Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1624 ใต้หล้าล้วนสะเทือน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1624 ใต้หล้าล้วนสะเทือน
หอฤทธิ์เทพ ดินแดนรกร้างโบราณ
เบื้องหน้าคฤหาสน์เงียบสงัดเก่าแก่หลังหนึ่ง ท่านเมี่ยวเสวียนสองมือไพล่หลัง มองเหม่อไกลออกไป ในใจกลับไม่อาจสงบลงได้
ผ่านไปแล้วสามปีตั้งแต่สมรภูมิเก้าดินแดนเปิดออกจนตอนนี้ ลองคาดคำนวณ หากไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝัน ไม่แน่ว่าสมรภูมิเก้าดินแดนก็จะปิดฉากลงในวันนี้
และคราวนี้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณจะเปลี่ยนสถานการณ์ที่ต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนในอดีต แล้วยืนหยัดถึงท้ายที่สุดได้หรือไม่
ท่านเมี่ยวเสวียนก็มองไม่ออก
‘การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งแรก ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณพ่ายแพ้ยับเยิน บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน สุดท้ายผู้ที่กลับมาโดยที่ยังรอดชีวิต ในพันคนไม่มีแม้แต่คนเดียว’
‘การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งที่สอง ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณยืนหยัดได้ไม่ถึงครึ่งปีก็ถูกถล่มโดยสมบูรณ์ ถึงท้ายที่สุดเหลือเพียงหลักสิบคนที่โชคดีเอาชีวิตรอดกลับมาได้…’
‘แล้วคราวนี้จะมีผลลัพธ์อย่างไรกัน’
ยิ่งคิด ในใจท่านเมี่ยวเสวียนก็ยิ่งไม่อาจสงบได้
คราวนี้มหายุคมาเยือน มีบุคคลขอบเขตมกุฎที่แท้จริงผุดขึ้นมากลุ่มหนึ่ง แต่เทียบกับอีกแปดดินแดนแล้วยังต่างชั้นกันมากนัก!
ท่านเมี่ยวเสวียนนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนนึกขึ้นได้ทันใดว่าตอนท่านเซิ่นศิษย์พี่ตนจากไปเมื่อสามปีก่อน เคยพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง
‘ในสมรภูมิเก้าดินแดน หากมีความหวังสักนิดว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์พ่ายแพ้ของค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณได้ เช่นนั้นความหวังนี้ก็จะอยู่กับเด็กหลินสวินคนนี้’
เพียงแต่หลินสวินคนนี้จะทำได้จริงๆ หรือ
ท่านเมี่ยวเสวียนก็ไม่มั่นใจสักนิด
สมรภูมิเก้าดินแดน โหดร้ายทารุณและน่ากลัวปานไหน เพียงอาศัยพลังคนผู้เดียวก็คิดจะพลิกจักรวาล นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
ครืน!
ก็ในตอนนี้เอง จู่ๆ เหนือเวิ้งฟ้าก็มีเสียงธรรมดังสนั่นระลอกหนึ่งดังขึ้น พลังกฎระเบียบฟ้าดินเริ่มสั่นสะเทือนในพื้นที่ต่างๆ ของดินแดนรกร้างโบราณ
การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนจบลงแล้ว!
ท่านเมี่ยวเสวียนเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกายเทพวาบผ่านดวงตา ประหนึ่งนัยเร้นลับที่มองทะลุเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
แทบจะในขณะเดียวกัน สำนักโบราณกับเหล่าตระกูลขุมอำนาจที่กระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ ของดินแดนรกร้างโบราณ ต่างสังเกตเห็นปรากฏการณ์แปลกประหลาดบนเวิ้งฟ้าในทันที
“ช่วงเวลาสามปีจบลงแล้ว สมรภูมิเก้าดินแดนปิดฉากลงในวันนี้!”
