริบตา
ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะกล้าเดินออกจากกระบวนค่ายกลมาสู้กับชืออู๋ซู่ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าทันทีที่ประมือกัน ชืออู๋ซู่ก็ถูกกำราบโดยสมบูรณ์ ร่างและจิตดับสลายคาที่!
ดังนั้นตอนที่พวกคุนเซ่าอวี่อยากจะช่วยก็ไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงมองดูการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้นโดยไม่สามารถทำอะไรได้
แข็งแกร่งยิ่ง!
นี่คือการรับรู้แรกของทุกคน ท่าทางที่ผงาดกร้าวของหลินสวินทำเอาพวกเขาขนลุก จิตใจได้รับความกระทบกระเทือน
ทันใดนั้นสีหน้าพวกเขาต่างเปลี่ยนไป
ชืออู๋ซู่!
ผู้นำของค่ายทัพดินแดนโบราณจิ่วหลี บุคคลพลิกฟ้าที่ชื่อเสียงเลื่องลือ ผู้นำทัพของเผ่าจักรพรรดิตระกูลชือ ชื่อเสียงบารมีของเขาดังในดินแดนหนึ่งนานแล้ว พลังต่อสู้ยิ่งแข็งแกร่งจนเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งแก่สายตาทุกคน
แต่ตอนนี้กลับจากไปพร้อมความแค้น ณ ที่แห่งนี้!
สำหรับค่ายทัพดินแดนโบราณจิ่วหลี นี่ต้องเป็นแรงโจมตีที่หนักหน่วงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แน่ และสำหรับทุกคนในที่นั้น ต่างอดรู้สึกเห็นใจและหวาดผวาขึ้นมาไม่ได้
ตาย… ง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ
น่าตะลึงเกินไปแล้ว!
ในเวลาเดียวกัน นี่ก็คือบุคคลระดับผู้นำคนที่สองที่ตายในมือหลินสวินต่อจากเจี้ยนชิงเฉิน แปดยอดนภาคราม ตอนนี้เหลือเพียง ‘หกยอด’ แล้ว
สำหรับหลินสวิน การโจมตีชืออู๋ซู่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้!
แม้กระบวนค่ายกลพันผีนี้จะแข็งแกร่งอย่างที่สุด แต่จนตอนนี้ในบรรดาศัตรูที่ถูกจู่โจมสังหาร ยังไม่มีบุคคลระดับผู้นำแม้แต่คนเดียว
และเหมือนอย่างที่จู๋อิ้งคงพูด ภายใต้การโคจรเต็มกำลังของกระบวนค่ายกลนี้ จะสามารถยืนหยัดได้เพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น
ตอนนี้เวลาได้ผ่านไปกว่าครึ่งแล้ว ภายในเวลาที่เหลืออยู่ ด้วยพลังของกระบวนค่ายกลนี้ไม่มีทางสร้างแรงโจมตีต่อบุคคลระดับผู้นำเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง
ดังนั้นหลินสวินจึงลงมือเองโดยไม่ลังเล!
พูดอย่างไม่เกินจริง แม้เป็นการเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว หลินสวินก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสังหารชืออู๋ซู่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังมีพลังของกระบวนค่ายกล ทำให้เขาครองความได้เปรียบในตอนที่เล่นงานชืออู๋ซู่
และเมื่อถึงคราวลงมืออย่างแท้จริง หลินสวินก็ไม่ได้ออมมือเช่นกัน หมัดที่ใช้คือหนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์ กระบี่ที่ใช้คือกระบี่สามสิบสามชั้น ล้วนเป็นพลังยุทธ์ที่เขาหลอมรวมไว้แล้วทั้งสิ้น!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การสังหารชืออู๋ซู่ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงนานแล้ว
ควรรู้ว่าทีแรกที่โจมตีสังหารเจี้ยนชิงเฉิน พลังปราณของหลินสวินคือระดับมกุฎอริยะแท้ขั้นต้นเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาเป็นผู้ฝึกปราณระดับมกุฎอริยะแท้ขั้นกลางแล้ว!
“ลงมือพร้อมกัน ฆ่าเขาซะ!”
“ฆ่า!”
