Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1829 เผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1829 เผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน
หลังจากคืนนี้ ข่าวที่ฮว่าเตี่ยนผู้อาวุโสชั้นสูงหอเสียงสวรรค์คุกเข่าร้องขอชีวิตก็ราวกับพายุ สร้างความฮือฮาบนยานลมกรด
กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง น่ากลัวเพียงใด
แม้บนทางเดินโบราณฟ้าดารายังเรียกได้ว่าเป็นตัวตนประหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่!
ยิ่งไปกว่านั้นฐานะของฮว่าเตี่ยนก็ไม่ธรรมดา เป็นผู้อาวุโสชั้นสูงของสำนักอันดับหนึ่งแห่งเขตแดนดาราจื่อเหิง ชื่อเสียงสะท้านเขตแดนดาราจื่อเหิงมานานแล้ว
ทว่าวันนี้เขากลับคุกเข่าบนยานลมกรดของสำนักตน!
เรื่องเช่นนี้น่าอับอายเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย สร้างผลกระทบหนักหน่วงต่อชื่อเสียงของหอเสียงสวรรค์
“เริ่มจากผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ถูกฆ่า จากนั้นเพื่อรักษาชีวิต กึ่งจักรพรรดิอย่างฮว่าเตี่ยนจำต้องคุกเข่าอ้อนวอน หอเสียงสวรรค์เสียหน้าอย่างมาก”
หลายคนแอบทอดถอนใจ
และมีคนที่มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น รอดูความครื้นเครงของหอเสียงสวรรค์
“สามารถทำให้กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งเป็นฝ่ายคุกเข่าร้องขอชีวิตก่อน ฐานะของเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ธรรมดาแน่”
คนมากมายยิ่งกว่าตกใจกับจุดนี้ เริ่มให้ความสนใจเด็กหนุ่มชุดป่านคนนั้น คาดเดาฐานะของเขา แต่กลับไม่มีใครสามารถพูดได้ชัด
รู้เพียงว่า เขาขึ้นยานด้วยชื่อ ‘เสี่ยวจิ่ว’
“ที่น่ากลัวที่สุดคือหญิงชราที่อยู่ข้างกายเขา มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นระดับจักรพรรดิ”
แน่นอนว่าคนที่ได้รับความสนใจที่สุดคือหญิงชราที่อยู่ข้างกายเด็กหนุ่มชุดป่าน ถึงอย่างไรกึ่งจักรพรรดิที่สูงส่งหาที่เปรียบไม่ได้อย่างฮว่าเตี่ยน ยังได้แต่ก้มหัวต่อหน้านาง!
“เป็นไปไม่ได้ หากเป็นระดับจักรพรรดิย่อมสามารถเดินทางบนฟ้าดาราได้ตามใจ ท่องไปในความว่างเปล่า จะเหมือนพวกเราที่ได้แต่โดยสารยานข้ามโลกได้อย่างไร”
มีคนปฏิเสธ
ทุกคนต่างรู้ว่า ระดับจักรพรรดิก็เหมือนนายเหนือหัวชั้นไร้เทียมทานในทางเดินโบราณฟ้าดารา เพียงมือข้างเดียวก็สามารถบดบังท้องฟ้า อานุภาพยิ่งใหญ่!
หากบอกว่ากึ่งจักรพรรดิเป็นตัวตนสูงส่งไม่อาจเอื้อมในสายตาของทุกคน ถ้าอย่างนั้นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิ ก็เป็นตำนานที่สามารถส่องสว่างโลก สยบฟ้าดารา!