“คราวนี้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณของเรา… สถานการณ์การศึกเป็นอย่างไร”
“หวังว่า… หวังว่าเจ้าเด็กพวกนั้นจะรอดกลับมาได้นะ…”
“อย่า อย่าเป็นข่าวร้ายเด็ดขาด พวกเราพ่ายแพ้มานานเกินไป อัปยศอดสูมานานเกินไปแล้ว หากแพ้อีก ภายหน้าก็คงเชิดหน้าขึ้นมาได้ยากอีก”
ในขณะนี้คนใหญ่คนโต สัตว์ประหลาดเฒ่า และบุคคลระดับผู้ก่อตั้งของสำนักโบราณมากมายนับไม่ถ้วนต่างเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ครืน!
บนฟ้าเสียงธรรมดังสนั่นไม่หยุด ที่ชายแดนอันไร้สิ้นสุด ในเมืองต่างๆ ของดินแดนรกร้างโบราณอันกว้างใหญ่ต่างมีเสียงธรรมกึกก้อง เหิมฮึกและทรงพลังนั้นดังไปทั่ว
ต่อให้เป็นผู้ฝึกปราณทั่วไปต่างก็ตื่นตะลึง รับรู้ได้ว่าสมรภูมิเก้าดินแดนที่ดำเนินมานานถึงสามปีปิดฉากลงแล้วในวันนี้!
‘คราวนี้ พวกเราดินแดนรกร้างโบราณ… จะชนะได้ไหมนะ’
ในใจผู้คนไม่น้อยตึงเครียด
การต่อสู้แห่งเก้าดินแดน ไม่เพียงเกี่ยวโยงกับศักดิ์ศรีของดินแดนรกร้างโบราณ ภายหน้าดินแดนรกร้างโบราณจะธำรงอยู่ได้หรือไม่ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
ใครจะไม่สนใจได้
‘ถ้าไม่ชนะ อย่างน้อยก็อย่าพ่ายแพ้ยับเยินจนเกินไปก็พอแล้ว…’
หลายคนลอบรำพึงในใจ
ใครก็รู้ว่าหลังจากดินแดนรกร้างโบราณได้รับความพ่ายแพ้ย่อยยับในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนมาสองครั้ง ผ่านความตกต่ำมานานปี คิดจะได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ยากเย็นยิ่งนัก!
เสียงธรรมยังดังสนั่นเหนือท้องฟ้า ประหนึ่งเสียงแตรสัญญาณกึกก้องยามสมรภูมิปิดฉากลง ทำให้สรรพชีวิตในดินแดนรกร้างโบราณต่างจมอยู่ในความรู้สึกสับสน เคร่งเครียดและกระวนกระวาย
เพียงรอผลลัพธ์เดียว!
และเบื้องหน้าประตูเคลื่อนย้ายที่ไปสู่สมรภูมิเก้าดินแดนซึ่งอยู่ตามที่ต่างๆ ของดินแดนรกร้างโบราณ ก็เริ่มมีเงาร่างร่างทีละสายปรากฏขึ้น
……
เขาเทพประกายทมิฬ
ตั้งอยู่ที่ภาคเหนือของแดนชัยบูรพา ตอนนี้เบื้องหน้าภูเขาเทพประกายทมิฬที่สูงเป็นหมื่นจั้ง ทั้งเขาปกคลุมไปด้วยแสงเทพสีทอง มีเงาร่างไม่รู้เท่าไรรวมตัวกันอยู่
เงาร่างเหล่านั้นแทบจะเป็นคนใหญ่คนโตที่มาจากสำนักโบราณต่างๆ ทั้งนั้น มีลัทธิเทพต้นกำเนิด ตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา สำนักเอกอุ เป็นต้น
ขณะนี้สายตาของพวกเขาล้วนจ้องเขม็งไปที่ยอดเขาเทพประกายทมิฬ ที่นั่นมีประตูไปยังสมรภูมิเก้าดินแดนบานหนึ่งตั้งอยู่
คราเสียงธรรมดังขึ้นบนเวิ้งฟ้า ประตูบานนี้ก็เกิดเสียงฮูมและเปิดออกช้าๆ กลางห้วงอากาศ
จากนั้น…
เงาร่างหลายสายปรากฏออกมาจากประตูมิตินั้น
“กลับมาแล้ว!”