พวกคุนเซ่าอวี่ตะโกนอย่างเดือดดาล พุ่งเข้าหาหลินสวินพร้อมกัน
พวกเขาแต่ละคนตาเบิกถลน สีหน้าคล้ำเขียว ความเดือดดาลเคียดแค้นทั้งหมดที่สั่งสมอยู่ในใจปะทุอย่างสิ้นเชิงในพริบตาที่ชืออู๋ซู่ตาย
เพียงแต่การตอบสนองของพวกเขายังคงช้าไปก้าวหนึ่ง
พลังจากสังหารชืออู๋ซู่ได้ เงาร่างหลินสวินก็พุ่งกลับเข้าไปในกระบวนค่ายกลสยบฟ้ากำราบมหาสมุทรแล้ว
นี่ทำให้การโจมตีทั้งหมดของพวกคุนเซ่าอวี่ถูกพลังกระบวนค่ายกลขวางกั้น ไม่สามารถทำอะไรหลินสวินได้แม้แต่น้อย
และภายใต้การควบคุมของหลินสวิน วิญญาณเซียนเหินเหล่านั้น รวมถึงพลังฟ้าดินอันน่าสะพรึงกลับกดข่มและปิดล้อมพวกเขาอยู่ตลอด
ความรู้สึกอัดอั้นเช่นนี้กระตุ้นจนพวกเขาแทบคลั่ง
“หลินสวิน เจ้ากล้าออกมาสู้หรือไม่”
เลี่ยเฉียนเอ่ยท้าทายเลียนแบบชืออู๋ซู่ ทว่าเป้าหมายของเขาง่ายมาก เพียงแค่ต้องการล่อหลินสวินออกมาเท่านั้น
หลินสวินปฏิเสธโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “รีบอะไร รอตอนที่พลังค่ายกลใหญ่หมด หากเจ้ายังไม่ตาย ข้านี่แหละจะส่งเจ้าไปเกิดใหม่”
นี่ทำให้เลี่ยเฉียนโกรธจนหน้าเขียว ก่นด่าอย่างควบคุมไม่อยู่
ทว่าหลินสวินไม่สนใจ
ตูม โครม โครม!
กระบวนค่ายกลโคจร ลายมรรคพลิกตลบ พลังแห่งฟ้าดินควบรวมเป็นกระบี่ฟ้า พุ่งวาบพริบไหวในกระบวนค่ายกลอย่างอหังการ บ้างเฉือน บ้างฟัน บ้างจ้วง บ้างแทง…
วิญญาณเซียนเหินกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าโจมตีอย่างไม่กลัวตาย ทำให้สถานการณ์ของพวกพวกคุนเซ่าอวี่เป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างที่สุด
อีกทั้งความสูญเสียยังคงดำเนินอยู่!
จนกระทั่งตอนนี้มกุฎอริยะชั้นยอดที่สุดในค่ายทัพแปดดินแดนเหล่านี้ถูกฆ่าไปสี่สิบกว่าคนแล้ว ที่เหลือบวกกับพวกคุนเซ่าอวี่ ก็มีเพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น
พูดสั้นๆ ก็คือ กระบวนค่ายกลเดียวก็ทำให้พวกเขาล้มตายไปกว่าครึ่งแล้ว!
“ทุกคนทนอีกนิด กระบวนค่ายกลนี้กำลังจะทลายแล้ว!”
จู๋อิ้งคงตะโกนบอกทุกคน
ปึง!
ทว่าในกระบวนค่ายกลใหญ่สยบฟ้ากำราบมหาสมุทร จู่ๆ หลินสวินก็เรียกธนูวิญญาณไร้แก่นสารออกมา ง้างสายธนูแล้วยิงออกไป
วาโยอสนีสั่นไหว ห้วงอากาศถูกฉีกกระชากออกอย่างง่ายดายราวกับกระดาษเปื่อย
ในที่นั้นสือพั่วไห่ซึ่งกำลังถูกกลุ่มวิญญาณเซียนเหินล้อมโจมตี ชั่วขณะนี้เขาตระหนักได้ถึงอันตรายอย่างที่สุดซึ่งจู่โจมเข้ามาโดยพลัน จึงเลือกจะหนีโดยไม่ลังเลใดๆ
แต่ในเวลาเดียวกัน บนท้องฟ้ากระบี่ฟ้าสายหนึ่งฟันลงมาอย่างเดือดดาล ปิดทางหนีของเขา
แย่แล้ว!
สือพั่วไห่ตกใจจนวิญญาณเกือบหลุดออกจากร่าง ใบหน้าบิดเบี้ยว ต้านทานเต็มกำลัง
ตูม!
ศรเทพทะยานฟ้า กระบี่ฟ้าฟาดฟัน ทั้งมีวิญญาณเซียนเหินหลายตนโจมตีขนาบ ก็เหมือนแหฟ้าตาข่ายดินแผ่ลงมา
แม้พลังต่อสู้ของสือพั่วไห่จะตะลึงโลกเพียงใด ชั่วพริบตานี้ก็ยังถูกศรแห่งนภาครามแทงทะลุร่าง กระแทกจนปลิวออกไปทั้งตัว บาดเจ็บสาหัสใกล้จะตายแล้ว!
หากไม่ใช่เพราะคุนเซ่าอวี่มาช่วยทัน เขาคงถูกวิญญาณเซียนเหินกลุ่มหนึ่งฉีกทึ้งทั้งเป็นแล้ว
ไม่สามารถสังหารสือพั่วไห่ได้ หลินสวินไม่ได้ประหลาดใจ สีหน้าของเขานิ่งสงบ ง้างธนูวิญญาณไร้แก่นสารอย่างไม่ลังเลอีกครั้ง เปิดฉากเข่นฆ่า
ปึง! ปึง! ปึง!