ระดับนี้ยังต้องโดยสารยานข้ามโลกอีกหรือ
“ยิ่งไปกว่านั้น พวกเจ้าคนไหนเคยได้ยินว่าระดับจักรพรรดินอบน้อมถ่อมตนต่อผู้ที่ระดับต่ำกว่า ไปเป็นคนใช้ข้างกายคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งบ้าง”
และมีคนคาดเดาอย่างมีหลักการ มีคนไม่น้อยเห็นด้วย
ระดับจักรพรรดิ มีใครไม่ใช่บุคคลเทียมฟ้าที่สามารถทำให้หมื่นกาลตะลึงงัน บนโลกนี้ใครจะมีคุณสมบัติให้พวกเขายอมเป็นข้ารับใช้ได้
ทว่าไม่ว่าคาดเดาและวิเคราะห์อย่างไร สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถตัดสินที่มาของเด็กหนุ่มชุดป่านและหญิงชราคนนั้นได้
ชั่วขณะเดียวในสายตาของผู้แข็งแกร่งทุกคนบนยานลมกรด นายบ่าวสองคนนี้ยิ่งดูลึกลับ
สำหรับ ‘อวี่เสวียน’ ที่หลินสวินปลอมตัวมา ไม่มีใครพูดถึงตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงขั้นไม่มีตัวตนอะไรเลย
กับเรื่องนี้หลินสวินกลับยินดี วาดหวังให้ไม่เป็นที่สนใจ
เก็บตัวเงียบ ก็ควรจะมีท่าทีของการทำตัวเงียบๆ
……
และสำหรับเหล่าผู้แข็งแกร่งหอเสียงสวรรค์ หนึ่งวันหนึ่งคืนนี้เป็นฝันร้ายชัดๆ
เริ่มจากผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ถูกสังหารนองเลือด เกิดความตื่นตระหนกครั้งใหญ่บนยานลมกรด
จากนั้นนายบ่าวที่เรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างเด็กหนุ่มชุดป่านและหญิงชราก็ปรากฏตัว ทำให้ผู้อาวุโสชั้นสูงอย่างฮว่าเตี่ยนยังต้องคุกเข่าร้องขอชีวิต!
ความกระทบกระเทือนทั้งหมดนี้ ทำให้ผู้แข็งแกร่งทุกคนของหอเสียงสวรรค์แทบสิ้นหวัง
ยานลมกรดนี้เป็นของหอเสียงสวรรค์ของพวกเขา
ทว่าตอนนี้กลับเป็นพวกเขาที่ได้รับแรงสะเทือนและผลกระทบมากที่สุด!
ได้ยินว่าหลังจากผู้อาวุโสชั้นสูงฮว่าเตี่ยนกลับมาก็ปิดด่านทันที ส่วนจะออกด่านเมื่อไหร่กลับไม่มีใครรู้
ความรู้สึกของผู้แข็งแกร่งหอเสียงสวรรค์ทุกคนล้วนไม่ต่างกัน
พวกเขารู้ว่าฮว่าเตี่ยนได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไป ไม่มีหน้าเจอใครอีก
“ทำอย่างไรดี”
คนของหอเสียงสวรรค์ต่างกังวลขึ้นมาในชั่วขณะ
สุดท้ายเหลียงชวนผู้อาวุโสชั้นสูงอีกคนของหอเสียงสวรรค์ออกหน้า ถึงควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
เหลียงชวน ผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิ ผมขาวราวกับหิมะ รูปลักษณ์เหมือนเด็กหนุ่ม หากพูดถึงรากฐานและพลังปราณ ถึงขั้นแข็งแกร่งกว่าฮว่าเตี่ยนอยู่เล็กน้อย
ยานลมกรดที่บินสู่โลกใหญ่หงเหมิงลำนี้ มีผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิสองคนอย่างเหลียงชวนและฮว่าเตี่ยนคอยดูแลด้วยกัน
ภายในโถงใหญ่แห่งหนึ่ง เหลียงชวนเรียกคนฐานะสูงในหอเสียงสวรรค์มารวมตัวกัน ออกคำสั่งสามข้อ
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าใครก็ห้ามไปหาเรื่องนายบ่าวสองคนนั้นอีก”
“ห้ามมองว่านายบ่าวสองคนนี้เป็นคนร้ายที่ฆ่าผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์”
“การจัดการเรื่องของหลิ่วชิงเยียน ข้าจะไม่สอดมือ แต่ก่อนจะไปถึงโลกใหญ่หงเหมิง ห้ามเกิดการต่อสู้กันภายในอีก”