“ดียิ่ง! ขอเพียงมีลูกหลานรอดชีวิตกลับมาก็พอแล้ว!”
ในชั่วขณะเดียวเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ระลอกหนึ่งปะทุออกมา ต่างเจือด้วยความประหลาดใจ เหนือความคาดหมายและตื่นเต้น
เพราะในอดีตเมื่อการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนปิดฉากลง ผู้ฝึกปราณที่รอดชีวิตกลับมาจากสมรภูมิเก้าดินแดนแทบจะมีนับจำนวนได้
แต่ตอนนี้ เมื่อการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งที่สามนี้เพิ่งปิดฉากลง ก็มีเงาร่างปรากฏขึ้นมากมายปานนี้ ย่อมทำให้ทุกคนประหลาดใจนัก!
“สถานการณ์การศึกเป็นอย่างไร”
มีผู้เฒ่าจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราผู้หนึ่งเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ เสียงดังราวกับสายฟ้าฟาด
ครู่เดียวบรรยากาศครึกครื้น ณ ที่แห่งนั้นก็เงียบลง
“ผู้อาวุโส พวกเราชนะแล้ว!”
ก็ในตอนนี้เอง เงาร่างของหมีเหิงเจินเดินออกมาจากกระบวนค่ายกลเคลื่อนย้าย เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้เข้าก็หัวเราะร่าอย่างห้ามไม่อยู่
ชนะแล้วหรือ
ทั้งที่นั้นเงียบลงอีกครั้ง สัตว์ประหลาดเฒ่านับไม่ถ้วนต่างแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
“เหิงเจิน เจ้าพูดว่า… พวกเราค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณชนะแล้วหรือ”
ผู้เฒ่าคนนั้นถามอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
หมีเหิงเจินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “ถูกต้อง พวกเราค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณชนะแล้ว ตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อนก็กวาดล้างค่ายทัพแปดดินแดน ตีศัตรูทั้งมวลให้พ่ายแพ้ได้แล้ว!”
ทุกคำทุกประโยคราวกับเสียงอสนีมหามรรค ดังขึ้นกลางฟ้าดิน กระแทกจิตใจของคนใหญ่คนโตทุกคนอย่างจัง
พวกเขาตาเบิกกว้าง ต่างมองหน้ากัน ประหนึ่งได้ยินเรื่องปาฏิหาริย์ที่เป็นไปไม่ได้ ไม่อาจเรียกสติกลับมาได้ไปขณะหนึ่ง
กวาดล้างค่ายทัพแปดดินแดนหรือ
ตีศัตรูทั้งมวลให้พ่ายแพ้หรือ
นี่ช่าง… ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป!
“เหิงเจิน ข้าขอถามเจ้าอีกครั้งหนึ่ง นี่… เป็นความจริงหรือ”
ผู้เฒ่าคนนั้นสีหน้างุนงง เอ่ยปากคล้ายยังไม่เชื่อ
ผู้แข็งแกร่งที่เพิ่งกลับมาจากสมรภูมิเก้าดินแดนเช่นเดียวกับหมีเหิงเจินต่างยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ รู้สึกซาบซึ้ง ไม่เพียงแต่คนใหญ่คนโตเหล่านั้น แม้แต่พวกเขาเอง จนตอนนี้พอนึกถึงทุกอย่างที่ได้ประสบในสมรภูมิเก้าดินแดนก็ยังรู้สึกเหมือนฝันไป
หมีเหิงเจินสีหน้าแน่วแน่ เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสไม่ต้องกังขา พวกเราชนะแล้วจริงๆ! การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนคราวนี้ พวกเราดินแดนรกร้างโบราณกำราบแปดดินแดน ไร้ศัตรูใดเทียมทาน ได้รับชัยชนะเบ็ดเสร็จยิ่งใหญ่!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งควบคุมความรู้สึกไว้ไม่รู้ เอ่ยปากอย่างตื่นเต้น ขอบตาแดงไปหมด
“เร็วเข้า รีบเล่าให้ข้าฟัง ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าเอาชนะสวะแปดดินแดนพวกนั้นได้อย่างไร นี่เป็นเรื่องที่สาแก่ใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน!”