เสียงก้องกังวานถี่ยิบดังปานฟ้าร้อง ทำเอาฟ้าดินต่างสั่นไหว ศรเทพหลายสายโฉบออกมา พุ่งยิงอยู่กลางเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
เดิมทีสถานการณ์ของพวกคุนเซ่าอวี่ก็อันตรายและถูกกระทำอย่างมาก ตอนนี้ถูกศรปานพายุคลั่งของหลินสวินปกคลุม ยิ่งทำให้เกิดความเสียหายใหญ่
มีคนถูกศรเทพยิงจนร่างแหลกละเอียด เลือดเนื้อสาดกระเซ็นราวกับพิรุณ
มีคนหลบศรเทพทัน แต่กลับถูกกระบี่ฟ้าที่ฟาดฟันลงมากะทันหันเฉือนสังหาร ร่างดับมรรคสลาย
บ้างก็ถูกวิญญาณเซียนเหินโจมตี ถูกปิดล้อมสังหารจนสิ้นชีพภายใต้เสียงคำรามเดือดดาล
เวลาสั้นๆ เพียงสิบกว่าลมหายใจ ในที่นั้นก็เหลือเพียงแค่คุนเซ่าอวี่ เซวี่ยชิงอี เลี่ยเฉียน จู๋อิ้งคง สือพั่วไห่ ฮว่าหงเซียวหกคน คนอื่นๆ ตายคาที่อย่างไม่มีข้อยกเว้น!
ส่วนพวกคุนเซ่าอวี่ต่างบาดเจ็บไม่มากก็น้อย เลือดย้อมชุด เผ้าผมยุ่งเหยิง ท่าทางสะบักสะบอมอย่างที่สุด
ที่หนักที่สุดก็คือสือพั่วไห่ แทบจะชะตาขาดไปแล้ว ตอนนี้บาดเจ็บสาหัส แม้กินโอสถเทพสารพัดชนิดรักษาอย่างต่อเนื่อง ก็ยากจะฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิมได้ในชั่วขณะ
ส่วนหลินสวินในตอนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด เสื้อผ้าไม่แปดเปื้อนฝุ่นธุลี เพียงแต่เสียกำลังไปไม่น้อย กำลังกินและหลอมโอสถเทพชนิดต่างๆ เพื่อเพิ่มพลัง
ทั้งสองฝ่ายเทียบกันแล้ว ก็รู้ชัดว่าใครได้เปรียบ!
“ด้วยความแค้นครั้งนี้ ข้าจะไม่ยอมอยู่ใต้ฟ้าเดียวกับเจ้าอีกต่อไป หลินสวิน เจ้ากับข้าไม่สามารถอยู่ร่วมโลกได้!”
คุนเซ่าอวี่ตวาดอย่างเคียดแค้น
และตอนนี้เองหลินสวินเก็บธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ดวงตาดำลึกล้ำกวาดมองพวกคุนเซ่าอวี่ แล้วพูดว่า
“มีกระบวนค่ายกลนี้หรือไม่ ตอนนี้ล้วนไม่สำคัญแล้ว สิ่งที่ข้ากังวลที่สุดกลับเป็นการที่พวกเจ้าไม่กล้าสู้สุดชีวิต หนีหางจุกตูด”
ประโยคเดียวทำเอาพวกคุนเซ่าอวี่โกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่ได้
เพียงแต่ตอนที่พวกเขาเตรียมจะเปิดปาก ก็รู้สึกเพียงว่ากลางฟ้าดินพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง พลังกดดันน่ากลัวในตอนแรกสลายไปในชั่วขณะนี้
ในภูผาธาราหมื่นลี้ กระบวนค่ายกลที่มีอยู่ทั่วทุกที่ประหนึ่งเหือดหายไป
กระบวนค่ายกลทลายแล้ว!
บรรดาวิญญาณเซียนเหินที่เดิมทีถูกควบคุมโดยพลังกระบวนค่ายกล ยามนี้เหลือเพียงร้อยกว่าตน ตอนนี้ล้วนฟื้นคืนสัญชาตญาณอย่างเห็นได้ชัด ตระหนักได้ถึงอานุภาพน่ากลัวของพวกคุนเซ่าอวี่ ไม่ได้จู่โจมอย่างไม่กลัวตายอีกต่อไป แต่เลือกจะหนี
ชั่วขณะนั้นทุกสิ่งที่พันธนาการร่างกายมาโดยตลอดพลันหายไป ทำให้พวกคุนเซ่าอวี่รู้สึกเหมือนหลุดพ้น และกลับคืนสู่ความอิสระ
และแววตาที่พวกเขามองไปยังหลินสวิน ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาและโหดเหี้ยมอย่างที่สุดในทันใด!
——