คำสั่งสองข้อแรกทุกคนต่างเงียบยอมรับ ไม่ได้ต่อต้าน และไม่มีความกล้าจะต่อต้าน
แต่พอตอนที่ได้ยินคำสั่งข้อสุดท้าย อู่อวิ๋นเหลียนกระโดดออกมาก่อน อดพูดไม่ได้ “ผู้อาวุโสชั้นสูง หลิ่วชิงเยียนเป็นคนที่คุณชายข่งอวี้แห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์หมายตา การตายของผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์บนยานของพวกเราจะต้องเกี่ยวข้องกับนางอย่างไม่อาจเลี่ยงได้แน่ จะปล่อยไว้เช่นนี้หรือ”
“ใช่แล้ว”
คนอื่นๆ ต่างพยักหน้า
เหลียงชวนขมวดคิ้วกล่าว “ข้าบอกแล้วว่าเรื่องของหลิ่วชิงเยียนข้าไม่สน แต่ใครกล้าต่อสู้กันภายใน อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
พูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อจากไป
เขาจดจ่อกับการฝึกปราณ เกลียดเรื่องชิงดีชิงเด่น ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งลาภยศชื่อเสียงเช่นนี้มาก
หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้ฮว่าเตี่ยนได้รับความกระทบกระเทือนมากเกินไป เขาไม่มีทางมาสนใจเรื่องบ้าๆ พวกนี้
มองเหลียงชวนจนลับสายตาไป ทุกคนสบตากัน
“ศิษย์พี่อู่ ผู้อาวุโสชั้นสูงเหลียงชวนหมายความว่าอย่างไร”
มีคนอดถามไม่ได้
อู่อวิ๋นเหลียนสูดหายใจลึก พูดอย่างเย็นเยียบ “ห้ามต่อสู้กันภายใน ก็คือจะไม่ทนมองพวกเราไปเล่นงานนางชั้นต่ำหลิ่วชิงเยียนตาปริบๆ แต่ไม่เป็นไร ขอเพียงนางชั้นต่ำนี่อยู่บนยานลมกรด รอไปถึงโลกใหญ่หงเหมิงนางต้องหนีไม่รอดแน่!”
พูดถึงตรงนี้อู่อวิ๋นเหลียนนึกถึงเรื่องหนึ่ง เอ่ยด้วยแววตาเย็นเยียบ “จริงสิ อีกไม่นานยานลมกรดจะเข้าสู่ ‘เขตแดนดาราจักรพรรดิขาว’ แล้ว พวกเราจะหยุดพักที่นั่นสามวัน ในสามวันนี้จะต้องจับตาดูนางชั้นต่ำหลิ่วชิงเยียนไว้ให้ดี จะให้นางฉวยโอกาสหนีไปไม่ได้เด็ดขาด”
คนไม่น้อยต่างพยักหน้า
เหล่าผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ตายหมดแล้ว หากปล่อยให้หลิ่วชิงเยียนหนีไปอีก หอเสียงสวรรค์ของพวกเขาจะอธิบายกับข่งอวี้อย่างไร
……
เวลาล่วงเลยไป บรรยากาศบนยานลมกรดค่อยๆ สงบลง
นี่ทำให้หลายคนแอบโล่งใจ อย่างน้อยก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า คนร้ายที่ฆ่าผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ไม่มีความคิดจะก่อเหตุบนยานลมกรดอีก
ในเวลาเดียวกันชีวิตของหลินสวินและหลิ่วชิงเยียนก็กลับสู่ความสงบสุข
แม้หลิ่วชิงเยียนยังคงมีเรื่องทุกข์ใจ แต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าเบิกบานขึ้นไม่น้อย บางครั้งก็ลงมือชงชาให้หลินสวิน
ส่วนหลินสวินทุ่มเทให้กับการฝึกปราณอย่างเต็มที่ ไม่เพียงแค่การฝึก ‘คัมภีร์เก้ากระถางสยบหล้า’ มีพัฒนาการก้าวกระโดด การหลอมจิตแห่งอวัยวะตันห้าก็มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ
ตรงอวัยวะตันห้าของเขาปรากฏประกายเทพห้าสายคือเขียว แดง ดำ เหลือง ขาว ควบรวมเป็นรัศมีแต่ละวงราวกับทารกในครรภ์ หายใจเข้าออกเกิดเป็นจังหวะอันยอดเยี่ยมปานมีชีวิต
นี่ก็คือครรภ์เทพอวัยวะตันห้า!