คนใหญ่คนโตคนหนึ่งยินดีปรีดาราวบ้าคลั่ง
“ชนะแล้ว… ชนะแล้วสินะ… ฮ่าๆๆ… ในที่สุดดินแดนรกร้างโบราณของเราก็กวาดทำลายความอัปยศในอดีต ได้รับชัยชนะเบ็ดเสร็จยิ่งใหญ่ในวันนี้!”
มีคนหัวเราะบ้าคลั่ง หัวเราะอยู่น้ำตาก็ไหลลงมา
ไม่ง่ายเลยจริงๆ!
อดีตกาลนานมา ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน ดินแดนรกร้างโบราณได้รับความอัปยศและเสียน้ำตาเสียเลือดไม่รู้เท่าไร ความโกรธและความแค้นที่สั่งสมไว้สูงเสียยิ่งกว่าฟ้า ลึกเสียยิ่งกว่าสมุทร
และตอนนี้ ในที่สุดก็ได้ชำระแค้นครั้งใหญ่!
ชั่วขณะเดียว เสียงฮึกเหิม อึกทึกครึกโครมและไชโยโห่ร้องดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณใกล้เคียงภูเขาเทพประกายทมิฬ
เรื่องราวทำนองนี้ก็เกิดขึ้นที่ประตูเคลื่อนย้ายตามที่ต่างๆ ของดินแดนรกร้างโบราณ
เมื่อเงาร่างของผู้แข็งแกร่งอย่างเซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน รั่วอู่ เซียวชิงเหอ เยวี่ยเจี้ยนหมิง เย่หมัวเฮอและจี้ซิงเหยากลับสู่ดินแดนรกร้างโบราณ
ก็นำข่าวดีเรื่องชัยชนะในสมรภูมิเก้าดินแดนมาด้วย!
ชั่วขณะเดียว ใต้หล้าสะเทือนเลือนลั่น ทั้งดินแดนรกร้างโบราณอึกทึกครึกโครมกันหมด
และเมื่อข่าวชัยชนะครั้งใหญ่นี้แพร่กระจายออกไปราวลมพายุ รายละเอียดเกี่ยวกับชัยชะนะครั้งใหญ่นี้ก็แพร่กระจายตามไปด้วย
“อะไรนะ เขาหลินสวินคนเดียวกำราบศัตรูแปดดินแดนราบคาบหรือ”
ที่ได้ข่าวเป็นกลุ่มแรกคือสำนักโบราณในดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้น พอพวกเขาได้รู้วีรกรรมในสมรภูมิเก้าดินแดนครั้งแล้วครั้งเล่าของหลินสวิน ต่างรู้สึกไหวหวั่น เสียอาการไม่ว่างเว้น
“นี่เป็นไปได้อย่างไร เขาทำได้อย่างไรกัน”
“คนผู้เดียวก็มีพลังต้านพายุคลั่ง พลิกจักรวาลได้หรือ”
เสียงตกตะลึงไม่รู้เท่าไรดังขึ้น ทั้งคนใหญ่คนโตไม่รู้เท่าไรนั่งไม่ติดที่ สั่นสะท้านเพราะเรื่องนี้
สามปีก่อน ก่อนเข้าไปในสมรภูมิเก้าดินแดน ดินแดนรกร้างโบราณมีมกุฎอริยะสองคนถือกำเนิดขึ้น นั่นก็คือเซ่าเฮ่าและรั่วอู่
ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ราวกับสุริยันจันทรากลางนภา กลายเป็นผู้ที่ถูกจับตามองที่สุดในดินแดนรกร้างโบราณ
ในตอนนั้น หลินสวินยังไม่บรรลุมกุฎอริยะ ยังเป็นเพียงมกุฎราชันระดับอมตะเคราะห์ขั้นเก้า แม้มีชื่อทั่วใต้หล้าไปแล้ว แต่สำหรับขุมอำนาจใหญ่เก่าแก่จำนวนมาก ยังไม่ถือว่าเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมอะไร
ดังประโยคนั้นว่าไว้ ใต้อริยะล้วนเป็นมดตัวจ้อย!