คัมภีร์มหามรรคหวงถิงแบ่งออกเป็นสี่ระดับใหญ่ ได้แก่ระดับห้าเร้น ระดับห้าสี ระดับห้ากลิ่น และระดับห้าธรรม
ก่อนหน้านี้ยามหลินสวินควบรวมครรภ์เทพอวัยวะตันห้าออกมา การหยั่งรู้ต่อคัมภีร์มหามรรคหวงถิงของเขาก็ทะลวงสู่ระดับห้าสีไปแล้ว!
ในระดับนี้ แก่นวิญญาณทั้งห้าตรงในอวัยวะตันห้าก็จะควบรวมเป็นของจริง ปรากฏ ‘สีสัน’ ของตน
อย่างแก่นวิญญาณไม้เขียวจะปรากฏสีสัน ‘ความเขียวชอุ่มชั่วกาล พลังชีวิตคงอยู่นิรันดร์
จวบจนกระทั่งไปถึง ‘ระดับห้ากลิ่น’ แก่นวิญญาณทั้งห้าก็จะทะลวงเปลือกออกจากครรภ์เทพอวัยวะตันห้า มี ‘กลิ่น’ ของตน เหมือนกับกลิ่นอายที่แตกต่างกันไปแผ่กระจายออกมา
ส่วน ‘ระดับห้าธรรม’ ทำให้ห้าร่างแยกมีจิตรับรู้และมรรควิถีของตน
ตอนนี้การหลอมจิตแห่งอวัยวะตันห้าของหลินสวิน ค่อยๆ ทะลวงสู่ระดับห้ากลิ่นแล้ว
โดยเฉพาะแก่นวิญญาณไม้เขียวในตับ เกิดจังหวะที่แข็งแกร่งราวกับมีชีวิต เหมือนจะมีชีวิตคลอดออกมาได้ตลอดเวลา!
‘หากสามารถหลอมแก่นวิญญาณไม้เขียวออกมาได้ ก็เท่ากับมีร่างแยกกายมรรคไม้เขียวหนึ่งร่าง ถึงตอนนั้นผสานมรรควิถีทั้งร่างของข้าเข้าไป แม้เป็นระดับจักรพรรดิเกรงว่าคงไม่สามารถดูฐานะที่แท้จริงของข้าออกได้…’
หลังจากการฝึกปราณวันนี้ หลินสวินจมอยู่ในภวังค์ความคิด
เขามีความรู้สึกรางๆ ว่าเด็กหนุ่มชุดป่านเสี่ยวจิ่วและหญิงชรา คงมองการปลอมตัวเป็นอวี่เสวียนของตนออกนานแล้ว
นี่ทำให้ในใจหลินสวินเกิดความระแวง
โลกใหญ่หงเหมิงจะต้องมีระดับจักรพรรดิไม่น้อยครองอำนาจอยู่แน่ หากถูกพวกเขาสังเกตได้ ก็จะถูกมองทะลุการปลอมตัวของตนในตอนนี้ได้อย่างง่ายดาย
แต่ถ้าสามารถหลอมจิตแห่งอวัยวะตันห้าออกมาได้ นั่นย่อมแตกต่าง
แม้ถูกจับได้ว่าตัวตนอวี่เสวียนเป็นการปลอมตัว ก็ไม่มีทางเดาฐานะที่แท้จริงของตนออก!
สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินรู้สึกกลัดกลุ้มคือ เด็กหนุ่มชุดป่านมักจะนั่งคร่อมบนกำแพง พูดคุยกับเขาอย่างเบิกบาน เหมือนคนพูดมากที่พูดได้ไม่มีหยุดอย่างไรอย่างนั้น
ทว่ายามหลินสวินเปิดใช้กระบวนผนึกเรือนพัก ตัดขาดจากความเคลื่อนไหวภายนอก ปัญหานี้ก็ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว
ตอนนั้นเด็กหนุ่มชุดป่านท่าทางคับข้อง เหมือนแม่หม้ายถูกทิ้งอย่างไรอย่างนั้น โวยวายจะไปทุบประตูของหลินสวิน
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เดินออกจากเรือน อย่างมากก็เพียงแค่ยืนมองอยู่บนกำแพงเท่านั้น
ในวันนี้
ยานลมกรดขับเข้าสู่เขตแดนดาราจักรพรรดิขาว หยุดพักในห้วงอากาศเหนือโลกใหญ่ที่นามว่า ‘จินเทียน’
ผู้โดยสารบางส่วนรีบลงจากยาน เริ่มทำการค้าขายกับโลกใหญ่จินเทียน แลกเปลี่ยนวัตถุดิบฝึกปราณและสมบัติประหลาดจากแดนไกล
และมีผู้โดยสารบางส่วนจับกลุ่มกัน มุ่งหน้าไปเที่ยวเล่นในโลกใหญ่จินเทียน
อ่านตำราหมื่นม้วน เดินทางหมื่นลี้
สำหรับผู้ฝึกปราณ การท่องเที่ยวในโลกใหญ่ของฟ้าดารา ก็เป็นการฝึกปราณล้ำค่าที่หายากอย่างที่สุดเช่นเดียวกัน ทุกเรื่องที่พบเจอล้วนเรียกได้ว่าเป็นการเคี่ยวกรำ
โลกใหญ่จินเทียน ยังเป็นโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตแดนดาราจักรพรรดิขาว เผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลจินเทียนก็ครองอาณาเขตอยู่ที่นี่
และเช่นกัน เผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนก็เป็นขุมอำนาจใหญ่อันดับหนึ่งของเขตแดนดาราจักรพรรดิขาว บรรพบุรุษต้นตระกูลก็คือ ‘จักรพรรดิขาว’ หนึ่งใน ‘มหาจักรพรรดิห้าฝ่าย’ ซึ่งชื่อเสียงเลื่องลือในสมัยดึกดำบรรพ์!
โลกใหญ่แห่งหนึ่งใช้แซ่ ‘จินเทียน’ เป็นชื่อ
เขตแดนดาราแห่งหนึ่งใช้ชื่อ ‘จักรพรรดิขาว’ เป็นชื่อเรียก
แค่คิดก็รู้ว่ารากฐานพลังและอิทธิพลของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนแข็งแกร่งเพียงใด!
ความจริงในทางเดินโบราณฟ้าดารา เผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนก็เรียกได้ว่าขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ไม่ด้อยไปกว่าเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์อย่างเผ่าจักรพรรดิตระกูลคุน ตระกูลซวี ตระกูลข่งเลยสักนิด
วันนี้หลินสวินก็ตัดสินใจเข้าสู่โลกใหญ่จินเทียนพร้อมกับหลิ่วชิงเยียนเช่นกัน ทว่าทันทีที่เดินออกจากประตูเรือน ก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้
——