แต่หลังจากสามปีนี้ผ่านไป ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับหลินสวินก็แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
เขาไม่เพียงเป็นมกุฎอริยะ ทั้งยังมีพลานุภาพไร้ศัตรูเทียมทานในระดับนี้ คนผู้เดียวพิชิตสมรภูมิเก้าดินแดน กวาดล้างทุกที่ที่ผ่าน
เรื่องนี้ดูน่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย!
“ใครจะคิดได้ ใครจะไปคิดได้กัน…”
คนใหญ่คนโตไม่รู้เท่าไรถอนใจ ความรู้สึกซับซ้อน
หลินสวินคนนี้ ไร้พรรคไร้สำนัก โดดเดี่ยวเพียงลำพัง ตั้งแต่ผงาดขึ้นในดินแดนรกร้างโบราณ หมางใจกับขุมอำนาจใหญ่ไม่รู้เท่าไร และก่อให้เกิดลมฝนไม่รู้กี่ครั้ง
มีคนรังเกียจ มีคนชิงชัง ทั้งมีคนเคารพชื่นชม
แต่ไม่ว่าอย่างไร หลังจากเขาผงาดขึ้นจนกระทั่งตอนนี้ ก็ไม่เคยเข้าร่วมสำนักใดมาโดยตลอด สู้เดี่ยวมาแต่ไหนแต่ไร
คนผู้เดียวจะไปสำคัญอะไร
สำหรับสำนักโบราณและตระกูลเหล่านั้นแล้ว คนผู้เดียวก็เหมือนกับไปบ่มเพาะโดยไร้ที่พึ่งพิงและขุมอำนาจ สุดท้ายยากนักที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่!
แต่ก็เป็นคนผู้นี้เสียอีก ที่กลับครองความเป็นหนึ่งในสมรภูมิเก้าดินแดน พลังกำราบค่ายทัพแปดดินแดน ถูกมองว่าเป็น ‘อันดับหนึ่งแห่งดินแดนรกร้างโบราณ’!
ก็เป็นคนผู้นี้ที่สร้างเมืองอารักษ์มรรคของดินแดนรกร้างโบราณอีกครั้ง ปกปักษ์ผู้แข็งแกร่งจากดินแดนรกร้างโบราณทั้งมวลไว้ภายใน และสุดท้ายก็พลิกจักรวาล ล้างแค้นชำระความอัปยศให้กับบรรพชนดินแดนรกร้างโบราณนับไม่ถ้วน!
และเป็นคนผู้นี้ที่บรรลุมกุฎอริยะ เป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุดในหมู่อริยะ คว้าชัยชนะครั้งใหญ่ในสมรภูมิเก้าดินแดนครั้งนี้มาให้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ!
ต่อแต่นี้ไป ใครยังกล้าดูแคลนคนผู้นี้ได้
“ความกรุณานี้ยิ่งใหญ่กว่าฟ้า ไม่ว่าเป็นใคร ไม่ว่าเป็นขุมอำนาจแถบไหนต่างต้องยอมรับ! เพราะหากไม่มีหลินสวินก็ไม่มีดินแดนรกร้างโบราณในวันนี้!”
มีผู้เฒ่าตื่นเต้นหาใดเทียบเอ่ยเสียงดังกังวาน
ความคิดเช่นนี้กลายเป็นสิ่งที่ขุมอำนาจสำนักมากมายยอมรับร่วมกัน
ใช่แล้ว ที่คราวนี้ดินแดนรกร้างโบราณได้รับชัยชนะเบ็ดเสร็จในสมรภูมิเก้าดินแดน จะขาดวีรกรรมของหลินสวินไปไม่ได้
วีรกรรมอันสูงส่งเช่นนี้เพียงพอที่จะเป็นบุญคุณแก่สรรพสัตว์ อำนวยสุขให้ใต้หล้า ทิ้งนามไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ จารึกไว้ให้อนุชนคนรุ่นหลังสืบต่อไป!
ต่อให้เป็นคนที่ชิงชัง รังเกียจและเคียดแค้นเพียงไหน ต่างก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนี้ได้!